แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 919 มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง



บทที่ 919 มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง

“ประธานบุริศร์ ?”

นภดลเห็นบุริศร์ไม่มีการตอบสนอง ก็เลยเรียกเขาที่หนึ่ง

บุริศร์ได้สติกลับมาทันที

“ฉันจะพาทีมไปที่ท่าเรือใกล้เคียงด้วยตัวเอง ทางฝั่งนี้ฝากให้ นายจัดการแล้วกัน”

พูดจบบริศร์ก็หันหลังเดินไปทันที

ถึงแม้นภดลเองก็จะรู้สึกเป็นห่วงเหมือนกัน แต่ตอนนี้เห็นได้ ชัดว่าบุริศร์ได้สติกลับมาแล้ว เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องตามไป อีก”

หลังจากที่คิมกับเชษฐ์ขึ้นเรือไปแล้ว เชษฐ์ก็สั่งให้คนเปลี่ยน เรืออีกจําหนึ่ง แล้วใช้พวกเขาเป็นตัวล่อคนของบริศร์ ส่วนตัวเอ งกับคิมก็พานรมนที่กำลังสลบอยู่ไปที่เรือลำอื่น

นรมนยังคงไม่ได้สติ คิมคอยเฝ้าอยู่ข้างกายเธอตลอดเวลา

มองดูลูกสาวตัวเอง คอยเช็ดหน้าให้เธอครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ กลับไม่รู้ว่าหากนรมนตื่นขึ้นมาแล้วตัวเองควรจะพูดอะไรบ้างดี

อาจเป็นเพราะว่านรมนเข้าใจความลำบากใจของคิม เธอเลย เอาแต่หลับใหล หลับจนคิมรู้สึกเริ่มกังวลใจขึ้นมา

“นายทำอะไรกับเธอกันแน่ ? ทำไมเธอถึงยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก 2

แต่เชษฐ์กลับพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เธอวางใจเถอะ ฉันไม่ได้ ใช้ยากับเธอ ฉันก็แค่ตีจนเธอสลบไปเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ว่าทำไม เธอยังไม่ตื่นขึ้นมาอีกนั้น ฉันเองก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะสมรรถภาพ ทางกายไม่ดี ? ฉันไม่ได้ว่านะ แต่ลูกของพวกเธอคนนี้ สมรรถภาพทางกายแตกต่างจากพวกเธอมากจริงๆ

แต่คิมกลับถลึงอย่างเย็นชาใส่เขาที่หนึ่ง จากนั้นก็เริ่มดูแลนร มนอย่างระมัดระวัง

ตอนที่นรมนตื่นขึ้นมานั้น พอเห็นคิมเข้าก็นึกว่าตัวเองฝันไป เสียอีก

“คุณแม่ ? ฉันคงยังไม่ได้สติสินะ ถึงได้มองเห็นคุณแม่ได้” นรมนยิ้มอย่างขมขื่น อยากจะลุกขึ้น แต่กลับรู้สึกปวดคอ อย่างรุนแรง

แล้วจู่ๆเธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้

“เชษฐ์ ? !”

เธอกระเด้งตัวขึ้นมานั่งทันที แต่เพราะแบบนั้นเลยทำให้เธอ รู้สึกเวียนหัวมาก

“ช้าหน่อย นรมน ลูกยังต้องพักผ่อนอีกสักพัก

เสียงของคิมลอยมา ครั้งนี้เลยทำให้นรมนนิ่งอึ้งไปทันที

“คุณแม่ ? เป็นคุณแม่จริงๆเหรอคะ ?”
นรมนมองดูคิม แล้วใช้มือลูบใบหน้าของเธอแบบไม่ค่อย อยากจะเชื่อนัก

มันอบอุ่น !

และร้อนผ่าว !

นรมน โมโหขึ้นมาทันที

“เชษฐ์ ไอ้คนสารเลว ! คุณจับตัวฉันมาก็แล้วไป แต่คุณจับตัว แม่ฉันมาทําไมอีก ?”

พอเห็นนรมนจะเข้าไปมีเรื่องกับเชษฐ์ คิมก็รีบลากตัวเธอเอา

ไว้ทันที

“แม่เป็นคนมาที่นี่ด้วยตัวเอง”

“อะไรนะ ?”

นรมนมึนงงไปทันที

คิมลากเธอเอาไว้ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “แม่อยากไปเจอกับ พ่อของลูกสักครั้ง แม่ไม่ได้เจอเขามายี่สิบกว่าปีแล้ว”

จู่ๆนรมนก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว

เธอจำได้ว่าเชษฐ์เคยพูดแบบนี้มาก่อน แล้วทำไมตอนนี้คิมเอง

ก็พูดแบบนี้ด้วย ?

“คุณแม่ อย่าไปถูกเชษฐ์หลอกเอานะ ! คนที่ตายไปแล้วจะยังมี ชีวิตอยู่ได้ยังไง ? เห็นได้ชัดเลยว่าเขาใช้จุดนี้มาเพื่อต่อกรกับ พวกเรา ! ทำไมแม่ถึงไม่เข้าใจล่ะ ?”
“แม่เข้าใจ แต่แม่ก็รู้ว่าพ่อของลูกตายไปตั้งนานแล้ว ยี่สิบกว่า ปีแล้ว จนแม่แทบจะลืมไปแล้วว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง ถ้าได้ไป เจอเขาก่อนตายสักครั้ง ให้แม่ได้จํารูปร่างของเขาไว้ ชีวิตนี้ของ แม่ก็คุ้มค่าแล้ว”

“คุณแม่กำลังพูดอะไรอยู่นะ ? คุณแม่ตื่นหน่อยเถอะค่ะ”

นรมนไม่รู้ว่าเชษฐ์ล้างสมองของคิมได้ยังไง เธอรู้สึกเพียงว่า อยากจะฆ่าเชษฐ์ให้ตายคามือ

แต่เชษฐ์กลับยิ้มแล้วพูดว่า “แม่ของเธอตื่นอยู่ตลอดนั่นแหละ ไม่มีใครตื่นได้เท่าเธอแล้ว เพราะว่าตื่นอยู่ ดังนั้นชีวิตนี้ก็เลยอยู่ ในสภาพนี้มาโดยตลอด ใช่ไหม ? คิม ?”

“นายหุบปากไปเลย ! ตอนที่ฉันคุยกับลูกสาวนายอย่าเข้ามาส อดปาก !”

น้ำเสียงของคิมไม่ค่อยดี

หลายปีที่ผ่านมานี้เชษฐ์ถูกผู้คนยกย่องเชิดชูมาตลอด ใคร ที่ไหนจะกล้าพูดกับเขาแบบนี้ ?

แต่ตอนนี้คิมกลับตะคอกใส่เขา พูดตามจริงเขารู้สึกเสียหน้า มาก แต่เขากลับไม่ระเบิดออกมา แต่กลับมองเธอด้วยสายตา เย็นชาทีหนึ่งจากนั้นก็เงียบปากไปจริงๆ

นรมนรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งนี้มาก

“คุณแม่คะ ทำไมเขาถึงฟังคำพูดของแม่ล่ะคะ ?”
“เพราะว่าเขาละอายใจไง !”

คิมพูดอย่างเย็นชา “ลูกอาจจะไม่รู้ คนๆนี้เคยเป็นพี่น้องที่ดี ที่สุดของพ่อลูก แต่พี่น้องที่ดีที่สุดคนนี้กลับเป็นคนทำร้ายพ่อของ ลูก ตอนนี้ยังเก็บซ่อนร่างของพ่อลูกเอาไว้ไม่ยอมส่งมอบออกมา หลายปีขนาดนี้แล้ว เกรงว่าเขาเองก็คงกลัวที่จะต้องไปเจอกับพ่อ ของลูกละมั้ง”

“อะไรนะ ?”

นรมนนิ่งอึ้งไปทันที

ชินทรเป็นทหารนายหนึ่ง และเป็นวีรบุรุษด้วย แล้วยังเป็นนัก วาดรูป คนแบบนี้จะไปเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดกับคนอย่างเชษฐ์ได้ยัง ไง ?

แต่เชษฐ์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเป็นเรื่องจริง

นรมนมองดูคิม แล้วถามเสียงต่ำว่า “คุณแม่คะ นี่มันเรื่องอะไร กันแน่ ? แม่บอกว่าร่างของคุณพ่อมันเรื่องอะไรกันแน่ ?

“เรื่องนี้พูดไปมันก็ยาว ที่แม่สามารถบอกลูกได้ก็คือ พ่อของ ลูกเป็นอัจฉริยะ เขาไม่เพียงวาดรูปได้ดี การทหารก็ทำได้ดีด้วย เขาถึงขั้นมีผลงานที่โดดเด่นในบางเขตบริเวณด้วย”

“อย่างเช่น…..”

“อย่างเช่นพ่อของลูกเป็นนักวิจัยฟิสิกส์ทั่วประเทศ” คำพูดประโยคนี้ของคิม ทำให้นรมนเริ่มเข้าใจขึ้นมาในทันที
“ดังนั้นตอนนั้นพ่อของหนูเองก็เข้าร่วมการวิจัยข้อมูลทาง พันธุกรรมด้วยใช่ไหมคะ ?”

“จะเรียกว่าวิจัยก็ไม่ได้ เพียงแต่เขาชี้ให้เห็นปัญหาเล็กน้อยใน ด้านพันธุกรรม ในขณะนั้น นี่เป็นปัญหาสองสามข้อที่ช่วยเชษฐ์ได้ เป็นอย่างมาก”

คิมมองดูเชษฐ์ แล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ตอนนั้นเขาหลอก พ่อของลูก ว่าอยากวิจัยหัวข้อนี้เท่านั้น คุณพ่อของลูกเองก็ไม่รู้ว่า เป็นอะไรไป พอยิ่งคุยกับเขาก็ยิ่งถลำลึก จากนั้นก็เริ่มทำการวิจัย หัวข้อนี้ร่วมกับเขาขึ้นมาจริงๆ จากนั้นเขาก็สามารถทดลองชุด ข้อมูลชุดหนึ่งขึ้นมาได้จริงๆ ว่ากันว่าชุดข้อมูลนี้ประกอบขึ้นจาก ข้อมูลที่คุณท่านตระกูลโตเล็กศึกษาอยู่ก่อนหน้านี้ และมัน บังเอิญเข้าไปแก้ไขข้อบกพร่องของชุดข้อมูลที่คุณท่านตระกูลโต เล็กอันนั้นพอดี พอคุณท่านตระกูลโตเล็กรู้เรื่องนี้เข้า ก็เชิญคุณ พ่อของลูกไปที่ตระกูลโตเล็ก และได้นำชุดข้อมูลการวิจัยออกมา ด้วย ทั้งสองคนคุยกันอยู่นาน คนนอกต่างก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขา คุยอะไรกันอยู่”

“จากนั้นคุณท่านตระกูลโตเล็กก็ออกมาส่งชินทรด้วยตัวเอง พอชินทรกลับมาแล้วก็ทำการเผาบันทึกเล่มนั้นทันที และคืนนั้น เขาก็ดื่มจนเมามาย แม่ได้ยินเขาพูดว่าเขาทำเรื่องที่ผิดพลาด อย่างใหญ่หลวงลงไป เขาเกือบจะกลายเป็นฆาตกรไปแล้ว เป็น แม่เอง แม่ไม่อาจตัดใจให้สิ่งที่ชินทรทุ่มเทวิจัยทั้งคืนทั้งวันถูก เผาไปจนมอดไหม้หมด ดังนั้นก็เลยแอบสลับสมุดบันทึกของเขา เพื่อเก็บรักษาเอาไว้ นับจากนั้นมา ชินทรกับเชษฐ์ก็ตัดขาดกันทุกคนต่างก็คิดว่าบันทึกของอินทรถูกทำลายหมดแล้ว ตอนนั้น เชษฐ์เองก็เชื่ออย่างนั้น แต่หลังจากนั้นไม่รู้ว่าเขาไปรู้มาจากไหน ว่าที่แม่ยังมีสมุดบันทึกเล่มนี้อยู่ บอกให้แม่ส่งมอบให้เขา ถึงขั้น เพื่อจะข่มขู่แม่ เขาสั่งคนมามอมเหล้าแม่ และถ่ายรูปแม่ที่ตัว เปลือยเปล่าเอาไว้

ตอนที่พูดถึงตรงนี้ คิมก็จ้องเขม็งไปทางเชษฐ์ แทบอยากจะ ชำแหละเขาออกเป็นชิ้นๆ

นรมนหรี่ตาลงทันที

“ช่างเป็นเรื่องที่มนุษย์ทำกันจริงๆนะ !”

เชษฐ์ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งนี้ เหมือนว่าสิ่งที่กำลังพูดนั้นไม่ ได้หมายถึงเขาอย่างไรอย่างนั้น

คิมที่มีชีวิตมาจนถึงตอนนี้นั้นก็ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้อีกแล้ว

เรื่องที่น่าขายหน้าที่สุดในชีวิตของเธอก็คือเรื่องนี้

“คุณแม่เลิกกับคุณแม่ของหนูเพราะเรื่องนี้เหรอคะ ?”

จู่ๆนรมนก็เปิดปากพูดขึ้น

จู่ๆขอบตาของคิมก็เปียกชื้นขึ้นมา

“ใช่ เรื่องนี้ชินทรเขาไม่รู้ แต่ว่าแม่กลับไม่สามารถประเชิญ หน้ากับเขาได้ แม่เป็นผู้หญิงที่เขารักที่สุด แต่กลับไปเปลือยกาย ต่อหน้าพี่น้องที่ดีที่สุดของเขา เรื่องที่น่าอับอายแบบนี้ทั้งชีวิตนี้ แม่ก็ไม่อาจลืมได้ แล้วพอดีกับที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเรียกตัวเขากลับไปเข้าร่วมกองทหาร แม่ก็เลยถือโอกาสนั้นขอเลิกกับ เขา แต่ว่าเขาทําเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของแม่ ก็เลยประกาศต่อคน ภายนอกว่าเขาเลิกกับแม่เพราะต้องไปเข้าร่วมการทหาร ตอนนี้ แม่รู้อยู่แล้ว ว่าเขาอาจจะรู้เรื่องทุกอย่าง

พูดไปพูดมา คิมก็เริ่มร้องไห้ออกมา

“ตอนนั้นแม่เกลียดเชษฐ์เป็นที่สุด ถึงขนาดที่อยากจะเผา บันทึกเล่มนั้นทิ้งไป น่าเสียดายที่สุดท้ายแม่ก็ทำไม่ลง แม่ส่ง บันทึกเล่มนั้นไปให้ชินทร และนับตั้งแต่บัดนั้น ก็กำหนดการพล ชีพของชินทรเอาไว้แล้ว

“หมายความว่ายังไงคะ ?”

หัวใจของนรมนรัดแน่นขึ้นมาทันที เหมือนว่าเธอจะเดาอะไรได้บ้างแล้ว แต่ก็ไม่กล้ามั่นใจ

คิมเช็ดคราบน้ำตา แล้วพูดว่า “เพราะบันทึกเล่มนั้นกลับไปอยู่ ในมือของชินทรอีกครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาวางรากฐาน สําหรับการตายของเขาเอาไว้แล้ว ตอนนั้นแม่คิดว่าเชษฐ์คงไม่มี กำลังมากพอที่จะยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องในเขตทหาร ตอนนั้น เขาน่าจะสมคบกับบุคคลที่มีอำนาจสูง ไม่รู้ว่าใช้วาจาหลอกล่อ อีกฝ่ายยังไงถึงได้รับความเชื่อใจมา แล้วจากนั้นก็เริ่มจัดให้ชิน ทรออกไปปฏิบัติภารกิจนอกสถานที่ ทุกครั้งที่ชินทรไปทำภารกิจ ต่างก็เสี่ยงตายเกือบเอาชีวิตไม่รอดกลับมาทั้งนั้น แต่ว่าเขาเองก็ สัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้ เขาแอบสั่งให้คนส่งบันทึกมาให้แม่ อย่างลับๆ ตอนนั้นแม่ไร้ที่พึ่งจริงๆ แต่ว่าเขาเขียนจดหมายมาให้แม่ว่า ให้แม่ปกป้องบันทึกเล่มนี้ ถ้าหากเป็นไปได้ ให้แม่หา โอกาสส่งมอบมันให้ฝ่ายทหาร น่าเสียดายที่ตอนนั้นแม่ไม่อยาก มอบมันให้ใครเลย ต่อมาแม่ก็พบว่าตัวเองตั้งท้อง แม่เองก็ไม่ กล้าติดต่อคุณปู่ของลูก เลยเริ่มศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับนักการ ทูตอย่างเงียบๆ และเริ่มเตรียมตัวเข้าสอบ

“แม่ประสบความสำเร็จในการรับตำแหน่งนักการทูต แต่ว่า แม่ก็ใกล้คลอดเต็มที่แล้ว รู้แต่ว่าหากได้งานแล้วก็ต้องไปต่าง ประเทศแน่นอน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ตัวแม่เองปรารถนา แต่หาก แม่ไปแล้ว หากลูกตามไปกับแม่ก็จะอันตรายมาก แม่เลยต้องขอ ให้พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนช่วยรับเลี้ยงดูอย่างไม่มีทางเลือก แล้วแม่ก็เดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับบันทึกเล่มนั้น

“เส้นทางนั้นเต็มไปด้วยอันตรายมากมายจริงๆ แม่ต้องเสี่ยง ตายมากมายกว่าจะได้ไปรับตำแหน่งที่ต่างประเทศ ตอนนั้นแม่ ได้รับจดหมายจากพ่อของลูก เขาบอกแม่ว่าจะมีคนมารับช่วง จากแม่ ให้แม่มอบบันทึกเล่มนั้นให้คนๆนั้น น่าเสียดายที่แม่ ไม่ทันได้รอจนคนๆนั้นมาหา แต่กลับได้ข่าวการตายของพ่อลูก เสียก่อน ตอนนั้นแม่รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลาย แม่ต้องกลับ ไปร่วมงานศพของเขา แต่ฝ่ายทหารกลับบอกว่าสภาพศพของ เขาอนาถมากเกินไป ไม่อาจระบุตัวตนได้ แต่จากการตรวจ สอบDNAพบว่าร้อยละแปดสิบคือพ่อของลูก เรื่องนี้ก็เลยมีข้อ สรุปลวกๆออกมาแบบนี้

คิมสูดหายใจเข้าลึก มองดูเชษฐ์แล้วพูดว่า “คุณพ่อของลูก อาจจะตายไปแล้วจริงๆ แต่ว่าเขาตายได้ยังไงแม่จะต้องรู้ให้ได้อีกอย่างแม่มั่นใจการตายของพ่อลูกต้องเกี่ยวข้องกับแน่ เขาบอกว่าเขาเก็บของพ่อเอาไว้ ให้แม่เอา บันทึกมาแลก แม่ได้สนใจอะไรแล้ว เพื่อประเทศชาติ มาชีวิต ตอนแม่เพียงแค่อยากอยู่กับคนตัวเองรักที่สุด เท่านั้น

จู่ๆนรมนจุดข้อมูลบางอย่างได้

“เดี๋ยวคะ คุณแม่ แม่จะบอกว่า แม่เอาบันทึกเล่มนั้นมาเหรอ

ใช่ ของสิ่งทำให้แม่กับพ่อของต้องอยู่กันคนละแม่ เองใกล้ตายแล้ว แม่สามารถของอันตรายแบบพวกลูกได้ ดังนั้นแม่มา เพื่อบันทึกมาด้วย

คิมพูดมาก็หัวเราะ แต่หัวใจของนรมลับแน่น ขึ้นมา

“ไม่! คุณแม่บางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เขาต้องการ จะต้องไม่ใช่แค่บันทึกในมือคุณแม่เล่มแน่ จะต้องใช่แค่นี้

นรมนมองดูเชษฐ์ แล้วเห็นว่าเขากำลังแสยะยิ้ม รอยยิ้มได้ อกได้ใจนั้นบาดลึกเข้าในสายตาของเธอ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ