แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 754 เขาไม่ใช่สามีของฉันเสียหน่อย



บทที่ 754 เขาไม่ใช่สามีของฉันเสียหน่อย

ไม่มีทาง!

นิตาไม่มีทางเป็นอะไรไปหรอก!

เจตต์พยายามบอกตัวเองไม่หยุด แต่ว่ามือของเขากลับกำลัง

สวรรค์ไม่มีทางโหดร้ายขนาดนั้น

เขาเพิ่งจะเตรียมตัวที่จะมีความรักสักที จะไปโหดร้ายขนาด นั้นได้ยังไง ?

เจตต์เปิดประตูรถด้วยมือที่สั่นเทา แล้วขับรถซิ่งไปที่สนามบิน

ราวกับเป็นบ้า

ทางด้านหลังมีตำรวจตามอยู่เท่าไหร่เขาก็ไม่มีเวลาสนใจแล้ว

ห้องโถงของสนามบินวุ่นวายไปหมด มีแต่คนร้องห่มร้องไห้อยู่

ทุกหนแห่ง

หลังจากเจตต์เข้าไปแล้ว ก็ไปที่เคาน์เตอร์ทันที

“เครื่องบินไฟท์ไหนเกิดเรื่องเหรอครับ ?”

“ขอโทษนะคะ คุณผู้ชาย ตอนนี้พวกเราทราบเพียงว่าไฟลต์ บินที่ FG38594สูญเสียการติดต่อ ตอนนี้ยังไม่ทราบ สถานการณ์ค่ะ”
“อะไรคือไม่รู้ ? เครื่องบินเกิดปัญหาขึ้นได้ยังไง ? ที่นี่ท้องฟ้า ปลอดโปร่งขนาดนี้ ทำไมถึงเกิดเรื่องได้ ?”

ตอนที่เจตต์รู้ว่าเครื่องบินลำที่เกิดเรื่องขึ้นคือลำที่นิตานั่งไป นั้น เขาก็ขาดสติไปทันที

เขาคว้าคอเสื้อพนักงานต้อนรับของสายการบิน แล้วตะคอก ว่า “คนที่อยู่บนนั้นล่ะ ? พวกเขาขาดการติดต่อไปตอนอยู่ที่ไหน อยู่ที่ไหน ?”

พนักงานต้อนรับตกใจกับความตื่นตระหนกของเขา ร้องไห้ แล้วพูดว่า “ฉันไม่ทราบค่ะ ฉันไม่ทราบจริงๆ คุณผู้ชายคะ ฉันรู้ ว่าคุณอารมณ์ไม่ดี แต่ว่าตอนนี้พวกเราทำได้แค่รอหน่วยกู้ภัยกับ ค้นหา คุณช่วยสงบลงแล้วรอฟังข่าวก่อนได้ไหมคะ ?”

“สงบลง ? คนที่เกิดเรื่องบนนั้นคือคู่หมั้นของฉัน เธอบอกให้ ฉันสงบลง ?”

ขณะนี้เจตต์นั้นแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เขาแทบอยากจะทำลาย ทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่แยแสเลยด้วยซ้ำ

พนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามาดึงตัวเจตต์ลงไป

“คุณครับ กรุณาหยุดทำแบบนี้ พวกเราเข้าใจความรู้สึกคุณดี แต่คุณช่วยอย่าทำให้พวกเรากับพนักงานต้อนรับลำบากใจได้ ไหมครับ เธอไม่ใช่พนักงานต้อนรับของเครื่องบินไฟท์นั้น ทาง บริษัทของพวกเราก็กำลังค้นหาอยู่ และจะชี้แจงสาเหตุให้ทุก ท่านได้ทราบอย่างแน่นอนครับ” เจตต์ทรุดตัวลงบนม้านั่ง
เขายังนึกภาพนิดาหันกลับมายิ้มให้ออก ยังคงจําที่นิตาพูด กับเขาได้ ว่าให้เขาดูแลตัวเองให้ดี

ตอนนั้นอารมณ์ของเขานั้นค่อนข้างกังวลและหนักอึ้ง

ทำไมเขาถึงไม่หยุดนิตาเอาไว้นะ ?

ถึงแม้จะทำไม่ได้ แล้วตัวเองจะไปด้วยกันกับนิตาไม่ได้เหรอ ? ถึงแม้เธอจะไม่ยินยอมแล้วจะยังไง ? อย่างน้อยเขาก็จะได้ตายไป พร้อมกันกับเธอได้

แต่ว่าตอนนี้จะทำยังไงดี ?

ท้องฟ้าที่สูงขนาดนั้น นิตาที่ตัวเล็กขนาดนั้น ถ้าร่วงลงมาจาก ฟ้า เธอจะกลัวขนาดไหนกัน

ตอนนี้ไม่รู้ว่าเธอจะตื่นอยู่หรือสลบอยู่

เจตตรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหานิตา แต่โทรศัพท์มีการ แจ้งเตือนว่าอีกฝ่ายปิดเครื่องอยู่

ปิดเครื่อง ?

แสดงว่าเธอยังอยู่บนเครื่องบินอยู่ แสดงว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเธอ

จริงๆ

เจตต์รู้สึกว่าภาพตรงหน้ามืดมิด แล้วเขาก็สลบไปทันที

“คุณครับ คุณเป็นอะไรไปครับ ?”

พอพนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นเข้าก็รีบเรียกรถ พยาบาลทันที แต่ว่าการจะติดต่อญาติพี่น้องของเจตต์ พวกเขาก็จําเป็นต้องค้นหาเบอร์โทรศัพท์จากรายชื่อผู้ติดต่อของเจตต์เพื่อ ค้นหาคนที่อาจจะเป็นญาติสนิทของเขา

ที่น่าเสียดายก็คือ ในรายชื่อผู้ติดต่อของเจตต์ไม่มีคุณพ่อหรือ คุณแม่หรือภรรยาที่เป็นชื่อเรียกของญาติคนสนิทเลย

พวกเขาค้นหาเจอรายชื่อที่เรียกว่าคนรัก และกดโทรออกไป นรมนกับบริศร์ไม่รู้สถานการณ์ทางฝั่งของเจตต์ ตอนที่เจตต์ พูดกับเธอจบแล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรต่ออีก นรมนเองก็ไม่ได้ ใส่ใจ

บริศ ทําอาหารอยู่สองสามอย่าง นรมนกำลังทานอย่าง เอร็ดอร่อย แล้วก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เธอมองดูทีหนึ่ง แล้วก็พบว่าเจตต์โทรมา

“เจตต์คนนี้จะต้องโทรมาทวงเรื่องสัญญาส่งมอบแน่ๆ อย่าไป สนใจเขาเลย ปล่อยให้เขารอไปเถอะ

บุริศร์กดตัดสายไปทันที

บุคลากรทางการแพทย์เห็นว่าอีกฝั่งตัดสายทิ้ง ก็รู้สึกสงสัยอยู่ บ้าง แต่ก็ยังลองกดโทรออกไปอีกครั้ง

ในตอนที่บุริศร์กำลังจะกดตัดสายอีกครั้งนั้น นรมนก็ห้ามไว้ เสียก่อน

“เอาแต่ทำแบบนี้มันเสียมารยาทนะ ประธานบริศร์”

“ขัดจังหวะคนอื่นทานข้าว เขาเองก็ไม่มีมารยาท ทำไมเธอไม่ว่าเขาล่ะ ?”

เห็นได้ชัดว่าบริศนั้นน้อยใจเล็กน้อย

มองดูท่าทางของบริศร์ นรมนก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ทำไมคุณ ถึงยิ่งโตยิ่งเหมือนเด็กแบบนี้ล่ะ ? เขาจะมีหรือไม่มีมารยาทแล้ว เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย เขาไม่ใช่สามีฉันเสียหน่อย”

ระหว่างที่กำลังพูดนรมนก็หยิบโทรศัพท์ไป ส่วนบริศร์ก็คลี่ยิ้ม ออกมาเพราะคำพูดประโยคนั้นของนรมน

นรมนส่ายหน้า ช่างเหมือนเด็กน้อยจริงๆ

“ฮัลโหล เจตต์ เรื่องสัญญาส่งมอบ……

“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง คุณรู้จักเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ไหม

คะ ?”

คําพูดของบุคลากรทางการแพทย์ทำให้นรมนซะงักไปทันที

เธอมองดูเบอร์โทรศัพท์ที่โทรเข้ามา ยืนยันแล้วว่าเป็นเบอร์ ของเจตต์ แต่ว่าโทรศัพท์ของเจตต์ปกติแล้วไม่มีทางห่างจากตัว เขาง่ายๆ ยิ่งไม่มีทางยอมให้คนอื่นเอาไปใช้ นอกเสียจากว่าเกิด เรื่องขึ้น

“ค่ะ ฉันเป็นเพื่อนของเขาเอง ไม่ทราบว่าเขาเป็นอะไรไปเหรอ

คะ ?”

“คุณผู้หญิง สวัสดีครับ พวกเราเป็นโรงพยาบาลกลาง คุณ ผู้ชายท่านนี้เป็นลมอยู่ที่ห้องโถงของสนามบิน เบื้องต้นพวกเรากำลังนำตัวเขาไปส่งที่ศูนย์ฉุกเฉิน ถ้าหากว่าคุณเป็นเพื่อนของ เขา กรุณามาที่นี่หน่อยนะคะ

พอบุคลากรทางการแพทย์พูดจบก็วางสายไปทันที

นรมนนิ่งอึ้งไปทันที

เจตต์ไปทําอะไรที่ห้องโถงของสนามบิน ?

จู่ๆเธอก็คิดถึงตอนที่เจตต์ถามเธอเรื่องไฟลต์บินที่เกิดเรื่องขึ้น มา หรือว่ามีใครอยู่บนเครื่องบินลำนั้น ?

แล้วนรมนก็คิดถึงนิตาขึ้นมาทันที

หรือว่าที่เกิดเรื่องจะเป็นนิตา ?

ไม่!

ไม่มีทาง!

ถึงแม้ว่านรมนจะไม่ชอบนิตา แต่ก็ไม่อยากให้เจตต์ต้องเจอ กับความเศร้าโศกแบบนั้น

“ทําไมเหรอ ?”

บริศ คว้าไหล่ของนรมนแล้วถามขึ้น

นรมนมองบุริศร์ แล้วพูดเสียงต่ำว่า “เกิดเรื่องขึ้นกับเจตต์ เขา เป็นลมที่ห้องโถงของสนามบิน คนที่โทรมาหาฉันเมื่อกี้เป็น บุคลากรทางการแพทย์ คนที่เกิดเรื่องบนเครื่องบินลำนั้นอาจ เป็นนิตา ยังดี ที่พวกเรายังไม่ได้ไปจากที่นี่ ตอนนี้รีบไปน่าจะยัง ทัน”
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ?”

พอบริศ ได้ยินนรมนพูดแบบนี้แล้ว คิ้วก็ค่อยๆขมวดขึ้นมา เขาไม่อยากให้นรมนต้องลำบากไปกลับ แต่ว่าเขาเองก็รู้ว่า ถ้าไม่ไปดูเจตต์สักครั้ง นรมนไม่มีทางจากไปอย่างสบายใจแน่

“บุริศร์ ตั๋วเครื่องบินของพวกเราเลื่อนได้ไหม?”

“เรื่องนี้ปล่อยให้ฉันจัดการเถอะ เธอไปเก็บข้าวของ พวกเรา จะได้ออกเดินทางทันที

“อืม”

นรมนรีบเดินไปทางห้องนอน แต่เพิ่งเดินไปได้สองก้าวจากนั้น ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เธอรีบหันกลับมาทันที จากนั้นก็เข้าไปหอม แก้มของบุริศร์ทีหนึ่ง

“ที่รัก ขอบคุณนะ สําหรับฉันแล้วเจตต์ก็เหมือนญาติสนิทคน หนึ่ง ถ้าเขาไม่ได้รับความสุข ชีวิตนี้ฉันคงสบายใจไม่ได้

“ฉันเข้าใจเธอดี ไม่ต้องอธิบายหรอก รีบไปเก็บของเถอะ เดี๋ยวฉันไปแก้ไขตั๋วเครื่องบินเอง”

แววตาอ่อนโยนของบริศร์ทำให้นรมนรู้สึกตื้นตันใจมาก

เธอหันหลังเดินจากไป

บริศร์ส่ายหน้าอย่างเอ็นดู แล้วเปลี่ยนแปลงตั๋วเครื่องบิน จาก นั้นก็ห่อกับข้าวส่วนหนึ่ง

ในเวลาเดียวกันนั้น นรมนก็เก็บของเสร็จแล้วออกมาพอดี
“เอาไปกินระหว่างทาง กระเพาะเธอไม่ค่อยดี ไม่กินอะไรไม่ได้ หรอก ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงเจตต์ แต่ก็อย่าทำให้ตัวเองป่วยล่ะ”

มองดูของกินในมือของบริศร์ ขอบตาของนรมนก็ร้อนขึ้นมา

“ฉันไม่มีทางพลาดมื้อนี้หรอก คุณนั่งลงเถอะ กินด้วยกันกับ ฉัน กินเสร็จพวกเราค่อยไปกัน

ขณะพูด นรมนก็ลากบริศร์ไปนั่งที่เก้าอี้

บุริศร์ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เธอรีบร้อนไม่ใช่เหรอ ?”

“จะรีบร้อนขนาดไหน ฉันก็ปล่อยให้สามีฉันหิวไม่ได้หรอก ต้องรู้ด้วยนะ ขับรถไปต้องใช้เวลาตั้งหนึ่งชั่วโมง กระเพาะของ คุณก็ไม่ดีเหมือนกัน คุณเป็นห่วงฉัน แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เป็น ห่วงคุณ ? ฉันต้องเป็นห่วงเจตต์อยู่แล้ว แต่ว่าเขาน่าจะเป็นลมไป เพราะได้ยินข่าวร้าย ไม่มีทางเป็นอะไรมากหรอก ที่พวกเราไปก็ แค่ไปช่วยให้กำลังใจเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นแหละ คุณไม่เหมือนกัน คุณคือสามีของฉัน เป็นคนที่ฉันจะใช้ครึ่งชีวิตที่เหลือด้วย ถ้าคุณ หิวจนเกิดไม่สบายขึ้นมา ฉันต้องปวดใจตายแน่”

นรมนบ่นพึมพำา

จู่ๆบุริศร์ก็หัวเราะแล้วเกาปลายจมูกเธอพร้อมพูดว่า “ปา กน้อยๆของเธอวันนี้ ก็พูดสิ่งที่ทำให้คนฟังสบายใจได้เหมือนกัน นะ”

“ฉันพูดแต่สิ่งที่อยู่ในใจทั้งนั้นแหละ

“ฉันรู้มา กินข้าว กินเสร็จพวกเราก็ออกเดินทาง
บุริศร์ลากนรมนไปนั่งที่เก้าอี้

ทั้งสองคนทานข้าวกัน แล้วรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไหลเวียนเข้า สู่หัวใจของทั้งสอง

หลังจากทานข้าวเสร็จ บุริศร์ก็พานรมนไปโรงพยาบาลที่เจต

พักอยู่

ตอนนี้เจตต์ตื่นขึ้นมาแล้ว

เขาดึงสายน้ำเกลือที่อยู่บนมือออก จากนั้นก็เดินออกไปด้าน

นอก

“คุณเจตต์คะ บนตัวคุณยังมีบาดแผลอยู่ ตอนนี้ยังมีไข้ด้วย คุณออกไปจากโรงพยาบาลไม่ได้นะคะ”

หมอและพยาบาลต่างก็เข้ามาหยุดเจตต์เอาไว้

แต่เจตต์กลับพูดอย่างเย็นชาว่า “ถอยไป!”

“คุณเจตต์ ไม่ได้จริงๆครับ”

“ไสตัวไป!”

เจตต์ผลักทั้งหมอและพยาบาลออก

เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง หมอและพยาบาลจึง พยาบาลเต็มที่ที่จะควบคุมเจตต์ แต่พวกเขาก็ต่างก็ทำพลาด

ทั่วทั้งโรงพยาบาลถูกเจตต์ทำให้วุ่นวายไปหมด ตอนที่นรมนกับบุริศร์มาถึงก็เห็นฉากนี้เข้า
“เจตต์ นายบ้าไปแล้วหรือไง!

นรมนอยากจะเข้าไปห้าม แต่กลับถูกบุริศร์ลากตัวเอาไว้ก่อน

“เธอถอยไปข้างหลัง

นรมนมองดูบุริศร์สองวินาที จากนั้นก็ถอยออกไปยังพื้นที่ ปลอดภัยทันที

บุริศร์เดินไปข้างหน้า แล้วตรงไปทางเจตต์

ตอนนี้เจตต์ตาแดงก่ำ ไม่ดูด้วยซ้ำว่าคนที่เข้ามาเป็นใคร เขา เดินไปทางบริศ เหมือนคนบ้า แต่กลับถูกบุริศร์โต้กลับและล็อก เขาไว้กับกำแพงทางเดิน

“เจตต์ นายหายบ้าหรือยัง ? ฉันกับนรมนต้องยกเลิกตั๋วเครื่อง บิน แล้วขับรถมาที่นี่ ก็เพื่อจะมาดูนายเป็นบ้าเหรอ ?”

“บริศร์ ?”

“ไม่งั้นล่ะ ? นายคิดว่าเป็นใคร ? นายนี่เก่งจริงๆเลยนะ เป็น ถึงคุณชายเจตต์ ถึงขั้นทำให้โรงพยาบาลวุ่นวายซะขนาดนี้ ให้ ฉันหานักข่าวมาสัมภาษณ์นายด้วยเลยดีไหม ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่บุริศร์เห็นเจตต์สูญเสียการควบคุมขนาดนี้ ดวงตาแดงก่ำของเจตต์ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ

เขามองดูบุริศร์ แล้วจู่ๆก็คว้าแขนของเขาแล้วพูดว่า “บุริศร์ เกิดเรื่องขึ้นกับเครื่องบินที่นิตานั่ง นายช่วยฉันที ช่วยฉันตามหา เธอทีได้ไหม ? พวกเขาไม่ยอมบอกฉันว่าเครื่องบินเกิดปัญหาที่ไหน ฉันรู้ว่านายตรวจสอบได้ใช่ไหม ? นายช่วยฉันที ช่วยฉันที ได้ไหม ?”

นรมนไม่เคยเห็นเจตต์เป็นแบบนี้เพราะผู้หญิงคนหนึ่งมาก่อน

ถึงแม้เธอจะมองนิตาไม่ดี แต่เวลานี้เธอรู้แล้วว่าเจตต์รักนิตา เข้าแล้วจริงๆ

“พวกเราช่วยนายตรวจสอบได้ แต่ว่านายต้องฟังที่หมอพูด บนตัวนายมีบาดแผล จะมาทรมานแบบนี้ไม่ได้ เจตต์ นายฟังที่ ฉันพูดนะ อุบัติเหตุทางอากาศครั้งนี้ไม่ได้มีแค่นิตาคนเดียว ดัง นั้นนายสงบลงก่อน ต้องรักษากำลังกายให้เพียงพอ เข้าใจ ไหม ?”

เสียงของนรมนดังขึ้นมา

เจตต์มองดูนรมน แล้วก็เหมือนกับความโศกเศร้าทอดกลั้นไว้ เป็นเวลานานนั้นระเบิดขึ้นมาในเสี้ยวพริบตา เข้าคว้านรมนเข้า มากอดแล้วร้องไห้เสียงดังออกมา

แววตาของบุริศร์เย็นยะเยือกขึ้นเล็กน้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าเขาต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมาน ขนาดนี้ บุริศร์ก็อยากจะเตะเขาให้ลอยออกไปจริงๆ

เจ้าเจตต์คนนี้ ตอนเป็นลมทำสมองหล่นหายไปด้วยแล้วเห รอ ? ถึงได้ทำเหมือนบุริศร์คนนี้ไม่มีตัวตนไปแล้วจริงๆ และกล้า กอดนรมนต่อหน้าเขาแบบนี้ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ