แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 479 หากฉันต้องการรู้เดี๋ยวนี้ล่ะ



บทที่ 479 หากฉันต้องการรู้เดี๋ยวนี้ล่ะ

“ผมเองก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง ตอนนั้นคุณบุริศร์ได้ติดต่อ หน้านี้แล้ว ผมหาที่ตั้งตำแหน่งของเขาจากคลื่นสัญญาณ

กานต์เห็นว่านรมนเริ่มใช้อารมณ์ จึงสารภาพออกมา

นรมน โทรศัพท์เอาไว้แน่น จนเรี่ยวแรงในร่างแทบจะถูกสูบ จนไม่เหลือ

“แล้วทำไมแกไม่บอกฉันตั้งแต่แรก? แกไม่รู้หรือยังไงว่าฉัน

เป็นห่วงแด๊ดดี้ของแกมากแค่ไหน? “ผมกลัวว่าคุณหม่ามีจะร้อนใจจนร้อนใน แถมหม่าเองก็ยัง

ป่วยอยู่ด้วย ? ผมกลัวว่าหล่านี้จะเป็นกังวลมากจนเกินไป

กานต์ลำบากใจ มือทั้งสองข้างชายเสื้อเอาไว้แน่น ทำให้

รู้สึกน่าสงสาร

นรมนเองก็รู้แก่ใจดีว่าสมควรที่จะโทษกานต์ ยังไงซะเด็กคน นี้ก็ทำเพื่อตน แต่เมื่อนึกถึงคลิปวิดีโอนั่นขึ้นมาทีไรก็อดที่จะเจ็บ ปวดใจไม่ได้

“ขอโทษ ลูกรัก หม่ามีอารมณ์ไม่ดี

นรมนสูดหายใจเข้าลึก

เมื่อกานต์เห็นทีท่าของเธอ จึงเดินเข้าไป

“หม่ามี้ อาเจตต์พูดอะไรใช่ไหม?”
แกให้อาเจตต์ของแกไปหาแดด ของแก? แกคิดอะไรอยู่กัน

แน่?”

นรมนมองเด็กคนนี้ไม่ออกเลย

กานต์เอ่ยเสียงแผ่ว “ผมกลัวว่าคนในตระกูลโตเล็กจะคิดไม่ ชื่อต่อแดดดี้ อาเจตคือคนที่หวังดีต่อหม่ามีจริงๆ เขาไม่มีทาง ทิ้งแต๊ดแน่

เมื่อได้ยินคำของลูกชาย นรมนรู้สึกผิดขึ้นมากะทันหัน เธอเป็นแม่ยังไงกันแน่?

เด็ดยังเล็กขนาดนี้ กลับให้เขาเข้าใจสถานการณ์ที่เลวร้าย ของตระกูลโตเล็กเสียได้ แถมยังมีการวางแผนที่รอบคอบ มากกว่ามากกว่าผู้เป็นแม่อย่างเธอเสียอีก

“กานต์ ทีหลังมีเรื่องอะไรเก็บไว้คนเดียวไม่ได้เข้าใจไหม? แก บอกหม่า หากแกเป็นอะไรไป หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจตต์ แกจะ รับผิดชอบได้ไหม? หรือว่าหม่ามีของแกอย่างฉันจะรับผิดชอบ ไหวไหม?”

นรมนรู้ดีว่ากานต์เป็นห่วงตนและบริศร์ แต่เมื่อนึกถึงผลลัพธ์ อันเลวร้าย ทำให้เธอตัวสั่นเทาขึ้นมา

เมื่อกานต์เห็นว่านรมนไม่ใช้อารมณ์อีกต่อไปแล้ว ถึงได้เอ่ย เสียงแผ่ว “ครับ ผมจะไม่ทําอีกแล้ว”

“ยังมีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้าง?”
“ไม่มีแล้วครับ แม้แต่คุณย่าเองผมก็ไม่ได้บอกครับ มีเพียงแค่ ผมและคุณอาเจตต์เท่านั้นที่รู้ ตอนนี้ก็หล่านี้ด้วยอีกคน

ดวงตาคมกริบที่เหมือนกับบุรีตร์กะพริบบริบ พลอยทำให้พร มันรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง “แกไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เข้าใจไหม? แม่จะจัดการเอง

แกอยู่กับคุณย่าของแก ตั้งใจอ่านหนังสือที่บ้าน

หากรู้สึกเบื่อ ก็ไปเดินเล่นที่บริษัทกับกิจจา

“ผมไม่ได้เจอกิจจามานานแล้ว คุณอาพาเขาออกไปตั้งแต่ห้า ยังไม่สาง ตอนนี้อยากเจอเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ประโยคของกานต์ทำให้นรมนรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่

“เด็กดี แด๊ดดี้กับหม่ามี้ยุ่งมาก ไม่มีเวลาอยู่กับลูกเลย ถ้างั้น เดี๋ยวแม่จะไปบอกคุณย่า ให้หนูไปที่อนุบาลดีไหม อย่างน้อยอยู่ ที่นั่นก็มีเพื่อนๆ เล่นกับลูก”

“ถ้างั้นกมลจะไปด้วยงั้นเหรอ?”

ประโยคของกานต์ทำให้นรมนซะงักไป ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน”

เธอนึกขึ้นได้ว่าไม่ว่าก่อนหน้านี้เธอและบริศร์จะตัดสินใจ อย่างไร แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้แผนการเที่ยวรอบโลกของ พวกเขา คงต้องเลื่อนไปอีกระยะใหญ่

เด็กๆ จะอยู่บ้านอย่างเดียวเพราะเรื่องของพวกเขาไม่ได้เพราะงั้นไปโรงเรียนอนุบาลน่าจะดีกว่า

ในเวลานี้เอง คุณนาย โตเล็กกลับเข้ามาพอดี เมื่อเห็นนมน และกานต์อยู่ด้วยกัน เอ๊ยเอ่ยถามขึ้น “เป็นอะไรกัน? กานต์ท่า อะไรให้เธอโกรธงั้นเหรอ?”

“เปล่าค่ะ เรากำลังคุยกันเรื่องที่จะส่งกานต์ไปที่โรงเรียน อนุบาล ฉันรู้สึกว่าจะให้พวกเขาอยู่บ้านตลอดคงไม่ดี แถมยัง ไม่รู้ว่าจะไปจากเมืองชล เมื่อไหร่ ให้พวกเขาไปหาความรู้ที่ โรงเรียนอนุบาลจะดีกว่า ต่อให้เป็นการสื่อสารกับผู้คนก็ยังดี คุณแม่ว่าไงคะ?”

นรมน โพล่งออกไป พร้อมกับเก็บโทรศัพท์ของกานต์อย่าง แนบเนียน

คุณนายโตเล็กนิ่งไป ก่อนที่จะพยักหน้ารับ “ก็ใช่ ฉันเองก็คิด แบบนั้น กานต์ฉลาดมาก เสียเวลาอยู่ที่บ้านอย่างเดียวคงไม่ดี ส่วนกมลเองเพราะเรื่องสุขภาพจึงไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กคน อื่นเลย ตอนนี้เธอดีขึ้นมากแล้ว ได้เวลาที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับ เด็กๆ ข้างนอกบ้างแล้ว

“ใช่ค่ะ เพราะงั้นต้องลำบากคุณแม่ด้วยนะคะ”

ประโยคของนรมนทำให้คุณนายโตเล็กหัวเราะออกมา

“นั่นมันหลานสาวและหลานชายของฉัน ลำบากอะไรกัน หลานรัก ไปหาน้องสาวของแกที่ตระกูลธนาศักดิ์ธนกับฉัน พรุ่งนี้ ฉันจะไปส่งพวกเธอที่โรงเรียนอนุบาล
คุณนายโตเล็กและบรอนตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว กานต์จึงไม่ คัดค้านอีก สำหรับเขา ไม่ว่าจะอยู่บ้าน หรืออยู่ที่โรงเรียนอนุบาล ก็ดี ไร้ความแตกต่างแต่อย่างใด

ตอนนี้เขาเป็นกังวลบุรีศรมากกว่า

แต่ในเมื่อนรมนไม่ให้เขาเข้าใจยุ่งเกี่ยว กานต์จึงไม่เข้าไป เกี่ยวข้องด้วย แต่ก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ดี

“หม่ามฮะ ช่วงนี้อยู่แต่ในโรงพยาบาล คงเบื่อแย่ ผมคิดค้น เกมใหม่มาด้วย ผมเอาโทรศัพท์ไว้ที่หม่า ตอนว่างๆ ไม่มีอะไร ก็เอาขึ้นมาเล่น แต่อย่าหักหักโหมนะ”

นรมนเข้าใจความนัยในประโยคของกานต์ เธอรูปศีรษะของ ลูกชายพร้อมเอ่ย “ได้เลยครับ หม่ามีจะควบคุมให้ได้ ขอบคุณ มากนะจ๊ะ..

“ครับ! ผมหวังว่าหม่าจะหายเร็วๆ แล้วไปส่งผมกับน้องสาว ไปโรงเรียนอนุบาลได้ไหมฮะ?”

กานต์เอียงหัว ดวงตาทั้งสองข้างเปี่ยมไปด้วยความหวัง

“ได้จ๊ะ!”

นรมนรู้สึกว่าสิ่งที่เธอติดค้างลูกๆ ทั้งสองนั้นมากมายเหลือ

เมื่อคุณนายโตเล็กเห็นว่าพวกเขาตกลงกันได้แล้ว จึงหัวเราะ อย่างอารมณ์ดี “ถ้างั้นฉันพากานต์กลับก่อน ฉันถามหมอแล้ว อาการของเธอไม่สาหัสมากนัก เป็นโรคที่พบบ่อยในผู้หญิง เธอวางใจเถอะ พักผ่อนเยอะๆ ฉันจะให้ป้าหวานทำอาหารบำรุง เลือดมาให้

“ขอบคุณค่ะแม่”

นรมบรู้ดีว่าคุณนายโตเล็กปลอบใจเธอ อันที่จริงสุขภาพของ เธอเป็นอย่างไร โพนี่ได้บอกกับเธอหมดแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ แสดงออกมา

เมื่อคุณนายโต้ล็กเห็นว่านรมนจิตใจค่อนข้างดี จึงเอ่ยเสริม อีกประโยค ก่อนที่จะพากานต์ออกไป

เมื่อกานต์ออกจากห้องผู้ป่วย คมทิพย์และบอดี้การ์ดก็เข้ามา ทันที

“นรมน แม่ยายเธอดีกับเธอเป็นบ้า ฉันเห็นเธอยัดเงินให้กับ หมอเยอะมากเลย บอกว่าให้คุณหมอโพนี่ดูแลเธอให้ดีที่สุด” คมทิพย์รู้สึกว่าคุณนายโตเล็กเป็นคนใจดีมาก

สําหรับคุณนายโตเล็ก นรมนรู้สึกขอบคุณเธอเสมอ แต่ตอนนี้ ในหัวของเธอมีเพียงบุริศร์เท่านั้น

บริศ เป็นอะไรกันแน่?

ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?

ทำไมป้องต้องกักขังบริศร์ไม่ให้เขากลับมาด้วย?

คำถามมากมายกันวุ่นในหัวของนรมน ทำให้เธอไม่สามารถ หาค่าตอบได้
“คมทิพย์ ฉันมีธุระกับคุณหมอโพนี่

“ฉันจะไปเรียกเธอมาเดี๋ยวนี้”

คมทิพย์เอ่ยพร้อมที่จะเดินออกไป แต่กลับถูกนรมครั้งเอาไว้ เสียก่อน

“ไม่เป็นไร ฉันจะไปหาเธอด้วยตัวเอง ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับ

เธอเป็นการส่วนตัว แกอยู่ที่หน้าประตู อย่าให้คนอื่นเข้ามาได้

น้อยนักที่นรมนจะเคร่งครัด เมื่อได้ยินเธอว่าแบบนั้น คุมทิพย์

นิ่งไปครู่หนึ่ง

“มีอะไรงั้นเหรอ? หรือเพราะแม่ยายของแกมาพูดอะไรรึเปล่า? ทําไมเธอถึงได้จริงจังถึงขนาดนี้?”

“ไม่มีอะไร แค่เรื่องส่วนตัวนิดหน่อย แกช่วยฉันหน่อยนะ

นอกจากแกแล้ว ฉันไม่ใช่เชื่อใจใครทั้งนั้น

เมื่อได้ยินประโยคของนรมนม คมทิพย์พยักหน้ารับอย่างว่า

ง่าย

“ไม่ต้องแจ้งพฤกษ์ก่อนเหรอ?”

“ยังไม่ต้อง

นรมนลงจากเตียง แม้ว่าร่างกายเธอยังคงบอบบางมาก แต่ก็ ดีกว่าเมื่อสองวันที่แล้ว

เขามาถึงห้องทํางานของโพ ภายใต้การประคับประคองของ คมทิพย์ เธอเคาะประตูห้องของโพนี่
“เชิญเข้ามาได้!”

น้ำเสียงของโพนี่แหบพร่าเล็กน้อย

เมื่อนรมนเปิดประตูเข้าไป ก็พบกับโพนี่ที่กำลังทำการวิจัย อะไรบางอย่างอยู่ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“โพนี่”

นโมนานเรียกเสียงแผ่ว

โพนี่แหงนหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นนรมน จึงนิ่งไปเล็กน้อย

“ทำไมถึงได้มาที่ห้องทำงานของฉันล่ะ? มีอะไรเรียกฉันก็ พอแล้ว ฉันจะไปเอง นั่งก่อนสิ ฉันจะรินน้ำให้ โพนี่ดีดตัวขึ้น ให้กับนรมนนั่งแทน ก่อนที่จะไปในน้ำอุ่นให้กับ

บรมน

คมทิพย์ไม่ไว้วางใจ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดี ถึงได้ พยักหน้าให้กับนรมน ก่อนที่จะเดินออกไป พร้อมปิดประตูห้อง

เมื่อโพนี่เห็นว่าคนทิพย์ออกไปแล้ว เธอนึ่งไปอย่างฉงนเล็ก

น้อย

“ผมทิพย์ออกไปทําอะไร?

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอนิดหน่อย ก็เลยให้ เธอออกไปรอข้างนอก

นมนสีหน้าไม่สู้ดีนัก
โพนี่เอ่ยถามเธออย่างประหลาดใจ “เธอเป็นอะไรไป? มีอะไร จะถามฉันงั้นเหรอ?”

“บุริศร์อยู่ที่ไหน?”

นรมนเข้าประเด็นอย่างไม่รอช้า

โพนี่ตัวแข็งทื่อ เพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะเอ่ยด้วยรอย ยิ้ม “นรมน เธอเป็นอะไรไป? ประธานบริศร์อยู่ที่ไหนฉันจะไปรู้ได้ ยังไง?”

“เธอไม่รู้จริงๆ งั้นเหรอ? หรือว่าตั้งใจไม่บอกฉันกันแน่? บุริศร์ ถูกป้องพาตัวไปใช่ไหม? หรือว่าฉันควรจะไปถามป้องเขาเอา สามีของฉันไปไว้ที่ไหน?

นรมนฉาบไปด้วยความเย็นชา ราวกับคนละคนกับเมื่อวันนี้

เมื่อโพนี่ได้ยินคำถามของนรมน เธอรู้ได้ทันทีว่านรมนต้องรู้ อะไรมาแน่ แน่เธอยังคงเอ่ยเสียงเรียบ “นรมน ฉันไม่รู้ว่าเธอ กำลังพูดอะไรอยู่

นรมนหยิบโทรศัพท์ของกานต์ออกมา เปิดคลิปวิดีโอขึ้น ก่อน ที่จะวางลงตรงหน้าของโพ

“อย่าบอกฉันนะ ว่าเธอไม่รู้จักคนในคลิปนี้ และอย่าบอกฉัน นะ ว่าป้องของเธอไม่รู้จักที่นี่

เมื่อโพนี่ได้เห็นคลิปวิดีโอ เธอถอยหลังไปลองก้าวอย่างเสีย การทรงตัว ชนเข้ากับโต๊ะทำงานที่อยู่ด้านหลัง เธอเอยอย่างไม่ อยากจะเชื่อ “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้? ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้จริงๆ
นรมนูกัดริมฝีปากแน่น “ฉันไม่สนว่าป้องต้องการอะไรกันแน่ ขอเพียงแค่เขาพูดออกมา ต่อให้เป็นชีวิตของฉัน ฉันก็สามารถ ให้ได้ ฉันแค่อยากรู้ ว่าสามีของฉันเป็นอะไรกันแน่? นี่มันเกิด อะไรขึ้น?”

โพนี่คิดไม่ถึงเลยว่านรมนจะมีคลิปแบบนี้

นั่นก็หมายความว่า แม้แต่เธอเองก็ยังไม่รู้ถึงสถานที่ตั้งของบุรี ศร์ แต่นรมนรู้

เธอรู้ได้ยังไง?

โพนี่ไม่แน่ใจนัก แต่กลับรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย “นรมน ฉันรู้ว่า ตอนนี้เธอเป็นห่วงเขามาก แต่ขอให้เธอเชื่อฉัน ป้องไม่มีทาง ทำร้ายประธานบริศร์ อีกสองวันเขาก็จะกลับมาแล้ว ถึงตอนนั้น เธอจะเข้าใจทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง”

“หากฉันบอกว่า ฉันอยากรู้ตอนนี้ล่ะ?”

ไม่มีใครสามารถทนเห็นสามีของตัวเองทนทุกข์ทรมานอยู่ได้ ไม่ใช่หรือไง?

การบีบบังคับของนรมน โพนี่ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ