แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 681 คนสมัยนี้ขับรถเหมือนไม่อยากมีชีวิต



บทที่ 681 คนสมัยนี้ขับรถเหมือนไม่อยากมีชีวิต

ความรู้สึกนี้ทำให้นรมนรู้สึกแย่มาก เธอรีบขับรถไปที่โรง พยาบาล และเมื่อนาทีแรกที่เข้าในห้องผู้ป่วยหนัก และมองเห็น ริศ นอนอยู่ ก็ทําให้เธอจิตใจกระสับกระส่าย

“คุณพยาบาลคะ ฉันขอเข้าไปดูได้ไหมคะ? แค่ประเดี๋ยว ฉัน คือภรรยาของเขา

นรมนเห็นพยาบาลเดินผ่านมา จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออก มาและพิมพ์ลงไป

เมื่อพยาบาลเห็นท่าทางของนรมนเช่นนี้ เธอจึงพูดด้วยความ นําบากใจ “ฉันจะไปขอคำสั่งจากผู้อำนวยการ

“ขอบคุณมากค่ะ กรุณามากแล้ว”

นรมนรออย่างใจจดใจจ่ออยู่นอกห้องผู้ป่วยหนัก

เมื่อผู้อำนวยการมา และเห็นท่าทางของนรมนเป็นเช่นนี้ เขาก็

รู้สึกทนไม่ได้ ก่อนจะพูดเสียงต่ำว่า “ผู้ป่วยยังไม่ได้สติ ตามหลัก

แล้วไม่สามารถเข้าไปดูได้ แต่สถานการณ์ของคุณเป็นกรณีพิเศษ

สามารถใส่ชุดปลอดเชื้อเข้าไปดูได้ แต่อย่าใช้เวลานานเกิน

มากสุดผมให้แค่ครึ่งชั่วโมงแล้วต้องออกมา ได้ไหมครับ? อย่า

ทำให้ผมรู้สึกลำบากใจ

นรมนรีบขอบคุณเขา
พยาบาลให้ชุดปลอดเชื้อแก่นรมน และหลังจากเปลี่ยนชุด แล้ว เธอก็เดินเข้าไปข้างใน

ภายในห้องผู้ป่วยหนักคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ

นรมนรู้ว่าบุริศร์ไม่ชอบกลิ่นนี้ แต่ตอนนี้เขานอนนิ่งอยู่ที่นี่ ทำให้นรมนรู้สึกไม่สบายใจ

เธอเดินไปตรงหน้าบุริศร์ ก่อนจะพบว่ามีบาดแผลเล็กๆ มากมายทั้งบนศีรษะและใบหน้า ซึ่งน่าจะเกิดบาดแผลเมื่อตอน ล้มลง

นรมนยื่นมืออันสั่นเทาไปใต้จมูกของบุริศร์ และพบว่ามีลม หายใจที่อ่อนแรง หัวใจของเธอตกลงไปอยู่ตาตุ่ม

เธอนั่งอยู่ข้างเตียงของบุริศร์ และมองเขา เธอมีเรื่องจะพูดกับ

เขามากมาย แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ

นรมนจับมือของบุริศร์ พลางอธิษฐานให้เขาตื่นรีบตื่นขึ้นมา เสียที แต่บุริศร์ก็ยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และเปิดดูข้อความสุดท้ายที่บุ ริศ ส่งถึงเธอ

เขาบอกว่าเขารักเธอ

นรมนยิ้มพลางร้องไห้น้ำตาไหลเป็นสาย

“บุริศร์ ฉันก็รักคุณ รักมากกว่าใครทุกคนบนโลก

ปากของเธอขมุบขมิบ แต่ก็น่าเสียดายที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยินเสียงของเธอเอง

ครึ่งชั่วโมงหายวับไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อพยาบาลเคาะประตูกระจกด้านนอก นรมนก็รู้ว่าเธอต้อง ออกไปแล้ว

เธอจูบหน้าผากของบริศ อย่างไม่เต็มใจ ก่อนจะหันหลังเดิน

จากไป

ทุกอย่างนี้ บริศร์ไม่รู้อะไรสักอย่าง

นรมนเดินออกจากห้องผู้ป่วยหนัก ด้วยจิตใจที่หดหูเป็นพิเศษ แต่เธอรู้ว่าตัวเองต้องยืนหยัดให้ได้

เพราะว่าบริศ ต้องการเธอ เด็กๆก็เช่นกัน

ไม่ว่าเธอจะล่ามากแค่ไหน ก็ต้องเข้มแข็งและฝ่าฟันไปให้ได้

เมื่อเห็นนรมนเดินออกมา ผู้อำนวยการเห็นท่าทางที่เข้มแข็ง ของสาวใบ้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะนับถือเธอ

“คุณนายบุริศร์ ผมคิดว่าผมต้องบอกเรื่องนี้กับคุณ

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้อำนวยการพูด นรมนรีบพยักหน้าอย่าง รวดเร็ว “ประธานบริศร์ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะระหว่างการล้ม ทำให้เลือดคั่งที่ศีรษะ ไม่ได้กระจายออกไปชั่วคราว ดังนั้นมันจึง กดประสาทและขวางไม่ให้เขาตื่น และอีกสาเหตุหนึ่งคือผมพบ ว่าเส้นประสาทสมองของประธานบริศร์ผิดปกติเล็กน้อย ขออภัย ถ้าผมบุ่มบ่ามถาม เขาเคยได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนแรงหรือไม่หรือได้รับการกระตุ้นจิตใจ? ”

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ก่อนจะพิมพ์ข้อความว่า “ครั้ง หนึ่งเขาเคยถูกสะกดจิต และยังคงไม่ได้รับการแก้ไข

“มิน่าถึงเป็นแบบนี้ ถ้าหากเป็นแบบนี้ คุณนายบุริศร์ ผม ขออภัยถ้าจะพูดตรงๆ อาการป่วยของประธานบริศร์ผมรักษาไม่

ได้ครับ”

ผู้อำนวยการกล่าวขอโทษเล็กน้อย แม้ว่านรมนจะเตรียมพร้อมทางใจ แต่ก็ยังมีความเจ็บปวด

ผู้อำนวยการมีคำแนะนำที่ดีไหมคะ?”

นรมนมองไปที่ผู้อำนวยการด้วยความเศร้าโศก

ผู้อำนวยการส่ายหน้าก่อนพูดว่า “การผ่าตัดส่วนศีรษะ เป็นการผ่าตัดที่อันตรายมาก หากเขาไม่ได้รับการกระตุ้นทาง จิตใจ ในกรณีที่เลือดไม่สามารถกระจายออกไปได้ เราจะเตรียม ผ่าตัดเปิดกะโหลก แต่ในกรณีนี้ เมื่อเราได้ทําการผ่าตัดเปิด กะโหลกแล้ว เส้นประสาทสมองที่ได้รับบาดเจ็บของเขาจะถูกบีบ ด้วยอากาศซึ่งอาจทําให้เส้นเลือดแตกได้ง่าย ในเวลานั้นเราอาจ ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ทันเวลา ผมรู้ว่าครอบครัวของ คุณนายบุริศร์นั้นทั้งร่ำรวยและมีอำนาจ อย่างนั้นเป็นสิ่งที่ดีครับ ประธานบริศร์ไม่เหมาะกับการย้ายชั่วขณะ คุณสามารถใช้คอน เนคชั่นคุณหาได้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญด้านสมองทั้งในและต่าง ประเทศที่สามารถแก้ปัญหานี้ให้กับประธานบริศร์หรือไม่ โปรด โทรติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อดำเนินการโดยเร็วที่สุดครับ”
นรมนชะงักงันไปทั้งร่าง

เธอพิมพ์อย่างรีบร้อนใจ สามารถหานักสะกดจิตมาแก้ อาการสะกดของเขาได้ไหมคะ?”

“คุณนายบุริศร์ การสะกดจิตต้องให้คนตื่น ตอนนี้เนื้อสมอง ของประธานบุรีศร์อยู่ในสภาพหลับสนิทและไม่มีทางจะสะกดจิต ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นเส้นประสาทสมองของเขาได้รับความเสีย หายอย่างรุนแรง แม้ว่าจะถูกสะกดจิต ก็ไม่เห็นมีประโยชน์แต่ อย่างใด”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้อำนวยการพูด ใจของนรมนก็จมดิ่งลงไป

“เขาจะมีโอกาสรักษาหายมากน้อยแค่ไหน?” “ไม่แน่ใจครับ มากสุดมาเกินสิบเปอร์เซ็น”

ผู้อำนวยการไม่สามารถหลอกลวงนรมนได้ เขาทำได้เพียง บอกความจริงเท่านั้น

ใจของนรมนเศร้ามาก แต่เธอมองไปที่บุริศร์ในห้องผู้ป่วย หนัก ก่อนที่ทันใดนั้นก็มีความหวังอันริบหรี่เกิดขึ้น

ไม่ว่าบุริศร์จะเปลี่ยนเป็นอย่างไร ยังไงก็ยังมีความหวัง 10% อยู่เสมอ ใช่หรือไม่?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ นรมนก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

เธอต้องให้ความเชื่อมั่นกับตนเอง ไม่เช่นนั้นหากเธอล้มลง ใครจะไปหาหมอให้บริศร์?
“ขอบคุณค่ะ ผู้อำนวยการ เวลานี้รบกวนพวกคุณแล้ว ไม่ต้อง ห่วงเรื่องเงินเลยค่ะ ตราบใดที่เขายังคงดีอยู่ เงินเท่าไหร่ก็ไม่ เกี๋ยง”

นรมนรู้ดีว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ในเวลานี้มันเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะไม่มีเงิน

ผู้อำนวยการพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อนรมนเดินออกจากโรงพยาบาล เธอรู้สึกมือเท้าหนักอึ้งไป หมด

เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่า การสะกดจิตแบบนั้น ในตอนแรกจะ ทำให้สถานการณ์ตอนนี้ยากลำบากเช่นนี้

นรมนอดไม่ได้ที่จะเกลียดแม่บริศร์อีกครั้ง แต่ก็น่าเสียดายที่

เธอไม่ได้อยู่อีกแล้ว

เมื่อเธอเดินออกมาจากโรงพยาบาล นรมนก็หยุดสูดหายใจ ทันใดนั้นรู้สึกกระหายน้ำเล็กน้อย เธอจึงเดินไปอีกด้านเพื่อซื้อน้ำ

ในขณะนี้ รถตู้คันหนึ่งก็ได้ขับตรงมาหาเธอ

“ระวัง สาวน้อย”

คุณป้าท่าทางใจดีตะโกนไปยังนรมนด้วยความตระหนัก เมื่อนรมนหันหน้าไปดู รถตู้คนนั้นก็ขับตรงมายังเธอ

ในช่วงเวลาวิกฤตินั้น นรมนก็จับมุ้งลวดด้วยมือข้างเดียว ก่อน จะกระโดดข้ามไป รถตู้ขับอย่างอันตรายออกห่างจากเธอไปอย่างไม่หยุดพัก

นรมนรู้สึกกลัวเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าเมื่อกี้คนขับรถตู้มีความคุ้น เคยเล็กน้อย แต่ก็คิดอะไรไม่ออก

“เฮ้ย คนสมัยนี้ขับรถไม่กลัวความตายกันเลย

เมื่อเห็นว่านรมนไม่เป็นไร คุณป้าก็ถอนหายใจด้วยความโล่ง

อก

นรมนพยักหน้าให้คุณป้าด้วยความขอบคุณ หลังจากนั้นก็เดิน กลับไปยังลานจอดรถด้วยใจที่หวาดกลัว

ฉากเมื่อกี้ ราวกับคำสาปแช่งของผีร้ายที่พริบพราย ในหัว สมองเธอ

มีคนอยากให้ตนเองตาย!

ใครกัน?

เธอนึกถึงคนกลุ่มนั้นได้เมื่อคืนวานของอาหารมื้อค่ำ พวกเขา จะอยู่ด้วยกันไหม?

นรมนคิดอย่าง ใจลอย เธอไม่สังเกตด้วยซ้ำว่ารถเข้ามาใน ลานจอดรถเมื่อไหร่

ไม่สามารถนึกถึงเบาะแสใดๆ ได้ นรมนสตาร์ทรถและกำลัง จะขับออกไป

ทันทีที่รถออกจากลานจอด นรมนก็มีความรู้สึกอย่างไรว่ามี รถคันหนึ่งขับตามเธอมา
คิ้วของเธอขมวดเล็กน้อย

ในเวลานี้ ข้อความใน WeChat ของคมทิพย์ก็เด้งขึ้นมา

“นรมน ยังอยู่ที่โรงพยาบาลไหม? ส่งตำแหน่งมาหน่อย พวก เราจะไปเยี่ยมบุริศร์”

นรมนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา คิดจะตอบกลับไป แต่รถที่อยู่ข้าง

หลังกลับกระแทกชนเข้ามา

รถสั่นอย่างรุนแรง โทรศัพท์กระเด็นตกไปอยู่ใต้เบาะ นรมนไม่มีเวลาส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากคนทิพย์ หรือใครทั้งนั้น

รถที่อยู่ข้างหลังพุ่งเข้ามาชนรถของนรมนอย่างบ้าคลั่ง

นรมนรู้ว่า เธอถูกจับตามอง

ครั้งแรกไม่สำเร็จ ยังมีครั้งที่สอง กระทั่งถึงมีครั้งที่สามรอตัว เองอยู่

แต่ที่นี่ เธอไม่ได้รุกรานใคร ใครเล่าจะต้องการชีวิตของเธอ? นรมนคิดไม่เข้าใจ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่คิดแล้ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการช่วยชีวิตตัวเอง

เธอเร่งเครื่องอย่างรวดเร็ว

ตอนที่เลือกซื้อรถครั้งแรก โชคดีที่เลือกรถที่มีสมรรถนะดี ตอนนี้มันง่ายที่จะใช้หลบหนี
ทันใดนั้นรถของนรมนก็เร่งความเร็วขึ้น ส่วนรถคันหลังก็เร่ง ความเร็วขึ้นตามเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าความเร็วแย่ลงเล็กน้อย

เมื่อใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้ได้ นรมนขับรถไปที่ถนนฝั่ง ตรงข้ามอย่างรวดเร็ว จากนั้นเลี้ยวหักศอก เลี้ยวรถ ขับรถอย่าง รวดเร็วไปยังทางที่จากมา

การกระทำทุกอย่างราบรื่นและรวดเร็วเป็นพิเศษ รถที่อยู่ข้าง หลังมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับ และกำลังคิดจะทำตามนรมน เมื่อ มีรถเข้ามาในเลนตรงข้าม พวกเขาไม่สามารถหักหลบได้ ก่อน ชนกับรถฝั่งตรงข้ามโดยตรง

นรมนเห็นฉากนี้ผ่านกระจกมองหลังรู้ว่าตัวเองรอดพ้นจาก อันตรายมาได้ชั่วคราว

เธอขับรถไปจอดข้างทางอย่างรวดเร็ว จากนั้นหยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาและส่งข้อความถึงคมทิพย์

“ฉันไม่ได้อยู่โรงพยาบาล พวกเธอรอฉันที่โรงแรม

หลังจากส่งข้อความ นรมนก็รีบกลับโรงแรม

คมทิพย์รู้สึกงงเล็กน้อย หลังจาได้ข่าวจากนรมน แต่ก็ไม่ได้ ถามอะไรมาก เธอเพียงอยู่กับปัญญ์และมายด์ที่ในโรงแรม

มายด์มองไปที่ปัญญ์ รินน้ำให้เขาหนึ่งแก้ว ก่อนจะเอาถั่วลิสง และผลไม้แห้งไปให้ตรงหน้าปัญญ์ ปอกเปลือกถั่วลิสงให้เขา อย่างกระตือรือร้น
“ใจดีจริง!”

ปัญญ์ชอบบริการแบบนี้เป็นพิเศษ เขาลูบศีรษะของมายด์เพื่อ เป็นการชมเชย

ใบหน้าของมาย เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

คมทิพย์ไม่คุ้นกับท่าทางของมายด์ ก่อนจะดึงมายไปข้าง หลัง และพูด “ไม่มียางอายหรือ? เป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว ยังจะ ให้เด็กมาปรนนิบัติ น่าอายจริง”

“ใครเรียกฉันว่าหล่อกันนะ”

ปัญญ์ยกยอตัวเอง

มายด์รีบออกมาแก้ต่างแทนปัญญ์ทันที

“ไม่ใช่ความผิดของเขา เป็นฉันที่เต็มใจให้เขาเอาเปรียบ

“นี่เธอคิดเข้าข้างตัวเองหรือ? พี่สาว เป็นเพราะเธอริษยาฉัน เพราะว่ามายด์ไม่ให้เธอเอาเปรียบ! ฮ่าฮ่าฮ่า”

ท่าทางอวดดีของปัญญ์ ทำให้คมทิพย์ไม่อยากจะ เธอหยิบ หมอนขึ้นมา แล้วโยนไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาของปัญญ “ทําไมไม่ตายไป!”

ปัญญ์หยิบหมอนขึ้นมา และยิ้มอย่างกวนเท้าเป็นพิเศษ

“มายด์รักฉัน ทนไม่ได้ที่จะเห็นฉันตายหรอก ใช่ไหม? มายด์?”
ในขณะที่เขาพูด มือของเขาก็บีบใบหน้าเล็ก ๆ ของมายด์โดย ไม่รู้ตัว ก่อนจะพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “ทำไมเธอผอมอย่างนี้ ปกติไม่ค่อยกินอะไรเหรอ? ไม่ได้นะ เธอต้องกินให้เยอะ ไม่อย่าง นั้นจะมีแรงแกะถั่วให้ฉันเหรอ? จริงไหม?”

ปัญญ่ไม่ได้คิดว่าคำพูดติดตลกของเขา จะสร้างมายด์ใน อนาคตให้เป็นคนอ้วน แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ค่อยคุยกันทีหลัง

เมื่อปัญญ์ คมทิพย์และมายด์กำลังกระเช้าเย้าแหย่กันอย่าง สนุกสนาน นรมนก็กลับมา แต่ท่าทางจนตรอกของเธอ ทำให้ทุก คนตกตะลึง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ