แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1097 ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อนเลย



บทที่ 1097 ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อนเลย

มือของบุริศร์กอดนรมนไว้แน่นอย่างอัตโนมัติ

หัวคิ้วของมิลินก็ขมวดกันแน่นขึ้นมา

เธอผ่อนความเร็วรถลง แล้วจ้องมองไฟที่เดี่ยวสว่างเดี่ยวมืดที่ อยู่ข้างหน้า ในหัวสมองไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ตามองเห็นว่าเดี๋ยวก็จะถึงด่านสกัดข้างหน้านี้แล้ว แต่อยู่ ๆ ที่ ไม่ไกลนักก็มีเสียงของตำรวจลอยมา

“ทางโน้นจับคนวางระเบิดได้แล้ว รีบไปช่วยเสริมกำลังเร็ว!

เสียงที่ลอยมาจากที่ไม่ไกลนัก ทำให้คนที่อยู่ตรงหน้ารับ เคลื่อนย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว

ใจของบุริศร์และมิลินวางลงมาได้ทันทีเลย มิลินยิ่งเหยียบคัน เร่งหนึ่ง แล้วก็ผ่านด่านนี้ไปเลย

หลังจากที่ออกจากประเทศแล้ว ก็ถือได้ว่าพ้นขีดอันตรายได้ แล้ว

มิลินส่งพวกเขาออกไปถึงนอกชายแดนเป็นอันดับแรก แล้ว ก็ได้มีเฮลิคอปเตอร์รออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว

จากที่ไกล ๆ บุริศร์ก็มองเห็นนงลักษณ์แล้ว หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้นมาเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไร นรมนยังคงนอนหลับอยู่

นงลักษณ์มองนรมนที่อยู่ในอ้อมอกของบุริศร์ที่หนึ่ง แล้วก็ยิ้ม อย่างมีเมตตาแล้วพูดขึ้นว่า “อากาศหนาว ฉันซื้อเสื้อกันหนาว มาให้เธอตัวหนึ่ง อีกเดี๋ยวเอาให้เธอใส่ซิ ในเมื่อห่มผ้าห่มไว้ผืน หนึ่งมันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

“ขอบคุณครับ”

คำว่าขอบคุณ ของบริศร์นั้นมีความหมายเยอะมาก

นงลักษณ์ฟังเข้าใจแล้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าเอานาฬิกา พกเก่าอันหนึ่งออกมาจากอกแล้วยื่นให้บุริศร์ และพูดเสียงต่ำขึ้น ว่า “จะปีใหม่แล้ว ช่วยฉันเอาของสิ่งนี้ไปให้พ่อฉันหน่อยเถอะ

“นี่คือ……

“เป็นของดูต่างหน้าของแม่ฉัน”

แววตาของนงลักษณ์แฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าเสี้ยวหนึ่ง

“ก่อนแม่ฉันจะเสียได้เก็บไว้ให้เทย่า หวังว่าเธอจะไว้เป็นที่ ระลึก แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วผู้หญิงคนนั้นจะทําลายความ หวังของแม่ฉันไป แล้วไปหาพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอจนเจอ แล้วก็ ยังเดินหมากเกมใหญ่ตาหนึ่งด้วย นาฬิกาพกอันนี้ได้ยินมาว่า ตอนนั้นยังเป็นของหมั้นของพ่อแม่ฉันด้วย ต่อมาระหว่างที่ถูก ขายทอดฉันถึงจะหาเจอนาฬิกาพกอันนี้เจอ ตอนแรกกะว่าจะส่ง คืนกลับไปให้พ่อฉันด้วยมือตัวเอง แต่ว่าตอนนี้เวลายังไม่เหมาะ สม และฉันก็ไม่รู้ว่าพ่อของฉันจะสามารถรอจนถึงวันที่ฉันกลับไป ได้หรือเปล่า เพราะฉะนั้นจึงขอให้คุณช่วยส่งมอบให้แทน และก็ บอกกับท่านว่า ลูกสาวคนโตของท่านยังมีชีวิตอยู่

บุริศร์ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เรื่องนี้ไม่ใหญ่แล้วก็ไม่เล็ก และที่สำคัญตอนนี้สถานะและ การกระทําของนงลักษณ์ยังไม่ชัดเจน เขาไม่ชัดเจนว่าหลังจากที่ ตัวเองช่วยเอานาฬิกาพกอันนี้คืนให้กับคุณท่านตนวรแล้วจะเกิด ปฏิกิริยาแบบไหนขึ้น

ในระหว่างที่บุริศร์ลังเลอยู่นั้น นรมนก็ลืมตาขึ้นมา
“นี่เป็นของที่คุณยายเหลือทิ้งไว้เหรอคะ? เป็นของหมั้นที่คุณ ตาให้คุณยายเหรอคะ?” เหมือนกับจะคิดไม่ถึงว่านรมนจะตื่นขึ้นมาในเวลานี้ ทั้ง

นงลักษณ์และบุริศร์ต่างก็อึ้งไปครู่หนึ่ง

บริศ อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “หนาวไหม?”

“ยังโอเคค่ะ”

นรมนกระโดดลงมาจากอกของบุริศร์ แล้วก็เอาเสื้อกันหนาวที่ นงลักษณ์ซื้อให้มาใส่อย่างไม่เกรงใจ อย่าว่าอะไรนะ ยังพอดีตัวมากจริง ๆ ด้วย นงลักษณ์เห็นเธอใส่แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“สวยจริง ๆ เลย”

“นั่นเป็นเพราะว่า ฉันสวยมาตั้งแต่กำเนิด”

นรมนพูดขึ้นอย่างไม่ถ่อมตัวเลยสักนิด จากนั้นก็หันหน้ากลับ ไปมองนงลักษณ์แล้วถามขึ้นว่า “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามเมื่อ ของฉันเลย”

“ใช่ เป็นของหมั้นหมาย

นงลักษณ์นึกว่าการร่วมมือกันสองครั้งจะสามารถจัดการคาดเดาทีมรมนมีต่อตัวเองลงได้แล้ว แต่ว่าคิดไม่ถึงว่า เธอจะยังคงหลักแหลมแบบนี้

นรมนรู้สึกพอใจกับค่าตอบของนงลักษณ์เป็นอย่างมาก แล้วก็ เก็บกดกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้ ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ฉันจะส่งมอบ ให้คุณตาแน่ วางในเถอะ ถ้าหากคุณแค่อยากจะแสดงหัวใจ กตัญญูละก็ ความหวังอันนี้ฉันจะช่วยคุณทำให้สำเร็จ แต่ถ้าคุณ มีความตั้งใจอย่างอื่น ถึงตอนนั้นก็อย่ามาโทษฉันว่าไม่ไว้หน้า แล้วกัน ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อนเลย เผื่อว่าพอถึงตอนนั้นทุกคนก หน้ากันแล้วก็จะไม่ดี”

คำพูดชุดนี้ของเธอพูดได้อย่างตรงไปตรงมามาก ไม่ได้สนใจ เลยว่านงลักษณ์จะรับไหวหรือเปล่า

นงลักษณ์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็หัวเราะและพยักหน้า ส่วนใน

ใจคิดอะไรอยู่นั้น นรมนไม่รู้ และไม่อยากรู้

หลังจากที่พูดคำพูดนี้จบแล้ว นรมนก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปกับบุ ริศร์

เฮลิคอปเตอร์เป็นของส่วนบุคคล แต่ว่าตราที่ประทับอยู่กลับ เป็นตราสัญญาลักษณ์ของประเทศ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น เฮลิคอปเตอร์ของในวัง

หลังจากที่พวกนรมนขึ้นมาแล้ว เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินเลย

บุรีศร์จ้องมองเธอแล้วถามเสียงต่ำขึ้นว่า “สร้างความลำบาก ใจให้เธอขนาดนี้ไม่กลัวว่าเธอจะกลับมาจริง ๆ เหรอ?”

“อยากกลับมาแน่นอนว่าดีอยู่แล้ว แต่ว่าฉันก็ดูเธอไม่ออก คุณ ดูอำนาจของเธอ อยู่ในประเทศแทบจะสามารถพูดได้ว่าเป็น คนอยู่ใต้คนคนเดียวแต่อยู่เหนือคนเป็นหมื่น อำนาจที่ยิ่งใหญ่ ขนาดนี้ แต่ประธานาธิบดีกลับไม่รู้ และอีกย่างเธอกลับไม่ช่วย ราเซนแย่งชิงอำนาจ ในส่วนนี้ก็ทำให้คนรู้สึกน่าแปลกมาแล้ว หรือว่าราเชนจะไม่ใช่ลูกชายของเธอเหรอ?”

“จะไม่ใช่ได้ยังไง? ถ้าหากว่าไม่ใช่แม่ของราเชน จะมามีหน้า ตาเหมือนกับแม่ของคุณได้ยังไง? จะมามีเปอร์เซ็นต์ความเหมือน ของดีเอ็นเอกับคุณมากขนาดนั้นได้ยังไง?”

บุริศร์โต้แย้งกับนรมนกลับไปเลย

นรมนยักไหล่ขึ้นอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดขึ้นว่า “แต่ว่าเธอกลับ มองดูลูกชายของเธอโดนคนอื่นกลั่นแกล้ง และต้องพบเจอกับ เรื่องราวมากขนาดนั้นแต่กลับไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ คุณรู้สึกว่า มันเป็นไปได้เหรอ?”
“นรมน ถ้าหากว่าเธอไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือจริง ๆ ราเชน คงจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ไม่ได้หรอก”

คำพูดของบริศ ทำให้นรมนอึ้งไปเล็กน้อย

“หมายความว่ายังไงคะ?”

“ในตอนที่นงลักษณ์ตายไปต่อหน้าผู้คนนั้นราเชนยังเป็นเด็ก อยู่ คุณคิดว่าถ้าราเชนไม่มีคนปกป้องอยู่จริง ๆ จะสามารถมีชีวิต อยู่จนสามารถออกไปจากประเทศแล้วมาอยู่ในวงการบันเทิง ได้เหรอ? คุณจะต้องรู้ไว้ว่า ถึงแม้ตอนนั้นองค์ชายสามจะยังเด็ก แต่ว่าเบื้องหลังองค์ชายสามมีแม่แท้ ๆ ของเขาช่วยเขาวางแผน อยู่ ถ้าจะฆ่าเด็กคนหนึ่งอย่างไม่มีสุ่มเสียงนั้นง่ายกว่าฆ่าผู้ใหญ่ คนหนึ่งเยอะ แต่ว่าพวกเขากลับทำไม่สำเร็จ ทำได้เพียงแค่ไล่ ราเชนออกไปได้เท่านั้น นี่หมายความว่าอะไรล่ะ? หมายความว่า มีคนคอยปกป้องราเชนอยู่

พอได้ยินบริศ พูดแบบนี้ นรมนก็เข้าใจขึ้นมาบ้าง

“แต่ว่าในเมื่อปกป้องราเชนอยู่ แล้วทำไมยังจะต้องให้เขา แบกรับอยู่ข้างนอกเยอะขนาดนั้นด้วยล่ะ?”

“นี่คือบททดสอบของคนที่เป็นองค์ชายคนหนึ่งควรจะต้อง แบกรับและเผชิญ หรือกระทั่งผมสงสัยว่าการตายของซินดี้นั้นนงลักษณ์เองก็รู้ และที่สำคัญน่าจะมี ความเป็นไปได้สูงว่าจะสามารถช่วยเหลือซินดี้ได้ แต่ว่าเธอก็ไม่ ไปช่วยเขา ถึงแม้ว่าสำหรับราเชนมาพูดแล้วเขาจะเป็นเพียงแค่ ความอบอุ่นเดียวในโลกนี้ก็ตาม

นรมนฟังมาจนถึงตรงนี้ก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว *หมายความว่ายังไง?

“ราเชนถูกกำหนดมาแล้วว่าจะต้องเป็นผู้สืบทอดของ ประธานาธิบดี ก่อนหน้านั้นผมยังไม่แน่ใจนัก แต่พอมาเจอกับ นงลักษณ์แล้วผมก็เข้าใจเลย นี่เป็นความตั้งใจของนงลักษณ์ และก็เป็นความหวังของเธอด้วย ถ้าเป็นประธานาธิบดีคนหนึ่ง จะมามีข่าวว่าเป็นคู่เกย์กับผู้ช่วยของตัวเองแพร่ออกไปได้ยังไง ล่ะ? เพราะฉะนั้นในจุดนี้ ซินดี้ก็ไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้ แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ซินดี้ยังเป็นความอบอุ่นเดียวของราเชนอีก มี เพียงแต่เขาตายไป ที่สำคัญยังต้องตายด้วยน้ำมือขององค์ชาย สามเท่านั้น ราเชนถึงจะเปลี่ยนเป็นโหดร้ายได้อย่างเต็มตัว ถึงจะ กลับมาแย่งอำนาจได้ ถึงจะสามารถมาเดินบนเส้นทางที่ นงลักษณ์ไว้ให้เขาได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมีแพรวาหรือไม่มี ซิน ดี้ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อยู่ดี”
ดวงตาของบุริศร์มีความเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย

ฝีมือที่สกปรก ในวังพวกนี้เขาไม่อยากจะให้นรมนรู้เรื่องจริง ๆ แต่ว่าคนคนนี้คือนงลักษณ์ เป็นคุณป้าใหญ่ของนรมน เป็น ลูกสาวของตระกูลพรโสภณ เขาจะไม่ให้นรมนไม่รู้เรื่องที่ลด เลี้ยวคดเคี้ยวในนี้ไม่ได้

หัวคิ้วของนรมนขมวดกันแน่น ความรู้สึกดีเล็กน้อยที่เพิ่งมีต่อ นงลักษณ์โดนทําลายลงไปทันที

“ถ้าอย่างนี้จะบอกว่าเรื่องทั้งหมดที่นงลักษณ์ทำก็เพื่อต้องการ ให้ราเชนได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเหรอ?”

“ถือว่าใช่มั้ง”

“เพื่อต้องการให้ลูกชายขึ้นครองตำแหน่ง ยินดีที่จะไม่สนใจ

ความสุขของลูกชาย อย่างนี้ยังเป็นแม่คนอยู่เหรอ?”

ปฏิกิริยาของนรมนร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย

บุริศร์กุมมือของเธอไว้แล้วพูดขึ้นว่า “นรมน มีบางคนมีบาง เรื่องเราต่างก็ไม่รู้เรื่อง และไม่เข้าใจความสัมพันธ์ที่รุนแรงในนั้น เพราะฉะนั้นคุณเองก็ไม่สามารถช่วยราเชนพูดว่าไม่ยุติธรรมไม่ ได้ ยิ่งไม่ต้องรู้สึกว่านงลักษณ์มีความโหดเหี้ยม ในเมื่อเราไม่ใช่ ตัวนงลักษณ์ ไม่ได้เผชิญเรื่องที่เธอต้องเผชิญมา แน่นอนว่าไม่รู้ว่าที่เธอแบบนี้มีประโยชน์ อะไร ขอแต่เธอไม่มาจงใจทำร้ายคุณ วางกับดักกับคุณก็พอแล้ว อย่างอื่นที่เหลือพวกเราพยายามให้เต็มที่ก็พอแล้ว”

นรมนนึกถึงประวัติความเป็นมาของนงลักษณ์ขึ้นมาทันที

เกิดมาได้ไม่นานก็โดนพวกก่อการร้ายจับตัวไป และเกือบจะ โดนยิงตาย จากนั้นก็กลายเป็นเด็กผู้หญิงที่โดนลักพาตัวไป บางทีทั้งชีวิตของเธออาจจะถูกกำหนดมาแล้วว่าไม่ธรรมดา

หลายปีมาขนาดนี้ เธอเผชิญกับอะไรมาบ้าง แบกรับอะไรมา บ้างไม่มีใครรู้ และสามารถถอนตัวออกไปได้อย่างราบคาบในวัง ที่รอบข้างมีแต่อันตรายก็เป็นการกระทำที่ไม่ทำไม่ได้แล้ว

อยู่ ๆ จิตใจของนรมนก็สับสนวุ่นวายขึ้นมาเล็กน้อย และไม่รู้ ว่าควรจะตัดสินนงลักษณ์ยังไงดี และเป็นอย่างที่บุริศร์พูดพอดี เธอไม่ใช่นงลักษณ์ ไม่มีสิทธิ์ไปชี้นิ้วว่ากล่าวการกระทำทั้งหมด ของนงลักษณ์

แต่ว่าพูดจากมุมมองของญาติแล้ว นงลักษณ์ปฏิบัติต่อเธอก็ ยังถือได้ว่าพอใช้ได้ ในส่วนนี้นรมนไม่ปฏิเสธ
“ก็ได้ งั้นก็เดินไปก้าวหนึ่งก้าวหนึ่งละกัน

คำพูดของนรมนทำให้บริศร์โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง เขากลัว ว่าภรรยาตัวเล็กของตัวเองจะดื้อดึงออกมาไม่ได้

“ง่วงไหม? นอนต่ออีกหน่อยไหม? เดี๋ยวถึงเมืองชลธีแล้วผม

เรียกคุณ

บุริศร์เห็นว่านรมนเหมือนยังมีความอ่อนเพลียอยู่บ้าง ก็อดไม่ ได้ที่จะรู้สึกปวดใจขึ้นมาเล็กน้อย

นรมนูพิงอยู่ที่หัวไหล่ของเขา แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “น่า เสียดายจัง ฉันยังกะว่าจะกลับไปดูเกาะบริศ นรมนสักหน่อยด้วย

“ไว้ครั้งหน้าเถอะ ในเมื่อก็หนีไปไหนไม่ได้สักหน่อย

น้ำเสียงของบริศร์อ่อนโยนเป็นอย่างมาก

นรมนรู้สึกว่าตาก็ลืมไม่ขึ้นแล้ว

หัวของเธอสัปหงกลงเล็กน้อย แล้วก็พูดขึ้นอย่างสะลึมสะลือว่า “เหมือนกับว่าฉันจะนึกเรื่องหนึ่งออกแล้ว

“ฮือ?”
“ฉันอยู่ข้างกายคุณมาห้าปีแล้ว ได้ยินว่าคุณได้สร้างสวนส่วน

ตัวให้ฉันขึ้นมาแห่งหนึ่ง? ฉันยังไม่เคยเห็นเลย นโมนพูดจบแล้วก็นอนหลับไปเลย ความเร็วที่นอนหลับไป

ภายในวินาทีแบบนี้ทำให้บริศร์รู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง

มุมปากของเขาคลี่ขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “จะต้อง มีโอกาสแน่”

แต่ว่านรมนได้นอนหลับไปแล้ว

เฮลิคอปเตอร์บินไปหลายชั่วโมงในที่สุดก็มาถึงเมืองชล นรมนหาวไปหลายทีแล้วก็ตื่นขึ้นมาเลย เวลานี้นี่กะได้ช่าง แม่นย่ามากจริง ๆ

บุริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณนี่ตื่นเป็นจริง ๆ”

“อืม หิวแล้ว พอดีเลยออกไปหาที่สักแห่งกินอะไรสักหน่อยดี กว่า”

ท่าทางของนรมน ในตอนนี้ช่างเหมือนกับกมลมากจริง ๆ ที่ระหว่างหัวคิ้วของบริศแฝงไว้ด้วยแววรักใคร่เอ็นดู
ทั้งสองคนลงจากเฮลิคอปเตอร์ แล้วออกจากสนามบินไปทาง ช่องทางพิเศษ ตอนแรกกะว่าจะไปหาที่ละแวกใกล้ ๆ สักแห่งกิน อะไรสักหน่อย แต่กลับได้ยินเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยดังลอยมา

“นรมน ประธานบริศร์ พวกคุณไปไหนกันมาคะ?”

นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหน้าไปก็แล้วเห็นขวัญตาเข้า วันนี้ขวัญตาสวมใส่ชุดทำงานที่ดูเรียบร้อย ให้ความรู้สึกเป็น ผู้หญิงแกร่งอย่างหนึ่ง

“พี่สะใภ้? นี่คุณ…….

“มารับลูกค้าคนหนึ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอพวกคุณเข้า ไป ท่องเที่ยวมาเหรอคะ?”

ขวัญตามองนรมนอย่างสอดรู้สอดเห็น

นรมนหัวเราะขึ้นมาทันทีเลย “ออกไปเที่ยวมาไม่กี่วัน ก่อใช้ แล้ว ชาของพี่ชายฉันเป็นยังไงบ้างแล้ว?

“ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรแล้ว อีกสองสามวันก็ได้ออกจากโรง พยาบาลแล้ว แต่ว่าก็ยังต้องพักฟื้นอีกระยะหนึ่ง นี่ก็เป็นเพราะว่า จะต้องเตรียมงานแต่งไง? เขาเป็นตายร้ายดีก็จะออกมามีส่วน ร่วมด้วยตัวเองให้ได้ แล้วฉันก็เถียงเขาไม่ไหว จึงได้แต่ตามใจ เขาไป
ในตอนที่ขวัญตาพูดถึงเจตต์นั้นแววตาหวานแหวว แค่ดูก็รู้ แล้วว่าอยู่ในช่วงกำลังมีความรัก

นรมนพูดขึ้นอย่างรู้สึกอิจฉามากว่า “ฉันก็กลับมาแล้ว พอถึง ตอนนั้นฉันจะไปช่วยนะ”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว จะปล่อยให้คุณผ่อนคลายไปได้ยังไง? อ๋อ ใช่แล้ว ลูกค้าของฉันยังจะต้องรออีกครึ่งชั่วโมงถึงจะลง เครื่อง ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวพวกคุณสองผัวเมียเอง”

ท่าทีที่เป็นการกันเองขวัญตาทำให้บริศร์อึ้งไปครู่หนึ่ง แต่กลับ ไม่ได้รังเกียจ และที่สำคัญขวัญตายังเคยช่วยชีวิตนรมนมาก่อน ด้วย แน่นอนว่าเขาจะต้องไม่มีความคิดเห็นอยู่แล้ว

ในตอนที่ทั้งสามคนเดินออกไปข้างนอกนั้น อยู่ ๆ ขวัญตา ลากนรมนไว้ แล้วก็กระซิบเบา ๆ ไปประโยคหนึ่ง แล้วอยู่ ๆ สีหน้าของนรมนก็เปลี่ยนไปทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ