แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1261 ผมอยากใช้เวลาร่วมกันสองคน



บทที่ 1261 ผมอยากใช้เวลาร่วมกันสองคน

บริศร์ค่อนข้างคุ้นหูกับเสียงนี้อย่างไม่สามารถอธิบายได้ เขาค่อยๆ หันกลับไป ก็เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กสวมชุดสูทเดิน ออกมา

เมื่อธนเห็นบุริศร์กับนรมนก็อึ้งไปเช่นกัน ครั้งก่อนที่สวน สาธารณะเห็นบุรีศร์ไปตามหากมล เขาจึงรู้ว่าคนตรงหน้าเป็น ใครไปโดยปริยาย และผู้หญิงข้างกายบุริศร์ที่ดูสุภาพสง่างาม เขาเดาว่าต้องเป็นหม่ามีของกมล

พวกเขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร?

ถ้าพวกเขาอยู่ กมลก็อยู่ด้วยใช่ไหม?

ธนธีตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“คุณลุงบุริศร์คุณลุงมาที่นี่ได้ไงครับ?”

นโมนเห็นอีกฝ่ายเรียกชื่อของบุริศร์ออกมาอย่างชัดเจน จึงอด ถามไม่ได้ “นี่ใครคะ? ”

“ไอ้เด็กเหลือขอที่ต้มตุ๋นลูกสาวของเราครั้งก่อนที่สวน สาธารณะ”

มุมปากของธนธีกระตุกไปกับคำพูดนี้ของบุริศร์ ทำไมคุณลุงบุริศร์ถึงได้จงใจเป็นศัตรูกับเขาแบบนี้?
นรมนกลับมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว

“เธอชื่อธนธีรี? กมลเคยพูดถึงเธอให้ฉันฟัง เมื่อกี้เธอเป็นคน สีไวโอลินใช่ไหม?

“ครับ คุณป้าคงรู้สึกว่าน่าตลก ธนธีดูมีความเป็นผู้ดี แค่มองก็รู้ว่าเป็นคนที่ได้รับการสอนมา อย่างดีตั้งแต่เด็ก

นรมนมองแล้วผ่อนคลายมาก

“เปล่าเลยจ้ะ เธอสีได้ไพเราะจริงๆ เมื่อกี้ฉันยังคิดว่าผู้ใหญ่ เป็นคนสี ฝีมือการแบบนี้ไม่สามารถทำได้ในปีสองปี

ได้ยินนรมนเอ่ยชมตนเอง ธนดีใจ กลับยังคงพูดถ่อมตัว “ไม่ หรอกครับ ผมแค่ฝึกฝนมากกว่าคนอื่นแค่นั้นเอง”

“ครอบครัวของพวกเราไม่ต้องการลูกเขยจากครอบครัว

ศิลปิน”

บุริศร์พูดจบก็ดึงนรมนออกไป

ธนธัชะงักงัน

ครอบครัวศิลปินมีอะไรไม่ดีตรงไหน?

“คุณลุงบุริศร์ คุณลุงเข้าใจอะไรผมผิดไปหรือเปล่าครับ?” ธนรีบเอ่ยถาม ไม่สบายใจอย่างยิ่ง

คราวก่อนท่าทางของคุณลุงบุริศร์ไม่ได้แย่ขนาดนี้
คนอายุน้อยอย่างเขาจะคิดได้อย่างไรว่าในฐานะพ่อคนหนึ่งจะ มีท่าทางที่ดีต่อผู้ชายหรือเด็กผู้ชายที่ต้องการจะได้ลูกสาวของ ตนเองได้อย่างไร?

“ไม่มีอะไรเข้าใจผิด พวกเราเป็นครอบครัวนักธุรกิจ ต้องการ ลูกเขยที่มีหัวในด้านธุรกิจไปโดยปริยาย ครอบครัวศิลปินอะไร นั้น เป็นแค่อารมณ์สุนทรีย์สำหรับพวกเรา ไม่ใช่แผนการอยู่รอด ระยะยาว อีกอย่าง หยกชิ้นนั้นที่เธอเอาให้กมลเดี๋ยวฉันจะให้คน เอามาคืนเธอ ฉันอยากจะคืนเธอมาตลอด แต่เพราะหาตำแหน่ง ที่อยู่แน่นอนของพวกเธอไม่เจอจึงล่าช้าแบบนี้

น้อยครั้งมากที่บริศร์จะพูดกับเด็กเมื่อวานซืนเยอะขนาดนี้ แต่ น้ำเสียงไม่ดีเอามากๆ

นรมนถึงกับงุนงงเมื่อได้ยินความดุเดือดเลือดพล่าน

เธอดึงแขนเสื้อบุริศร์ กระซิบว่า “คุณพูดแบบนี้กับเด็กแบบนี้

ไม่มีมารยาทเลยนะ”

“ผมก็ไม่ได้คิดจะมีมารยาทอยู่แล้ว ไปเถอะ”

บุริศร์พูดจบก็ดึงนรมนไป

พ่อบ้าน โมโหคิดจะพูดอะไรแทนธนธี กลับถูกเขาห้ามไว้ เขาทําหน้าเศร้า

นี่โดนคุณลุงบุริศร์รังเกียจเหรอ

หรือกมลก็คิดแบบนี้?
เขามองบุริศร์กับนรมนเข้าไปในคฤหาสน์สไตล์โบราณฝั่งตรง ข้าม อดแปลกใจไม่ได้

เขาจําได้ชัดเจน เขาเคยถามอีกฝ่ายแล้ว แต่อีกฝ่ายบอกว่า เจ้าของเป็นคนนามสกุลธนาศักดิ์ธน แต่ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่ากมล อาศัยอยู่ด้านในอย่างคาดไม่ถึง

เขาจะต้องคลาดกับกมลแบบนี้เหรอ?

นัยน์สวยงามของธนธีมีความเศร้าสลดแวบหนึ่ง

“พ่อบ้านสืบให้หน่อยว่าพวกเขาจะไปที่ไหน จองตั๋วเครื่องบิน ไฟลท์เดียวกัน ให้ผมด้วย ผมจะไปกับพวกเขา

ถึงแม้ธนธีจะเด็ก แต่พูดจาอย่างทะนงตัวมาก ทำให้พ่อบ้าน นําบากใจทันที

“นายน้อยครับ หลังจากนี้หนึ่งอาทิตย์คุณจะต้องเข้าร่วมการ แข่งขันเปียโนรุ่นเยาวชน นี่คือการสอบระดับหกของคุณ ถ้าคุณ ไม่ไป เกรงว่าคุณผู้ชาย…….

“คุณเอาแต่ทำตามคำสั่งของพ่อผม คำพูดของผมไม่มีค่าเลย

ใช่ไหม? ”

ธนเลิกคิ้วขึ้น ทำให้ความกดดันโจมตีพ่อบ้านทันที

“ไม่ใช่นะครับ แต่เวลานี้ถ้าเกิดตะกุกตะกักขึ้นมา คุณผู้ชาย อาจจะตำหนิได้ คุณเองก็รู้ คุณผู้ชายค่อนข้างเข้มงวดกับคุณ

“งั้นก็นําหนิไปเถอะ”
ธนพูดจบก็เดินเข้าไป แต่ที่หางตายังมีความอาลัยอาวรณ์

เขาอยากไปมาหาสู่กับกมล อยากเหลือเกิน ความปรารถนา

มากเกินการเชื่อฟังพ่อของเขา และมากเกินกว่าความรักที่มีให้ ต่อดนตรี ทุกคนต่างอิจฉาที่เขาเกิดมาในครอบครัวนักดนตรี ต่างบอก

ว่าเขามีพรสวรรค์ทางดนตรี ในอนาคตจะสามารถผลักดันทุก

อย่างของพ่อแม่ได้แน่นอน

คุณปู่ของเขาคือนักเปียโนที่มีชื่อเสียง พ่อของเขาคือนัก ไวโอลินที่มีชื่อเสียง ส่วนแม่ของเขารับตำแหน่งหัวหน้าวงโอ เปร่าของประเทศ แม้แต่พี่ชายและพี่สาวของเขาก็ได้รับรางวัลจน เต็มไม้เต็มมือตั้งแต่ยังเด็ก

ตั้งแต่ธนธ่เกิดมาก็ถูกบอกว่า ดนตรีคือเส้นทางการอยู่รอด ของครอบครัวพวกเขา เป็นเส้นทางสืบต่อ ไม่ว่าจะชอบหรือเปล่า ตอนเขาเพิ่งจะรู้เรื่องก็เริ่มทำความรู้จักกับบันไดตัวโน๊ตห้าเส้น นี่ คือกฎของพวกเขาตระกูลพูนเจริญ

หลายปีผ่านมา เขาคิดว่าตนเองเคยชิน คิดว่าตนเองชอบ ดนตรีจริงๆ ท่วงทำนองโน้ตดนตรีที่ระรื่นหูนั้นทำให้เขาลืมความ ทุกข์ใจทุกอย่าง สามารถทำให้จิตใจที่ฉุนเฉียวสงบลง แต่ตั้งแต่ ที่ได้เจอกมล เขาตกใจที่เหมือนบนโลกใบนี้มีนางฟ้าจริงๆ นางฟ้าที่ทำให้เขายอมหักปีกแห่งดนตรีเพื่อได้อยู่ใกล้ชิด

ทำธุรกิจ?

สิ่งนี้สำหรับตระกูลพูนเจริญเป็นการกระทำที่น่าอัปยศ
ตระกูลพูนเจริญคิดว่าศิลปะเป็นอาชีพศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ ที่สุด ลูกของตระกูลพูนเจริญก็ต้องเดินตามเส้นทางศิลปะถึงจะ ถูกต้อง ส่วนนักธุรกิจในสายตาของพวกเขาคือสามัญชนที่หวัง แต่ประโยชน์ลูกเดียว หากพวกเขารู้ว่าเขาต้องการทำธุรกิจ เกรง ว่าจะกีดขวางต่างๆ นานา

ธนขมวดคิ้วแน่น ถึงแม้จะอายุเพียงเจ็ดแปดขวบ กลับมี ความหนักแน่นและเฉลียวฉลาด

หลังจากนรมนตามบุรีศร์กลับมาที่คฤหาสน์สไตล์โบราณ ก็ ถามอย่างแปลกใจ “ทำไมคุณถึงไปโจมตีเด็กแบบนั้น? ”

“มองไม่ออกเหรอว่าไอ้เด็กคนนั้นมันคิดยังไงกับลูกสาวของ

หัวคิ้วของบริศ สามารถบีบแมลงวันตายได้อย่างง่ายดาย

นรมนฟังจบก็หลุด ออกมา

“บุริศร์ คุณจินตนาการมากไปหรือเปล่า? ลูกสาวของคุณเพิ่ง จะห้าขวบเอง เด็กคนนั้นก็อายุแค่เจ็ดแปดขวบ จะคิดอะไรกับ ลูกสาวคุณ? เขาดูแก่แดดเกินไปเหรอ? หรือคุณหวาดกลัวเกิน ไป? คุณคิดว่ากมลเป็นสิ่งล้ำค่า เขาอาจจะไม่ได้ชอบก็ได้

บุริศร์กลับทำหน้าขรึม “ไม่ชอบแล้วจะให้หยกกับลูกสาวคุณ เป็นของแทนใจได้ยังไง? นั้นเป็นหยกชิ้นดี ประเมินค่าไม่ได้ เป็น ของหายาก”

“เขาอาจจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรไม่รู้ความล้ำค่าของหยกนั้นก็ได้?

นโมนพูดไม่ค่อยรื่นหูสักเท่าไหร่

บุริศร์ยิ้มอย่างเย็นชา “คุณดูความทะนงตัวของเขาเมื่อกี้นี้สิ คุณคิดว่าเขาเป็นแค่เด็กทั่วไปเหรอ? ผมสืบมาแล้ว ตระกูลพูน เจริญเป็นผู้เล่นคนสำคัญในเทศกาลดนตรีมาตลอด ลูกชายหญิง ของพวกเขาถูกเลี้ยงดูให้มีสมบัติผู้ดีและมีมารยาททางสังคม ถึง แม้พวกเขาจะทำงานด้านศิลปะอย่าง ใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ใครจะรับ ประกันได้ว่าจิตใจของพวกเขาจะบริสุทธิ์ตามด้วย? ยังไงก็ตาม ต้องมีความคิดไม่ดีกับลูกสาวของผม

นรมนหมดคําพูดทันที

“คุณคิดจะเลี้ยงดูกมลอยู่ในบ้านไปตลอดชีวิตใช่ไหม? ” “ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ ตระกูลโตเล็ก ใช่ว่าจะเลี้ยงเธอไม่ได้

บริศ พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ นรมน โกรธจนส่ายหน้า แต่ ก็ทําอะไรไม่ได้

เธอไปในน้ำให้ตนเองแก้วหนึ่ง จะได้ไม่ต้องโกรธบุริศร์จนแย่

บริศ เห็นภรรยาของตนเอง โมโหเล็กน้อย จึงรีบพูด “อย่า บอกนะว่าคุณพอใจไอ้เด็กนั้น? กานต์กับกิจจาของพวกเรายัง เหนือกว่าเขาอีก คุณอย่าถูกภายนอกของเขาหลอกเอาได้ และ อีกอย่าง ผิวพรรณขาวเนียนแบบนั้นไม่เหมาะสมกับกมลของ พวกเรา”

“ฉันไม่ได้โกรธ แค่รู้สึกว่าช่วงนี้คุณเป็นกังวลมากไปหน่อยเมื่อวานกังวลว่าแฟนสาวของกานต์กำลังมองหาอะไร วันนี้ก็ กังวลเรื่องของกมลอีก บุริศร์ คุณไม่รู้สึกว่าช่วงนี้คุณเอาใจใส่ มากเกินไปหน่อยคะ? ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเด็กสองคนตอนนี้ยัง เล็ก ถึงแม้จะโตแล้ว พวกเขาทั้งสองคบกัน ก็เป็นวาสนาของ เด็กๆ เอง ตอนนี้คุณจะกังวลใจสุ่มสี่สุ่มห้าไปทำไม? มีเวลาแบบ นี้นั้นมาคิดว่าพรุ่งนี้ออกเดินทางที่โมงถึงจะเหมาะสมดีกว่าไหม

นรมนไม่รู้จริงๆ ว่าสองวันนี้บริศ เป็นอะไรไป แต่การโต้เถียง ที่น่าเบื่อไม่ใช่เรื่องจําเป็น

บริศ คิดไปคิดมา จึงพยักหน้า ก้าวขึ้นไปโอบนรมน และ ใช้ใบหน้าเธอไปมา กระซิบถาม “คุณภรรยา พรุ่งนี้เช้าคุณคิด ว่าออกเดินทาง โมงดี?

ลมหายใจอุ่นๆ ของเขา รดลงบนใบหน้าจนจั๊กจี้ นรมนอยาก จะหัวเราะ

“อยู่นิ่งๆ เลยนะ คุณคือประธานบริศร์ ควรจะมีภาพลักษณ์ที่ เย็นชาเสมอไม่ใช่? ตอนนี้ทำไมถึงได้กลายเป็นแมวบ้านแบบ

“ต่อหน้าคุณ จะเป็นแมวยังไงก็ได้”

ในขณะที่บุริศร์พูด มือก็ล้วงเข้าไปในเสื้อนรมนอย่างซุกซน นรมนหน้าแดงขึ้นทันที

“บุริศร์ คุณจะทำอะไร? ”

“คุณมาที่นี่ อยู่ห่างจากลูกๆ หรือไม่ได้คิดจะใช้เวลาอยู่สองคนกับผม? ”

แววตายั่วเย้าของบริศร์กระตุ้นหัวใจดวงน้อยของนรมนเต้นรัว ตึกๆ ๆ ไม่หยุด

“พูดเหลวไหล ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น

เขาคิดว่าตัวเองเป็นอะไร?

นรมนพยายามดิ้น กลับถูกบุริศร์กอดแน่นขึ้นไปอีก

“คุณภรรยา งั้นผมก็เข้าใจผิดไป แต่ผมอยากใช้เวลาอยู่ร่วม กันสองคน”

“ไม่เอา บุริศร์ คุณวางมือไว้ตรงไหนเนี่ย? ”

นรมนร้องตกใจ คำพูดที่เหลือถูกบุริศร์กลืนลงไปในท้อง รอเธอรู้สึกตัว ก็มาอยู่ที่เตียงแล้ว

นรมนกลุ้มใจสุดๆ แต่ก็ไม่อาจขัดขวางการบุกโจมตีของบุริศร์ ได้ ทำได้เพียงดำผุดดำโผล่อยู่ในลมพายุที่เขานำเข้ามา

เช้าวันต่อมาตอนฟ้าสาง ทางฝั่งวินเซนต์ได้ส่งเครื่องบินส่วน ตัวไป มีรถรับเด็กๆ โดยตรงและขับมาที่ประตูคฤหาสน์สไตล์ โบราณ

แสงไฟสาดส่องมาที่หน้าต่างของธน เขาลืมตาขึ้นทันที

ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง หมอบที่หน้าต่างเห็นนรมนกับบริศร์ขึ้นรถ คันหนึ่ง หลังจากออกไปอย่างรวดเร็ว ก็รีบกระโดดลงจากเตียง อยากให้พ่อบ้านไปด้วย กลับไม่พบพ่อบ้าน
ประตูใหญ่ของบ้านถูกล็อก ส่วนกุญแจบล็อกอิเล็กทรอนิกส์ เห็นได้ชัดว่ามีคนเปลี่ยนรหัส

ธนสีหน้าเปลี่ยนทันที

เขารู้ว่า พ่อบ้านพูดอะไรกับพ่อ แค่กลัวว่าต่อจากนี้ตนเอง คงจะถูกติดตาม

กมลนาวบนรถเหลือบเห็นนรมนที่หาวแล้วถูกบุริศร์กอดเอาไว้ จึงอดพูดกับกิจจาไม่ได้ “พี่กิจจา หนูก็อยากกอดบ้าง

ในขณะที่พูดก็เอื้อมมือ โผไปหากิจจา

กิจจารีบรับเธอเอาไว้ ยื่นมือออกไปดึงเสื้อโค้ตมาคลุมบนไหล่

ของเธอ

“หลับไปนะ ถึงสนามบินพี่จะปลุกเธอ”

“อืม”

กมลพยักหน้า ผล็อยหลับไปอีกครั้ง

รถขับไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นช่วงเช้ามืด บนถนน จึงมีรถค่อนข้างน้อย พวกเขาเดินทางอย่างไร้สิ่งกีดขวาง แต่เมื่อ ใกล้ถึงสนามบิน อยู่ดีๆ คนขับก็พูดขึ้นมา “ประธานบริศร์ ด้าน หลังเหมือนมีรถตามพวกเรามา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ