แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 861 ผมอยากกินมากจริงๆ



บทที่ 861 ผมอยากกินมากจริงๆ

มือของบุริศรหยุดชะงักครู่หนึ่ง แล้วเคลื่อนไหวอีกครั้ง ในห้อง มีเสียงเคาะแป้นพิมพ์ของเขาดังไปทั่ว เสียงเคาะดังขึ้นเป็นช่วงๆ เหมือนเคาะบนใจของนรมน

เธออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ยังไม่ทันพูดอะไร บุริศร์

พูดขึ้นก่อน

“นั่งก่อนสิรินน้ำอุ่นอบอุ่นมือก่อน เรื่องอื่นเดี๋ยวเราค่อยคุย
กัน”

“ค่ะ”

นรมนรินน้ำอุ่นให้ตัวเอง แล้วนั่งลง

เธอร้อนใจมาก แต่ก็รู้ดี ตัวเองร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์ เส้น สายก็ใช้แล้ว ค้นหาทุกหนทุกแห่ง ต่อให้ตอนนี้เธอออกไปเที่ยว ตามหาเอง ก็ไม่แน่ว่าจะหาคมทิพย์เจอ

บุริศร์ใส่รหัสสุดท้ายเสร็จ คอมพิวเตอร์ทันใดนั้นก็ส่งคำสั่งชุด หนึ่ง แล้วก็ไม่มีอะไรที่บุริศร์รู้สึกว่ามีประโยชน์

เบื้องหลังตระกูลเจริญไชยสะอาดมาก สะอาดจนทำให้รู้สึก แปลกใจ

“ว่าไงคะ”

นรมน ในที่สุดก็นั่งไม่ติด รีบเข้ามาดู
“ระวังหน่อย”

บุรีศรขมวดคิ้วนิดๆ สีหน้ากังวล

นรมนไม่กล้าประมาท ค่อยๆ เดินเข้าไป ก็เห็นข้อมูลสมาชิก แต่ละคนของตระกูลเจริญไชย

“สะอาดมาก แต่ต้องแฮคไฟร์วอลของแฮคเกอร์อัลไลแอนซ์ถึง จะหาข้อมูลพวกนี้เจอ คุณไม่รู้สึกหรือข้อมูลสะอาดขนาดนี้ทำไม ต้องใช้แฮคเกอร์อัลไลแอนซ์รักษาความลับล่ะ”

แน่นอนว่าคำถามของบุริศรแหลมคม นรมนฟังความหมาย

ออก

“คุณจะบอกว่าตระกูลเจริญไชยไม่ธรรมดาหรือคะ”

“ใช่แล้ว ไม่รู้ตระกูลเจริญไชยไปเหยียบเท้าใครมา ผมกลัว ที่สุดก็คือเรื่องนี้ ตอนนี้พวกเราเหมือนแมลงวันไร้หัวหามั่วไม่ใช่ ทางออก ผมรู้คุณเป็นห่วงคมทิพย์ ผมรู้ความสัมพันธ์ของคุณกับ เธอ เธอไม่อยากทำให้คุณลำบาก ย่อมซ่อนให้ลึก แต่คุณอย่า บุ่มบ่าม ผมจะพยายามเต็มที่”

บริศ ปิดโน๊ตบุ๊ก

นรมนพยักหน้า ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี

บุริศร์มองเธอ พูดเรียบๆ “คุณไม่มีอะไรจะพูดกับผมหรือ

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ควรสงสัยคุณ
นรมินรู้ดี เธอควรสารภาพให้เร็วเท่าไรยิ่งดี

บุรีศร์ งเธอมานั่งที่ขอบเตียง ถอนหายใจ “ผมรู้นิสัยของคุณ รู้ด้วยว่าคุณรู้สึกยังไงตอนที่เพิ่งเห็นเหตุการณ์นั้น แต่นรมน ผม ไม่มีทางนอกลู่นอกทาง ผมไม่ได้ทำ

“ฉันรู้ค่ะ คมทิพย์ทำอย่างนี้ไปเพราะอะไรฉันก็รู้ดี เพียงแต่ ยากที่จะรับได้เท่านั้น

“รอจนเจอคมทิพย์ ผมจะต้องสั่งสอนเธอ เธอทำอะไรลงไป เธอไม่อยากทําให้คุณลำบาก จะให้ระหว่างเรามีช่วงเวลาดีๆ ไม่ ได้หรือ”

บุริศร์ยิ้มบางๆ แต่ท่าทางกลับชะงักนิดหนึ่ง

คมทิพย์คือเพื่อนสนิทที่สุดของนรมน เธอทำเรื่องอะไรก็ได้เพื่อ ให้นรมนแยกจากตัวเอง แต่ไม่มีทางทำเรื่องที่ทำให้นรมนเสียใจ

เธอรู้ดีกว่าใคร นรมนรักบุริศร์แค่ไหน เพื่อบริศร์ต้องทนทุกข์ ทรมานมากขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้นรมนไม่มีความรู้สึก เช่นนั้นเธอทําอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร

หรือว่าจะทําให้นรมนเข้าใจผิดเขา หรือว่าจะทำให้นรมนไป

จากเขา

ทำไมต้องทำอย่างนี้

เพราะเรื่องของตระกูลเจริญไชยเกี่ยวข้องกับเขาหรือ บริศ พยายามย้อนคิดในหัว ตัวเองกับตระกูลเจริญไชยไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกระทั่งธุรกิจไม่มี เช่นทําอย่างนี้

นรมนเห็นบุริศร์จู่จมอยู่ความคิด เข้าใจว่าคิด เบาะแสอะไรออก กล้ารบกวน

บริศ ครุ่นคิดไม่นาน แค่ไม่กี่วินาที รู้สึกตัว เมื่อนรมน มองตัวเอง ก็ปรับอารมณ์เถอะ นี่ไม่ปัญหาอะไรแล้ว

“ค่ะ กลับตระกูลโตเล็กละกัน ฉันกลัวกับคุณตาจะเป็นห่วง

โอเค

บริศร์นรมนเดินออกคลับ

ไม่ว่าข้างนอกตกปรอยๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ บุริศร์รีบถอดเสื้อ คลุมบังสร้อย

คมทิพย์เมื่อก่อนกลัวฝนตกที่สุด ไม่คืนจะฟ้าร้องมั้ย

นรมนนึกถึงคมทิพย์ก่อนความผูกพันเธอ

เป็นห่วงมากจริง

แววพวกเขาเจอให้เร็ว

นโมนพยักหน้า

รถ ไม่เห็นตรอกอยู่ไม่ไกลออกไป ทิพย์มองพวกเขาไม่ละตา
นํ้าตาของเธอไหลพรากอาบแก้ม มือเท้าเย็นเยียบ แต่เวลานี้ ดวงตาร้อนผ่าว

คมทิพย์เห็นนรมนกับบุริศร์ขึ้นรถแล้ว ค่อยเดินจากไป ไม่รู้ว่าฟ้าร้องฟ้าผ่าเริ่มขึ้นเมื่อใด

คมทิพย์คิดถึงตอนเด็กๆ ตัวเองกลัวที่สุดคือวันฝนตก รู้สึกว่า เสียงฟ้าร้องทำให้จิตวิญญาณของตัวเองแตกสลาย แต่ตอนนี้ เธอเพิ่งรู้ ตอนนั้นตัวเองช่างไร้เดียงสาน่าขันเพียงใด

เธอรู้สึกเสมอชีวิตช่างโหดร้ายกับเธอเหลือเกิน คิดว่าทุกเรื่อง ที่เธอเคยเผชิญคือเหตุผลที่ทำให้เธอหมดหวัง แต่เรื่องที่เกิดขึ้น ช่วงนี้ทำให้เธอเข้าใจ เรื่องที่หมดหวังในชีวิตคนเราช่างมากมาย เหลือเกิน

คมทิพย์พาร่างอ่อนล้าเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ ทรุดโทรม แล้วเดินเลี้ยวไปมากระทั่งถึงหน้าห้องหนึ่ง มองซ้ายขวาไม่มีคน ถึงค่อยผลักประตูเข้าไป แล้วปิดประตูห้องทันที

“ใคร”

ในห้องไม่ได้เปิดไฟ แต่เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

“พี่เอง”

คมทิพย์รีบพูดขึ้น แล้วเดินเข้าไป

อีกฝ่ายได้ยินเสียงคมทิพย์ก็อึ้งไปนิดหนึ่ง แล้วคลายความระมัดระวังตัว

คมทิพย์ไม่ได้เปิดไฟ เธอกลัวว่าเปิดไฟแล้วจะดึงความสนใจ ของคนอื่น

เมื่อก่อนพวกเขายังอาศัยแสงจันทร์มองเห็นใบหน้าของอีก ฝ่าย แต่ตอนนี้ฟ้าร้องฟ้าผ่า ข้างนอกมืดมิด คมทิพย์จึงเห็นหน้า น้องชายไม่ชัด

ปัญญ์ก็เห็นหน้าคมทิพย์ไม่ชัด ได้แต่อาศัยเสียงหาตำแหน่ง ของเธอ

“พี่ข้างนอกสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง

“ไม่ค่อยดี คนที่ติดต่อธุรกิจกับครอบครัวเราหลีกหน้าไปหมด คนที่ใกล้ชิดกับครอบครัวเรา ก็ดูเหมือนจะเกิดเรื่องกันหมด” ดมทิพย์กระซิบ หยิบไก่ย่างออกมา

“กินหน่อยเถอะ พี่เพิ่งซื้อมาข้างนอกฝนตกแล้ว ไม่ทันเอาร่ม

มา อาจจะเย็นหน่อย

เสียงของคนทิพย์เหมือนเมื่อก่อน แต่ปัญญ์ได้กลิ่นบางอย่าง

“พี่ ร้องไห้หรือครับ”

“เปล่าจ้ะ แค่น้ำฝนน่ะ”

คมทิพย์ยิ้ม แต่ปัญญ์มองไม่เห็น

ปัญญ์หยิบไก่ย่างไป เงียบขรึมครู่หนึ่ง “พี่ครับ ฟ้าสว่างแล้วก็ ไปเถอะ ไม่ต้องสนใจผม
“พูดอะไรอย่างงั้น เธอเป็นน้องชายพี่ ไม่ดูแลเธอแล้วจะให้พี่ ดูแลใครล่ะ”

คมทิพย์ไม่มีทางทอดทิ้งปัญญ

ปัญญ์มองขาสองข้างของตัวเอง ยิ้มขึ้น “ตอนนี้ครอบครัวเรา เป็นอย่างนี้ พี่ช่วยผมไปก็ไม่มีประโยชน์ ผมรู้ว่าพี่ไม่อยากทำให้ พี่นรมนลำบาก และไม่อยากรบกวนคนอื่นด้วย พี่ครับ ผมรู้ดี ผม ไม่เป็นไร ต่อให้พวกมันจับตัวผมได้ ผมก็เป็นแค่คนพิการ พวก มันจะทําอะไรผมได้

“พี่ไม่ยอมให้เธอว่าตัวเองอย่างนี้ พี่จะหาทางรักษาเธอให้ หาย จะต้องมีวิธีสิ พี่ได้ยินว่ามิลินอยู่ที่เมืองชลธี เดี๋ยวพี่…

“พี่ครับ มิลินอยู่ที่ตระกูลธนาศักดิ์ธน อยู่กับบุริศร์ ที่นั่น พี่คิด ว่าจะมีโอกาสได้เจอมิลินหรือ อีกอย่างขาผมสองข้างนี้ หมอก บอกแล้ว รักษาไม่หาย กระดูกหักแหลกละเอียด ไม่มีทางรักษา พี่ปล่อยวางเถอะ”

น้ำเสียงของปัญญฟังไม่ออกว่ามีความสุขทุกข์อย่างใด แต่คม ทิพย์รู้สึกผิดและโทษตัวเอง

ขาสองข้างของเขาต้องเป็นอย่างนี้ก็เพื่อช่วยเธอ คมทิพย์จะไม่ สนใจได้อย่างไร

“ขืนพูดบ้าอะไรนี่อีก พี่จะไม่รับเธอเป็นน้องชายแล้ว”

“ไม่รับก็ไม่รับ ตอนนี้พี่เกี่ยวข้องกับผมก็ไม่ใช่เรื่องดี พี่ไป แล้ว หาที่ที่ไม่มีใครรู้จักพี่หลบซ่อนเปลี่ยนชื่อเถอะ คนพวกนั้นคงหาไม่เจอ พี่เป็นคนที่ทายาทตระกูลเจริญไชยหามา พวกเรา ไม่มีทางคิดว่าพี่รู้อะไร อาจจะปล่อยพี่ไป พี่ครับ พี่ไม่จำเป็นต้อง มาทิ้งชีวิตกับผมที่นี่”

ปัญญ์หวังดีกับคมทิพย์จริงๆ

เขาไม่อยากเห็นคนทิพย์ลำบาก ยิ่งไม่อยากเป็นเพราะตัวเอง ทําให้คมทิพย์ลำบาก

คมทิพย์น้ำตาไหลพราก

“น้องชาย ตอนนี้พี่มีเธอเป็นญาติคนเดียว อย่าพูดแบบนี้ได้ มั้ย ตอนนี้ยังไม่รู้พ่อแม่เป็นยังไงบ้าง ถ้าเธอไม่ต้องการอีก เธอ จะให้พี่เป็นเด็กกำพร้าอีกหรือ

ปัญญ์สะอึก เสียใจมากทีเดียว

“พี่ครับ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ควรให้พี่เข้ามาด้วย

“พี่เป็นคนของตระกูลเจริญไชย ไม่ว่าจะกลับมานานหรือไม่ ไม่มีทางที่จะไม่สนใจตระกูลเจริญไชย พี่จะต้องคิดอ่านหาข่าว พ่อแม่ให้ได้ หาทางรักษาขาของเธอ จะต้องมีทางสิ ชาตินี้รักษา เธอไม่หาย ชีวิตนี้พี่คงอยู่สงบสุขไม่ได้แน่

นี่คือคำพูดจริงใจ

ปัญญ์เพิ่งจะรู้จักกับนรมนไม่นานสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะ เป็นห่วงเธอ ต้องไปเป็นเพื่อนเธอไปชายแดนให้ได้ ไม่มีทาง ทำให้ตัวเองเป็นอย่างนี้
มิตรภาพของเธอกับบรมนเป็นเรื่องที่ไม่ต้องพูด แต่ปัญญ์ท่า ทุกอย่างเพื่อเธอพี่สาวคนนี้ เธอไม่อาจลบล้างและเพิกเฉยได้

ปัญญ่เห็นว่าเปลี่ยนใจเธอไม่ได้ ก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วฉีก ไก่ย่าง แบ่งครึ่งหนึ่งวางในมือคมทิพย์ พูดเสียงเบา “กินเถอะ อย่าเอาแต่ห่วงผม ผมรู้ดี พวกเรามีเงินไม่มาก แต่จะทรมานตัว เองไม่ได้ ถึงอย่างไรตอนนี้พี่เป็นแรงงานทั้งหมดคนเดียวไม่ใช่ หรือ”

คมทิพย์ยิ้มทั้งน้ำตา รับใกล้ย่างไป กินพร้อมกับปัญญ ท่ามกลางความมืดมิด

ปัญญ์ถอนหายใจ ในใจแอบมีความคิดแล้ว

เขาพิการแล้ว ต่อให้ตายก็ไม่เป็นอะไร แต่คมทิพย์ถูกขาย ตั้งแต่เด็ก เพิ่งกลับมาตระกูลเจริญไชย ยังไม่ได้มีความสุข ก็จะ ให้เธอได้รับอันตรายของตระกูลเจริญไชยแล้วหรือ นี่มันไม่ ยุติธรรมต่อคมทิพย์

บางทีคนที่จะช่วยคุมทิพย์ได้มีแต่นรมนเท่านั้น

ปัญญูตัดสินใจแล้ว อาศัยแสงรำไรมองใบหน้าด้านข้างของ คมทิพย์ แสงฟ้าผ่าวาบพอดี ใบหน้าซีดเซียวของคมทิพย์ ทำให้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด

“พี่ครับ ผมอยากกินเสี่ยวหลงเปา ไก่ย่างนี้เลี่ยนเหลือเกิน”

ปัญญ์พูดเบาๆ

คมทิพย์อึ้งนิดหนึ่ง พูดขึ้น “ทนหน่อยนะ พรุ่งนี้พี่จะออกไปซื้อให้แต่เช้า ตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนัก พ

“ผมอยากกินจริงๆ

เสียงของปัญญ่ไม่ดังนัก กระทั่งไม่มีเสียงวิงวอน แต่คม ทิพย์ยากจะทนไหวจนใจแทบจะขาด

เขาเคยเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลเจริญไชย อยากกินอะไร แล้วไม่ได้หรือ เคยต้องลำบากขนาดนี้ตอนไหน

ให้เขาอยู่ที่นี่คมทิพย์ก็ยากจะรับได้แล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินปัญญ

พูดเช่นนี้ จึงรู้สึกปวดใจขึ้นมา “รอหน่อยนะ เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้เธอต้องระวังตัวเองนะ อย่าเปิดไฟ”

คมทิพย์กำชับ ปัญญ์รับคำ มองคมทิพย์เดินออกไปจากห้อง ปัญญ่ค่อยหยิบมือถือออกมา แต่สายตาลึกๆ มีแววไม่แน่ใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ