แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1217 ไม่มีใครสำคัญไปกว่านาย



บทที่ 1217 ไม่มีใครสำคัญไปกว่านาย

ประโยคเดียวทำให้นรมนกับขวัญตาสีหน้าเปลี่ยนทันที

“ได้ยังไง? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ขวัญตายังไม่ทันได้เจอพ่อสามีของตน แต่ก็ดูออกว่าพรรษา สําคัญต่อเจตต์มาก

แม้ว่าเจตต์จะไม่ได้พูดอะไร แต่พอได้ข่าวว่าพรรษาตกอับ เจต ก็ไม่มีกะจิตกะใจเที่ยวฮันนีมูนแล้ว

ผู้ชายคนนี้ปากไม่พูด แต่ในใจกลับมีที่ว่างให้พรรษา ตอนนี้ได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับพรรษา อย่างแรกที่ขวัญตา นึกถึงคือ เจตต์จะทนรับได้ไหม

“ขึ้นรถก่อนค่อยคุย”

สถานการณ์เฉพาะเจาะจงบุริศร์เองก็ไม่รู้

นรมนรู้สึกเป็นห่วงเด็กๆ

บริศร์ราวกับมองความกังวลของเธอออก พูดเสียงต่ำ ไม่ เป็นไร พวกเขามีคนดูแล วางใจเถอะ”

มีคำพูดนี้ของบุริศร์ นรมนเองก็วางใจแล้ว ขึ้นรถไปกับ ขวัญตาทันที

บุริศร์ขับรถมาถึงหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง
พอดูออกว่าหลังจากเจตต์หาพรรษาพบแล้วก็รับเขามาที่ โรงแรมแห่งนี้

ที่นี่มีรถตำรวจสองคัน

ในใจนรมนเริ่มมีความไม่สงบขึ้นมาไม่มากไม่น้อย

เธอรั้งบุริศร์ไว้

พวกเขาออกมาจากเมืองชลธียังไง นรมนยังคงจำได้ ตอนนี้ เมื่อเห็นรถตำรวจก็อดไม่ได้ที่จะชะงักเล็กน้อย จิตใจมีความ ประหม่า

บุริศร์กลับเหมือนมองไม่เห็นรถตำรวจ ดึงมือนรมนเดินเข้า

โรงแรมไป

บรรยากาศภายในโรงแรมมีความกดดัน

ใจที่ไม่สงบของนรมนยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และขวัญตาแม้จะไม่ ได้พูดอะไร แต่ก็ดูออกว่าเธอประหม่ามาก

หลังจากที่คนกลุ่มนึงเดินเข้ามาคนของวินเซนต์ก็เดินมาหา อย่างรวดเร็ว

“คุณชายบุริศร์ ทางนี้ครับ”

นี่คือชายหนุ่มคนหนึ่ง

บุริศร์เหลือบมองเขานิ่งๆ จากนั้นก็เดินตามเขาไป

ที่พวกเขาไปคือลิฟต์เฉพาะทาง
ลิฟต์ไปถึงขั้นที่เจตต์อยู่อย่างรวดเร็ว

ชั้นนี้โดยพื้นฐานถูกจำกัดไว้ ในพื้นที่ล้วนแต่เป็นตำรวจที่ กำลังสอบถามบางอย่าง

นรมนสัมผัสบางอย่างได้อย่างพร่ามัว มือที่จับบุริศร์อยู่ ออกแรงยิ่งขึ้น

บรรยากาศที่กดดันมีอยู่ตลอดกระทั่งถึงประตูห้อง609

เจตต์ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าประตู

ควันบุหรี่กระจายทั่วใบหน้าของเขา ทำให้คนมองอารมณ์ไม่ ออก แต่บรรยากาศนิ่งเงียบโศกเศร้ากลับกระจายออกมาโดย

พลการ

ขวัญตารับเดินเข้าไป ดึงมือของเขาเบาๆ เอ่ยถามเสียงต่ำ “นาย โอเคไหม?”

ประโยคเดียวก็ทำให้ดวงตาของเจตต์อุ่นร้อนขึ้นมา

“ขวัญตา พ่อฉัน ไม่มีแล้ว”

ถ้อยคำที่แหบแห้งนี้ กลับมีความโศกเศร้าอันใหญ่หลวง

เขากอดขวัญตาไว้ทันที พูดสะอื้น ตั้งแต่วันนี้ไป ฉันกลายเป็น เด็กกําพร้าจริงๆแล้ว

คําพูดนี้ทําให้นรมนคัดจมูกทันที

บริศ พานรมนเข้าไปในห้อง เหลือพื้นที่ด้านนอกไว้ให้สอง สามีภรรยาเจตต์
เวลานี้เจตต์ต้องการการปลอบโยน ขวัญตา

หลังจากนรมนตาม

เขาอยู่บนเตียง มุมปากฟองขาว ใบหน้าดำเขียว

“เป็นยาพิษ

ของบุริศร์ขมวดเล็กน้อย

วินเซนต์พยักหน้าพูด ฆ่า

นรมนตกตะลึงทันที

ทำไม

ยังท่าทางตื่นตระหนกของเขาตอนเจอพรรษาเมื่อนานนี้กระทั่งวัน ฆ่าตัวตายแล้ว?

ถึงต้องฆ่าตัวตาย

มีเรื่องอะไรที่พูดสามารถพูด? นรมนแต่เข้าใจความรู้สึกของเจตต์

รีบมานี่จากที่ต่อใคร คาดว่าคงทนไม่ได้

ตายก่อนเจตต์จะ? หรือหลังจากแล้ว?
“หลังจากมาแล้ว

วินเซนต์พูดเสียงต่ำ “ตอนที่เจตต์มาถึงก็หาพรรษาเจอ ตอน นั้นสติสัมปชัญญะของเขาก็ไม่ค่อยแน่ชัด แล้วยังมีไข้สูง ปาก เอาแต่พูดว่าให้เจตต์รีบไป ไม่ต้องมา ตอนนั้นพวกเรานึกว่าไข้ ขึ้นจนเลอะเลือน หาแพทย์ประจำครอบครัวมาให้น้ำเกลือเขา ฉัน ออกไปซื้อของกินให้เจตต์ เจตต์ออกไปสูบบุหรี่ ตอนที่กลับมา พรรษาก็ตายแล้ว ยาพิษของเขาคงจะพกติดตัวมาด้วย ถ้าเจตต์ ไม่มา คาดว่าเขาก็จะเป็นเส้นทางนี้เหมือนกัน”

ได้ฟังคำพูดของวินเซนต์ นรมนและบริศร์ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา พรรษาที่ควรจะออกทองเที่ยวกลับมาปรากฏตัวที่นี่ แล้วยังใช้ ชีวิตอย่างน่าเวทนาแบบนี้ กระทั่งไม่ให้เจตต์รู้ เพราะอะไรกัน?

คำถามนี้ค้างอยู่ในสมอง นรมนก็ได้ยินบริศร์พูดขึ้น “บ่อน พนันนั้นตรวจสอบหรือยัง?”

“กำลังตรวจสอบ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาปิดกิจการไปตั้งแต่ เมื่อวานแล้ว”

คำพูดของวินเซนต์ทำให้บริศร์ขมวดคิ้วแน่นเข้าด้วยกันอีก

ครั้ง

“มันต้องมีร่องรอยอยู่ ถ้าไม่ได้จริงๆก็จับทุกคนในบ่อนนั้นมา ไล่ถามทีละคน ฉันไม่เชื่อว่าจะหาเบาะแสไม่ได้”

บุริศร์ในตอนนี้เหมือนเป็นซาตานที่ยอมทำที่อย่างที่จำเป็น แรงกระตุ้นทำให้อากาศโดยรอบลดลงถึงจุดเยือกแข็ง
ถ้าเป็นเมื่อก่อน บุรีศร์จะไม่เป็นแบบนี้เด็ดขาด ถึงอย่างไร สถานะของเขาก็อยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้บริศร์กลับไร้จรรยาบรรณ ไม่รู้ ว่าเพราะที่นี่คือสำนักงานใหญ่ของเขา หรือเพราะผลกระทบจาก พิษสีทอง

นรมนอยากที่จะห้ามไว้ ยื่นมือไปแตกก็เก็บกลับมา

ช่างเถอะ ยังไงก็ต้องเปิดช่องไว้ไม่อย่างนั้นจะทำให้คน หายใจไม่ออก

ตอนที่เจตต์กับขวัญตาเดินเข้ามาจากด้านนอก ก็ได้ยินคำพูด ของวินเซนต์พอดี

“หลังจากที่พ่อฉันมาที่นี่แล้วสภาพเป็นยังไงกันแน่? บอกฉัน ได้ไหม?”

เสียงของเจตต์แหบแห้ง แต่ความมีความโหดเหี้ยม

เขาเจต ไม่ใช่อยากเจอตาแก่คนนั้น กระทั่งมีความโกรธ เกลียด แต่ผู้ชายคนนั้นถึงอย่างไรก็เป็นคนให้ชีวิตเขา ถ้ามีอะไร ที่ไม่ถูกต้อง ก็เป็นเรื่องของพวกเขาตระกูลรัตติกรวรกุล ไม่ให้คน อื่นยื่นมือเข้ามา

วินเซนต์เหลือบมองไปที่บริศร์ เห็นบริศพยักหน้า ถึงได้บอก สถานการณ์กับเจตต์

คิ้วของเจตต์ขมวดแน่น ไม่ได้พูดอะไร แต่ทำให้คนรู้สึกกดดัน จนหายใจไม่ออก

บุริศร์พูดเสียงต่ำ “เรื่องบ้างเรื่องไม่เหมาะสม ให้นายออกหน้ามอบให้ฉันเถอะ ที่เป็นสำนักงานใหญ่ของสหภาพQT เคยใครทําอะไรได้โดยไม่ถูกพวกเราสังเกต

พูดค่าออกไป เจตต์ชะงักทันที

“สหภาพ

เขาสหภาพQT

สหภาพนับว่าเป็นองค์กรนานาชาติ ทั้งและแต่ใครกล้าต่อต้าน ใครว่าคนเป็นหางเสือของพวกเขาคือใคร และมีสถานะอะไร

ที่เจตต์ประหลาดใจแต่เขาก็เก็บอาการอย่างรวดเร็ว พยักหน้าพูด “โอเค ฉันจะ

รอ

ธุระอะไรติดต่อเขา

บุริศร์ชี้ไปที่วินเซนต์

เจตต์รู้จักวินเซนต์ และว่าวินเซนต์เข้าสหภาพQT แม้แต่มีคนปล่อย?

เขาสนใจตอน

นรมนว่าควรปลอบโยนเจตต์ยังไง ได้ยินเจตต์ขึ้น พวกเธอธุระอะไร

ไม่เป็นใช่ไหม”
นรมนูยังนึกสภาพที่เมื่อเขาพูดกับขวัญตาว่าตนเป็นเด็ก กำพร้าได้ เริ่มคัดจมูกอีกครั้ง

อารมณ์ของเจตต์ไม่ได้สูงมาก พูดด้วยสติที่แข็งแรง ไม่ค่อย ดีเท่าไหร่ ดังนั้นไม่สามารถพูดยิ้มกับเธอได้แล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็ไม่ ค่อยเป็นมงคล เธอกับบริศร์กลับไปก่อนเถอะ ฉันจะจัดการกับ ขวัญตาเอง”

นรมนพยักหน้า

ตอนที่บุริศ พานรมนออกมาจากโรงแรม ค่ำคืนเย็นเยือก ราวกับน้ำ

ไม่รู้ว่าเพราะการตายของพรรษา หรือเพราะกลางคืนหนาว เกินไป นรมนอิงแอบบุริศร์โดยไม่รู้ตัว

บุริศร์เปิดเสื้อตัวใหญ่ออกอย่างง่ายดาย โอบนรมนแน่นไว้ใน

อ้อมกอด

ความอบอุ่นบางๆ แผ่เข้ามา แต่ก็ยังทำให้ใจนรมนอุ่นขึ้นไม่ได้ เธอพูดอย่างเจ็บปวด “ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนนี้มองไม่เห็น ความแตกต่างของการอยู่หรือตาย คงเพราะอายุมากขึ้นแล้ว

“อย่าพูดจามั่วซั่ว เธอพึ่งจะอายุเท่าไหร่? ยังไม่ถึงสามสิบ ทําตัวเป็นคนแก่?”

บุริศร์กระชับอ้อมแขน พูดเสียงต่ำ “การตายของพรรษาดูแล้ว ไม่ใช่อุบัติเหตุ”
“นายพบเจออะไร?

นรมนเงยหน้ามองไปที่บุริศร์ แววตามีการเอ่ยถาม

ตอนที่พรรษามีชีวิตอยู่ไม่ญาติดีกับใคร ตรงจุดนั้นรมนรู้ดี แต่ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของเจตต์ ที่นรมน ใส่ใจคือความรู้สึกของ เจตต์

บุริศร์ส่ายหน้าพูด “ไม่ได้พบเจออะไร แต่เพียงแค่คาดเดา ตอนที่พรรษาแต่งงานกับเทย่ามีช่วงเวลาที่มีความสุขและโรแมน ติกอย่างมาก ฉันให้คนไปตรวจสอบดูแล้ว พรรษา ใช้เงินเป็น จํานวนมากเพื่อเทย่า ยิ่งกว่านั้นก็เพื่อเอาใจเธอ ก็ปรับปรุงบ้าน เก่าของตระกูลรัตติกรวรกุลให้เป็นอย่างที่เทย่าชอบ แต่ในปีที่ สองหลังจากให้กำเนิดเจตต์ พรรษาก็นอกใจ เกิดขึ้นอย่างไร้ข่าว คราว เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ทำให้ผู้คนในเมืองชลธีไม่อยาก เชื่อไปช่วงหนึ่ง ถึงอย่างไรก่อนหน้านั้นพวกเขาก็เป็นคู่กิ่งทองใบ หยก มีความรักลึกซึ้ง ที่หนักไปกว่านั้นคือ พรรษาพาธัญญาเข้า มาในคฤหาสน์ที่เข้าสร้างใหม่เป็นพิเศษเพื่อเทย่า เหมือนจงใจ ทําให้เทย่าโกรธ

เรื่องเก่าๆเหล่านี้นรมนไม่รู้มาก่อน เดาว่าเจตต์เองก็ไม่รู้ หาได้ ยากที่บุริศร์จะไปตรวจสอบ

“นายตรวจสอบมาเมื่อไหร่?

“วันนี้”

คำพูดของบริศ ทำให้นรมนชะงักไปอีกครั้ง มีกระแสอบอุ่นใน หัวใจทันที
วันนี้ ตอนที่เธอกำลังพักผ่อน บุริศร์กลับตรวจสอบเรื่องพวกนี้ อยู่ในห้องหนังสือหรอ?

เพราะว่าเธอใส่ใจเจตต์ เพราะว่าพรรษาเป็นพ่อของเจตต์ ดัง

นั้นบุริศร์สละเวลาส่วนตัวไปตรวจสอบเรื่องเก่าๆพวกนี้หรอ? ดวงตาของนรมนเริ่มร้อนเล็กน้อย

เธอกอดเอวของบุริศร์แน่นพร้อมพูดว่า “ผู้ชายอย่างนายจะรัก

ฉันไปถึงขนาดไหนกันแน่?

บุริศร์ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร

ทั้งสองคนขึ้นรถ ตอนที่บุริศร์ขับรถ นรมนเงยหน้ามองไปที่เขา ล่างตาของเขายังคงมีรอยเขียว เห็นได้ว่าพักผ่อนไม่เพียง

พอ มือของนรมนกุมมือใหญ่ของเขาเบาๆ พูดอย่างอ่อนโยน บุรี ศร์ รักษาตัวเองให้ดี ไม่งั้นฉันจะเป็นกังวล สำหรับฉันแล้ว ไม่มี

ใครสําคัญไปกว่านาย

คำพูดนี้ราวกับกระแสน้ำอุ่น ยึดติดบนหัวใจบุริศร์ในทันที มุมปากของเขาโค้งขึ้นเล็กน้อย พูดยิ้ม “ยิ้ม ฉันจะทำ ทั้งสองไม่ได้พูดคุยต่อ แต่บรรยากาศกลับอบอุ่นมาก

ในสมองของนรมนนึกย้อนความหมายในคำพูดของบุริศร์เมื่อ กี้ เขาอยากจะบอกอะไรกับตนกันแน่?

เป็นเพียงแค่เรื่องเก่าเรื่องหนึ่งจริงๆหรอ?
แต่นรมนเอาแต่รู้สึกว่าบุริศร์พูดเรื่องนี้ขึ้นมามีความหมาย อย่างอื่น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ