แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1183 ทำไมเธอต้องทำแบบนี้



บทที่ 1183 ทำไมเธอต้องทำแบบนี้

“บรมน?”

คนแรกที่บุริศร์นึกถึงก็คือนรมน

เข้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นนรมนสีหน้าขาวซีดยืน อยู่ที่หน้าประตูห้องวาดรูป เห็นได้ชัดว่าได้ยินคำพูดที่ธรณีและบุ ริศ พูดคุยกันแล้ว และแก้วชาสีขาวที่อยู่ที่ปลายเท้าเธอ ก็ได้ แตกไปแล้ว

“อย่าขยับ เดี๋ยวผมมาเก็บเอง

บริศ รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย แล้วก็รีบร้องขึ้นมาคำหนึ่ง จาก นั้นก็ช้อนตัวนรมนอุ้มขึ้นมา แล้วก็อุ้มตัวไปนั่งลงบนโซฟาในห้อง รับแขกข้างนอก

ท่าทีของนรมนมีความเหม่อลอยเล็กน้อย

ข้อมูลเมื่อกี้มันน่าตกใจมากจริง ๆ

เธอก็แค่คอแห้งนิดหน่อย พอตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นบริศร์ก็เลย ลุกเดินลงมา แล้วเห็นทางนี้ไฟสว่างอยู่ ก็เลยมาดูสักหน่อย แต่ คิดไม่ถึงว่าจะมาได้ยินข่าวที่ช็อกโลกมากขนาดนี้
อารองเหรอ?

เหมือนกับว่าเธอจะไม่เคยได้ยินชื่อคนคนนี้ หรือว่าเห็นคนคน นี้ที่บ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดามาก่อนจริง ๆ

และรู้สึกมาตลอดว่าเหมือนจะขาดอะไรไปหน่อยหนึ่ง ตอนนี้ ถึงพบว่าขาดอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไปนั่นเอง

ใช่ พ่อเป็นพี่ใหญ่ แล้วก็มีอาสามกับอาเล็ก ทำไมถึงได้ขาด อารองไปคนหนึ่งล่ะ?

นึกมาตลอดว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเป็นตระกูลวีรบุรุษผู้กล้า เมื่อก่อนใคร ๆ ต่างก็พูดว่าผู้กล้าคนรองของตระกูลทวีทรัพย์ ธาดาได้พลีชีพไปในสนามรบ แม้แต่ธรณีก็ยังปลดประจำการก ลับมาเพราะขาทั้งสองข้าง เพราะฉะนั้นเธอก็เลยคิดว่าอารองก็ เป็นวีรบุรุษผู้กล้า เหมือนกับบิดาที่พลีชีพไปเหมือนกัน พอมา ตอนนี้ถึงได้รู้ว่า คนที่พลีชีพในตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็มีแค่พ่อ คนเดียวเท่านั้น

ความรู้สึกแบบนี้ทำให้นรมนรู้สึกไม่มีเอามาก ๆ เลย

ก็ไม่ใช่ว่าอารองยังมีชีวิตอยู่จะทำให้เธอทุกข์ใจ แต่เป็นเพราะ ว่าทั้งอาสามและอาเล็กตระกูลทวีทรัพย์ธาดาต่างก็ยังมีชีวิตอยู่ มีเพียงแต่พ่อของตัวเองเท่านั้นที่เป็นคนพลีชีพไป นี่มันรู้สึกน่าเสียดายมาก เลย แล้วก็มาได้ยินเรื่องความรักความเกลียดของพ่อกับอารอง และแม่กับป้าใหญ่เข้า ในใจของเธอก็ยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้นไปอีก

บริศร์กลัวว่าเศษแก้วจะบาดนรมนเข้า พออุ้มเธอไปนั่งลงบน โซฟาแล้วก็พูดเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “คุณนั่งรอก่อนนะ เดี๋ยวผม ไปเก็บกวาดเศษแก้วแป๊บหนึ่ง อย่างคิดมากล่ะ เรื่องบางอย่าง เกิดขึ้นแล้วก็คือเกิดขึ้นแล้ว พวกเราเป็นรุ่นลูกหลาน รู้แค่ความ จริงก็พอแล้ว ไม่มีทางที่จะไปตัดสินได้ว่าตอนนั้นใครผิดใครถูก ผมรู้ว่าคุณสงสารพ่อตา แต่ว่าตอนนี้ผมก็สงสารคุณเหมือนกัน รู้ ไหม?”

นรมนจ้องมองผู้ชายที่เป็นกังวลไม่หยุดคนนี้ แล้วใจที่เป็นทุกข์ อยู่ก็ค่อย ๆ เต็มไปด้วยความอบอุ่น ความซาบซึ้ง จากนั้นก็พยัก หน้าเล็กน้อย

พอบริศร์เห็นเธอเป็นเช่นนี้ แล้วถึงได้ลุกขึ้นไปหาไม้กวาดมาก

วาดเศษแก้วที่ตกแตกอยู่ให้เรียบร้อย

ในเวลาแบบนี้แล้ว พวกคนรับใช้ต่างก็เข้านอนแล้ว ไม่มีความ จําเป็นที่จะต้องไปปลุกพวกเขาตื่นเพื่อแก้วที่แตกใบเดียว

ธรณีเห็นว่านรมนได้ยินแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจทีหนึ่ง แล้วก็เข็นรถเข็นออกมาจากห้องวาดรูป “นรมน ที่จริงเรื่องพวกนี้ฉันไม่อยากจะให้เธอรู้เลยนะ “แต่ไม่ว่ายังไงหนูก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับรู้นี่คะ อาเล็ก” นรมนจ้องมองธรณี

เธอสามารถที่จะรับรู้ได้ถึงความเสียใจของธรณี แต่ไม่รู้ว่า ธรณียังปิดบังอะไรอยู่อีก

เมื่อกี้บริศร์ถามได้อย่างจุดมาก แต่ธรณีก็ไม่ตอบ เห็นได้ชัด ว่าเรื่องบางอย่างนั้นเป็นความจริง อย่างเช่นเรื่องที่อารองยังมีชีวิตอยู่ อย่างเช่นตอนนี้อารองอยู่ที่ประเทศ ข่าวแบบนี้สําหรับนรมนแล้วถือได้ว่าเป็นความสะเทือนใจ อย่างหนึ่ง

ประโยคที่สำคัญที่สุดคือประโยคนั้นที่บริศร์พูดว่า “สถานะ ของอารองอยู่ที่ประเทศนั้นไม่ต่ำต้อยเลยใช่ไหม?” สถานะไม่ต่างั้นเหรอ?
แล้วคือสถานะอะไรล่ะ?

ผู้นําประเทศเหรอ?

พอคิดถึงความเป็นไปได้แบบนี้ ร่างกายของนรมนก็สั่นไปที

หนึ่ง

จะเป็นไปได้ไหมว่า?

ราเชนจะเป็นลูกของอารอง

นรมนโดนการคาดเดาของตัวเองทำให้ตกใจจนสะดุ้ง แล้ว รู้สึกว่าการคาดเดานี้อาจจะเป็นจริงได้ แต่ก็อาจจะไม่ใช่

ธรณีจ้องมองใบหน้าของนรมนที่เดี๋ยวมืดขรึมเดี่ยวสว่าง ก็ เงียบขรึมไปเลยทันที

นรมนมีสิทธิ์ที่จะได้รู้ แต่ว่ามีเรื่องบางเรื่องเขาไม่อยากจะพูด

จริง ๆ

หลังจากที่บริศ เก็บกวาดเศษแก้วไปอย่างเรียบง่ายแล้วก็ กลับมา

พอเห็นว่านรมน ใส่เสื้อผ้าบาง ๆ อยู่ เขาก็ขึ้นไปชั้นบนไปเอา เสื้อคลุมมาคลุมลงบนตัวนรมน

บุริศร์จ้องมองธรณีที่หนึ่ง แล้วก็พูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า “อาเล็ก คืน นี้อายังอยากจะพูดอะไรอีกไหมครับ? อากาศหนาวเกินไปแล้ว อาก็รู้ว่าร่างกายของนรมนเป็นยังไง เธอรับไม่ไหวหรอกครับ

คำพูดนี้มีความตำหนิติเตียนอยู่ไม่มากก็น้อย ธรณีจ้องมองนรมนทีหนึ่ง และรู้ว่า ในใจนรมนนั้นอยากจะรู้ ความจริงเป็นอย่างมาก แต่ทำยังไงได้เล่าในเมื่อเขาพูดไม่ได้

ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงก็รีบกลับห้องไปพักผ่อนเถอะ ฉันก็ แค่อยู่ ๆ ก็คิดถึงพี่รองเท่านั้น ก็เลยมาดูที่ห้องวาดรูปสักหน่อย ฉันเองก็รู้ว่าพวกเธออยากจะรู้เรื่องอะไร แต่ว่าสิ่งที่สามารถให้ พวกเธอรู้เรื่องได้ ฉันก็จะให้พวกเธอรู้เรื่องแน่ ที่ให้พวกเธอรู้ไม่ ได้ ฉันเองก็พูดไม่ได้ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ

พูดจบธรณีก็เข็นรถเข็นจากไปเลย

“อาเล็ก”

นรมนยังอยากจะถามอะไรต่ออีก แต่กลับโดนบุริศร์ห้ามไว้

“ถ้าหากเขาไม่อยากพูด คุณถามไปอีกก็ไม่มีประโยชน์หรอก ไหนนอนหลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมอยู่ ๆ ถึงลงมาล่ะ? ดูมือ เย็นซะขนาดนี้ ผมอุ้มคุณขึ้นไปดีกว่า”
พูดจบ บุริศร์ก็อุ้มนรมนขึ้นมาแล้วก็ขึ้นไปข้างบนเลย พอกลับมาถึงห้องนอน อารมณ์ของนรมนก็ยังไม่ดีเท่าไหร่นัก

“ฉันนึกมาตลอดว่าตอนนั้นที่พ่อทิ้งแม่ไปเป็นทหารเพราะ เป็นการเสียสละเพื่อคุณ ฉันยังเคยโกรธเคืองพ่อมาก่อนว่า การไปเป็นทหารเพื่อคุณปู่ดูแล้วเป็นการปกป้องประเทศ แต่ว่า สำหรับคุณแม่แล้วกลับเป็นการทารุณอย่างหนึ่งไม่ใช่เหรอ? แต่ ว่าเขาก็เป็นพ่อฉันนี่ แล้วตอนนี้ตัวก็ไม่อยู่แล้ว ฉันยังจะพูดอะไร ได้อีก? แล้วสุดท้ายแม่ก็ยังเลือกที่จะตายไปในกองเพลิงพร้อม กับเขา ถึงแม้จะกลายเป็นศพ แม่ก็ยังเลือกที่จะอยู่กับเขา ฉันก็ เลยไม่โกรธเคืองแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพอมาวันนี้ได้ยินคำพูด ของอาเล็กแล้ว มันยังมีเรื่องแบบนี้อีกชั้นหนึ่งอยู่ในนี้อีก”

อารมณ์ของนรมนตกตาเป็นอย่างมาก

เธอเป็นผู้หญิง และเป็นลูกสาวด้วยเหมือนกัน แล้วก็เจ็บปวด กับชีวิตที่ไม่ราบเรียบของคิมมาตลอด สำหรับเรื่องที่ชินทรทิ้งแม่ แล้วไปเป็นทหารนั้น เธอก็โกรธเคืองมาตลอด แต่กลับข่มไว้ไม่ พูดเท่านั้น
นั่นคือความเคารพแบบหนึ่งต่อพ่อที่ตายไปแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ทุกอย่างจะจบลงแบบนี้ ตอนนั้นซินทรเองก็คงจะเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งเลยละมั้ง?

ผู้หญิงที่ตัวเองรักสุดดวงใจแต่กลับนึกว่าไปมีความสัมพันธ์ ทางกายกับน้องรอง ด้านหนึ่งคือน้องชายแท้ ๆ ของตัวเอง อีก ด้านหนึ่งคือผู้หญิงที่ตัวเองรักมาก เขาจะต้องรู้สึกเจ็บปวดมาก แค่ไหน? แล้วเขาทําอะไรได้อีก

ตอนแรกนึกว่ายอมถอยออกมาเพื่อให้พวกเขาสมหวัง แต่คิด ไม่ถึงว่าคนที่อารองรักกลับเป็นผู้หญิงอีกคน

ตอนนั้นชินทรไปเป็นทหารด้วยจิตใจเศร้าหมอง เพราะฉะนั้น ถึงได้เข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่คิดชีวิต หรือว่าความรู้สึกใน ตอนนั้นอาจจะเหมือนตายทั้งเป็นก็ได้

ถ้าหากไม่มีเรื่องวุ่นวายใจพวกนี้ ถึงชินทรจะไปเป็นทหารแล้ว ก็คงจะไม่โดนคนวางหลุมพรางให้ตั้งแต่อายุยังน้อย คนหนุ่มที่ อายุน้อยขนาดนั้นต้องมาตายเร็วสักขนาดนั้น

นรมนรู้สึกเกลียดขึ้นมาบ้าง
แต่ว่าจะเกลียดใครล่ะ?

เกลียดคนที่ลักพาตัวป้าใหญ่ไปในตอนนั้นเหรอ? หรือว่าจะเกลียด โชคชะตาที่น่าทางผิดเพี้ยนไป? นรมนไม่รู้ รู้สึกแต่เพียงว่าหัวใจเจ็บปวดอยู่ในอกมาก เธอยังสามารถนึกถึงสายตาที่มารดาจ้องมองตัวเองครั้ง สุดท้ายได้ นั่นเป็นความเชื่อมั่นในความรักอย่างหนึ่ง เป็นความ รักที่มีต่อพ่อ

ทั้ง ๆ ที่เป็นคนที่มีความรักต่อกันคู่หนึ่ง แต่กลับต้องมาแยก กันไปทั้งชีวิตอย่างไร้วาสนาต่อกัน

ความเจ็บปวดและโศกเศร้าแบบนี้ปกคลุมนรมนอยู่ ทำให้เธอ รู้สึกอยากจะร้องไห้

บริศร์รู้ว่าภรรยาตัวเองนึกถึงอะไรขึ้นมาแล้ว แล้วก็รวบตัวเธอ

มากอดไว้ในอกอย่างรู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก

“อย่าเสียใจไปเลย คนก็ตายไปแล้วอย่าไปยึดติดเลย เรื่อง บางอย่างพวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างน้อยวันนี้ก็รู้ ความสัมพันธ์ของอารองกับนงลักษณ์และพ่อตากับแม่ยายแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะเก็บเกี่ยวอะไรไม่ได้เลย นรมน ผมรู้ว่าคุณสงสารแม่ยาย แต่ว่าเธอก็ได้จากไปพร้อมกับพ่อตาแล้ว ความรักของ พวกเขาพวกเราว่าอะไรไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือใช้ชีวิตของตัว เองไปให้ดี ทำให้ตัวเองมีความสุขไปทุกวัน นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่พวก เขาอยากจะเห็น

“ฉันรู้ค่ะ แต่ว่าในใจของฉันก็ยังเจ็บปวดอยู่ พ่อกับแม่ฉันไม่ ได้มีมือที่สามเข้ามาแทรก แต่กลับต้องมาพรากจากกันทั้งชีวิต พ่อฉันจนถึงตายก็ยังไม่รู้ว่ามีลูกสาวอย่างฉันอยู่คนหนึ่ง แม่ฉัน ต้องเคยโกรธพ่อฉันมาก่อนแน่ ไม่งั้นเธอคงไม่คลอดฉันออกมา ปุ๊บก็เอาฉันไปแลกให้กับพ่อแม่บ้านตระกูลธนาศักดิ์ธนไปเลย แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นพ่อฉันหรือว่าแม่ฉัน พวกเขาต่างก็รักอีกฝ่าย อย่างลึกซึ้งอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

ดวงตาของนรมนรู้สึกขมขื่นและเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย

บริศ เห็นว่าภรรยาไม่สามารถเดินออกมาได้ ก็อดไม่ได้ที่จะ ประคองใบหน้าของเธอขึ้นมา แล้วค่อย ๆ ประกบจูบลงบน ดวงตาของเธอ แล้วพูดเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “ทุกอย่างมันผ่านไป แล้ว นรมน”

“ฉันรู้ค่ะ”

นรมนหรี่ตาลงต่ำ ไม่ได้ห้ามปรามการจูบของบุรีศร แต่กลับรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมายังไงไม่รู้

“เพราะอะไร? เพราะอะไรทำไมถึงได้เป็นแบบนี้? ฉันหวังมา ตลอดว่าตัวเองจะสามารถมีคนในครอบครัวได้ แต่ว่าทำไม คนในครอบครัวบางคนถึงได้ทำให้คนเจ็บปวดและเป็นทุกข์ล่ะ?”

“อย่าคิดอีกเลย

บริศ เองก็รู้สึกปวดใจ รู้สึกสงสารนรมน

นรมนกลับส่ายหน้า จนในที่สุดแล้วน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมา “นงลักษณ์ตั้งใจใช่ไหม?”

คำพูดของเธอพูดได้อย่างจิตใจเหนื่อยล้า แฝงไว้ด้วยความ ทุกข์ใจและความเจ็บปวดเสี้ยวหนึ่ง

นรมนเป็นคนฉลาด และบุริศร์ก็รู้มาตลอด

ถ้าหากว่านรมนไม่ปรากฏตัวออกมา เขาก็จะถามคำถามนี้กับ

ธรณีเหมือนกัน

บนโลกใบนี้ไม่ได้มีเรื่องบังเอิญเยอะขนาดนั้นหรอก

ครั้งสองครั้งอาจจะมีได้ แต่ว่าความบังเอิญมากขนาดนั้นรวม อยู่ด้วยกันก็ไม่ถือว่าเป็นความบังเอิญแล้ว
ตอนนั้นทําไมอารองถึงได้ออกนอกประเทศนั้นเขาไม่รู้ แต่ว่า พอออกนอกประเทศแล้วเจอเข้ากับนงลักษณ์ นี่คือความบังเอิญ ครั้งหนึ่ง

แต่หลังจากที่กลับมาประเทศมา แล้วอารองตระกูลทวีทรัพย์ ธาดามาเห็นในทรกำลังรักกับคิมอยู่ ในตอนที่คิดว่าคิมเป็น นงลักษณ์นั้นไม่มีทางที่จะไม่พบช่องโหว่แน่

แต่ว่าอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดากับชินทรและคิมต่างก็ไม่รู้ สึกถึงช่องโหว่นี้ ทั้ง ๆ ที่นี่มันเป็นช่องโหว่ที่ใหญ่มากอันหนึ่ง ไม่ใช่เหรอ?

ต่อมาอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาออกนอกประเทศไป แล้ว เจอกับนงลักษณ์อีกครั้ง บุริศร์ไม่เชื่อหรอกว่าอารองตระกูลทวี ทรัพย์ธาดาจะไม่เอ่ยเรื่องที่พบเจอคิมกับพี่ใหญ่ในประเทศเลย สักค่า

ถ้าหากอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาถามไปแล้ว นงลักษณ์ก็จะ ต้องรู้แน่ว่าในประเทศยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับ ตัวเองเปี๊ยบ ถ้าเป็นโดยทั่วไปแล้ว ผู้หญิงทั่วไปถ้ารู้ว่ามีผู้หญิงที่ หน้าตาเหมือนกับตัวเองเงียบปรากฏตัวขึ้นมา ก็จะต้องกลับ ประเทศมาดูสักหน่อย หรือไม่ก็อาจจะสืบหาดูด้วยซ้ำ ไม่ใช่เห รอ?

แต่ว่าธรณีพูดว่ายังไงนะ?
เขาบอกว่าอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไม่เอ่ยอะไรสักคำกับ เรื่องที่เจอชินทรและคิมในประเทศ

พอสถานการณ์เป็นอย่างนี้ สถานการณ์แรกที่เป็นได้คืออารอง ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาถามไปแล้ว แต่นงลักษณ์ที่รู้ว่าคิมมีตัวตน อยู่ ก็ปิดบังอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไว้ แล้วใช้คำพูดศิลปะ วาจาหลอกล่ออารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ทำให้อารองตระกูล ทวีทรัพย์ธาดาค้นหาความจริงไม่เจอ และลุ่มหลงอยู่ในความ อ่อนโยนของเธอ อีกสถานการณ์หนึ่งที่เป็นไปได้ก็คืออารอง ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาพบเห็นความผิดปกติแล้ว แต่กลับไม่ถาม ให้ชัดเจน

แต่บุริศร์คิดไม่ออกว่าอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะมีเหตุผล อะไรที่พบว่านงลักษณ์และคิมเป็นพี่น้องฝาแฝดกันแล้วแต่ก็ยัง เงียบอยู่ไม่ยอมพูดออกมา

เขาบีบบังคับให้พี่ชายแท้ ๆ ของตัวเองต้องยอมเลิกกับคิม บีบบังคับให้พี่ชายต้องไปเป็นทหาร จ้องมองดูพี่ชายต้องตายไป ในสนามรบ สําหรับเขาแล้วมันมีผลดีอะไรกัน?

ไม่มีเลย!

เพราะฉะนั้นความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือสถานการณ์แบบแรก
อนงลักษณ์ปิดบังอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไว้ แล้วชักนำ ให้ความเข้าใจผิดทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ถึงขนาดตัดขาดความรักของ คิมและชินทร หน้าซ้ำยังบีบบังคับให้อินทรไปเป็นทหารอีกด้วย

แต่ว่าทำไมเธอจะต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ?

นี่มันถือได้ว่าไม่สนใจความเป็นพี่น้องเลย แล้วทำไมจะต้องให้ ชินทรไปเป็นทหารให้ได้ด้วยล่ะ?

แล้วที่ชินทรไปปฏิบัติหน้าที่แล้วพลีชีพไปยังไง?

หัวสมองของบุริศร์สั่นคลอนขึ้นมาทีหนึ่ง

เป็นเพราะเชษฐ์

หรือว่านงลักษณ์กับเชษฐ์ยังมีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก?

พอนึกถึงสถานะของอชิระและแพรวา ก็เหมือนกับว่าจะมีความ เกี่ยวข้องกับประเทศทั้งนั้นเลย แล้วร่างกายของบุริศร์เย็นลงไป หลายองศาทันทีเลย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ