แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 438 คุณบุริศร์นี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ



บทที่ 438 คุณบุริศร์นี่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ

“กมล!”

นรมนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันอยู่อย่างไรอย่างนั้น แต่ สัมผัสบนฝ่ามือเธอกลับเหมือนจริงมาก จริงทำให้เธออดตื่นเต้น

ไม่ได้

แต่กมลกลับถูกนรมนทำให้ตกใจไปเสียอย่างนั้น

“หม่าเป็นอะไรไปคะ ทำหนูเจ็บแล้วนะ”

แม้ว่ากมลจะไม่ดิ้นรน แต่น้ำเสียงของก็สั่นเครืออยู่หลายส่วน

นรมนรีบปล่อยเธอทันที

“ขอโทษนะจ๊ะ ขอโทษนะ หม่าไม่ดีเอง เจ็บมากไหมจ๊ะ มาให้ หม่ามี้ดูหน่อย”

ถึงแม้นรมนจะปล่อยมือจากเด็กหญิงอย่างรวดเร็ว ทว่าก็ยังคง

เป็นกังวลและระมัดระวังมากอยู่ดี

กมลไม่ได้เห็นนรมนเป็นแบบนี้มานานมากแล้ว

ล่าสุดที่นรมนตื่นเต้นแบบนี้ก็เป็นตอนที่ออกมาจากห้องผ่าตัด ก่อนหน้านั้น จนตอนนี้เธอก็หายดีแล้ว ทำไมหม่นี้ยังเป็นแบบนี้ อยู่อีกล่ะ

ทว่าอยู่ๆ ก็มาคิดว่าตัวเองกำลังถูกนรมนปฏิบัติอย่างเย็นชา ก็อารมณ์ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เธอยิ้มสดใสมาก

“หนูไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นแล้ว หนูหายดีแล้ว จริงๆ นะ! ไม่ใช่เหรอคะ งั้นดูนี่! ”

เพื่อที่จะพิสูจน์ให้บรมนเห็นว่าร่างกายของตัวเองไม่เป็นไร แล้ว เธอจึงออกมาจากอ้อมแขนของนรมน แล้วกระโดดอยู่บน

เคียง

“หม่ามี้ดูสิคะ หนูแข็งแรงขึ้นเยอะเลยใช่ไหม”

เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสและไร้เดียงสาของ ลูกสาว ก็คิดไปถึงตอนที่เด็กคนนี้ต้องป่วยหนักอยู่นาน หัวใจพร มนก็รู้สึกเปรี้ยวฝาดขึ้นมา

“ใช่จ้ะ ลูกสาวของแม่แข็งแรงดีแล้ว ลูกสาวของแม่เป็นนางฟ้า ที่สวยที่สุดในโลกเลย

นรมนพูดพลางก็ฝืนเก็บน้ำตาที่กำลังคลอเบ้าอยู่กลับเข้าไป

เด็กๆ ไม่รู้อะไรทั้งนั้น เป็นอย่างตอนนี้ก็ดีมากแล้ว เธอไม่ จําเป็นที่จะต้องเอาความกังวลของตัวเอง และแผนการชั่วร้าย ระหว่างผู้ใหญ่พวกนั้นมาใส่หัวของเด็ก

กมลเห็นนรมนพูดอย่างนี้แล้วก็พูดอย่างมีความสุขว่า “หม่ามี ก็สุดยอดมากเหมือนกัน สวยที่สุดในโลกเลยด้วย! ถ้าหนูโตขึ้น จะสวยเหมือนหม่ามีไหมคะ”

“หนูจะสวยยิ่งกว่าหม่ามีเสียอีก
นรมนไม่ประหยัดค่าขมกับลูกสาวตัวเองเลยสักนิด

ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอในตอนนี้ได้สูญเสียและฟื้นฟูความรู้สึก พวกนั้นเรียบร้อยแล้ว

“จริงเหรอคะ หนูจะสวยกว่าหม่ามีจริงๆ เหรอคะ ถ้าอย่างนั้น ในอนาคตหนูก็ต้องหาแฟนที่เหมือนแต๊ดดี้ได้แน่ๆ เลย

สีหน้าจริงจังของกมลทําให้นรมนหัวเราะทันที

“ลูกเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เองจะรู้ด้วยเหรอแฟนคืออะไร

“รู้สิคะ หนูอยากให้พี่ภาคนเป็นแฟนของหนู”

กมลนั่งข้างๆนรมนแล้วถามอย่างจริงจังว่า “จะเป็นไปได้ไหม คะหม่ามี้”

“พี่ภาคิน พภาคินคนไหนกัน

“พี่ภาคินคนที่เล่นกับหนูในสวนสนุกครั้งก่อนไงคะ พี่ภาคิน”

ค่าพูดของกมลทําให้นรมนปรากฏภาพจำขึ้นมาไม่น้อย

แต่ครั้งก่อนเธอได้ยินมาว่าเจ้าเด็กภาคินนั่นคิดจะล่อลวงกมล ทำให้บริศ ต้องออกตามหาอยู่พักหนึ่งจนเกือบจะติดประกาศ แจ้งความคนหาย

นรมนไม่เคยพบเด็กคนนั้นมาก่อน แต่การที่เขาทำให้กมล หลงใหลจนเป็นแบบนี้ได้ เธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

ลูกสาวเป็นของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากจะให้เด็กคนนี้ถูกเด็ก คนอื่นล่อลวง
“กมลบอกหม่ามี้หน่อยสิจ๊ะว่าสองวันมานี้ลูกไปอยู่ที่ไหน

กมลไม่รู้ว่าทำไมบรมนถึงได้ถามตัวเองแบบนี้ แต่ก็ยังคงตอบ กลับไปว่า “คุณอาพฤกษ์พาหนูไปที่บ้านคุณยายค่ะ สองวันมานี้ หนูก็อยู่กับคุณยายที่นั่น”

“คุณยายอย่างนั้นเหรอจ๊ะ”

นรมนตะลึงไปพักหนึ่ง จะยังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่าบุริศร์จะส่ง กมลไปหาคุณแม่ของเธอ

“ใช่แล้วค่ะ แด๊ดดี้บอกว่าคุณตาคุณยายคิดถึงหนูมากๆ บอก ให้หนูไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาสักสองวัน พี่ชายเสียงดังเกินไป ก็ เลยไม่ให้เขาไปด้วย หม่ามีคะ หนูเชื่อฟังมากๆ เลยนะ หนูช่วย คุณยายทําอาหารด้วย สองวันมานี้คุณยายมีความสุขมากๆ เลย

กมลพยายามพูดอวดให้เห็นความฉลาดของตัวเอง

นรมนรู้สึกโล่งใจ

“อย่างนั้นเหรอจ๊ะ คุณตากับคุณยายสบายดีไหม

“ดีมากเลยค่ะ หนูได้ยินคุณยายบอกว่าคิดถึงหม่ามี้ด้วย ช่วงนี้ หม่ามี้ยุ่งมากเลยใช่ไหมคะ ถ้าไม่ยุ่งละก็ กลับไปหาคุณยายบ้าง ได้ไหมคะ คุณตากับคุณยายเบื่อที่จะอยู่แต่ในบ้านเอามากๆ

กมลพูดเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย

นอนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ได้สิ อีกเดี๋ยวหม่ามี้จะพาหนูกลับไปหาคุณยายที่บ้านนะจ๊ะ

“เยี่ยมไปเลยค่ะ!”

กมลหัวเราะอย่างมีความสุข

สองแม่ลูกไม่ได้พูดคุยกันอย่างมีความสุขมานานแล้ว

อยู่ๆ นรมนก็รู้สึกว่าช่วงเวลาแบบนี้ช่างมีค่าเสียเหลือเกิน

“มาให้หม่า กอดหน่อยเร็ว”

นรมนยื่นมือทั้งสองข้างไปทางกมล

กมลรีบเดินไปข้างหน้า ทว่าคล้ายกับจะลังเลเล็กน้อย

“แด๊ดดี้บอกว่าหม่ามีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ห้ามหนูโถมตัว ใส่หม่ามี้แรงเกินไปเด็ดขาด หม่ามี้กอดหนูได้ไหมคะ”

“ได้สิจ๊ะ! หม่าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย

นรมนเห็นลูกสาวของตัวเองรู้ความแบบนี้ก็รู้สึกเปรี้ยวฝาดไป ทั้งหัวใจ

ก่อนหน้านี้กมลร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เธอจึงให้ความสนใจ กับเด็กสาวเป็นพิเศษ จนถึงกับละเลยกานต์ โชคดีที่กานต์เป็น เด็กรู้ความ แต่เธอก็ยังคงติดค้างลูกชายคนนี้อยู่ดี

พอได้กลับมาอยู่ที่ตระกูลโตเล็ก สุขภาพของกมลก็ดีขึ้นมาก ทว่ากลับมีเรื่องเกิดขึ้นกับนรมนมากมาย คิดๆ ดูแล้วเหมือนว่า ช่วงนี้เธอจะใช้เวลากับเด็กๆ น้อยไปจริงๆ
หลังจากกมลได้ยินคำพูดของนรมน ก็โถมตัวเข้าใส่อ้อม แขนของอีกฝ่ายทันที

“หม่ามี!”

น้ำเสียงหวานขนของเธอราวกับตัวโน้ตที่ไพเราะที่สุดในโลก ฟังแล้วอบอุ่นไปทั้งหัวใจ

ไม่รู้ว่าบริศ เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แต่เมื่อเห็นฉากนี้เข้า อารมณ์ของเขาก็สับสนวุ่นวายไปหมด

ตอนนี้ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของนรมนดีไปกว่าเขาแล้ว “พฤกษ์ซื้อขนมปังสับปะรดที่กมลชอบที่สุดมาให้แล้ว อยาก ลงไปกินด้วยกันสักหน่อยไหม

เสียงของบริศ ทําให้นรมนชะงักไปชั่วขณะ ทว่าเธอยังคงเก็บ

สีหน้าเอาไว้ได้ดีมาก

กมลเป็นคนที่ไม่ได้ละเอียดอ่อน เป็นธรรมดาที่เธอจะไม่สังเกต เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของนรมน ทันทีที่ได้ยินว่ามีขนมปัง สับปะรดให้กินแล้ว ก็ดีใจเป็นอย่างมาก

“หนูอยากกินค่ะหนูอยากกิน! หนูกับหม่ามอยากกินขนมปัง สับปะรดค่ะ!”

นรมนยกยิ้มอบอุ่นแล้วพูดว่า “โอเคจะ พวกเราไปกินกันเถอะ

พูดจบเธอก็ยังไม่ยอมปล่อยกมล ทั้งยังอุ้มเด็กหญิงลงจาก เตียง ก่อนจะสวมรองเท้าให้แล้วพาเดินออกไปข้างนอก
“ให้ผมอุ้มเองเถอะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ

นรมนเดินหลบไปด้านข้างอย่างไร้เยื่อใย เธอแฉลบแบบผ่าน แขนของบุริศร์ไปโดยตรง

ถ้าที่นี่ห่างอย่างไร้เยื่อใยนี้ทำให้บริศ ตกตะลึงเป็นอย่างมาก แขนของเขายังคงยกค้างอยู่กลางอากาศ ซึ่งกระอักกระอ่วนไม่ น้อย

“ช่วงนึกมลน้ำหนักขึ้นค่อนข้างมาก คุณเองก็เพิ่งจะหายดี ยัง ไงก็ให้ผม…

“ฉันไม่ได้อ่อนแอจนจะอุ้มลูกสาวของตัวเองไม่ได้เสียหน่อย นรมนไม่รอให้บริศ พูดจบก็เปิดปากพูดขึ้นมาก่อน

ถึงแม้กมลจะความรู้สึกช้า แต่ตอนนี้เธอก็สามารถสัมผัสถึง ความผิดปกติระหว่างบุริศร์กับนรมนได้แล้ว

เธอแอบมองนรมน จึงได้เห็นว่าสีหน้าของหม่าไม่ดีเป็นอย่าง

มาก

ความสุขที่จะได้กินขนมปังสับปะรดเมื่อกี้นี้จึงหายไปทันที

“หม่ากับแจ๊ดดี้ทะเลาะกันเหรอคะ”

กมลถามเสียงแ

นรมนเกรงว่าจะทำให้ลูกสาวของตัวเองตกใจ จึงรีบพิมพ์แล้ว พูดออกมาว่า “ไม่ใช่นะจ๊ะ หม่ามีไม่ได้อุ้มลูกมาตั้งนานแล้ว ก็เลยอยากจะใกล้ชิดกับลูกขึ้นอีกสักหน่อย ทำไมล่ะ ตอนนี้มีแดด ก็เลยไม่ต้องการหม่ามแล้วใช่ไหม

“ไม่ใช่นะคะ หนูรักหม่ามีที่สุดเลย”

กมลเบ โอบคอผู้เป็นแม่เอาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วพูดอย่างออก

อ้อน

นรมนยิ้มแล้วอุ้มเธอลงไปข้างล่างโดยไม่หันมามองบุริศร์อีก แม้แต่แวบเดียว

บุริศร์มองตามแผ่นหลังสองแม่ลูกไป รู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองยังไม่ อาจจะชดใช้อะไรได้ ทำได้เพียงรอค่อยพูดกันทีหลัง

หลังจากที่นรมนเดินลงมาข้างล่างแล้ว ก็เห็นกานต์กำลังนั่งกิน ขนมปังสับปะรดอยู่บนโซฟาพอดี

เมื่อก่อนเขาก็ไม่ใช่คนที่รักการกินอะไรนัก แต่ไม่รู้ว่าทำไมวัน นี้ถึงได้ชอบกินเป็นพิเศษ กมลที่เห็นดังนั้นก็เบิกตากว้างทันที

“พี่ชาย! วางขนมปังสับปะรดลงแล้วเอามาให้หนูเดี๋ยวนี้นะ!

เธอพยายามที่จะรีบออกจากอ้อมแขนของนรมน แล้ววิ่งเข้าไป หากานต์ตลอดทาง

ทว่ากลับหยิบขนมปังสับปะรดทั้งถุงวิ่งหนีไป

“พี่ชาย!”

กมลไม่สนใจอะไรแล้ว รีบวิ่งไล่ตามเด็กชายไปทันที

นรมนเห็นแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับกานต์ว่า “กานต์ ลูกก็ยอมให้น้องหน่อยเถอะ เหลือ ให้เธอบ้าง

“ใช่ไหมล่ะ หนูเป็นน้องของพี่นะ”

ขาสั้นๆ ของเมลไม่อาจวิ่งไล่ตามกานต์ จึงได้แต่กระโดด อย่างโมโห

กานต์ยัดขนมปัง ใส่ปากทางพูดว่า “ฉันเกิดเร็วกว่าเธอแค่ห้า นาที ทำไมต้องยอมให้ด้วยล่ะ มีปัญญาก็มาแย่งไปสิ!”

“เชอะ! พี่ชายนิสัยไม่ดี! คืนขนมปังสับปะรดหนูมาเดี๋ยวนี้นะ!

เพียงเพื่อขนมปังสับปะรดแล้วกมลถึงกับทะเลาะกับกานต์

เด็กชายรีบวิ่งไปที่ห้องของกมล

ก็เห็นกานต์วิ่งเข้าไปในห้องของตนเอง กมลก็มีความสุขขึ้นมา

ทันที

“พี่ชายนิสัยไม่ดี! พี่หนีไม่รอดแล้ว! เหอะ!”

เธอรีบไล่ตามเข้าไป

เมื่อเด็กทั้งสองคนเข้าไปในห้อง ไม่รู้ว่ากานต์ตั้งใจหรือไม่ได้ ตั้งใจถึงได้ยื่นมือเล็กๆออกมาปิดประตูดังปัง

“ขนมปังสับปะรดของหนู”

กมลก้าวไปข้างหน้าเพื่อแย่งขนมปังสับปะรด ทว่ากานต์กับ ตขนมปังทั้งถุงให้เธอโดยตรงทันที ทั้งยังส่งสัญญาณให้เธอนั่งกินเงียบๆ ส่วนตัวเองก็เดินไปแนบกับประตูคล้ายกำลังแอบฟัง

อะไรอยู่

“พี่ชายจะทําอะไรคะ”

กมลเห็นท่าทางแบบนี้ของกานต์นี้ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา

“หยุดพูดแล้วกินขนมปังสับปะรดของเธอไปเถอะ

เสียงของกานต์ไม่ได้ดังมาก เขากําลังให้ความสนใจกับการ เคลื่อนไหวข้างนอก

เมื่อในห้องรับแขกเหลือเพียงบุริศร์กับนรมน บรรยากาศ แข็งกระด้างขึ้นมาหลายส่วน

พฤกษ์เองก็ไม่ใช่คนที่ตาไร้แวว ในตอนนั้นเองจึงรีบพูดออก มาว่า “อยู่ๆ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าทางฝั่งของบริษัทร่วมทุนยังมีเรื่อง ให้ต้องไปจัดการ ประธานบริศร์ คุณนาย ผมต้องขอโทษนะ

ครับ”

เอ่ยจบก็รีบหมุนตัวเดินออกไปโดยไม่รอให้บริศร์ได้พูดอะไร

ออกมา

“นรมน คุณฟังผมนะ เรื่องของกมล…

บริศร์รีบเดินขึ้นไปข้างหน้า ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกมา อยู่ๆ นรมนก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายท้อง ขอตัวไป ห้องน้ำก่อนนะคะ”

พูดจบเธอก็เดินผ่านข้างกายบุรีศรีไป
บริศ อยากจะห้ามเธอเอาไว้ แต่นรมนแสดงออกอย่างชัดเจน ว่าไม่ต้องการให้คนเข้าใกล้ ทำให้เขาชะงักไปชั่วขณะ ได้แต่มอง เธอเดินเข้าไปห้องน้ำแล้วล็อกประตูตาปริบๆ

ล็อกประตู

มุมปากบริศ กระตุกทันที

เธอกำลังป้องกันตัวจากเขาอย่างนั้นเหรอ

พวกเราเป็นสามีภรรยากันนะ!

แต่ตอนนี้เขากลับไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

กานต์ที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านทางช่องว่างถึงกับตบ ลงไปบนต้นขาของตัวเองฉายหนึ่งด้วยความร้อนใจ “คุณบุริศร์นี้ ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”

“เอ๋ เกิดอะไรขึ้นกับแด๊ดดี้เหรอคะ”

เมื่อกมลได้ยินกานต์พูดแบบนี้ก็รีบขยับเข้ามาใกล้ฉันที ทว่า กลับถูกพี่ชายของตนเองผลักศีรษะออก

ไปกินขนมปังสับปะรดของเธอไป

“พี่ชายนิสัยไม่ดี! เอาแต่จะรังแกหนู!

กมลรู้สึกว่ากานต์ในตอนนี้นิสัยไม่ดีเอามากๆ ยิ่งอยู่ยิ่งไม่น่า รักขึ้นเรื่อยๆ

เธอกลับไปนั่งบนเตียงอย่างโมโห ก่อนจะยัดขนมปังสับปะรด ส่วนของกานต์ที่อยู่ตรงหน้าเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างดุเดือด
เด็กชายไม่สนใจสักนิดว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ทั้งยังเปิดประตู แล้วกวักมือเรียกบุรีศร


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ