แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 133 พ่อบุญธรรมของผมเก่งจริงๆ



บทที่ 133 พ่อบุญธรรมของผมเก่งจริงๆ

บุริศร์รู้สึกว่ากานต์ตลกจริงๆ เขาเหมือนลอกเลียน แบบตัวเองตอนเด็กๆ หยิ่งละเอาใจยากมาก ราวกับไม่ ต้องการเป็นหนี้ใคร

เมื่อก่อนมักรู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนี้ไม่ดีเลย แต่ ตอนนี้เห็นกานต์ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้แย่ อะไร

มีซาลาเปาเล็กๆ น่ารักแบบนี้ ควรจะมีความสุข มากสิ?

เสียดายที่เขาพลาดช่วงเวลาที่เขาเติบโตในห้าปีนี้ นี่คือความเสียใจตลอดชีวิตของเขา

“หม่ามี้ลูกเคยบอกลูกไหมว่า จริงๆ แล้วลูกเอาใจ

ยากมาก?”

บริศร์แหย่กานต์

เมื่อครู่นี้กานต์กำลังสงสัยว่าจะเกลียดบุริศร์ต่อไป ดีไหม เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็รู้สึกกลัดกลุ้มทันที

“หม่ามีผมแค่เคยบอกผมว่า ผมคล้ายแด๊ดดี้ที่ไม่ น่าเชื่อถือคนนั้นมากๆ”

“ไม่น่าเชื่อถือ?”

บริศรรู้สึกว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้งใส่ร้ายแล้ว

เขาไม่น่าเชื่อถือตรงไหน?
แต่ตอนนี้ลูกชายเป็นลูกลาดื้อรั้น บุริศร์ก็ไม่อยาก โต้เถียงกับเขา

“บอกพ่อหน่อยสิว่าห้าปีที่ผ่านมาหม่ามี้ของลูกเป็น ยังไงบ้าง?”

สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดของบุริศร์คือพลาดช่วงเวลาที่ได้ อยู่กับนรมนและการเติบโตของลูก เหตุการณ์ไฟไม้ใน ตอนแรกนั้นสร้างปมในใจให้นรมนมากแค่ไหน เขาก็ พอรู้บ้าง แต่รู้มันก็เป็นเรื่องหนึ่ง การได้ฟังจากปาก กานต์มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

กานต์โกรธนิดหน่อย แต่พูดเสียงทุ้มต่ำ “เมื่อก่อน ผมยังเด็ก ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ได้ยินพ่อบุญธรรมผมบอก ว่า สองปีแรกหม่ามไม่กล้าลืมตา ไม่กล้าออกไปข้าง นอก ไม่กล้ามองของที่มีแสงสว่างเลย พ่อบุญธรรมยัง บอกอีกว่า หม่ามี้มีอาการซึมเศร้าอยู่พักหนึ่ง อยาก กระโดดลงมาจากชั้น 32 ถ้าพ่อบุญธรรมมาเจอไม่ทัน ตอนนี้อาจจะไม่มีม้ามแล้วก็ได้”

เสียงของกานต์ยิ่งพูดก็ยิ่งทุ้มต่ำลงเรื่อยๆ ทันใด นั้นหัวใจบุริศร์ก็จมลงสู่ก้นบึ้ง

“อาการซึมเศร้าเหรอ?”

“ใช่ฮะ ผมเคยหาในเน็ต อาการซึมเศร้ามันรักษา ยากมาก พ่อบุญธรรมบอกว่าถ้าตอนแรกไม่มีผมล่ะก็ หม่ามื้อาจจะไม่อยากมีชีวิตอยู่จริงๆ ก็ได้”

นรมนในช่วงเวลานั้นทรมานมากจริงๆ เด็กที่เกิดมาจากความพยายามอย่างหนัก ได้รับการวินิจฉัยจาก แพทย์ว่าเป็นไตวายตั้งแต่กำเนิด พอบอกว่าอยู่ได้ไม่ อีกกี่ปี นรมนก็รู้สึกว่าโลกตัวเองจะพังทลาย

กมลทรมานอยู่ภายใต้เครื่องมือแพทย์ตั้งแต่ยัง เล็ก ถ้าไม่ใช่เพราะว่ายังมีกานต์ นรมนอาจจะอุ้มกมล และกระโดดลงมาจากตึกสูงไปแล้วก็ได้

เธอในตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองไร้ความหวังแล้ว

ผู้ชายของตัวเองทิ้งตัวเองไป ถึงขั้นอยากให้เธอ กับลูกตาย ลูกของเธอก็ทรมานเพราะป่วยตั้งแต่เกิด เธอถูกไฟคลอกจนกลายเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่อยากเจอ ใครเลย ช่วงเวลาที่ลูกลืมตาขึ้นมา การปรากฏตัวของ เธอก็ทำให้ลูกตกใจกลัวจนร้องไห้

ไม่คิดว่าเด็กที่คลอดออกมาด้วยความยากลำบาก ของตัวเอง จะขับไล่อ้อมกอดของตัวเอง มันเป็นการ ถ้ารเมศไม่ได้ปกป้องดูแลเธออยู่ตลอดเวลา คอย

ทำร้ายนรมนอย่างรุนแรง

อยู่กับเธอ และความน่ารักของกานต์ บางทีนรมนอาจ

จะทนต่อไปไม่ไหวจริงๆ ก็ได้

แต่เรื่องพวกนี้กานต์ไม่รู้ ไม่สามารถอธิบายให้บุริ ศร์เข้าใจได้ แต่บุริศร์ก็สามารถจินตนาการได้

ผู้หญิงคนหนึ่งต้องสิ้นหวังมากแค่ไหนถึงคิดจะอุ้ม ลูกกระโดดตึก!

ไม่คิดว่าตอนแรกเขาทำร้ายนรมนมากขนาดนี้! ถึงแม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

คิดถึงตรงนี้ บุริศร์ก็รู้สึกไม่สามารถให้อภัยตัวเอง in

ได้

“โทรหาพฤกษ์ สั่งให้เขาเอาทุกคนให้ธรณีจัดการ ฉันไม่สนว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะใช้วิธีการอะไร ฉันอยากรู้ความจริงที่ฉันอยากรู้ รวมถึงเหตุการณ์ไฟ ไหม้ที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อนด้วย”

ความเย็นชาของบุริศร์ตอนนี้ทำให้กานต์อึ้งไปนิด หน่อย ทันใดนั้นเขาก็พบว่าจริงๆ แล้วบุริศร์เป็นชาย

ที่สุดยอดมาก

กานต์มองบุริศร์อย่างตกตะลึงนิดหน่อย

บุริศร์รู้สึกได้ว่ากานต์ไม่ใช่ลูกน้องตัวเอง แต่เป็น ลูกชายของตัวเอง น้ำเสียงเขาก็สงบลงแล้วพูด

ขึ้น “หม่ามของลูกและลูกทนทุกข์ทรมานมามาก พ่อไม่ อยากปล่อยให้คนพวกนั้นที่ทำร้ายพวกเธอลอยนวลไป ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่หม่ามี้ของลูกแบกรับ พ่อจะทำให้ คนพวกนั้นได้รับรู้”

ได้ยินถึงตรงนี้ อารมณ์กานต์ก็ดีขึ้นนิดหน่อย “ผมรู้ว่าใครเป็นคนทำร้ายหม่ามี้ของผม แต่คุณไม่ เชื่อแน่”

คำพูดนี้ของกานต์ทำให้บุริศร์ตะลึงนิดหน่อย “ทำไมพ่อจะไม่เชื่อล่ะ?”
“เพราะคนคนนั้นก็คือหม่ามี้ของลูกชายคุณ”

กานต์ก้มหัวลง สองมือเล่นนิ้วตัวเอง ขมวดคิ้วเล็ก น้อย เห็นได้ชัดว่าปฏิเสธความจริงที่ว่าบุริศร์มีลูกชาย อีกคน

บุริศร์เป็นคนฉลาด เข้าใจทันทีว่ากานต์พูดถึงใคร “ลูกได้ยินอะไรมาใช่ไหม?”

“อืม ผมบันทึกเอาไว้แล้วส่งให้หม่ามี้ ผมรู้ว่าคุณจะ ไม่จัดการเธอ ผมก็รู้ว่าเธอคือหม่ามี้ของกิจจา และ กิจจาก็เป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของผม แต่ผมรู้สึกไม่ สบายใจ”

กานต์เองก็รู้สึกลำบากใจและลังเลเช่นกัน

เขาไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันกับ กิจจาได้อย่างไร? ทั้งๆ ที่ตอนแรกตัดสินใจว่าจะ เกลียดกิจจาคนนั้น แต่ใครใช้ให้กิจจาที่มและติดหนึบ เขาขนาดนั้นล่ะ?

ไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันกับกิจจา โดยไม่รู้ตัวจริงๆ ตอนนี้หม่ามี้ของเขาทำร้ายหม่ามี้ของ ตน เขาควรทำอย่างไรดี?

อย่างไรแล้วกานต์ก็เป็นแค่เด็ก เขาสับสนกับทาง เลือกด้านอารมณ์แบบนี้มาก

บุริศร์เห็นลูกชายเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกสงสาร “กานต์ กิจจาไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของพ่อลูกชายของพ่อมีแค่ลูกคนเดียว”

ประโยคนี้ทำให้กานต์เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“แต่….”

“กิจจาคือลูกชายของน้องชายฝาแฝดพ่อ นั่นก็คือ ลูกชายของอาแท้ๆ ของลูก ยังไงแล้วพวกลูกก็เป็นพี่ น้องกัน พี่น้องกันแท้ๆ ตอนนี้น้องชายพ่อเสียชีวิตไป แล้ว และกิจจาก็เป็นเด็กมรณกรรม พ่อไม่อยากให้เขา โดนพูดถึง ก็เลยให้เขาเป็นลูกของพ่อลูกจำไว้นะ ไม่ ว่าต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้น พวกลูกสองคนเป็นพี่น้องกัน แท้ๆ พี่น้องที่ไม่สามารถแยกจากกันได้ รู้ไหม?”

บุริศร์รู้ว่าตัวเองพูดมากกานต์ไม่อาจฟังเข้าใจได้ แต่เขาก็อยากแสดงออกให้กานต์เข้าใจ

กานต์มองบุริศร์อย่างเหม่อลอย จู่ๆ ก็เข้าใจการ ฝากฝังของบุริศร์ เขาพยักหน้าและพูดอย่างแน่ว แน่ “คุณไม่ต้องเป็นห่วง ต่อไปมีผมอยู่ ผมจะไม่ให้ใคร มารังแกกิจจา เขาเป็นน้องของผม! เป็นพี่น้องแท้ๆ ตลอดไป!”

ดวงตาบุริศร์จีนนิดหน่อย เหมือนเขาเห็นตัวเองกับ ตรินท์เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนั้นตรินท์ตบหน้าอก แล้วพูดขึ้นว่า “พี่ สมองพี่ดีกว่าสมองฉัน ฉันจะตั้งใจฝึก กังฟู ต่อไปใครมารังแกพี่ ฉันจะต้องเอาชนะมันให้ได้”

ตอนนี้คำสาบานเหล่านั้นยังก้องอยู่ข้างหู แต่ตริ นท์ไม่อยู่แล้ว
บุริศร์รู้สึกค่อนข้างเสียใจ

กานต์ก็รู้สึกได้อย่างว่องไว

“ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?”

“เปล่า พ่อแค่คิดถึงน้องชายของพ่อ เป็นน้องชาย ที่ไม่ฉลาด แต่ดีกับพ่อมากๆ”

บุริศร์อยากยิ้มให้กานต์ แต่เขาทำไม่ได้

ในใจของเขา ยังมีสถานที่ที่เปราะบางที่สุดซึ่ง สงวนไว้สำหรับคนรักเสมอ

กานต์ไม่เคยเห็นผู้ชายตัวโตเสียใจมาก่อน เขา มองบุริศร์ตรงหน้า จู่ๆ ก็ยื่นมือเล็กของตัวเองออกไป แล้วพูดเสียงทุ้ม “คุณจับมือผมไว้ได้นะ หม่ามี้เคยบอก ว่าถ้าคนหนึ่งแบ่งปันความโศกเศร้าให้อีกคน คนสอง

คนก็จะแบกรับความเศร้าไปด้วยกัน แบบนั้นความเศร้า

คุณก็จะน้อยลงหน่อย”

จู่ๆ บุริศร์ก็อยากร้องไห้ แต่เขาก็เป็นผู้ชายตัวโต

เขาก็ยังทนไว้

เขาจับมือกานต์เบาๆ ยิ้มแล้วพูดขึ้น “หม่ามี้ของลูก

สอนลูกดีมาก”

“อิม หม่ามี้ของผมเป็นหม่ามี้ที่ดีที่สุดในโลก! คุณบุ ริศร์ ถ้าคุณไม่รักและทะนุถนอม คุณจะต้องเสียใจ!”

กานต์พูดเหมือนเป็นผู้ใหญ่

บุริศร์ระเบิดเสียงหัวเราะ
“พ่อทำอยู่แล้ว ต่อไปนี้พ่อจะต้องปฏิบัติกับลูกและ หม่ามี้ของลูกเหมือนเป็นสมบัติ”

“อีกคนที่คุณต้องปฏิบัติให้ดีๆ แต่ตอนนี้เป็นความ ลับ เดี๋ยวหม่ามี้คงบอกคุณ! เธอคือนางฟ้า!”

กานต์ยิ้มอย่างค่อนข้างสุขใจ

นึกถึงกมล เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา

กมลคือนางฟ้าจริงๆ เป็นนางฟ้าของเขาและหม่ามี้ และของพ่อบุญธรรมด้วย เขาเชื่อว่ากมลก็ต้องเป็น นางฟ้าของบุริศร์อย่างแน่นอน

แต่บุริศร์ไม่รู้ว่ากานต์พูดถึงใคร คิดว่าคือรเมศ ก็ รู้สึกอิจฉาสักพักหนึ่ง แต่นึกขึ้นว่าห้าปีที่ผ่านมานี้รเมศ คอยอยู่เป็นเพื่อนและคอยปกป้องพวกเธอแม่ลูก บุริศร์ ก็ทำได้แค่ระงับความอิจฉาเอาไว้

เขาควรขอบคุณรเมศ!

แต่ความรู้สึกเขาก็รู้ว่ารเมศคือศัตรูหัวใจของตน

เห็นได้ชัดว่ากานต์ชอบรเมศมาก

“กานต์ ลูกชอบรเมศใช่ไหม?”

“แน่นอน พ่อบุญธรรมดีกับผมมากความสามารถ ของผมพ่อบุญธรรมก็เป็นคนหาคนมาสอนผม”

เมื่อกานต์พูดถึงรเมศเขารู้สึกภาคภูมิใจเป็นพิเศษ นี่มันที่มแทงบุริศร์อย่างลึกซึ้ง

“จริงๆ แล้วทักษะการแฮ็กของลูกก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ ถึงรเมศจะหาคนมาสอนลูก แต่ก็ยังไม่เก่ง วันหลัง พ่อจะสอนลูกเอง”

กานต์กำลังจะพูดว่าไม่ต้อง แต่เขานึกขึ้นได้ว่า ตอนแข่งกับบุริศร์ ตัวเองเกือบล้มเหลวอย่างอนาถ จึง พูดขึ้นอย่างไม่เต็มใจ “ผมยังเด็ก อย่าดูถูกเด็กๆ ที่ยัง ไม่เก่ง”

“เฮ้ รู้จักคำว่าอย่าดูถูกเด็กๆ ที่ยังไม่เก่งด้วยเหรอ? ภาษาจีนของลูกดีมากเลย หม่ามี้ของลูกสอนเหรอ?”

“ผมอ่านหนังสือเอง มีหนังสือมากมายในบ้านพ่อ บุญธรรม ผมไม่มีอะไรทำก็ชอบนั่งแช่อยู่ในนั้น”

กานต์เอาแต่พูดถึงรเมศ บุริศร์แค่รู้สึกว่าหนามที่ ที่มแทงหัวใจมันเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ

“ถ้าลูกชอบ พ่อก็เอาห้องสมุดทั้งห้องมาให้ลูกได้”

“พ่อบุญธรรมบอกว่า สิ่งที่คุณชอบจริงๆ จะครอบ ครองเป็นของตัวเองหมดเลยไม่ได้ แบ่งปันทุกคนจะดี กว่า โดยเฉพาะความรู้มากมายแบบนี้ อย่าให้คนอื่น เสียโอกาสในการอ่านเพราะตัวเอง ดังนั้นคุณไม่ต้อง เอาห้องสมุดทั้งห้องให้ผมหรอก ผมกลับไปอ่านที่ห้อง

สมุดเองได้” กานต์พูดจาเหมือนเป็นผู้ใหญ่ แต่ทำให้บุริศร์รู้สึก แย่ขึ้นเรื่อยๆ

“พ่อบุญธรรมพูดอย่างนั้นพูดอย่างนี้ นอกจากพ่อ บุญธรรมแล้ว ลูกชื่นชมใครอีกบ้าง?”
“ไม่มีแล้วฮะ พ่อบุญธรรมของผมเก่งจริงๆ! ไม่ได้ เก่งแค่ด้านธุรกิจนะ แต่การฟันดาบ การวิ่ง พ่อ บุญธรรมผมก็ทำได้ทั้งนั้น”

กานต์ยิ่งพูดแบบนี้ บุริศร์ก็ยิ่งอิจฉาอย่างมาก

ผู้หญิงของตัวเองถูกผู้ชายคนอื่นดูแลมาห้าปี มันก็ มากพอที่จะทำให้เขากลัดกลุ่มแล้ว อีกอย่างผู้ชายคน นั้นก็คิดไม่ซื่อกับนรมนด้วย และลูกชายตัวเองก็ยัง บูชาศัตรูหัวใจของตนขนาดนี้ แบบนี้มันดีจริงๆ เหรอ?

เขาจะทำอย่างไรให้กานต์มองเขาอย่างชื่นชม?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ