แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1178 สิ่งที่กล่าวว่า ใส่ใจมากจนเกินไป



บทที่ 1178 สิ่งที่กล่าวว่า ใส่ใจมากจนเกินไป

“เกิดอะไรขึ้น?”

นรมนเห็นว่าสีหน้าของบุรีศร์ไม่ดี เธออดไม่ได้ที่จะเครียดเล็ก

น้อย

บริศร์กลับพูดเสียงต่ำ “ชัยยศหายไป”

“หายไป?”

นรมนประหลาดใจมาก

ทักษะฝีมือของชัยยศนับว่าไม่เลว ไม่เคยมีปัญหา ทำไมถึง

หายไป?

หรือถูกนงลักษณ์จับได้?

คำถามมากมายทําให้จิตใจของนรมนสับสนเล็กน้อย

กานต์ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์

กิจจาเห็นว่าสีหน้าของเขาดีขึ้นมาแล้ว จึงรู้ว่าเมื่อวานเขานอน หลับได้โอเค

อย่างไรกานต์ก็อยู่ใต้แรงกดดันมากเกินไป

อีกคนเล่นโทรศัพท์ อีกคนอ่านหนังสือ ทั้งสองเงียบสงบ นรมนไม่ถามอะไรอีก กลัวว่าถ้าถามมากเกินไปจะไม่ดีต่อพวก

เด็กๆ
เมื่อขับรถไปถึงหน้าประตูบ้านของคณะบรมนูก็พบว่าที่นี่มี คนมากกว่าเมื่อก่อนเยอะ

สีหน้าของบุริศร์ตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พาเด็กๆ ลง จากรถ

“ขออภัยท่านหัวหน้า พวกเราให้พวกท่านเข้าไม่ได้ นี่เป็นคำ สั่งของเบื้องบน

ยามเมื่อเห็นบริศร์จะเข้ามาจึงรีบเข้ามาห้าม

ใบหน้าของบริศ ไม่น่าดู

“รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ถึงกล้ามาห้ามฉัน?”

“ท่านหัวหน้า ขออภัยด้วย ผมรู้ว่าท่านคือใคร แต่ที่นี่ตอนนี้ เป็นเขตควบคุม ไม่ว่าใครก็เข้าไปไม่ได้ครับ

ยามรู้สึกหนักใจมาก

นรมนขมวดคิ้วก่อนจะพูดว่า “ลูกสาวของพวกเราอยู่ข้างในค่ะ

เราสามารถนำลูกสาวของเรากลับบ้านได้ไหม?”

“นี่ควรจะได้นะ”

ยามเข้าไปถามความสมัครใจของกมล

ไม่นานหลังจากนั้น กมลก็ออกมา เมื่อเห็นบริศร์และนรมน เธอ ก็ขยี้ตาก่อนพูดว่า “แด๊ดดี้หม่า หนูกลับไปกับพวกท่านไม่ได้นะ คะ ดนัยไม่สบาย หนูต้องดูแลเขา”

บริศร์ซาบซึ้งเล็กน้อย
“เด็กน้อย ลูกคงคิดถึงมาก อยู่ที่นี่นานไปแล้วไม่เจอแตดกับ หม่าม บ้านของลุงศรีขณะไม่ให้ใครเข้า

บริศรรู้ แม้จะกลายเป็นอย่างนี้ อาจจะป้องกันไม่ให้ตระกูล ทวาทสินติดต่อกับใครก็ตาม

ความคิดนี้ทำให้บริศ รู้สึกไม่สบายใจมาก

กมลมองไปยังกานต์และกิจจา ก่อนจะพูดกับนรมนว่า “หม่าม

จะผิดไหมถ้าหนูไม่ได้อยู่ข้างหน้า

“ไม่เลยลูก หม่ามีแค่เป็นห่วง

นรมนเห็นได้ชัดว่ากผลผอมลง

กมลยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ที่นี่มีพี่เวธนีและพูดนัยคอย ปกป้อง หนูไม่เป็นอะไรแน่ แต่ตอนนี้พวกเขาต้องการหนู หนูเลย ออกไปจากที่นี่ไม่ได้ หวังว่าหม่าจะไม่โทษหนู”

“ไม่เลยลูก ลูกสาวของหม่าเป็นเด็กดีน่ารักเสียขนาดนี้ หมา จะโทษลูกได้ยังไงคะ? มีอะไรก็โทรมาหาหม่ามีนะ”

“โอเคค่ะ”

กมลพูดกับครอบครัวอีกสองสามประโยคจึงค่อยกลับเข้าไป

ครั้งนี้นรมนไม่เห็นงามสุดา และก็ไม่รู้ข้างในเกิดอะไรขึ้นด้วย แต่ความผิดพลาดส่วนตัวเกิดจากคนๆ เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับ สมาชิกในครอบครัว ถึงแม้คริชณะจะมีปัญหา ถูกลงโทษจริง แต่ ไม่สามารถทําอะไรภรรยาและลูกๆ ของเขาได้ ตอนนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าการควบคุมเขาติดต่อกับโลกภายนอก กลัวว่าเรื่อง บางอย่างพูดไปก็ไม่เข้าใจ

บุรีศรพาภรรยาและลูกๆขึ้นรถ ด้วยความรู้สึกหดหู่ใจมาก จู่ๆกานต์ก็พูดว่า “คุณบุริศร์ ถ้าหากไม่มีอะไรก็พาหมาไป ประเทศ เถอะครับ”

“ทำไม?”

บุริศร์แปลกใจ นรมนิ่งอึ้งไป

กานต์กลับพูดเบาๆว่า “ถึงแม้จะไม่รู้ว่าลุงคริขณะถูกควบคุม เพราะเหตุผลอะไร แต่ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับประเทศ และ ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ของหม่ามกับคุณอาราเชนที่ประเทศ จะ คุ้นเคยกันดีหรือครับ? คุณสามารถหาคำตอบได้โดยกลับไปที่ นั่น แล้วก็ยังมีกล้าณรงค์นั้น ที่คอยโจมตีพวกเราตลอด แทนที่จะ คอยซ่อนตัวในเมืองชลธีและรับมือกับเขา ทำไมไม่เคลื่อนไหวไป ประเทศ เพื่อจัดการเขาละ? เขาเป็นอาชญากรที่หนีออกมาจาก ประเทศของเรา พวกเราทำอะไรเขาไม่ได้เลย เพราะว่ามีองค์ชาย สามของประเทศ คอยปกป้องเขาอยู่ และแม้พวกคุณไป ก็มีคุณ อาราเซนคอยปกป้อง พวกคุณจะไม่สามารถจัดการเขาใน ประเทศF ได้เหรอ? ด้วยวิธีการนี้ไม่ว่าจะทำเพื่อเราหรือเพื่อ ประเทศชาติก็ไม่เกิดผลเสียหายอะไร

เมื่อได้ยินลูกชายพูดอย่างนี้ นรมนก็นิ่งไป กานต์ดูเหมือนจะรู้มากกว่าที่พวกเขารู้
บุริศร์กำลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง

“พวกเราไปได้ แต่เราเป็นห่วงกิจจากับลูก”

“มีอะไรต้องเป็นห่วงครับ? ผมอยู่ในเขตทหาร พี่ก็จะไปกับผม ด้วย มีตระกูลพรโสภณและตระกูลวีทรัพย์ธาดาอยู่นั่นพวกเขาไม่ กล้าลงมือทําอะไรชั่วขณะหรอก ผมคิดว่าคุณอาราเซนน่าจะ ต้องการความช่วยเหลือของพวกคุณ

กานต์วิเคราะห์ทั้งหมดนี้เหมือนผู้ใหญ่ในร่างเด็ก

คงต้องบอกว่าบางครั้ง ความคิดของเด็กน้อยอาจจะทำให้ ปัญหามันดูง่ายขึ้นมาก

บุริศร์และนรมนคิดพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้ และรู้สึกว่านี่คือ ทางแก้ปัญหาอย่างไรหลังปีใหม่เขาทั้งสองก็อยากจะกลับไป ประเทศ อีก ดังนั้นจะไปช้าหรือเร็วก็ไม่ต่างกัน

กานต์อยากรู้ว่าบริศร์กำลังกังวลอะไร ก่อนจะพูดเสียงต่ำ “คุณบุริศร์ ผมรู้ว่าคุณกังวลเกี่ยวกับลุงคริชณะ แต่ถึงแม้คุณจะ อยู่ในเมืองชลธีต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ คุณควรรู้นะครับ แต่ละคดี มีทีมงานเฉพาะที่รับผิดชอบเราไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงทำได้ เพียงรอผลเท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกคุณยังอยู่ที่นี่ก็ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ไปทำอะไรที่มีประโยชน์ดีกว่า”

สิ่งนี้ทำให้บริศร์อับอายจนเหงื่อตก

สิ่งที่กล่าวว่า ใส่ใจมากจนเกินไป

เขากังวลกับเรื่องของคริชณะ
เมื่อทุกคนมาถึงบ้านตระกูลพรโสภณ ธรณีก็กลับไปแล้ว โดย ทิ้งซองแดงไว้ให้พวกกานต์ แน่นอนว่ามีของนรมน

นรมนกลับไปห้องเพื่อเก็บของ ก่อนจะได้รับสายของนงลักษณ์ จุดนี้นรมนไม่แปลกใจ

นงลักษณ์มาที่เมืองชลธี ไม่ว่าจะมาทำอะไร การติดต่อเธอ ย่อมปลอดภัยกว่าการติดต่อผู้อื่น

นรมนรับสาย

“ฉันคิดว่าลงจากเครื่องแล้วคุณจะโทรหาฉันเลย”

นรมนยิ้มบาง

นงลักษณ์พูดอย่างช่วยไม่ได้ “คนของเธอตามฉันเหรอ?”

“อืม”

“โอเค นึกว่าของพวกเขา

นงลักษณ์ถอนหายใจ แต่คำพูดที่เอ่ยออกมาทำให้นรมน สงสัย

“พวกเขา?”

“ทางฝั่งประเทศรู้แล้วว่าฉันยังไม่ตาย ตามฉันมาจนสุดทาง เพื่อฆ่าฉัน มิลินอาจจะถูกยิงเพราะคุ้มครองฉัน จะอยู่หรือตายก็ ยากที่จะกำหนด ฉันหนีกลับมาคนเดียว นอกจากเมืองชลธีฉัน

ไม่รู้ว่าจะหนีไปอยู่ที่ไหนแล้ว
นรมนอึ้งไปกับคําพูดของนงลักษณ์

“ใครพบเจอว่าคุณแกล้งตาย? ผู้นำของประเทศ เหรอ? เขา เป็นสามีของคุณ เขาควรจะมีความสุขถ้าคุณยังไม่ตาย?”

“นโมน สถานการณ์ของประเทศ ค่อนข้างซับซ้อน อธิบายกับ เธอชั่วครู่มันไม่ชัดเจน ฉันหวังว่าตอนนี้เธอจะหาที่หาทางให้ฉัน

สามารถหลบซ่อน และช่วยฉันหาข่าวของมิลินให้ด้วย ได้ไหม?”

คำขอของนงลักษณ์ไม่ได้มากเกินไป

อีกอย่างหนึ่งหลายปีมาแล้วที่นงลักษณ์ตายปลอมสําเร็จ ทำไมถึงถูกเปิดโปงเอาช่วงนี้

แม้กระทั่งนรมนรู้สึกว่าเป็นไปได้มากตอนที่ตัวเองให้พวกเขา ตามหากิจจา ให้พวกเขาเปิดโปงให้

นรมนไม่รู้ว่าหลังของนงลักษณ์แบกอะไรไว้บ้าง แต่ที่รู้คือตอน

นี้เธอต้องขอร้องนงลักษณ์ เพราะว่าเธอคือญาติของตัวเอง ยิ่งไป

กว่านั้นเป็นคนที่คุณท่านตนวรห่วงหาอารมากที่สุด

คุณท่านตนวรแก่แล้ว ก็อย่างที่เขาพูด ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปได้อีกกี่ปี ตอนนี้ความปรารถนาเดียวของเขาคือได้เจอกับลูกสาวคนโต ของตัวเอง ได้เห็นว่าลูกสาวของเขาสบายดีหรือไม่ ก็มีเพียงแค่นี้

หากไม่สามารถทำตามความปรารถนานี้ได้ เธอก็จะรู้สึกผิด ต่อคุณท่านตนวร

“หรือไม่ก็กลับบ้านตระกูลพรโสภณเถอะ คุณตารอคุณอยู่
นรมนคิดแบบนี้

ผู้รักษาความปลอดภัยของตระกูลพรโสภณนั้นเข้มงวดมาก และนงลักษณ์จะถูกปกป้องเมื่อเธอกลับมา

นงลักษณ์กลับส่ายหัวปฏิเสธ

“ไม่ ฉันกลับไปไม่ได้ การกลับไปจะแสดงถึงอันตราย ฉันอาจ ทำร้ายพ่อให้ถึงตายได้ ฉันยังไม่ได้ไปเจอเขาอย่างเป็นทางการ ไม่ได้แสดงความกตัญญูกตัญญูอยู่เคียงข้างเขา ฉันไม่อาจนำ อันตรายไปสู่เขาได้”

คําพูดของนงลักษณ์ ทำให้นรมนอบอุ่นใจ

“ฉันจะให้บริศร์จัดการให้

“เธอไม่ถามฉันเหรอว่าฉันทำผิดอะไร? ไม่กลัวจะเดือดร้อน เพราะช่วยฉันเหรอ?”

คำพูดของนงลักษณ์ทำให้นรมนนิ่งไปนิด ก่อนจะยิ้ม “คุณเป็น คุณป้าของฉัน เป็นพี่สาวท้องเดียวกันของคุณแม่ ตอนนี้แม่ไม่อยู่ แล้ว ฉันหวังว่าคุณจะสบายดี ส่วนเรื่องเดือดร้อน ฉันเป็นคนกลัว เรื่องเดือดร้อนไหม? หรือบอกว่าพวกเราตระกูลโตเล็กกลัว ปัญหา? วางใจเถอะค่ะ ที่นี่เป็นถิ่นของเรา ไม่ว่าใครที่ต้องการ จัดการคุณ ก็ต้องอยู่ที่พวกเราว่าจะเห็นด้วยหรือไม่

คำพูดเหล่านี้ทำให้นงลักษณ์ซาบซึ้ง

แต่ตลอดหลายปีมานี้ เธอเคยชินกับการควบคุมอารมณ์มา นานแล้ว เสียงของเธอก็แหบพร่าเล็กน้อยและพูดว่า “ขอบใจนะนรมน”

“ไม่เป็นไรค่ะ เราครอบครัวเดียวกัน ประเดี๋ยวฉันจะโทรหา

“โอเค”

หลังจากที่ทั้งสองวางสายไปแล้ว นรมนก็ไปหาบริศ เพื่อบอก เล่าเรื่องราวของนงลักษณ์ให้บุริศร์ฟัง

คิ้วของบริศ ขมวดแน่น

“เป็นอะไรไป? หาที่ให้เธออยู่มันลำบากขนาดนั้นเลยเหรอ คะ?”

“ที่อยู่อาศัยไม่ใช่ปัญหา แต่ผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ ประเทศ? นงลักษณ์พัวพันอยู่กับประเทศ มานานหลายปี ถึง แม้จะถูกคนพบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ก็คงไม่สามารถมีแรงต่อต้าน เช่นนี้แน่นอน คุณลองคิดให้ละเอียด เธอแกล้งว่าตายมาได้ หลายปี กระทั่งขยายอิทธิพลของตัวเองได้ จะไม่คิดถึงหนทางแก้ ปัญหาเมื่อวันหนึ่งตัวตนเธอถูกเปิดโปงหรือ?”

เมื่อได้ยินคําพูดของบริศร์ นรมนก็ใจเต้นแรง

“คุณหมายความว่านงลักษณ์มาหาเราด้วยแรงจูงใจที่ไม่ บริสุทธิ์?”

“ก็ยังไม่แน่ชัด ผมคิดว่าบางทีเรื่องราวอาจจะเกิดขึ้นอย่าง กะทันหันไป หรือบางทีอาจมีปัญหาอย่างอื่น นงลักษณ์คงไม่ทิ้ง อำนาจของตัวเองแล้วกลับมาเมืองชลธี หรืออาจจะมีบางอย่าง หรือบางคนในเมืองชลธีที่เธอต้องการ ทั้งหมดเป็นแค่การคาดเดา ถ้าอยากรู้จริงๆ พวกเราต้องพบกัน นรมน ถ้าเวลานี้พวกเรา ไปที่ประเทศF เราต้องรู้ให้ได้ว่าตอนนี้ที่ฉันเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่าง นั้นเราก็เคลื่อนไหวไม่ได้

คำพูดของบริศร์ ทำให้นรมนพยักหน้า

แต่ทั้งสองคนก็ยังจัดหาที่พักให้กับนงลักษณ์

นรมนบอกว่าต้องการพบกับนงลักษณ์

นงลักษณ์ตกลง

ตอนเย็น ในวันเดียวกัน บุริศร์ก็น่นรมนมายังหน้าประตูบ้าน

นงลักษณ์เปิดประตูอย่างระมัดระวังภัย ก่อนจะให้พวกเขารีบ

เข้ามา

เมื่อเห็นเธอแสดงท่าทางระมัดระวัง นรมนก็หรี่ตาลงแต่ไม่พูด

อะไร

เมื่อเข้ามาในบ้านแล้ว นงลักษณ์ก็ให้คนนำชามาให้บริศร์และ นรมน ก่อนจะยิ้มและพูดว่า “นั่งเถอะ”

ร่างกายของเธอเย็นเฉียบราวกับว่าเธอเพิ่งกลับมาจากข้าง

นอก

นรมนไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยกชาขึ้นมาสูดดมเธอยิ้ม แล้วจิบ
บุรีศร์กลับตรงเข้าประเด็นทันที “คุณนงลักษณ์ อะไรหน่อยได้ไหม?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ