แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 57 พี่ชายเก่งที่สุดเลย



บทที่ 57 พี่ชายเก่งที่สุดเลย

บทที่57 พี่ชายเก่งที่สุดเลย

บุริศร์ไม่ได้สนใจว่าบนใบหน้าของพฤกษ์นั้นแสดง อารมณ์อย่างไรตอนนี้ในใจของเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ก็ถูกแทนที่ด้วยเรื่องของกานต์ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ข้อมูล ลับบริษัทรั่วไหล

“คุณบุริศร์ แล้วข้อมูลลับของบริษัทที่รั่วไหลไปนั้นเรา จะจัดการยังไงล่ะครับ? ”

ไม่ง่ายเลยที่พฤกษ์จะปรับอารมณ์กลับมาได้ ในเวลานี้ เกิดความลังเลไม่แน่ใจเล็กน้อย เพราะในตอนแรก วางแผนไว้ว่าจะให้ทางตำรวจจัดการกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ ดูท่าแล้วคงจะเป็นไปไม่น่าจะไหว ยากที่จะทำให้คนเชื่อ มั่นได้จริงๆ

บุริศร์ก้มหน้าครุ่นคิดไปครู่นึงแล้วพูดขึ้นว่า “รีบนำ เอกสารทุกอย่างที่รั่วไหลออกไปนั้น ไปยื่นเรื่องจด ลิขสิทธิ์ ผมจะทำให้ไอ้พวกที่ขโมยเอกสารไปนั้นเอาไป แต่ใช้อะไรไม่ได้เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่าแต่ที่สำคัญคือเรื่อง เวลา รีบไปจัดการซะยิ่งเร็วได้เท่าไหร่ได้ยิ่งดี แต่ถ้า จัดการไม่ได้ยังไงก็ทำยังไงก็ได้ให้เกิดความเสียหายให้ น้อยที่สุด แต่ถ้าหากว่าทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ หายแล้วก็ หายไป ตระกูลเล็กโตเราคงไม่เป็นไรหรอกกะอีแค่เงินแค่ นี้ ถ้าหากว่าเป็นกานต์เจ้าเด็กน้อยคนนั้นทำจริงๆ ก็ถือ เป็นการให้เขาฝึกฝีมือไปล่ะกัน”

ฟังจากน้ำเสียงของบุริศร์ที่ไม่ค่อย นั้นทำให้พฤกษ์อด แอบรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้
ถ้าหากว่ากานต์เป็นลูกของบุริศร์จริงๆแล้วบุริศร์มี ท่าทางที่หลงลูกและตามใจลูกขนาดนี้ ไม่รู้ว่าตระกูลเล็ก โตนั้นจะทนได้สักกี่วันกัน?

แน่นอน พฤกษ์ไม่กล้าที่จะถามออกไป เขาจึงรีบถอย ออกไปจัดการกับงานที่บุริศร์ได้มอบหมายไว้ให้ในทันที

ในขณะที่พฤกษ์เดินออกไป บุริศร์ก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา ทันทีเขาอยากรู้มันซะตอนนี้เลยว่าเขาและกานต์ตกลง แล้วเป็นอะไรกันแน่เขารีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อที่ จะหาใบตรวจครรภ์ของนรมนออกมาดู ไม่ว่าจะดูยงไงก็ รู้สึกปิติยินดียิ่งนัก

นรมนไม่รู้ว่าตอนนี้บุริศร์รู้สึกอย่างไร เธออยู่บนเตียง คนไข้นั่งมองทิพย์และกานต์ที่กำลังทานข้าวอยู่อย่างมี ความสุข “หม่ามครับ ผมได้ยินมาว่า เราไม่สบายตรงไหนก็ให้

บำรุงตรงนั้นครับ ผมตั้งใจให้ป่าทิพย์ซื้อขาหมูมาให้หม่า

มีด้วย หม่ามทานเยอะๆนะครับ”

กานต์คีบขาหมูใส่ถ้วยให้นรมน และมองเธออย่าง นรมนก้มมองเขาพลางพูดชมว่า “ลูกชายแม่เก่งที่สุด

เลย”

“แน่นอนอยู่แล้วก็ ก็ผมเป็นเสื้อคลุมของหม่ามีนี่หน่า”

กานต์พูดออกมาอย่างมีความสุข “ใช่แล้วลูกเป็นเสื้อคลุมหนังของแม่ และกมลก็เป็นเสื้อ

คลุมขนฟูของแม่ด้วยเหมือนกัน” นรมนไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดประโยคเมื่อครู่นั้นแต่กลับทำให้กานต์นิ่งไป

“หม่ามครับผมคิดถึงน้องแล้วผมวิดีโอคอลกับน้องได้ ไหม? ”

เวลาที่อเมริกาตอนนี้ก็ถือว่าโทรหาได้ นรมนมองดู ลูกชายเป็นเช่นนี้ รู้สึกปวดใจเล็กน้อย ตลอดเวลาที่ผ่าน มากานต์คอยดูแลกมลมาโดยตลอด การมายังเมืองชลธี ครั้งนี้ก็เป็นเพราะเขาไม่วางใจให้เธอมาคนเดียว ถึงได้ ตามมาแต่ในใจก็ยังคิดถึงและเป็นห่วงกมล

“ได้สิลูก แต่อย่านานเกินไปล่ะรู้ไหม? ”

“รู้ครับ”

กานต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างดีใจตื่นเต้นสุดขีด รีบ กดวิดีโอคอลหากมลทันที

ไม่นาน อีกฝั่งก็กดรับสาย ใบหน้าที่สวยงามของกมลก็ ปรากฏขึ้น

“พี่

เสียงของกมลใสแจ๋วเหมือนกับลูกแก้วหล่นลงใส่จาน กระเบื้องยังไงยังงั้น ฟังแล้วสบายหู ทำให้กานต์มีรอยยิ้ม

ขึ้นมาได้

“วันนี้กินยาแล้วหรือยัง? เชื่อฟังที่คุณหมอบอกหรือ

เปล่า? ”

“แน่นอนล่ะ หนูเป็นเด็กดีและเชื่อฟัง พี่คะเมื่อไหร่พี่จะ กลับมาล่ะ? ที่เมืองชลธีเป็นไงบ้างสนุกไหม? พี่ออกไป เที่ยวกับหม่ามีบ้างไหม? ถึงเวลาอย่าลืมส่งรูปให้หนูดู ด้วยนะ”
ถึงแม้ว่ากมลจะป่วยอยู่แต่ว่าเธอกลับสดใสและร่าเริง มาก ที่สำคัญคือใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอันสดใส นั้น มันช่างทำให้คนที่เห็นรู้สึกห่วงหาจริงๆ

กานต์หัวเราะและพูดว่า “พี่พึ่งมาถึงมัวแต่วุ้นอยู่กับเรื่อง เข้าโรงเรียนอนุบาลเลยยังไม่ได้ทันออกไปไหนเลย เดี๋ยว รอพี่ได้ไปสวนสัตว์เมื่อไหร่พี่จะถ่ายรูปสัตว์กับพวกต้นไม้ ให้ดูดีไหม? ”

“ค่ะ เยี่ยมสุดๆไปเลย! ”

กมลดีใจยิ้มแป้น แต่นัยน์ตากลับรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

“พี่คะ ถ้าหากว่าฉันได้ไปด้วยคงจะดีหนูได้ยินมาว่า เมืองชลธีเป็นเมืองที่สวยงามมาก แต่น่าเสียดายแค่ อเมริกาหนูยังไม่มีโอกาสเที่ยวเลย พี่ว่าไอ้โรคที่หนูเป็นจะ หายไหมคะ? ”

คำพูดของกมลทำให้กานต์คิ้วขมวดเล็กน้อยและพูดว่า “ต้องหายแน่นอน เชื่อพี่สิ รอให้เธอหายแล้ว พี่จะพาเธอ ไปเที่ยวทุกที่เลยดีไหม?

“สัญญาแล้วนะ เกี่ยวก้อยสัญญา!

กมลชูนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวก้อยกับกานต์ผ่านทางหน้าจอ โทรศัพท์

กานต์ก็ชูนิ้วก้อยทาบลงไปบนหน้าจอเช่นกัน น้ำตาที่ แทบจะเอ่อล้นออกมากลับถูกกานต์กลั้นเอาไว้ไม่ให้ออก มา

นรมนรู้สึกว่าอาหารที่ทานอยู่นั้นอยู่ๆก็ไร้ซึ่งรสชาติ “กมลแม่กับพี่กานต์ทำธุระเสร็จแล้วจะรีบกลับนะ ถ้าหนูคิดถึงพวกเราก็โทรหาพวกเราได้ตลอดเลยนะลูก จะ ต้องเชื่อฟังพ่อนะรู้ไหมลูก? “(ไม่เชิงพ่อเลี้ยง)

“ค่ะแม่ แม่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลหรอคะ? ทำไมหนูเห็น ขวดน้ำเกลือด้วย? ”

สายตาของกมลก็ช่างดีเหลือเกิน มองไปมองมาก็เริ่ม ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นห่วงแม่เอามากๆ

นรมนยิ้มแล้วพูดว่า “แม่ไม่เป็นไร แม่แค่เป็นหวัดนิด หน่อยเอง มาแปลกที่น่ะ เดี่ยวก็หายแล้ว”

“งั้นแม่ก็ต้องเชื่อฟังคุณหมอและกินยานะคะถึงแม้ว่า ฉีดยาจะเจ็บ แต่มันทำให้เราหายไวนะคะ”

กมลพูดเหมือนที่ผู้ใหญ่พูด แต่มันกลับบีบหัวหัวใจของ นรมนและกานต์อีกครั้ง

“ไม่ต้องห่วงนะ หม่ามี้ยังมีพี่ทั้งคน ไม่เป็นไรแน่นอน พี่ จะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรหม่ามแน่นอน”

“อืมมม หนูเชื่อพี่ค่ะ พี่ชายหนูเก่งที่สุดเลย! ”

ความรักและการเชื่อฟังที่กมลมีต่อกานต์ทำให้กานต์ รู้สึกพอใจกับน้องสาวคนนี้

“กมลนี่ก็ถึงเวลาแล้ว เธอรีบพักผ่อนนะ พวกเราทาน ข้าวก่อนนะ”

“โอเคค่ะ พี่ หม่ามแล้วเจอกันใหม่นะคะ”

หลังจากที่กมลวางสายไป นรมนถึงกลับกั้นน้ำตาไว้ไม่ อยู่ เธอไม่กลั้นมันไว้อีกแล้ว มือปิดปากไว้ไม่ให้มีเสียงแต่ น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม

คมทิพย์ตบบ่าและลูบหลังนรมนพูดปลอบใจเธอ “เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้นเองฉันเชื่อว่าฟ้าคงไม่ใจร้ายขนาดนั้น กมลยังเด็กแถมยังน่ารักขนาดนั้น ทุกอย่างต้องดีขึ้น อย่างแน่นอน”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ