แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1265 ยากจะป้องกัน



บทที่ 1265 ยากจะป้องกัน

“พี่กิจจา พี่หายแล้วใช่ไหม? ”

แววตาของกมล ความดีใจ

กิจจารู้สึกแค่เพียงแสบร้อนที่ดวงตา ตอนนี้ไม่อาจสนใจ คำถามใดได้ และไม่เข้าใจว่าเมื่อสักครู่ตนเองเป็นอะไรไป แค่ รู้สึกว่าความแสบร้อนนี้เจ็บแสบเกินบรรยายจริงๆ

“แด๊ดดี้ล่ะ? ”

กิจจายังลืมตาไม่ขึ้น กลับนึกอะไรออกอย่างรวดเร็ว

กมลรีบตอบ “แด๊ดดี้ยังคงสารภาพผิดอยู่ เหมือนโดนของเลย พี่กิจจา เมื่อกี้พี่ก็เป็น ศาลบรรพบุรุษนี้พิลึกสุดๆ พี่รีบช่วยแด๊ดดี้ เถอะ”

“ใช้เทคนิคเมื่อกี้ที่เธอจัดการ จัดการแด๊ดดี้ก็ได้” ตอนนี้กิจจาลืมตาไม่ขึ้นจริงๆ

ถึงแม้วิธีของกมลจะโหดร้ายไปหน่อย แต่ก็ใช้ได้ผล แต่กมลกลับพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “หนูไม่กล้า นั่นแด๊ดดี้นะ”

เธอสามารถทำอะไรกับกิจจาก็ได้ แต่ไม่กล้าป่าเถื่อนกับบุริศร์ อย่างง่ายดายแบบนั้น

กิจจารีบพูด “ตอนนี้ไม่กล้าก็ต้องกล้า ขึ้นชักช้า พี่กลัวว่าจะเกิดอย่างอื่นขึ้น เร็วเข้า! ”

“อืม”

กมลก็ไม่ลังเล หยิบสเปรย์พริกไทยฉีดไปที่ใบหน้าบุริศร์

บุริศร์นิ่งไปทันที จากนั้นก็ร้องโหยหวนออกมาด้วยความแสบ ร้อน กลับได้ยินเสียงกล้าๆ กลัวๆ ของกมล “แด๊ดดี้ อย่าว่าหนู เลยนะ หนูทำไปเพื่อช่วยแด๊ดดี้ หนูเองก็ไม่ใช่หมอ จึงต้องใช้วิธี การนี้ แด๊ดดี้ตื่นแล้วใช่ไหม? ”

หัวใจของบุริศร์กระตุก

เขานึกถึงปฏิกิริยาของตนเองเมื่อสักครู่นี้ จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ ท่าทางเกรี้ยวกราดทําให้กมลร้องตกใจวิ่งไปหลบด้านหลังกิจจา

“พี่กิจจา แด๊ดดี้จะตีหนูหรือเปล่า? ”

“ไม่มีทาง! ”

บุริศร์เป็นคนพูดคำนี้

“กมล ให้คนข้างนอกตักน้ำเข้ามากะละมังหนึ่ง

“อืม ได้ค่ะ”

เห็นบริศร์กลับมาเป็นปกติ กมลถึงจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

เดิมทีเธอคิดจะไปทำเอง แต่ที่นี่พิลึกเกินไป เพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่ คาดฝัน เธอต้องเชื่อฟังแด๊ดดี้
“ใครก็ได้ไปตักน้ำมากะละมังหนึ่ง เร็วเข้า

กมลมีท่าทางเป็นคุณหนูจริงๆ

บอดี้การ์ดรีบปฏิบัติตาม

บุริศร์กับกิจจาชำระล้างตนเองอย่างรวดเร็วก็ออกมาด้านนอก ศาลบรรพบุรุษ

กิจจาหยิบยาขี้ผึ้งออกมาให้ตนเองกับบริศทา อาการแสบ ร้อนจึงดีขึ้น

บุริศร์มองศาลบรรพบุรุษตรงหน้าอย่างครุ่นคิด

เมื่อสักครู่เขารู้ทุกอย่างที่ทำลงไป แต่เหมือนกับฝันร้าย ทำได้ เพียงมองตนเองระบายออกมา แต่ทำอะไรไม่ได้

เขารู้ว่า นั่นอาจเป็นความรู้สึกผิดและความคิดในก้นบึงหัวใจ ที่อยู่ลึกสุดของเขา

เขาโทษตนเอง

โทษที่ตนเองเพิกเฉยต่อการเปลี่ยนไปของตนท์ โทษที่ตนเอง เข้าใจว่าลูกชายคนโตต้องแบกรับทุกอย่าง ตรินท์ถึงจะสามารถ ใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวล มีชีวิตแบบที่ต้องการ แต่ทั้งหมดนี้เขา

คิดไปเอง

ตรินท์จะโทษเขาหรือเปล่า ก็ไม่มีโอกาสได้รับรู้ แต่มันกลับ กลายเป็นแผลในใจเขา ชีวิตนี้ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้

มือเล็กอันอ่อนนุ่มยื่นเข้ามาในมือใหญ่ของบุริศร์
เขางงงวย ก้มลงไปเห็นร่างเล็กของกิจจา

เขามองไปที่ศาลบรรพบุรุษ ขมวดคิ้วถาม “แต๊ดดี้ ศาล บรรพบุรุษนี้พิลึกมาก พวกเรายังต้องอยู่ที่นี่ไหมครับ?

“มีเรื่องมากมายต้องหาคำตอบจากที่นี่ ดังนั้นพวกเรายังไปไม่ ได้ กิจจา เมื่อกี้ขอบคุณลูกนะ”

บุริศร์ไม่ลืมสิ่งที่กิจจาพูดหลังจากสูญเสียสติ หรือว่านั้นจะเป็น

ความคิดจากเบื้องลึกในจิตใจของกิจจา

ไม่ว่าเขากับนรมนจะดีกับเขาแค่ไหน ก็ไม่อาจแทนที่พ่อแม่ แท้ๆ ของเขาได้ใช่ไหม?

ความจริงแล้ว ในใจเขาเกลียดพวกเขาเหรอ?

บริศร์รู้สึกทุกรสชาติผสมปนเป ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรถึงจะดี แค่ ทำเหมือนไม่รู้เรื่องทั้งหมดเมื่อสักครู่นี้ แบบนี้อาจจะยังไว้หน้ากัน ไม่กระอักกระอ่วนเกินไป

กิจจากลับไม่เข้าใจในความลำบากใจของบุริศร์ พูดเสียงเบา “เมื่อกี้เหมือนกับผมฝันร้าย ตอนพูดออกมาผมรู้ว่าจะทำร้ายแดด ดี้ แต่ผมยังพูดออกมา แด๊ดดี้ ผมไม่รู้ว่าลึกในใจของผมคิดแบบ นี้หรือเปล่า ปกติผมไม่ได้คิดแบบนี้จริง แต่เมื่อ…….

“ไม่ต้องพูดแล้ว แด๊ดดี้เข้าใจ กิจจา แด๊ดดี้ไม่โทษลูกหรอก จริงนะ”

บุริศร์สงสารกิจจาจับใจ
ห้าปีก่อนเมื่อรู้ว่าเขาคือลูกกำพร้าของครินท์ เขาอยากจะยก ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลโตเล็กให้เขา

กิจจากลับส่ายหน้า “ผมรักแด๊ดดี้ และผมก็รักหม่าม แต่เมื่อ เสียงที่ดังมาจากใจก็เหมือนจะเป็นเรื่องจริง ดังนั้นผมไม่รู้ว่าตอน นี้ควรจะพูดยังไง จะเผชิญหน้ายังไง พวกเราอย่าสับสนไปเลย รอ เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ บางทีหลังจากนี้สิบปีผมอาจจะสงบจิตสงบ ใจได้อย่างแท้จริง”

เขามองบุริศร์ด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นเหมือนตนท์มาก

หัวใจของบุริศร์เจ็บแสบเล็กน้อย

เขาเสียใจ

ไม่ควรพากิจจามาด้วยเลย

ถ้าไม่มา ระหว่างพวกเขาคงยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีรอยแตก ร้าวแบบนี้ แต่เรื่องเมื่อสักครู่เกิดขึ้นแล้ว ใครก็ไม่อาจทำเหมือน ไม่เคยเกิดขึ้น เพราะถึงแม้จะเป็นฝันร้าย กลับเป็นความคิดที่แท้ จริงจากเบื้องลึกในใจของพวกเขา

กิจจาพูดว่าเดิมทีเขาควรจะมีครอบครัวที่มีความสุข เขาพูดว่า ถึงแม้พวกเขาจะดีต่อเขามากแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาอาศัย คนอื่น

พึ่งพาอาศัยคนอื่น

ทำไมเด็กคนนี้ถึงมีความคิดแบบนี้?
ความรักที่เขากับนรมนมีให้ต่อกิจจาไม่น้อยไปกว่าลูกของ ตนเอง ทำไมเขาถึงคิดว่าต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่น?

ในตอนนี้เองบุริศร์ดีใจที่นรมนไม่อยู่

ถ้าบรมนได้ยินเข้า เธอคงจะเสียใจมาก

กิจจากนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไป ถึงแม้จะพูดเพราะสับสน แต่ เขารู้ นั่นคือความคิดที่อยู่ลึกในใจของเขา

เขากล่าวเสียงเบา “แด๊ดดี้ ถ้าจัดการเรื่องที่นี่เสร็จ ผมอยาก ไปต่างประเทศ”

บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย

เขารู้ กิจจาต้องการจากไป

ออกไปจากตระกูลโตเล็ก ออกไปจากพวกเขา

หลังจากนี้เขาจะกลับมาหรือเปล่า บุริศร์ไม่รู้

หัวใจของเขาเจ็บปวด

แปดเก้าปีก่อน ตรินท์ถูกเขาส่งไป หรือตอนนี้เขาจะต้องส่ง กิจจาไปอีก?

“แด๊ดดี้ไม่ยอม”

เสียงของบริศ แน่วแน่มาก

“แปดเก้าปีก่อนแด๊ดดี้ส่งพ่อของลูกไป หลังจากนั้นก็สูญเสียพี่ น้อง แด๊ดดี้จึงไม่อยากส่งลูกไป แล้วจากนั้นต้องสูญเสียลูกชายไปอีกคน แต๊ดดี้รู้ว่าในใจของลูกตอนนี้อาจจะยังคงเคียดแค้น ยังไม่อาจก้าวผ่านได้ ไม่เป็นไรนะ แต๊ดดี้รอได้ ถึงแม้ลูกจะเก ลียดแด๊ดดี้ จะโทษแด๊ดดี้ก็ตาม แด๊ดดี้อยากให้ลูกอยู่ข้างๆ กิจจาภาระหน้าที่ของตระกูล โดเล็กเป็นของลูกนะ

“ไม่ แดดดี้ ผมไม่ต้องการ ผมไม่ได้สนใจ ผมแค่อยากเรียน หมอ”

กิจจาพูดจบก็ห้ามไม่ให้บริศร์พูดอะไรต่อ เขากระซิบว่า “ใน ธูปมีควันสลบทำให้คนเกิดภาพหลอน นั่นเกิดขึ้นเมื่อประตู หน้าต่างปิด แต่ตอนที่พวกเราจุดธูปครั้งที่สอง ประตูหน้าต่าง เปิดอยู่ ก็แปลว่า ควันสลบมีปฏิกิริยาทางเคมีกับอากาศชื้นด้าน นอก ก่อให้เกิดการเร่งปฏิกิริยาอย่างหนึ่ง สามารถทำให้พวกเรา แผ่ขยายเรื่องที่ยึดติดอยู่ในใจได้อย่างไร้ขอบเขต จนแม้แต่โศก เศร้าสุดขีด ถ้ากมลไม่ได้ใช้สเปรย์พริกไทยฉีดให้พวกเราตื่นขึ้น กลัวว่าพวกเราอาจจะทำร้ายกัน จนอาจจะฆ่าฟันกันเอง

ได้ยินกิจจาพูดเช่นนี้ บุริศร์คิ้วขมวดแน่น “คราวก่อนมาศาลบรรพบุรุษไม่มีความชั่วร้ายแบบนี้นะ

“นี่ไม่น่าจะใช่ความชั่วร้าย แต่มีคนจงใจวางแผนแบบนี้ เพื่อ ปกป้องศาลบรรพบุรุษ ห้ามคนนอกเข้ามา

คำพูดของกิจจาทำให้บริศร์ชะงักไป เหมือนนึกอะไรออก

ตอนที่บุริศร์กับนรมนเพิ่งจะมาที่นี่ ที่นี่เป็นสถานที่รกร้าง หลัง จากบุริศร์ซื้อที่นี่ จึงจ้างคนก่อสร้างและซ่อมแซมศาลบรรพบุรุษ โดยมีโสธรเป็นคนคุมงาน
โสธรเป็นคนของหมู่บ้านดารายน ถ้าพูดถึงวิธีการบางอย่างก็ พอเข้าใจได้ โดยเฉพาะเพื่อมาหาหนังสือโบราณที่นี่ ก็เป็นโสธร ที่กลับมาหา ดังนั้นโสธรเป็นคนที่สร้างอาการประสาทหลอนนี้ใช้ ไหม?

เมื่อบริศร์กำลังงงงวยอย่างประหลาดใจ กิจจากปล่อยมือเขา ออก เดินเข้าไปในศาลบรรพบุรุษ

เพราะกลัวว่าตนเองจะตกหลุมพรางอีก กิจจาทาน้ำมันเย็นชุ่ม ชื่นให้ตนเองจำนวนมากเพื่อคงสติเอาไว้

“กิจจา”

“พี่กิจจา”

บริศร์กับกมลร้องเรียกพร้อมกัน กลับถูกกิจจาห้ามไว้

“ผมไม่เป็นไร ทั้งสองคนอย่าเพิ่งพูดอะไร

พูดจบกิจจารีบเดินตรวจสอบรอบศาลบรรพบุรุษ

สายตาของบริศ ติดตามกิจจาไปตลอด กลัวจะเกิดอันตราย ขึ้นกับเขา

และไม่รู้ว่านรมนเป็นอย่างไรบ้าง เธอหายไปจากด้านในศาล บรรพบุรุษ อีกสักพักเขาจำต้องเข้าไปด้านในศาลนี้

กิจจามองอยู่นาน เดินวนสองสามรอบถึงจะออกมา

เขามองบุริศร์ กล่าวเสียงเบาว่า “คุณครูของผมเป็นคนทำ ครับ ควันสลบและอาการประสาทหลอนของที่นี่คุณครูผมเป็นคน
อะไรนะ? ”

“บริศ ขมวดคิ้วเบาๆ

เขาคิดว่าโสธรมีเจตนา กลับถูกคิดว่าคนที่ทำคือมิลิน

กิจจานำสิ่งของชิ้นเล็กที่เก็บขึ้นมาจากพื้นส่งให้บริศร์ กล่าว เสียงเบา “คุณครูของผมมีความเคยชิ้นเล็กๆ น้อยๆ อยู่อย่าง หนึ่ง หลังจากทำอะไรจะชอบทิ้งเครื่องหมายของตนเองเอาไว้ เครื่องหมายนี้คนอื่นมองไม่ออก มีแค่ผมที่มองออก เพราะมันจะ ปรากฏขึ้นหลังจากธูปเผาไหม้เกิดการผสมทางเคมี นี่คือความ เคยชิน ในฐานะคนหมู่บ้านดารายน

บุริศร์ไม่ได้พูดอะไร ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

กมลรู้สึกว่าตอนนี้บรรยากาศอึดอัด เธอรีบถาม “แด๊ดดี้ อีก สักพักพวกเราจะไปพักที่ไหนเหรอคะ? เริ่มหิวแล้ว

บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปโรงแรม ก่อนแล้วกัน”

พูดแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาจองโรงแรม กลับถูกกิจจาห้ามไว้

“ผมเห็นบ้านสองสามหลังปลูกแถวสวนสมุนไพร และยังมีคน ทําความสะอาด โดยเฉพาะ พวกเราพักที่นั่นดีกว่าไหมครับ

บุริศร์มองกิจจา กล่าวเสียงเบา ที่นี่มีอันตรายที่ยังไม่รู้จักมาก เกินไป แด๊ดดี้ไม่อาจให้พวกลูกๆ เอาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางอันตราย”

“แด๊ดดี้ ตั้งแต่พวกเราเหยียบลงพื้นดินนี้ ก็เอาตัวเองมาอยู่ ท่ามกลางอันตรายแล้ว ด้านนอกไม่รู้ว่ามองคนจ้องมองพวกเรา อยู่มากแค่ไหน ถึงแม้แดดดี้ไม่บอกอะไรผม แต่ผมก็รู้ว่า แด๊ดดี้ ไม่ได้มาที่นี่เพื่อท่องเที่ยวเท่านั้น คุณครูน้ำตาซึมทุกครั้งที่พูดถึง หมู่บ้านดารายน ผมคิดว่าเธอปวดร้าวอะไรสักอย่าง ที่นี่ มีบอดี้ การ์ดของพวกเราอยู่ และเป็นที่ดินส่วนบุคคลของพวกเรา คนนอกเข้ามาไม่ได้ แต่ถ้าไปโรงแรม พนักงานเต็มไปหมด ถ้า เกิดเรื่องขึ้นจริง คงยากจะป้องกัน

คำพูดของกิจจาทำให้บริศร์ชะงักไป

ความคิดที่ระมัดระวังเช่นนี้ของเขาทำให้บริศร์แปลกใจ

กิจจาเอาแต่เงียบมาตลอด ไม่ทำอะไรนอกจากอ่านหนังสือ จนบุริศร์กับนรมนต่างกลัวว่าเขาจะกลายเป็นปัญญาชนที่ทำอะไร ไม่เป็น แต่ตอนนี้เห็นความสามารถในการจัดการเรื่องต่างๆ กับ วาทศิลป์ในการพูด บุริศร์คิดว่าเขากับนรมนมองผิดไป

กิจจาเด็กคนนี้ อนาคตไกล


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ