แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1319 หมายความว่าต้องการอะไรมากกว่านี้



บทที่ 1319 หมายความว่าต้องการอะไรมากกว่านี้

“แต่ถ้าจะตรวจดีเอ็นเอ อย่างน้อยต้องได้เลือดกับเส้นผมของ ฉัตรพล ตอนนี้เขาหายตัวไปไร้ร่องรอย นายคิดว่า…….

นี่ก็คือเป้าหมายที่บุริศร์มาที่นี่

เขารู้ว่าตอนนี้สุขภาพของพรวลัยไม่ดีมาก แต่เรื่องเหล่านี้ต้อง จัดการอย่างเร่งด่วน ทำให้เขาต้องเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา

บุณพจน์เองก็รู้

เขาครุ่นคิดพักหนึ่ง กล่าวเสียงเบาว่า “ครั้งนี้ร่างกายของพร วลัยบาดเจ็บสาหัส ในช่วงนี้ไม่สามารถช่วยเหลือได้ ฉันรู้เพียง ฉัตรพลถูกขังเอาไว้ในค่ายกล น่าจะออกมาไม่ได้ พรวลัยเกลียด เขาเข้ากระดูกดำ ไม่มีทางฆ่าเขาอย่างง่ายๆ จะต้องถูกทรมาน จนตาย ดังนั้นตอนนี้เขาออกมาไม่ได้ก็จะไม่สบายเกินไป

นรมนตกใจเล็กน้อย

บุณพจน์เล่าทุกอย่างออกมา ไม่ว่านรมนกับบริศร์จะรู้หรือไม่ เขาพูดทุกอย่างในหัวของเขา ดูเหมือนร้อนใจต้องการพูดระบาย ออกมา

บริศร์กับนรมนฟังอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไร

หลังจากบุณพจน์พูดจบก็ตนเองก็ยิ้มนำเขื่อนๆ

“พวกนายคิดว่า คนแบบนี้ยังควรที่จะเรียกว่าเป็นคนอยู่ไหม? ตอนแรกแม่ตาบอดจริงๆ ถึงไปตกหลุมรักชายในหนัง หมาป่า”

บุณพจน์รู้สึกกับโอไม่เหมือนกัน เพราะไม่เคยเจอหน้าตั้งแต่ เด็ก ดังนั้นแม่จึงสูงส่งมากในใจของเขา

บุริศร์กลับไม่ได้พูดว่าโอไม่ใช่แบบนั้น แม้ประสบการณ์ที่ผ่าน มาในชีวิตของเขาจะไม่ได้ดีมากเสมอไป แต่อยู่ต่อหน้าบุณพจน์ เขายังหวังให้บุณพจน์หลงเหลือภาพที่สวยงาม แม้จะเป็น จินตนาการก็ดี

“ปีนั้น โชคดีที่เธอเห็นความสำคัญของหมู่บ้านดารายนมากก ว่าความรู้สึก ไม่งั้นแผนชั่วของฉัตรพลคงสำเร็จไปนานแล้ว”

คำพูดของบริศ ทำให้บุณพจน์เงียบไป

ใช่แล้ว

สุดท้ายโอก็คือผู้ใหญ่บ้านนายน้อยของหมู่บ้านดารายน ตอน นั้นถึงจะรักฉัตรพลรักจนสามารถมอบตัวเองให้ได้ แต่เมื่อต้อง เผชิญกับเรื่องใหญ่เธอยังยึดมั่นในบรรทัดฐานของตนเอง สิ่งนี้ ยังพอรับได้

นรมนไม่พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ เธอมองบุริศร์ รู้สึกว่าพวก เขาพี่น้องน่าจะมีเรื่องคุยกันเยอะ จึงลุกขึ้นทันที กล่าวเสียงเบา “ฉันจะไปหาพรวลัยนะ

“ได้”

คราวนี้บุณพจน์ไม่ห้าม
นรมนลุกขึ้นเดินไปที่ห้องของพรวลัย

จำต้องพูดว่าบุณพจน์ดูแลพรวลัยดีมาก ใบหน้าของหล่อนใน ตอนนี้มีเลือดฝาด ถึงแม้จะยังอ่อนแรง แต่ดีกว่าตอนเพิ่งออกจาก ห้องผ่าตัดเยอะเลย

อุณหภูมิภายในห้องค่อนข้างสูง คงเป็นเพราะบุณพจน์กลัวพร วลัยหนาว จึงตั้งใจปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้น

นรมนมาที่หน้าเตียงของพรวลัย เดิมคิดว่าหล่อนหลับอยู่ กลับ คิดไม่ถึงว่าพรวลัยจะลืมตาขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าเป็นนรมนนัยน์ตา เฉียบคมถึงจะค่อยๆ หายไป

“เธอมาได้ไงเนี่ย ?

ถึงแม้เสียงของพรวลัยจะเบา แต่กลับมีชีวิตชีวามาก สามารถ เห็นได้ว่า เธออารมณ์ดีไม่เลวที่ได้ลงโทษฉัตรพล

นรมนนั่งลงไปด้วยรอยยิ้ม พรวลัยกลับพูดอย่างเกรงใจ “ตอน

นี้ฉันป่วยอยู่ เดี๋ยวเธอจะติดเอาได้

“ฉันไม่ได้บอบบางขนาดนั้น

นรมนยิ้มบางๆ แววตาอ่อนโยน

มีเพียงผู้หญิงเท่านั้นถึงจะเข้าใจความเจ็บปวดของผู้หญิงด้วย

กันเอง

นรมนก็สูญเสียลูกของตนเอง

เธอเอื้อมมือไปวางบนท้องของพรวลัยเบาๆ นึกถึงลูกที่ไร้วาสนาของตนเองคนนั้น อดเอ่ยถามไม่ได้ “เจ็บปวดมากไหม? น่าเศร้าอย่างยิ่ง ความเจ็บปวดที่ไม่อาจลืมเลือน ฉันเคยแบกรับ มันมาครั้งหนึ่งรู้สึกรับไม่ไหว เธอแบกรับมันตั้งหลายครั้ง ไม่ง่าย เลยจริงๆ ”

นัยน์ตาของ พรวลัยร้อนผ่าวในชั่วพริบตา เธอเงยหน้าขึ้น อย่างดื้อรั้น คิดจะบังคับให้น้ำตาไหลกลับไป แต่กลับไม่สําเร็จ

เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ปรารถนาที่จะได้เป็นแม่คน ไม่มีใครรู้ ถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานตอนที่เธอสูญเสียลูกไป ถึงแม้ จะอยู่ต่อหน้าบุญพจน์ เธอก็กัดฟันพูดว่าตนเองไม่เป็นไร เพราะ เธอไม่กล้าพูดว่าเสียใจ ไม่กล้าพูดว่าเจ็บปวด เพราะเมื่อพูดออก ไปแล้ว เธอจะเสียใจจนอยากจะตายๆ ไปเสียที

แต่จุดยืนของเธอกับบุณพจน์อยู่ตรงนั้น เธอไม่สามารถมีลูก ให้แก่เขาได้ คนในครอบครัวของเธอที่ตายอย่างไม่เป็นธรรมไม่ อนุญาต

พรวลัยรู้ดี ทั้งหมดนี้ตนเองทำเองก็ต้องรับเอง เป็นเธอที่หัก ห้ามใจไม่อยู่รักลูกชายของศัตรู ความเจ็บปวดและความเสียใจ นี้เธอต้องแบกรับมันคนเดียว

ไม่มีใครเข้าใจพรวลัยได้ดีไปกว่านรมน

เธอบีบมือของพรวลัยเบาๆ กล่าวอย่างสงสาร “บุณพจน์อาจ จะไม่ใช่ลูกชายของพิรุณ

“เธอว่าอะไรนะ?”
พรวลัยเนื่องจากความเกี่ยวข้องของความแค้นกับอุปนิสัย และไม่ค่อยได้ติดต่อกับนรมนและโลกภายนอก รวมทั้งช่วงนี้ยัง แท้งด้วยยาพิษ แน่นอนไม่สามารถเข้าถึงข่าวสารได้ บุณพจน์ ไม่พูดกับเธอ ดังนั้นเมื่อได้ยินนรมนพูดเช่นนี้ จึงอดเบิกตาโตไม่ ได้

“ที่เธอพูดมันหมายความว่าอะไร? รีบบอกฉันเร็วเข้า

ไม่มีอะไรทำให้พรวลัยร้อนรนไปกว่าคนที่ตนเองรักไม่ใช่ ลูกชายของศัตรูอีกแล้ว

เธอต้องการยืนยัน แต่ก็กลัวการยืนยันเล็กน้อย

นรมนเองก็เป็นผู้หญิง จะไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอในตอนนี้ ได้อย่างไร

เธอเล่าทั้งหมดให้พรวลัยฟัง จนแม้แต่ความคิดที่บุณพจน์จะ

ทำการตรวจดีเอ็นเอ ใหม่อีกครั้ง

พอจะพูดได้ว่าความรู้สึกของพรวลัยเหมือนกับรถขึ้นๆ ลงๆ ภูเขา สุดท้ายก็กลับมาสงบ

อยู่ดีๆ เธอก็หัวเราะขึ้นมา หัวเราะไปหัวเราะมาก็ร้องไห้ ร้อง ได้จนไม่สามารถควบคุมตนเองได้

นรมนรู้ นี่เป็นเพราะเธอกดดันตนเองมานานมากเกินไปจน ระเบิดออกมา จึงไม่ได้ไปขัดขวางเธอ

บุณพจน์ถูกเสียงร้องไห้ของพรวลัยดึงดูดความสนใจ ถาม ด้วยใบหน้าร้อนรน “เป็นอะไรไป? นี่เกิดอะไรขึ้น? ”
เขาเหลือบมองนรมน ถึงแม้จะไม่ต่อว่า แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ พอใจ

พรวลัยกลับคว้าบุณพจน์เอาไว้ ร้องไห้ไปยิ้มไป เหมือนผู้ป่วย

ทางจิตที่ได้รับเรื่องสะเทือนจิตใจ

“พรวลัย ไม่ว่าคุณจะได้ยินอะไรมา อย่าวิตกกังวล ตอนนี้ ร่างกายของคุณไม่อาจทนต่อความตื่นเต้นได้ คุณ…………..

คําพูดของเขายังไม่ทันจบ พรวลัยใช้ริมฝีปากหอมหวานอุด ปากเขาทันที

เธอไม่สนใจทุกสิ่ง ในตอนนี้เหมือนจะดูดบุณพจน์เข้าท้อง นร มนเห็นแล้วอึ้งไป

บริศ เอื้อมแขนยาวออกไป พาภรรยาของตนเองออกจากห้อง นอน ใบหน้ามีรอยยิ้ม

“เธอ พวกเขา……เหมือนอยู่กันตามลำพังจังเลยเนอะ

นรมนรู้ว่าคนบางคนก็เปิดเผย จนแม้แต่จูบกันกลางถนนก็ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรในสังคมนี้ แต่เธอยังอยู่ตรงหน้า พวกเขายัง ร้อนแรงกันแบบนี้ดีจริงเหรอ?

เห็นภรรยาของตนเองมีท่าทางตกใจ บุริศร์รู้สึกว่าตอนนั้นร กมาก

“อืม ไม่ค่อยเอาไหนเลยจริงๆ ”

น้ำเสียงของบุริศร์มีความระริกระรี้ สองมือประคองใบหน้าของนรมน ในตอนที่เธอยังไม่มีการตอบสนอง จ้องมองเธออย่าง ลึกซึ้ง

“งั้นพวกเราหนามยอกต้องเอาหนามบ่งหรือเปล่า? คือ? ”

เสียงของบุริศร์มีความแหบพร่าและหวานเป็นพิเศษ เมื่อ ใบหน้าหล่อเหลาที่มองไม่รู้จักเบื่อขยายใหญ่ตรงหน้านรมน เธอ รู้สึกเพียงหัวใจเต้นรัว เหมือนจะกระเด้งออกมาจากลำคอได้ทุก เมื่อ

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

แต่งงานกันมานานแล้ว เธอใจเต้นตุบๆ เหมือนเด็กสาวสิบ เจ็ดสิบแปดอย่างไม่คาดคิด น่ากลุ้มใจเหลือเกิน

“อย่าก่อเรือง”

นรมนคิดจะผลักบุริศร์ออก ถือโอกาสหลุดพ้นความรู้สึก หลงใหลของตนเองไปด้วยเลย กลับรู้สึกมีแรงดึงที่เอว ในชั่ว พริบตาเดียวร่างกายของเธอตกเข้าไปสู่อ้อมแขนของบุริศร์

“ผมไม่ได้ก่อเรื่อง”

บุริศร์ยิ้ม นัยน์ตาระยิบระยับสวยงามกะพริบใส่ดวงตาของพร มนทันที เธอรู้สึกว่าบุริศร์คือปีศาจ รอยยิ้มหลอกให้ลุ่มหลง

ริมฝีปากนุ่มนวลมีความหวานเล็กน้อย ทำให้นรมนูหลับตาลง อย่างพึงพอใจ

ในขณะนี้ นรมนจมอยู่ในความรักละมุนของบริศร์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เธอรู้ว่าชีวิตนี้เป็นอันว่าถูกพิษของบุริศร์

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน บริศ ปล่อยนรมนออก เห็นเธอ หายใจไม่ทั่วท้อง ความกระหายแวบขึ้นในแววตาของบริศร์ แต่รู้ ว่านรมนหน้าบาง ที่นี่คือสถานที่ของบุณพจน์ เขาถึงนรมนเข้า มากอดแน่น กล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “เขาเครียดเพราะพรวลัย ได้ยินเธอร้องไห้สีหน้าเลยดูไม่ได้ อย่าถือสาเลยนะ”

นรมนชะงักไป ถึงจะรู้ตัวว่าบริศร์กำลังอธิบายแทนบุณพจน์

เธอส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “พรวลัยกดดันมานานเกิน ไป ถ้าไม่ให้เธอระบายออกมา ฉันกลัวว่าเธอจะมีภาวะซึมเศร้า หลังคลอด พวกคุณเป็นผู้ชายไม่เข้าใจความเจ็บปวดของผู้หญิง เด็กคนนั้นเป็นลูกของเธอกับบุณพจน์ มีแม่ที่ไหนบ้างไม่รักลูกใน ท้อง? แต่ระหว่างพวกเขามีหนี้แค้นกั้นไว้ พรวลัยไม่อาจคลอด ลูกได้ กลับไม่อาจอธิบายให้บุณพจน์ฟัง นี่เป็นความเจ็บปวดที่ ผู้ชายไม่เข้าใจ ส่วนเรื่องที่เล่าให้เธอฟังวันนี้ แม้จะเป็นความหวัง เล็กน้อยก็เป็นการกอบกู้และการหลุดพ้นสำหรับเธอ เธอร้องไห้ก็ ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นเธออาจจะไม่มีแรงและความกล้าเดินต่อไปกับ บุณพจน์อีก จนมาถึงวันนี้ ความจริงแล้วพรวลัยบังคับตนเองมาสู่ ทางต้น ไม่อยู่ก็ตาย”

ได้ยินคำพูดของนรมน แววตาของบุริศร์เกิดการไตร่ตรองขึ้น มาแวบหนึ่ง

เขาเองก็คิดถึงลูกที่ไร้วาสนาคนนั้นของตนเองกับนรมน ตอนนั้นนรมนก็เจ็บปวดแบบนี้ใช่ไหม?
บุรีศร์มองนรมน กอดเธอแน่นด้วยความสงสาร

“ขอโทษนะ”

ค่าขอโทษอย่างไม่คาดคิดจากเขาทำให้นรมน นงง คิดอยู่ นานถึงจะคิดออกว่าบุริศร์ขอโทษเรื่องอะไร ความอบอุ่นเล็กน้อย เกิดขึ้นในก้นบึงหัวใจอย่างอดไม่ได้

“ฉันไม่เป็นไร มันผ่านไปแล้ว”

นรมนลูบแผ่นหลังของบุริศร์เบาๆ เธอรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเสี้ยน หนามในใจของบุริศร์ ถึงแม้จะไม่พูด แต่ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บปวด

บุริศร์ปรารถนาที่จะได้เป็นพ่อคนใหม่อีกครั้งยิ่งกว่าเธอ เรื่อง บางเรื่องอาจไม่เป็นอย่างที่ใจหวัง นรมน แค่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้ ก็ดีแล้ว

บุริศร์จะไม่รู้ความคิดของนรมนได้อย่างไร?

เขาก้มลงจูบนรมนอีกครั้ง ครั้งนี้มีความสงสารและมีความ อ่อนโยน

เมื่อบุณพจน์ออกมาเห็นฉากแนบชิดเช่นนี้ จึงอดกระแอมไอไม่

นรมนผลักบุริศร์ออก หน้าแดงเหมือนผลลูกท้อสุกได้

“คือว่า ถ้าพวกนายต้องการห้อง ฉันมีห้องที่นี่ เลือกได้ตาม สบาย”

บุณพจน์มองบุริศร์อย่างหยอกล้อ สีหน้าดีขึ้นกว่าก่อนเข้าไปเยอะเลยทีเดียว นี่คือความแตกต่างระหว่างโลกกับสวรรค์จริงๆ

ต่อหน้าคนภายนอกบริศร์ดูนิ่งๆ มาตลอด และเย็นชามาก

ยากนักที่จะได้เห็นด้านที่เร่าร้อนของเขา บุณพจน์คิดว่าตนเองไม่

หยอกล้อคงจะน่าเสียใจเกินไป เห็นบุญพจน์ใบหน้าอิ่มเอิบไปด้วยความสุข บุริศร์กล่าวเสียง เบา “ภรรยาของฉันช่วยผู้หญิงของนายแก้ปมที่ติดค้างในใจ

นายคิดว่าแค่จัดห้องให้พวกเราแล้วจะไล่พวกเราไปได้เหรอ?

“โอ้ นี่หมายความว่าต้องการอะไรมากกว่านี้

บุณพจน์ผิวปากทันที จากนั้นยิ้มกล่าว “งั้นไม่สู้พาพวกนายไป ดูว่าฉัตรพลตอนนี้น่าเวทนาขนาดไหนดีกว่าไหม? “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ