แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่821 ฉันคิดว่าเราเป็นพวกเดียวกันมาโดยตลอด



บทที่821 ฉันคิดว่าเราเป็นพวกเดียวกันมาโดยตลอด

“บุริศร์ แม่ต้องยอมรับ ลูกเป็นลูกที่แม่ภูมิใจที่สุด และก็เป็น คนที่แม่ภาคภูมิใจที่สุด แต่ลูกกลับมาต่อกรกับแม่เพียงเพราะผู้ หญิงคนเดียว ลูกคิดว่าลูกเป็นเจ้าพ่อเมืองชลธีแล้วจะมาต่อกร กับแม่แบบนี้ได้เหรอ ต่อให้ลูกรู้ว่าแม่เป็นคนบงการมินทร์ให้ทำ แบบนั้นแล้วไง ลูกจะทำให้แม่เห็นว่าลูกเลิศเลอ เป็นลูกที่ถูกทิ้ง ของตระกูลจันทรวงศ์ ตายอย่างไร้มลทินงั้นเหรอ”

คำพูดของเรณุกาทำให้บริศร์ต้องส่ายหน้า

“ไม่ แม่ไม่ได้มีใจตั้งแต่แรก ผมเคยบอกแล้ว ผมรู้ทุกการ เคลื่อนไหวของแม่ เพราะฉะนั้นแม่บอกผมเถอะครับ คุณแม่มี ส่วนเกี่ยวข้องในการตายของครินทร์หรือเปล่า”

“จะไปเกี่ยวกับแม่ได้ไงล่ะ แม่ไม่ได้ทำอะไรเลยสักหน่อย และ แม่ก็เร่งไปตอนก่อนที่ตรินทร์จะตายด้วยแม่ไปส่งเขานะ แม่เองก็ เอ็นดูตรินทร์ แม่จะไปทำให้เขาตายได้ไงล่ะ”

คำพูดของเรณุกาจริงใจอย่างยิ่ง แต่บุริศร์กลับไม่เชื่อ

“แม่เอ็นดูตรินทร์ ก็แค่เพราะครินทร์ชอบพึ่งพิงแม่ และตรินทร์ คิดว่าแม่เป็นแม่จริงๆ แต่แม่คิดยังไงกับครินทร์ ก่อนหน้าผม อาจจะรู้สึกว่าแม่ดีกับตรินทร์จริงๆ แต่ว่าตอนนี้ผมเพิ่งรู้ ทุกอย่าง พวกเราไร้เดียงสากันเกินไป แม่ดีกับตรินทร์ ก็แค่เผื่อเหลือเส้น ทางไว้ให้ตัวเองเท่านั้น และก็เป็นการเตือนผม ว่าเวลาที่ผมไม่ เชื่อฟังตรินทร์ก็จะมาแทนที่ผมทันที ผมกรุยทางให้กับตระกูลโตรักษาแล้วมั้ง ดังนั้นตรินทร์จึงกลายเป็นตัวเลือกดีที่สุด ทำครินทร์ให้ถึงตายด้วย หรือว่าเขา ไปค้นพบความลับอะไร

คำพูดของบุริศร์ทำให้เรณุกาเปลี่ยนสีหน้าเป็นบูดบึง

แกซีซัวะพูดอะไรน่ะ ฉันเคยบอกแล้วไง ตายของครินทร์ ไม่เกี่ยวกับฉัน

“ฉันแกคนของตระกูลจันทรวงศ์ ถ้าสาวของตระกูลจันทรวงศ์แต่งออกไปอย่างคน บางทีฉันอาจจะสงสัยในแก ป้ายหยกบนตัวตรินทร์นะตายไม่ห่างแม้แต่น้อย กฎของตระกูลโตเล็ก คนอยู่ ป้ายหยกคนตายป้ายหยกถูกฝังเคียงว่าได้รับป้ายหยกจากกานต์ ถึงได้เห็นว่าป้ายหยกมีแตกต่าง แกรู้มั้ยว่าตรงไหน

บริศ หยิบป้ายหยกออกมาจากกระเป๋า เรณุกาหน้าบูดเบี้ยวขึ้น บริศร์ว่า หล่อนรู้ดีอยู่แก่ใจ

“แม่เองรู้ดีใช่ไหมครับ บนป้ายหยกจุดที่แตกร้าว แม้ว่า แม่เคยช่างมีฝีมือที่สุดในโลกมา ซ่อมแซมมัน แต่ยัง เห็นความแตกต่างบนได้อยู่ดี ตรงรอยร้าว และด้านใน รอยคราบเลือดซึมลงไป แม้ช่างซ่อมหยกจะซ่อมแซมกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรียบร้อยแล้ว แต่เสียดายที่หยกแตกแล้ว ก็คือแตกแล้ว ต่อให้ซ่อมได้ดีแค่ไหน ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ถ้าแม่เอ็นดูตรินทร์จริงๆ บางทีหยกชิ้นนี้ของครินทร์อาจจะตก แตกในสนามรบก็ได้ แต่แม่ทนไม่ได้ ก็เลยหาคนมาซ่อมแซม แต่ หลังจากที่ผมรู้ความทะเยอทะยานในใจแม่ ผมก็รู้ว่าแม่คงไม่ทำ เรื่องไร้สาระอะไรพรรคนี้หรอก นอกเสียจากว่าการตายของตร นทร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่ แม่กลัวคนอื่นจะดูออก หรือว่าสืบสาว อะไรได้ แม่ถึงได้ยอมเสียเวลามาทำตรงนี้ ผมได้ตรวจสอบข้อมูล แม่แล้ว และก็หาช่างซ่อมคนนั้นเจอแล้วด้วย

พอบุริศร์พูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าเรณูกาก็บูดเบี้ยวเกินทน “แกตรวจสอบฉัน?

“ผมไม่ควรตรวจสอบแม่หรือครับ ในตอนที่แม่ทำแบบนั้นกับ นรมน ในตอนที่แม่ขับไล่กิจจาที่กำลังเป็นโรคซึมเศร้าออกไป จากตระกูลโตเล็กอย่างโหดร้าย ผมก็เริ่มตรวจสอบแม่แล้ว ผู้ หญิงที่ใจอ่อนคงจะไม่ไล่กิจจาออกไปแบบนั้นแน่ ต่อให้แม่เห็น ต่างกับนรมนก็เถอะ ก็คงไม่ละทิ้งความเป็นความตายของลูก หลานตระกูลโตเล็กอย่างแน่นอน นอกเสียจากว่าแม่ไม่ได้ใส่ใจ ความเป็นไปของตระกูลโตเล็ก และยิ่งไม่สนใจความเป็นความ ตายของลูกหลานตระกูลโตเล็ก แม่ก็เลยไม่เป็นไร แล้วมีเหตุผล อะไรที่ผมจะตรวจสอบแม่ไม่ได้ ก็เพียงแต่ในตอนที่แม่อาศัย จังหวะอุบัติเหตุรถยนต์ผมยังไม่ทันได้ตรวจสอบสิ่งที่ผมอยากรู้ก็ แค่นั้นเอง ตอนนี้ต่อหน้าผม หลังจากที่ผมได้รู้ตื้นลึกหนาบาง แม่ ยังต้องมาแสดงละครแม่ลูกอะไรตบตาผมอีก แม่คิดว่าผมจะถูกหลอกง่ายๆหรือครับ

บริศ แค่นหัวเราะ

สีหน้าของเรณุกาค่อยๆสงบลงจากความเดือดดาล

หล่อนมองดูบุริศร์ มองดูชายที่หล่อนเลี้ยงดูมากับมือแต่อ้อน แต่ออก จู่ๆพูดเสียงค่อยขึ้น”ฉันเสียใจมาก ตอนที่แกเพิ่งเกิด ไม่ สิ ตอนที่แกแสดงออกว่าแกเป็นอัจฉริยะ ฉันควรจะฆ่าแกตัดไฟ เสียแต่ต้นลม ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะฉันต้องการลูกมาทำให้ ตำแหน่งตัวเองในตระกูล โตเล็กมั่นคง ฉันจะปล่อยให้แก่รอดมา จนถึงทุกวันนี้ได้ไง ถ้าแกเป็นคนธรรมดาอย่างตรินทร์ก็ช่างเถอะ แต่ทําไมแกต้องโดดเด่นขนาดนี้ด้วย ฉันประมาทเอง ฉัน เสียดายความอัจฉริยะของแก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการฝังระเบิด เวลาให้ตัวเอง”

“พูดมามากมายขนาดนี้จะไปมีประโยชน์อะไรเล่าครับ ผมก็ยัง มีชีวิตอยู่นี่ และก็มีชีวิตอยู่มาถึงปัจจุบัน แล้วก็มายืนต่อกรกับ คุณแม่อยู่นี่ไงเล่าครับ เพราะฉะนั้น บอกผมเถอะ ทำไมต้องฆ่าต นทร์”

ครั้งนี้เรณุกาไม่ได้โต้ตอบกลับ หากถามกลับไปตรงๆ “แกเอา อะไรมาอ้างว่าการตายของตรินทร์เกี่ยวกับฉัน? ”

“เพราะแม่เป็นหญิงตระกูลจันทรวงศ์ ! ผมเจอบันทึกในปีนั้น ผมประวัติของฆาตกรในนั้น ภรรยาของเขาก็เป็นคนตระกูล จันทรวงศ์ ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้าไม่รู้ภารกิจของผู้หญิงตระกูล จันทรวงศ์ ผมก็อาจจะคิดเป็นอื่นก็ได้ ผมเองก็เคยถามธัญญาเธอว่าแม่เป็นคนแล้ว ตอนแม่ไม่นาน น่าเพราะแม่เป็นคนจัดแจง ต่อให้ครินทร์คดีพิษ จากความสัมพันธ์ในสมรภูมิกับผม พวกเขาจะต้องปกป้องตรินทร์อย่างดี แต่ตรินทร์กลับต้องตาย สิ่งทำให้ ผมไม่เข้าใจ แต่ตอนผมเข้าใจแล้ว จะเพราะตรินทร์ค้นพบ สถานภาพของแม่ หรือบางแม่อาจจะอะไรพัวพันกับมาตรก รพวกเลยกลัวเขาจะนำความซวยให้ใช่ไหม”

บุริศร์ยิ่งพูดยิ่งเกิดอารมณ์

ถ้าใช่เพราะยังอีกหลายคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ ตอนเขาอาจควบคุม

เรณุกาแค่นพูดขึ้น ถ้าแกอยากขนาดนั้น ลงไปถาม เขาเองดีมั้ย”

ในตอนที่พูด เธอ มือ จากจึงมีจำนวนมากออกมา ห้อมล้อมฉันยอมรับแกสู้แต่ไม่เชื่อ ถ้าจำนวนมากวงล้อม โจมตีแกแบบแกยังหลุดได้มั้ย ทิ้งชีวิตเพื่อแหละเป็นพวกเดียวกันมาตลอด เป็นคอโหดเหี้ยมอำมหิต เหมือนคิดถึงฉันดูไป ถ้าจะโทษแกก็โทษตัวเองความพลุ่งพล่านก็แล้วกัน
หล่อนทําไม้ทำมือ คนกลุ่มนั้นจึงกระโจนใส่บุริศร์

บริศ ขมุ่นคิ้ว พูดเสียงเย็น”เรณุกา เธอมีชีวิตนานเกินไปแล้ว นานจนเธอคิดเองเออเอง สายตาที่ทะเยอทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ ฉันว่าเธอควรตื่นได้แล้ว”

“หมายความว่าไง

เรณุกายังไม่ทันได้ตั้งตัว บุริศร์ก็ผิวปากขึ้น

ทันใดนั้นพวกที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็เข้าไปตีวงล้อมที่ ตัวเรณุกา

“คนพวกนี้เป็นใครกัน ฉันคุมตัวพวกคนตระกูลโตเล็กไว้ดีแล้ว

นี่นา! ”

เรณูกาตกตะลึง

บุริศร์พูดเสียงเย็น“ในตอนที่อำนาจของตระกูลโตเล็กเกิด ปัญหา น่าจะเป็นตอนเผาศพนรมนเมื่อห้าปีก่อน แม้ว่าเธอจะทำ เต็มที่ คนอื่นก็มองออก แต่ฉันก็ยังคงระมัดระวังตัว นับแต่ตอน นั้น ฉันก็ให้พฤกษ์แอบฝึกคนของฉันขึ้นมากองหนึ่ง ตอนนี้เพียง พอที่จะยึดอำนาจตระกูลโตเล็กจากแกได้เต็มที่

เขาพูดจบ คนทั้งสองฝ่ายก็เริ่มปะทะฝีมือกัน

คนของเรณุกาจะไปสู้คนของบุริศร์ได้อย่างไรกันเล่า

ไม่นาน ก็เห็นแพ้ชนะ

เรณุกาเห็นฝ่ายตนแพ้ราบคาบ รู้สึกไม่พอใจ
“คนของตระกูลจันทรวงศ์ล่ะ ยังไม่ออกมาอีก! ”

“พวกเขาไม่ออกมาแล้วล่ะ! ฉันว่าพวกเขาถูกตำรวจควบคุม ตัวไปจิบชาที่โรงพักแล้ว

“บุริศร์ แกหมายความว่าไง

เรณูกาลนลานขึ้นทันที

บุริศร์พูดเสียงเย็น”ความทะเยอทะยานของตระกูลจันทรวงศ์มี มากเกินไป ถ้าเป็นครอบครัวธรรมดาคงไม่มีอะไร แต่เธอไม่เคย รู้สึกพอเพียง ตอนที่ขุนอินจะเอาแผนการรบไปจากมือฉัน ฉันก็ สงสัยแล้วว่าตระกูลโตเล็กจะต้องมีไส้ศึก แต่ฉันแค่ไม่คิดว่าคนๆ นั้นจะเป็นเธอ ตระกูลจันทรวงศ์จะเอาแผนการรบ หรือแม้กระทั่ง เคยร่วม ในกรณีของตรินทร์เมื่อห้าปีก่อน เธอคิดว่าพวกเขาควร จะบอกกล่าวข้างบนอย่างชัดเจนมั้ย และไม่กี่ปีมานี้ฉันคอย สังเกตระยะเวลาที่เธอไปอยู่เมืองนอก แล้วใกล้ชิดกับหัวหน้า กลุ่มสักกลุ่ม หัวหน้ากลุ่มนั้นดูเหมือนจะเป็นผู้ก่อความวุ่นวาย ภายนอก ตกลงเธอจะนำตระกูลจันทรวงศ์ทำเรื่องอะไรที่น่าตกใจ กันแน่ หรือฉันไม่ควรจะตรวจสอบรายงานในฐานะพลเมืองที่ดี และฉันคนที่เธอคิดว่าเป็นอัจฉริยะทางคอมพิวเตอร์ มีอะไรที่ฉัน จะตรวจสอบออกมาไม่ได้บ้าง

เรณุกาหน้าขาวซีดทันที

“บุริศร์ เพื่อผู้หญิงแค่คนเดียว แกถึงขนาดทำกับฉันแบบนี้ ไม่กลัวฟ้าผ่าหรือไง” แก

“เธอไม่ใช่แม่บังเกิดเกล้าของฉัน ไม่ได้มีบุญคุณเลี้ยงดูอะไรกันมา แล้วแถมยังฆ่าพี่น้อง กับพ่อของฉันตายอีก ฉันจะต้องกลัว ฟ้าผ่าอะไร ฉันกลัวแค่ว่าไม่จัดการเธอในวันนี้ คนในบ้านฉันคง ตายอย่างไม่เป็นสุข! ”

เรณุกาเดินก้าวถอยไปสองก้าว พูดขึ้น “แกอย่าไปฟังนรมนพูด มันหลอกแก! พ่อแกป่วยตาย! ที่นั่งนั่นพูดแบบนี้เพราะต้องการ ยุแยงตะแคงรั่ว ผู้หญิงอย่างนรมนเจ้าแผนการจะตาย”

บุริศร์ส่ายหน้า พูดเสียงค่อย นรมนไม่เคยพูดถึงสาเหตุการ ตายของพ่อแม้แต่คำเดียว แกคิดมากไปเอง ฉันสงสัยสาเหตุการ ตายของพ่อจากป้ายหยกของครินทร์ต่างหาก ฉันก็เลยไปตรวจ สอบเรื่องราวของพ่อ อ่านดูรายงานการชันสูตร พ่อตายเพราะยา พิษ แต่เธอกับไม่เคยบอกฉัน

เรณุกาได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ จึงหันหลังเตรียมวิ่ง

บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่คิดว่าเรณุกาจะมีปฏิกริยาแบบนี้ ตอนนี้ตั้งสติได้ บุริศร์จึงเหม่อลอย

เขามองตามเรณูกาวิ่ง ความเร็วพอๆกับนักกีฬา

นี่คือเรณุกาที่ปกติถือไม้เท้าเหรอ

แต่ในตอนที่บุริศร์ยังไม่ทันได้สติตั้งตัวกลับมา ก็มีเงาๆหนึ่งวิ่ง ปราดหน้าเขาไป แล้ววิ่งไล่ไปทางเรณุกา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ