แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 178 ผลการเปรียบเทียบ DNA ไม่ตรงกัน



บทที่ 178 ผลการเปรียบเทียบ DNA ไม่ตรงกัน

บุริศร์พาผู้ชายคนดังกล่าวออกไป

รเมศรีบส่งเงินให้คนด้านข้าง : “เกิดอะไรขึ้น? ”

เมื่อมีคนเห็นเงิน ก็รีบเล่าเรื่องเมื่อสักครู่ให้รเมศฟัง ได้ยินว่าไม่เกี่ยวกับนรมน รเมศอดถอนหายใจออกมา อย่างโล่งอกไม่ได้

กานต์ตายแล้วจริงๆหรือ?

หัวใจของรเมศเจ็บปวดเบาๆ

เนื่องจากเป็นเด็กที่ตนเองเฝ้าดูการเติบโต เรียกเขาว่า พ่อบุญธรรมาสี่ปี แต่เมื่อเทียบกับนรมน รเมศตัดสินใจที่จะ เพิกเฉยต่อความเจ็บปวดในหัวใจ แกล้งทำเป็นยิ้มไม่รู้ อะไรและเดินจากไป

เขาขอเพียงแค่กานต์

ถ้ากานต์ตายไปจริงๆ นรมนจะกลายเป็นของเขาอย่าง สมบูรณ์

เหตุผลที่นรมนกลับไป ไม่ใช่เพราะต้องการให้ลูกๆได้ เจอกับพ่อผู้ให้กำเนิดหรอกหรือ? ตอนนี้กมลมีการบริจาคไตของบุริศร์ มีความเป็นไปได้สูง ว่าหลังจากนี้จะราบรื่น แต่ถ้าการผ่าตัดไม่สำเร็จ ก็จะไม่มี

กมลอีกต่อไป

เพียงแค่ไม่มีกานต์ ไม่มีกมล นรมนจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ข้างกายบุริศร์?

รเมศคิดแบบนี้ พยายามละทิ้งความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ของตนเอง จองห้องส่วนตัวห้องเดิม รอเวลาเช้าอย่าง ทรมาน เพื่อการประมูล

บุริศร์ถูกพาออกไปก็ดี ตราบใดที่เขาไม่อยู่ที่นี่ ตราบใด ที่เขาประมูลนรมนได้ หลังจากนี้นรมนกับเขาก็ไม่มีความ เกี่ยวข้องกัน

รเมศยังคงไม่วางใจ ออกมาตรวจสอบตลอดทั้งคืน เมื่อ เหตุว่าบุริศร์ไม่กลับมา จึงค่อยวางใจได้เล็กน้อย

บุริศร์ออกไปจากFallen heavenกับผู้ชายคนดังกล่าว เขาพาเข้ามาที่ท่าเรือเล็กๆแห่งหนึ่ง แค่มองก็รู้ว่ามีเจตนาที่ ไม่ดีเล็กน้อย

แต่เขาไม่ได้สนใจ ถึงแม้อยู่ในอเมริกา แต่ฝีมือของเขาก็ ไม่ได้เหนือกว่า

เป็นไปตามคาด ลึกเข้าไปในท่าเรือมีผู้ชายสี่คนรออยู่ มองดูแล้วเหมือนนัดไว้ล่วงหน้า

ผู้ชายคนดังกล่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า: “ไอ้ หนุ่ม ปล่อยฉันไปจะดีกว่า เอาเงินกับของมีค่าทั้งหมดมา ไม่อย่างงั้นพี่น้องของฉันจะทำให้แกน่าดู!

บุริศร์ส่งเสียงทางจมูกอย่างเย็นชาและถามว่า: “คน ที่มาจากบ้านเดียวกับแกคือคนไหน?

“นั่นไง คนที่สวมชุดสีดำ เพียงแต่แกไม่มีโอกาสได้ถาม

แล้วล่ะ”
ผู้ชายคนดังกล่าวพูดจบก็เตะบุริศร์

บุริศร์ไม่ได้สนใจท่าทางการต่อสู้ที่ดูดีแต่ไร้ประโยชน์ เขาหักแขนผู้ชายคนดังกล่าวทันที

“อ่า! พวกแกยืนทำอะไรอยู่? รีบเข้ามาสิ!

ผู้ชายคนดังกล่าวร้องเหมือนหมูถูกเชือด เสียงดังชัดเจน เป็นพิเศษในยามค่ำคืน แต่ที่นี่คือชุมชนแออัด ไม่มีใคร สนใจความเป็นความตายของคนที่นี่ ดังนั้นบุริศร์ก็ไม่ จำเป็นต้องมีความเมตตา

คนเหล่านี้พกมีด แค่มองก็รู้ว่าเป็นนักโทษที่ทำผิดครั้ง แล้วครั้งเล่า

บุริศร์แก้ปัญหาอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด กำราบผู้ชาย เหล่านั้นลงอย่างรวดเร็ว แต่ละคนนอนลงกับพื้นส่งเสียง

ครวญคราง

อ้างอิงจากคำพูดของผู้ชายคนดังกล่าว บุริศร์เดินไปตรง หน้าของผู้ชายชุดดำ จอมืดที่ใบหน้าของเขา

“ฉันอยากรู้เรื่องของคุณชายตระกูลโตเล็ก” “ฉะ ฉันไม่รู้เรื่อง”

ชายชุดดำกลัวจนตัวสั่น เสียงหายไปหมด

“เพื่อนที่มาจากบ้านเดียวกันของแกบอกว่าคืนนั้นแกมอง เห็นคนๆหนึ่งโยนร่างคล้ายกับเด็กลงไปในทะเล ที่ท่าเรือ ไหน สถานที่ไหน ใครเป็นคนทิ้ง แกมองเห็นชัดเจนไหม? ”

บุริศร์ไม่อ้อมค้อม ถามคำถามที่ตนเองต้องการทันที
ชายชุดดำได้ฟัง ตกใจหน้าซีดทันที

“เป็นผู้ชาย มีอายุ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันแค่บังเอิญเห็น ฉันไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใคร จริงๆนะ!

“พูดมา! ”

บุริศร์ได้ฟังเขาพูดแบบนี้ก็รู้ว่าเขาต้องเห็นอะไรบาง อย่างแน่นอน เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

จะสามารถตามหากานต์ได้ไหม?

ชายชุดดำอยู่ภายใต้การคุกคามของความตายจำใจต้อง พูดออกมา

“เป็นแก๊งเงา คนของพวกมันทิ้งเด็กลงไป ฉันเห็นมากับ ตา เด็กคนนั้นสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เลือดอาบไปทั่ว นอกจาก นี้มองดูอายุประมาณสี่ห้าขวบ ตอนนั้นหมดสติ”

บุริศร์รู้สึกเหมือนถูกคนชกที่ทรวงอกของตนเองอย่าง โหดเหี้ยม

วันนั้นกานต์ก็สวมเสื้อผ้าแบบนั้น นอกจากนี้อายุยัง ไล่เลี่ยกัน

บุริศร์ถามอย่างดุร้าย : “ท่าเรือไหน? ”

“สาม ท่าเรือหมายเลขสาม!

ชายชุดดำตกใจกลัวไอสังหารของบุริศร์

บุริศร์ไล่เขาไป กดโทรออกหาพฤกษ์

“รวบรวมกำลังคนไปท่าเรือหมายเลขสามเพื่อกู้ศพขึ้นมาฉันอยากรู้ว่าตรงนั้นมีกานต์อยู่ไหม…

คำว่า”ศพ”บุริศร์แทบไม่สามารถพูดออกมาได้ เขารู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังแตกสลาย

ไม่!

ไม่มีทาง!

ไม่มีทางเป็นกานต์ได้!

เขายังเด็กอยู่!

เขายังไม่ได้เรียกเขาว่าพ่อเลย!

ถ้านรมนรู้ว่าลูกชายของตนเองเกิดเรื่อง เขาที่เป็นพ่อ แท้ๆไม่สามารถปกป้องลูกชายเอาไว้ได้ เขาจะมีหน้าไป เจอนรมนได้อย่างไร?

พฤกษ์ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ ก็รู้ว่าบุริศร์ต้องรู้ข้อมูล อะไรมา ถึงแม้จะรู้สึกช็อกมาก แต่ยังต้องการไปด้วย

ตนเอง

บุริศร์ยืนอยู่ข้างถนน ไม่พูดไม่จา หวาดกลัวความ อ้างว้าง

ในที่สุดคนที่ถูกตีจนล้มลงกับพื้นก็รู้ได้ว่าคนตรงหน้ามี ความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนที่พวกเขาไม่อาจเอื้อม ต่างคน ต่างตกใจรีบขอความเมตตา

“เฮีย เมตตาพวกเราเถอะ พวกเราไม่รู้อะไรทั้งนั้น จริงๆ นะ พวกเราเพียงแค่ออกมาหาเงินกินข้าว”
“ฉันปล่อยพวกแกไปได้ แต่ถ้ามีข่าวสำคัญในประเทศ ขอให้พวกนายบอกฉันด้วย วางใจได้ ฉันไม่ใช้พวกนาย ฟรีๆ เพียงแค่เป็นข้อมูลที่ฉันต้องการ ฉันจะจ่ายเงินพวก นาย”

เดิมทีบุริศร์ก็ไม่คิดจะทำให้พวกเขาลำบากใจ เรื่องที่สามารถใช้เงินจัดการได้ เขาไม่เคยแยแส พวกเขาได้ฟังบุริศร์พูดแบบนี้ ต่างรีบพยักหน้า บุริศร์ทิ้งเบอร์ของตนเองให้แก่พวกเขา จากนั้นก็ออกมา จากท่าเรือคนเดียว

ท่าเรือไม่ลึก ที่นี่คือชุมชนแออัด มีคนอยู่ทุกรูปแบบ บุริ ศร์ไม่สนความเป็นความตายของพวกเขา เดินอยู่บนถนน คนเดียว ในสมองหยุดคิดฉากที่ชายชุดดำเพิ่งพูดไม่ได้

จะเป็นกานต์หรือ?

เป็นไปได้หรือ?

เขากระวนกระวาย ไม่สบายใจ ถ้าไม่เพราะกมลยังอยู่ที่ นี่ ตอนนี้เขาคงจะบินกลับไปแล้ว

ความรู้สึกกระวนกระวายใจเหมือนเป็นงูพิษที่โอบล้อม

หัวใจของเขา

ทางฝั่งพฤกษ์ที่ส่งคนไปกอบกู้ศพอย่างใหญ่โตทำให้ ธรณีกับเจตต์แตกตื่นไปโดยปริยาย พวกเขาทั้งสองรีบ ตามไป เมื่อรู้ว่าเป็นความต้องการของบุริศร์ ต่างคนต่าง เข้าร่วมการกอบกู้ด้วย
ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ท่าเรือหมายเลขสามถูกกู้สิ่งของขึ้น มามากมาย มีทั้งศพ และสิ่งของอื่นๆ อย่างไรก็ตามมีหลาย คดีที่เกี่ยวข้อง

คนในสถานีตำรวจเริ่มงานยุ่ง

พฤกษ์มองดูศพแต่ละร่างที่ถูกกู้ขึ้นมา กลับไม่พบร่าง ของกานต์ เขาอดถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ได้

“ยังมีอีกไหม? ”

“ไม่มีแล้ว มีแค่นี้ !

พนักงานกอบกู้เหนื่อยสุดๆ แต่เพื่อเงินจึงทำหน้าที่ของ

ตนเองให้ดี

สีหน้าของธรณีกับเจตต์ก็ผ่อนคลายลง

ไม่มีร่างของกานต์เจ้าเด็กคนนั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่ เห็นศพแสดงว่าเขาอาจยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?

เมื่อพฤกษ์แน่ใจแล้วว่าไม่มีศพของกานต์จึงโทรหาบุริศร์

“ประธานบุริศร์ครับ ไม่มีร่างของคุณชายกานต์ ทั้งหมด ที่กู้ขึ้นมาจากตรงนั้น มีศพอยู่บ้าง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับท่าน”

“ไปตรวจสอบแก๊งเงาหน่อย”

บุริศร์ได้ยินว่าไม่มีศพของกานต์ จึงถอนหายใจด้วย ความโล่งออกยกใหญ่

พฤกษ์วางสาย เริ่มตรวจสอบเรื่องของแก๊งเงาทันที เจตต์มองธรณีและกล่าวว่า: “คุณว่าสองแม่ลูกจะไปที่ไหน? คงไม่ได้ออกไปจากเมืองชลธีแล้วใช่ไหม? ”

“ก็ไม่แน่นะ ฉันเห็นช่วงนี้พฤกษ์กำลังตรวจสอบการ ลักลอบค้าของเถื่อนและคดีการลักลอบค้ามนุษย์ เดาว่าคง มีเบาะแส”

ช่วงไม่กี่วันนี้ธรณีกินไม่ได้นอนไม่หลับ ในสมองมีแต่นร มน เขาไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองรู้สึกกับผู้หญิงคนนี้อย่างไร เพียงแค่ว่าเธอหายไป เขาก็รู้สึกลุกลี้ลุกลน

ธิดาไม่ใช่ลูกของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา นาวินก็ไม่รู้ว่า ลูกของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาคือใคร เรื่องทายาทตระกูล ทวีทรัพย์ธาดาทำให้เบาะแสสะดุดไปชั่วขณะ คุณย่าบ้าน ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาได้รับการกระทบกระเทือน ล้มป่วย ฉับพลัน

ธรณียุ่งกับเรื่องของคุณย่าบ้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดา และการตามหาเบาะแสของนรมนสองแม่ลูก จนไร้ เรี่ยวแรงไปชั่วขณะ

เจตต์เห็นว่าธรณีไม่พบอะไรที่นี่ เหวี่ยงแขนเสื้อและจาก ไป

พฤกษ์ให้คนไปตรวจสอบเรื่องของแก๊งเงา ส่วนตนเองไป ตรวจสอบคดีคนหาย ทางตำรวจต้องการ DNA ของนรมน เพื่อเก็บเข้าแฟ้มเอาไว้

หลังจากบุริศร์ รู้ จึงโทรหาพ่อกับแม่ของนรมน เล่า สถานการณ์ที่แท้จริงของนรมนให้แก่พวกเขา

ถึงแม้พวกเขารู้มาตลอดว่านรมนคือลูกสาวของตนเองแต่เมื่อได้ยินบุริศร์บอกว่านรมนหายตัวไป คนแก่ทั้งสองก็ ร้องไห้แทบหมดสติ

ทั้งสองรีบมาสถานีตำรวจเพื่อเจาะเลือด สำหรับการคาด คะแนของบุริศร์ พวกเขาทั้งสองไม่อยากจะกล้าเชื่อจริงๆ

ตำรวจเปรียบเทียบ DNA ของนรมนกับพ่อแม่อย่าง รวดเร็ว แต่กลับปรากฏปัญหาขึ้นมา

“ขอโทษนะครับ พวกคุณไม่ใช่ญาติของคุณนรมน”

“คุณพูดไร้สาระอะไรกัน? ”

แม่ของนรมนโมโหทันที

“ลูกที่ฉันอุ้มท้องมาสิบเดือน คุณบอกว่าไม่ใช่ลูกของฉัน คุณกำลังล้อเล่นหรือเปล่า? ”

เพราะเรื่องนี้ พ่อกับแม่ของนรมนจึงโวยวายกับตำรวจ พฤกษ์เองก็ตกใจ

พฤกษ์เข้ามาไกล่เกลี่ย และรู้สึกประหลาดใจเมื่อรู้ว่า ผลลัพธ์เป็นแบบนี้

บุริศร์เป็นคนตรวจ DNA ของนรมน มันเป็นของเธอเมื่อ ห้าปีก่อน แต่ทำไม DNA ของเธอถึงไม่สอดคล้องกับพ่อแม่

พฤกษ์รีบบอกเรื่องนี้แก่บุริศร์

บุริศร์ได้ฟังข่าวนี้ก็มีนงง

“เป็นไปได้อย่างไร? ของนรมนต้องเป็นของปลอม

แน่นอน! ”
“แต่ทางฝั่งสถานีตำรวจไม่น่าจะทำพลาดนะครับ!

ไม่มีทางเลือกอื่นบุริศร์จึงต้องบินมาเมืองชลธีด้วยตนเอง

ก่อนเดินทาง เขาปลุกกิจจา บอกว่าตนเองมีเรื่องสำคัญ ต้องกลับไป ให้กิจจาดูแลกมลให้ดี เขาจะกลับมา

กิจจาพยักหน้ารับปากว่าจะดูแลกมล

บุริศร์จูบกมลที่กำลังหลับ ถอดนาฬิกาข้อมือของตนเอง วางไว้ข้างเธอ จากนั้นรีบบินกลับมาเมืองชลธี

เพราะเรื่อง DNA ทำให้พ่อแม่ของนรมนสงสัยว่าเธอ ไม่ใช่ลูกสาวของพวกเขาเมื่อห้าปีก่อน

บุริศร์นำผลการเปรียบเทียบ DNA เมื่อห้าปีก่อนและห้าปี หลังของนรมนให้แก่คุณท่านและคุณนายของตระกูลธนา ศักดิ์ธน

หลังจากคุณท่านและคุณนายของตระกูลธนาศักดิ์ธนดู ผลการเปรียบเทียบ ก็ตกตะลึงไปหมด “นี่มันเป็นไปได้อย่างไร นรมนคือลูกสาวของพวกเรา ฉัน

อุ้มท้องมาสิบเดือนคลอดออกมา เลี้ยงดูจนเติบโต วันนี้จะ

ไม่ใช่ลูกสาวของพวกเราได้อย่างไร? ถ้าหากไม่ใช่ แล้ว

ลูกสาวของพวกเราอยู่ที่ไหน? ”

คำถามของคุณท่านและคุณนายของตระกูลธนาศักดิ์ธน บุริศร์ไม่รู้จะทำอย่างไร แท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น?

10/10


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ