แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1149 ผมกลัวทำร้ายพวกคุณ



บทที่ 1149 ผมกลัวทำร้ายพวกคุณ

เกิดอะไรขึ้น

นรมนค่อย ๆ ลุกขึ้น บุริศร์ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม

สองคนรีบวิ่งออกไปข้างนอก

กิจจากกานต์โยนออกมาที่พื้นด้านนอก ชนเข้ากับตู้ด้านข้าง พอดี เพราะกระแทกอย่างแรง จึงเกิดเสียงดัง “โครม” ดึงดูด ให้นรมนกับบริศร์มา

เมื่อพวกเขาเห็นว่ากิจจากกานต์โยนออกมา นรมนเจ็บปวด

ใจทันที

“กิจจา เป็นไงบ้าง? เจ็บไหมลูก? ให้หม่ามีดูเร็ว บาดเจ็บ

ตรงไหนไหม? ”

กิจจารู้สึกหมดแรง

เขาเพิ่งจะหลับ ไม่คิดว่ากานต์จะตื่นขึ้น จับเขาโยนออกมา อย่างไม่พูดพร่ำทําเพลง

เจ็บก้นสุด ๆ

“หม่ามี้ ผมไม่เป็นไร รีบไปดูกานต์เถอะครับ

กิจจาเพิ่งจะพูดจบ บุริศร์มาที่ประตูห้องของกานต์ เห็นเขานั่ง อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เปิดอินเทอร์เฟซเกม กำลังเล่นอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนไม่ได้รู้สึกกับการกระทำเมื่อสักครู่ของตนเอง
บริศ ขมวดคิ้วแน่น

“แกทําอะไร? ”

กานต์แค่เพียงเหลือบมองบุริศร์ และหันไปเล่นเกมต่อทันที ไม่ พูดอะไรสักค่า

บุคลิกที่สองของกานต์ยังคงเย็นชาเหมือนเดิม

นรมนไม่กล้าให้กิจจาอยู่กับกานต์อีก รีบอุ้มกิจจากลับห้อง โทรหารมิดา ในคืนนั้น ให้เธอมาดูกิจจา

หลังจากรมิดาถูกลากมา จึงตรวจให้กิจจา หลังจากแน่ใจว่า

เขาไม่เป็นอะไรนรมนถึงจะโล่งอก

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ”

รมิดาแปลกใจ

นรมนก็ไม่อยากพูดอะไรมาก บอกเพียงกิจจานอนดิ้น ตกจาก เตียง กลัวเขาบาดเจ็บจึงให้เธอมาดู

รมิดาเห็นกิจจาไม่เป็นอะไรแล้วจึงกลับไป บริศร์เฝ้ากานต์อยู่ที่ประตูห้อง เฝ้าอยู่ทั้งคืน

กานต์ไม่ทําอะไร ไม่พูดอะไร เอาแต่เล่นเกมออนไลน์อยู่หน้า คอมพิวเตอร์ จนเมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น เขาถึงจะเดินไปข้าง เตียงล้มตัวลง นอนหลับไป

บุริศร์เดินมาดู หลับสนิทจริง ๆ
เขาจัดท่าให้ลูกชายดี ๆ จากนั้นห่มผ้าห่มให้ถึงจะออกไปจาก ห้องของกานต์

สถานการณ์แบบนี้ไม่ดี

หลังจากบริศร์ออกมาจึงพบว่านรมนไม่ได้นอนทั้งคืน

นรมนูหน้าซีด ขอบตาดำ ทำให้คนเห็นแล้วสงสาร

“ไปนอนเถอะ คุณตาแค่บอกให้ย้ายไปวันนี้ แต่ไม่ได้บอกว่า โมง คุณไปนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมค่อยปลุกคุณ

นรมนสายหัวกับคำพูดของบุริศร์

“ฉันไม่ง่วง”

เธอไม่ได้กระปรี้กระเปร่าแบบนี้นาน และไม่เคยอดนอนแบบนี้ นรมนมองบุริศร์ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณกลับไปนอนเถอะ ตอนนี้กานต์ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ พวกเราก็ไม่สามารถเป็น อะไรไปได้ มาผลัดเวรกันเถอะ”

“คุณไหวเหรอ? ”

นี่คือสิ่งที่บุริศร์เป็นห่วง

“พอได้ ฉันนอนมาจีบหนึ่งแล้ว เพิ่งจะตื่นเอง คุณรีบไปพักเถอะ หรือจะให้ฉันทำอะไรให้กินสักหน่อย “

นรมนพูดแล้วก็จะลุกขึ้น กลับถูกบุริศร์ห้ามเอาไว้

“คุณพักเถอะ ผมจะไปนอน
ตอนนี้บุริศร์จะกินลงที่ไหนกัน

ลูกชายกลายเป็นแบบนี้ แน่นอนว่าทำให้คนไม่สบายใจ มองเห็นบุริศร์กลับห้องไป นรมนถอนหายใจ จากนั้นลุกขึ้นไป ห้องของกานต์

เธอมองดูกานต์นอนหลับ นึกถึงความรู้จักคิดและความเอาใจ ใส่ก่อนหน้านี้ของลูกชาย รู้สึกเสียใจอีกครั้งที่ส่งกานต์ไปเขต ทหาร

ลูกของเธอยังเด็กมาก ต้องพบกับความโหดร้ายของสงคราม เร็วแบบนี้ ผู้ใหญ่อย่างพวกเขาโหดร้ายเกินไป

เมื่อคิดแบบนี้ นรมนอุ้มกานต์ขึ้นมากอดบนตักของเธอ ตบ ร่างกายของเขาอย่างอ่อนโยนไปเรื่อย ๆ เหมือนตอนยังเล็ก กานต์หลับไปประมาณสองถึงสามชั่วโมง จึงลืมตาขึ้นทันที

ทันทีที่เขาเห็นนรมนมองตนเองด้วยความรักและเอ็นดู ขอบตา ที่สําคลาทําให้เขาแปลกใจ

“หม่ามี้? ”

“ตื่นแล้วเหรอ ? หิวไหม ? หม่ามีจะไปทำของอร่อยให้กิน

นรมนยิ้มบาง ๆ

กานต์กลับส่ายหน้าทันที

“ผมไม่หิว แค่เหนื่อยนิดหน่อย รู้สึกเมื่อยตัว”
“เล่นเกมทั้งคืน จะไม่เมื่อยได้ยังไง มา หม่ามี้นวดให้ นรมนพูดแล้วก็นวดแขนให้กานต์

กานต์มีนงง

เล่นเกมทั้งคืน?

ทำไมเขาถึงไม่ได้?

เขามองไปที่คอมพิวเตอร์อย่างไม่รู้ตัว บนหน้าจอยังคงไม่ออก จากอินเทอร์เฟซเกม เกมนั้นเป็นเกมโปรดของตนเองจริง ๆ

คิ้วของกานต์ขมวดแน่น

“หม่ามี้ ผมหิว อยากกินโจ๊กไข่เยี่ยวม้ากับเนื้อไม่ติดมัน

อยู่ดี ๆ กานต์ก็พูดขึ้นมา กลับทำให้นรมนประหลาดใจ แต่ยัง คงพูดอย่างดีใจ “ได้ ลูกพักไปก่อน หม่ามี้จะไปทำให้

พูดจบนรมนไปห้องครัวอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

กานต์ลุกขึ้นเดินไปห้องกิจจา

กิจจายังคงหลับ กลับรู้สึกว่ามีสายตาจ้องมองตนเอง รู้สึก

อึดอัด

เขาลืมตาขึ้นทันที เห็นกานต์ยืนอยู่ข้างเตียงเหมือนวิญญาณ เขาร้องตกใจ กระโดดขึ้นทันที

“นายอย่าเข้ามานะ! ฉันบอกไว้ก่อน ถ้านายทำร้ายฉัน ฉันจะ ไม่เกรงใจแล้วนะ ถึงแม้ฉันไม่เคยทำร้ายนาย แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะมายั่วโมโหได้ง่าย ๆ

แววตาแบบนี้ เศร้าหมองแบบนี้ กิจจาคิดว่าบุคลิกที่สองของ กานต์ออกมาก่อเรื่อง

แววตาของเขามีความระมัดระวัง

กานต์พบว่าท่าทางของกิจจาค่อนข้างแปลก ดูเหมือนจะเจ็บ

กัน

เขาหรี่ตาลง

“นายเป็นอะไรไป? ”

“ฉันยังจะเป็นอะไร? ถูกนายโยนออกไปกลางดึก ตอนนี้ฉันยัง เจ็บกันอยู่เลย ฉันเตือนนายนะ นายก็แค่บุคลิกที่สองของกานต์ อย่าคิดว่าตอนนี้สามารถควบคุมร่างกายของกานต์จนลืมตัว กานต์จิตแข็งมาก ต้องควบคุมนายได้แน่นอน ฉันก็จะช่วย

กิจจาพูดอย่างโมโห

น่าเกลียดชังจริง ๆ

กานต์ไม่เคยลงมือกับตนเองอย่างโหดร้ายแบบนี้ บุคลิกที่สอง

น่าเกลียดจริง ๆ

หัวใจของกานต์กลับกระตุกทันที

บุคลิกทีสอง?

โรคหลายบุคลิก!
เขาเป็นโรคหลายบุคลิก

ข่าวนี้ทำให้สมองของกานต์ระเบิดออกทันที

เขามองกิจจาอย่างมึนงง จนแม้แต่ทำอะไรไม่ถูกด้วยซ้ำ

เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร?

โรคหลายบุคลิกเป็นอาการป่วยทางจิตใช่ไหม?

ไม่คิดว่าเขาจะมีปัญหาทางจิต เมื่อสักครู่ที่หม่ามองตนเองอย่างเป็นห่วงแบบนี้ ก็เพราะเมื่อ คืนบุคลิกที่สองของเขาออกมาปั่นป่วน

คิดได้แบบนี้ กานต์รู้สึกแย่มาก

เขาคิดมาตลอดว่าตนเองเป็นคนเข้มแข็ง กลับคิดไม่ถึงว่าจะ กลายเป็นแบบนี้

กานต์รับมันไม่ไหว

กิจจาเห็นกานต์มองตนเองอย่างงง ๆ เขากลืนน้ำลายอย่าง ไม่รู้ตัว

“เฮ้ นายคิดจะทำอะไร? ”

กานต์กลับไม่พูดพร่ำทำเพลง หันตัวไปชั้นบนทันที

กิจจากลัวกานต์จะทำเรื่องเกินขอบเขต จึงรีบกระโดดลงจาก เตียงจะตามไป กลับได้ยินกานต์พูดอย่างเย็นชา “อย่าตามฉันมา ฉันคือกานต์”
คำพูดนี้ทำให้กิจจาอ้าปากค้าง

กานต์?

เป็นไปได้ยังไง?

กานต์กลับตรงไปที่ห้องนอนของบุริศร์ทันที

บุริศร์ยังคงหลับอยู่ แต่มีความตื่นตัวสูงมาก เมื่อกานต์มาถึง ข้างกายก็ลืมตาขึ้นทันที เมื่อเห็นกานต์ก็แปลกใจเล็กน้อย สายตามีความงุนงง

กานต์ไม่สนใจสายตาของบุริศร์ ถึงแม้สายตานั้นจะรับหายไป

แต่ยังคงถูกเขาจับได้

“คุณบุริศร์ ผมเป็นโรคหลายบุคลิกเหรอ?

กานต์ถามอย่างไม่อ้อมค้อม

บุริศร์อึ้งไป หลังจากแน่ใจว่าเป็นบุคลิกหลักของกานต์จึงพยัก

หน้าอย่างเคร่งขรึม

“แกวางใจได้ ฉันกับหม่ามี้จะรักษาเป็นเพื่อนแก

ได้รับการยืนยันจากบริศร์ กานต์เงียบไป

บุริศร์เห็นลูกชายตนเองไม่ร้องไห้โวยวายเหมือนเด็กคนอื่น

ในใจกลับเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

เขาลุกขึ้นนํากานต์มากอดไว้ในอ้อมแขน กล่าวเสียงเบา “ขอโทษ แด๊ดดี้ไม่สนใจแกเอง แด๊ดดี้กับหม่ามี้จะอยู่เป็นเพื่อนแกนะ แกจะต้องหายแน่นอน
จิตใจของกานต์ว้าวุ่นมาก วันนี้ถูกบุรีศร์กอด เขากลับหวาด กลัว

เขาไม่รู้ว่าบุคลิกที่สองของตนเองเป็นอย่างไร ก้าวร้าวหรือ เปล่า จนแม้แต่ไม่รู้ว่าอาการแบบนี้ของตนเองจะอยู่แบบนี้ไป นานแค่ไหน ถ้าแดดดี้กับหม่ามีอยู่ด้วยตลอด จำเป็นต้องละเลย คนอื่น

คิดถึงกิจจา คิดถึงกมล กานต์ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ

ไม่ว่าใคร พวกเขาเป็นคนที่สนิทและใกล้ชิดที่สุดของเขา เป็น คนที่เขาอยากจะปกป้องมาตลอด แต่ตอนนี้เขากลับกลายเป็น เป้าหมายที่ก้าวร้าวที่สุดแล้ว เขาจะไม่ทุกข์ใจได้อย่างไร?

ความรู้สึกของกานต์ปั่นป่วน ถูกบริศร์กอดไม่ได้พยายาม ขัดขืน กลับเอื้อมมือออกไปกอดบริศร์เอาไว้ กระซิบว่า “คุณบุริ ศร์ ช่วยผมหน่อย”

นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกชายขอความช่วยเหลือ

เสียงของเขาสั่นและหวาดกลัว บุคลิกที่ควบคุมไม่ได้ทำให้เขา กลัว

หัวใจของบุริศร์เหมือนถูกทอดอยู่ในกระทะ ทรมานมาก

“ฉันจะช่วยแก ไอ้ลูกชาย ฉันจะรักษาแกให้หาย กานต์น้ำตาคลอ

เขากัดริมฝีปากล่าง กระซิบว่า “คุณบุริศร์ ช่วยส่งผมไปที่ฐานด้วย”

“แกพูดอะไรนะ?

บริศ ผลักกานต์ออกไปทันที

ตอนนี้จะปีใหม่แล้ว ที่ฐานไม่มีคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานการณ์ในตอนนี้ของกานต์ถ้าพาเขาไปไว้ที่ฐาน เทียบ เท่ากับการเนรเทศเลย

ไม่ต้องพูดว่าเขาไม่เห็นด้วย นรมนก็ไม่เห็นด้วย

“แกอย่าคิดเพ้อเจ้อ นี่ไม่ใช่โรคที่ไม่มีทางหาย แกก็แค่กดดัน มากเกินไป กานต์ บางเรื่องแด๊ดดี้กับหม่ามี้ยังไม่ได้พิจารณารอบ ด้าน ให้แกเข้าใจความโหดร้ายของสงครามก่อนเวลาที่สมควร นี่ไม่ใช่ความผิดของแก เชื่อใจแด๊ดดี้กับหม่าม แกจะต้องหาย จะ ต้องหายแน่นอน”

บริศ มองกานต์ หัวใจเจ็บปวดอย่างรุนแรง

กานต์กลับสะอึกสะอื้น “คุณบุริศร์ ผมกลัวทำร้ายพวกคุณ วัน นี้ผมทำร้ายกิจจาได้ พรุ่งนี้ผมก็จะทำร้ายหม่า ทำร้ายกมลได้ ผมไม่ชอบแบบนี้ ผมไม่อยากจะคิดเลย มองเห็นคนที่ผมเป็นห่วง ที่สุดถูกผมทำร้ายเอง แบบนั้นผมยังรับไม่ได้”

เป็นครั้งแรกที่บุริศรเห็นกานต์ร้องไห้

ตั้งแต่ลูกชายคนนี้กลับมาจนถึงตอนนี้ บุริศร์ไม่เคยเห็นเขา ร้องไห้มาก่อน
เขาเข้มแข็งจนทำให้คนเจ็บปวดใจ

วันนี้เขากลับร้องไห้เพราะอาการป่วยของตนเอง ไม่ใช่เพราะ อย่างอื่น เพียงแค่กลัวจะทำร้ายคนที่ตนเองห่วงใย ในตอนนี้ หัวใจของบริศ เจ็บปวดขึ้นมาทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ