แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 166 ยามีพิษ



บทที่ 166 ยามีพิษ

เมื่อเขมิกาเห็นหมอ เธอก็กำยาในมือเอาไว้แน่น เธอ กำลังจะยัดเข้าปากไปด้วยความรวดเร็ว แต่กลับถูกหมอ ห้ามเอาไว้ได้ทัน พร้อมกับแย่งขวดยาไปด้วย

“เอามานะ! เอาคืนมาให้ฉัน!”

เขมิกายื้อแย่งอย่างบ้าคลั่ง

นี่เป็นโอกาสเดียวที่เธอจะได้ออกไป!

เธออยากออกไป!

เธออยู่ที่นี่ไม่ได้

เพราะนรมน!

ต้องเป็นนรมนแน่ๆที่ทำร้ายลูกของเธอ! ไม่อย่างนั้น กิจจาจะน้ำลายฟูมปากได้ยังไง? เวลานี้เขมิกาเสียสติไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอะไร

แล้ว

หมอเสียแรงไปเยอะถึงสามารถเก็บขวดยาในมือได้ พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็บุกเข้ามา จับกุมเขมิกาเอาไว้

“คุณหมอ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”

“ไม่เป็นอะไร”

หมอสายหน้า เมื่อมองขวดยาในมือก็นิ่งไปนิด
“คุณได้ยานี่มาแต่ไหน?”

เขมิกากัดปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไรออกมา แต่พอเธอ นึกขึ้นมาได้ว่าต้องออกไปจากที่นี่วันนี้ เธอก็เริ่มแกล้งทำ เป็นคลุ้มคลั่งเพื่อตบตาขึ้นมาอีกครั้ง

“ลูกอมของฉัน! เอาลูกอมฉันคืนมานะ! เอาคืนมา!”

แม้เธอจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเอาไว้ แต่เธอก็ยังออกแรง ดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อแย่งขวดยาในมือของหมอคืน

มา

หมอมองมาที่เธอ แล้วพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า “ผมต้องออก

ไปโทรศัพท์

“เชิญครับ”

“กลับมานะ! เอาลูกอมฉันคืนมา! เอาคืนมาสิ!”

เขมิกาไม่รู้ว่าหมอเป็นอะไรไป

ไม่ใช่ว่าตั้งเมจ้างเขามาหรอกเหรอ?

ไม่ใช่ว่าเขาต้องพาเธอออกไปด้วยเหรอ?

นี่มันอะไรกัน?

เธอไม่ยอมให้หมอปล่อยเธอไว้ที่นี่หรอก เธออยากเจอ ลูก อยากออกไปจากที่นี่ แต่ไม่ว่าเขมิกาจะดิ้นแค่ไหน สิ่งที่ได้มาก็มีแต่หมัดและ

ลูกถีบจากเจ้าหน้าที่

อาการเจ็บอย่างรุนแรงทำให้เธอสงบลงในที่สุด เธอหดตัวกอดตัวเองเอาไว้ หางตามีน้ำตาหลั่งไหลออกมา

“กิจจา ลูกแม่”

เขมิกาพึมพำ แต่กลับไม่มีใครสนใจเธอเลย

หลังจากที่หมอเดินถือขวดยาออกมา ก็ต่อสายหาบุริศร์

“ประธานบุริศร์ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

“พูดมา”

บุริศร์กำลังแกะผ้าก๊อซออก เมื่อได้ยินที่หมอพูดจึงเดิน ออกมาจากผู้คนรอบๆ

หมอมองรอบๆ เมื่อไม่เห็นใคร ถึงได้พูดเสียงเบาออกมา ว่า “ผมอยู่ที่สถานีตำรวจ เมื่อกี้ผมเห็นเขมิกาถือขวดยา เอาไว้ เหมือนกำลังจะกินลงไป ผมไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆถึงได้ กินต่อหน้าผม คงคิดว่าผมเป็นคนที่ตั้งเมส่งมามั้ง”

“ยา? ยาอะไร?”

“ผมยังไม่แน่ใจ แต่ว่าผมทำการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นยาพิษ ของแบบนี้ถ้าหากกินลงไป ก็จะเสีย ชีวิตทันที ไม่มีการคลายกรดอะไรทั้งนั้น”

สีหน้าของหมอเคร่งขรึม

คิ้วของบุริศร์ขมวดนิดๆ

“ตั้งเมอยากให้เขมิกาตายเหรอ? ถึงยังไงก็ลูกแท้ๆของ ตัวเองนะ ไม่น่าจะใจอำมหิตขนาดนั้นมั้ง?”

“ไม่ใช่หรอกครับ บางทีอาจถูกคนอื่นหลอกใช้ ตอนนี้ตั้งเมน่าสงสัยมาก ตรงกันข้ามกับเขมิกา ที่อยากออกไป จากที่นี่ ได้ยินมาว่าพอเธอรู้เรื่องของลูกชาย เธอก็ทำร้าย ตัวเองไม่หยุด บอกว่าอยากเจอลูก แต่ว่าก็ไม่สำเร็จ วันนี้ พอเธอเจอผมก็คิดจะออกไปจากที่นี่อย่างไม่สนอะไร ผม มองแววตาของเธอ สติทุกอย่างของเธอยังอยู่ครบ แต่เธอ กลับแกล้งบ้า”

คำพูดของหมอทำให้ดวงตาของบุริศร์ทอแววลุ่มลึก

“นับว่าเธอยังมีความเป็นมนุษย์”

“ประธานบุริศร์คิดจะทำยังไง?”

“ออกหนังสือรับรองโรคประสาทให้เธอ แล้วพาเธอไป โรงพยาบาลจิตเวช ปิดกั้นให้หมด เขมิกาจะตายตอนนี้ไม่ ได้! ยังมีความจริงอีกหลายอย่างที่ต้องรู้จากปากของเธอ”

บุริศร์พูดเสียงเย็น

“ครับ”

หลังจากหมอวางสาย ก็กลับเข้ามาในห้องขังอีกครั้ง เมื่อเขมิกาเห็นเขากลับมา ก็รีบพุ่งเข้ามาหา

“นายเป็นคนที่แม่ฉันส่งมาใช่ไหม? นายพาฉันออกไป! นายต้องพาฉันออกไป! ลูกของฉันป่วย เขาต้องการฉันไป อยู่ข้างๆ นายพาฉันออกไปเดี่ยวนี้! ไม่ว่านายต้องการเงิน เท่าไหร่ ฉันก็ให้นายได้ แค่พาฉันออกไปจากที่นี่!”

เขมิกาตื่นเต้นมากเกินไป จนเขย่าตัวของหมออย่างเอา

เป็นเอาตาย
หมอรีบแกะมือของเธอออก แล้วพูดว่า “ถ้าอยากออกไป คุณต้องฟังที่ผมพูด”

“ฉันฟังนาย ฉันจะฟังนายทั้งหมด!”

เขมิกาให้ความร่วมมืออย่างผิดปกติ

จากการช่วยเหลือของหมอ ไม่นานผลตรวจก็ออกมาว่า เขมิกาได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจ ต้องส่งไป รักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช

หัวหน้าตำรวจอนุมัติ เขมิกาจึงถูกส่งตัวออกไป

บนถนน เขมิการ้องโอดโอยว่าปวดท้อง อยากเข้า ห้องน้ำ แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่เหลียวแล เธอจึงเอาหัว กระแทกกับประตูรถ

เลือดสดๆทำให้เขมิกาแทบจะเป็นลม แต่เธอกลับไม่ ยอมแพ้ วินาทีนี้ราวกับเธอเป็นแม่ผู้ยิ่งใหญ่

เจ้าหน้าที่กลัวว่าเธอจะตายอยู่บนรถ จึงจำต้องปล่อยให้ เธอไปเข้าห้องน้ำ

จากนั้นเขมิกาก็ฉวยโอกาสช่วงเข้าห้องน้ำหนีไป

เมื่อบุริศร์รู้ข่าว ก็ขมวดคิ้วแน่น

“ปิดเมืองทั้งหมด ต้องตามหาเขมิกาให้เจอ!”

เธอเป็นบุคคลอันตราย อย่าว่าแต่เธอจะทำอะไรกับนร มนและกานต์เลย กลัวว่าเธอจะทำอะไรกิจจามากกว่า

ตอนนี้กิจจาเป็นถึงขนาดนี้แล้ว เขาต้องทนทรมานอีก ไม่ได้แล้ว
เมื่อนรมนร่างแบบเสร็จ ก็เห็นพฤกษ์เอาอาหารมาส่ง กานต์กับกิจจากินอาหารด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย ด้าน นรมนมีจานแยก

“คุณนาย นี่เป็นอาหารที่ประธานบุริศร์สั่งให้ทำให้คุณ

ครับ”

พฤกษ์ส่งกล่องอาหารไปให้นรมน

“อืม”

นรมนรับกล่องมาถือไว้ แล้วถามว่า “เขาสบายดีไหม?”

“ประธานบุริศร์สบายดีครับ แผลก็สมานมากกว่าเดิม แล้ว ไม่มีบาดแผลอะไรเพิ่ม อีกสักสิบวันก็น่าจะไม่เป็น อะไรแล้วครับ”

“อ่อ”

นรมนไม่ได้พูดอะไรอีก

พฤกษ์พูดขึ้นมาว่า “คุณผู้หญิง ประธานบุริศร์ฝากผม

มาบอกคุณ”

“ว่าอะไร?”

“เขมิกาหนีไปแล้ว”

“อะไรนะ?”

นรมนเงยหน้าขึ้นทันที

“สถานีตำรวจคุ้มกันเข้มงวดขนาดนั้น เธอหนีออกมาได้

ยังไง?”
พฤกษ์จึงบอกแผนการของบุริศร์ให้นรมนฟังตาม หลังจากที่รู้เรื่องนรมนก็ตกอยู่ในความคิด

ต้นฉบับทุกอย่าง

“ตั้งเมคิดจะฆ่าเขมิกางั้นเหรอ?”

“จากสภาพการณ์ปัจจุบันแล้ว ประธานบุริศร์กลัวว่าเขมิ กาจะมาหานายน้อยกิจจา ดังนั้นเลยต้องเพิ่มการคุ้มกันใน วันนี้ให้มากขึ้น ถ้าไม่มีอะไรจำเป็นคุณกับพวกนายน้อยก็ อย่าออกไปไหนเลยนะครับ”

พฤกษ์รู้สึกกังวล

นรมนพยักหน้า

เมื่อพฤกษ์จากไป นรมนก็เริ่มไม่สบายใจ

เขมิกาไปไหน?

เธอเองก็เป็นแม่คน ต้องถามหาที่อยู่ของกิจจาแน่ๆ ถ้า เธอมาหากิจจา เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กๆ เธอกับเขมิกาต้องเข้า หน้ากันยังไง?

ผู้ใหญ่ไม่เป็นอะไรหรอก แต่เด็กนี่สิไม่ควรได้รับความ เสียใจอะไรทั้งนั้น

นรมนหนักอกหนักใจ เมื่อเห็นกิจจากับกานต์เล่นกัน อย่างสนุกสนาน กินอาหารด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย จึง สบายใจขึ้นมาหน่อย

เด็กอะเนอะ ไม่รู้จักรสชาติแห่งความกลัดกลุ้มอะไร

หรอก
นรมนเก็บแบบร่างที่ร่างเสร็จแล้วเอาไว้ ตั้งใจว่าเดี่ยวให้ พฤกษ์เอาไปให้บุริศร์ดูที่หลังเพื่อคอมเม้นต์ ถ้าเป็นไปได้ ปรับแก้ให้ดีๆอีกนิดก็คงส่งไปที่อเมริกา

เมื่อนึกถึงรเมศ นรมนก็รู้สึกปวดหัว

หลังจากที่กานต์และกิจจากินเสร็จก็กลับมาเล่นหมากรุก อีกครั้ง ช่วงนี้ดูเหมือนเด็กสองคนนี้จะชื่นชอบสิ่งนี้เป็น พิเศษ พอเล่นปั๊บก็เล่นเพลินจนถึงสองชั่วโมง ไม่มีใคร ยอมแพ้ให้ใคร

นรมนนั่งมองพวกเขาเล่นบนโซฟา ดูไปดูมาก็รู้สึกว่า หนังตาเริ่มหนักอึ้ง

เธอส่ายหน้าแรงๆ รู้สึกทะแม่งๆ

“กานต์ กิจจา รีบไปซ่อนเร็ว!”

นรมนกำลังจะลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ลุก พละกำลังก็ ราวกับถูกดูดจนหมด ร่างกายอ่อนปวกเปียก ไม่สามารถ ขยับได้เลย

ด้านกานต์และกิจจาก็หลับไปจนร่างกายเอนล้ม

“กานต์ กิจจา!”

นรมนตะโกนเรียก ทว่ากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร เด็กทั้ง สองหลับสนิทไปเหมือนกัน

นรมนรู้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี

สุดท้ายเธอก็ยังประมาท!

คิดว่ายังไงเขมิกาก็เข้ามาในห้องที่คุ้มกันทุกอย่างเข้มงวดไม่ได้ แต่ว่าป้องกันไม่ได้แค่อย่างเดียวคือกลิ่น ยาสลบ กลิ่นอ่อนๆโชยอยู่ในอากาศ นรมนรู้ตัวว่าตัวเองใกล้จะ

ทนไม่ไหวแล้ว

เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหาบุริศร์ จากนั้น โทรศัพท์ก็ตกลงบนพื้นเพราะเธอถือไม่ไหวอีกต่อไป ตอนที่เขมิกาเข้ามา ทุกคนในห้องก็หลับไป พร้อมกับ

นอนตัวสั่นอยู่กับที่

เธอรีบเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นกานต์กับกิจจานอนอยู่ ด้วยกัน เพราะเด็กทั้งสองกำลังเล่นหมากรุกด้วยกันอยู่ เข มิกาก็โกรธจนปากสั่นระริก

“ลูกไม่รักดี ทำไมถึงไปญาติดีกับลูกของศัตรู สมองแก กินของเสียเข้าไปหรือไง?”

เขมิกายื่นมือออกไปจิ้มหน้าผากของกิจจาแรงๆ ไม่ได้ สนใจเลยว่าหน้าผากของกิจจามีจุดแดงขึ้นมาเพราะเธอจิ้ม หน้าผากของเขา

เธอมองไปยังนรมนที่หมดสติไปอย่างเกลียดชัง อยาก ฆ่าให้ตายจริงๆ แต่เมื่อเธอเหลือบไปเห็นกานต์ มุมปาก ของเขมิกาก็ยกขึ้นเบาๆ

ในฐานะของคนเป็นแม่ เรื่องที่ทุกข์ทรมานที่สุดไม่ใช่

การตาย แต่เป็นเพราะลูกหายไปต่างหาก

นรมนยึดกิจจาไป ทำให้เธอไม่ได้เจอลูก เธอก็จะไม่ให้ นรมนได้มีความสุขแน่
เขมิกาอุ้มกิจจากับกานต์ขึ้นมา จากนั้นก็เดินออกจาก

ห้องไป

ตอนที่บุริศร์พาคนมาที่นี่ ก็พบว่าข้างในห้องมีแค่นรมน

ส่วนกานต์กับกิจจาหายไปแล้ว

กล้องวงจรปิดถูกทำลายจนพัง ส่วนเจ้าหน้าที่ข้างนอกก็ ยังไม่ได้สติ

ธรณีรีบสั่งให้คนสาดน้ำเพื่อปลุกเจ้าหน้าที่รักษาความ ปลอดภัย แต่เมื่อทุกคนตื่นขึ้นมาก็ต่างงงงวย ไม่รู้เลยว่า เกิดอะไรขึ้น

เมื่อนรมนลืมตาขึ้นมาสิ่งแรกที่ทำคือเรียกหากานต์กับ กิจจา แต่น่าเศร้าที่เด็กทั้งสองหายไปแล้ว

เธอโกรธตัวเองเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอรู้ว่า ตอนนี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เมื่อบุริศร์เห็นเธอเป็นกังวล ก็โอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วพูดว่า “เชื่อผม พวกเราหาเด็กๆเจอแน่”

“อืม”

นรมนพยักหน้า ทว่าในใจกลับไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด

ต้องเป็นเขมิกาแน่ๆที่พาเด็กๆไป

กิจจาเป็นลูกของเธอ เธอคงไม่ทำอะไรกับกิจจาแน่นอน แต่เขมิกาเกลียดเธอและบุริศร์เข้ากระดูกดำ เธอต้องไม่ ปล่อยกานต์ไปแน่ๆ

แค่คิดว่าลูกของตัวเองถูกคนไม่ดีจับตัวไปอีกแล้ว ในใจของนรมนก็รับไม่ได้เป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้พวกเขา ต้องใจเย็น ต้องรู้ให้ได้ว่ากานต์อยู่ที่ไหน

เรื่องนี้คงต้องรบกวนหัวหน้าตำรวจอีกครั้ง

ตามกระบวนการ หัวหน้าตำรวจต้องทำการเก็บบันทึก

DNA ของนรมน เพื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เหตุฉุกเฉินนี้คืออะไร นรมนและบุริศร์ต่างก็รู้ดี ในสายตาของพวกเขา กานต์คือลูกท่านหลานเธอ คือ

นายน้อยแห่งตระกูลโตเล็ก คนจิตใจไม่ปกติอย่างเขมิกา

จะทำอะไรกานต์บ้าง ใครก็ไม่อาจทราบได้

บรรยากาศกดดันปกคลุมอยู่รอบตัวทุกคน โดยเฉพาะ บุริศร์กับนรมน ทั้งสองจับมือกันแน่น ทว่ากลับไม่มีใคร มั่นใจอะไรเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ