แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 435 ไม่อยากถูกใครก็ตามเข้ามารบกวน



บทที่ 435 ไม่อยากถูกใครก็ตามเข้ามารบกวน

ครินท์ถูกคำถามนี้ของนรมนทำให้ชะงักไป ทว่าเขาก็ยังคง สามารถตอบกลับไปได้อย่างรวดเร็ว “พี่ชายจะต้องมีวิธีอยู่แล้ว เขาคือบริศ เชียวนะ”

*ใช่! เขาคือบริศร์!”

นรมนยิ้มออกมา แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนรู้สึกถึงความหมาย ลึกซึ้งที่ซ่อนไว้ จึงทำให้ตรินท์รู้สึกเหมือนจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา

“พี่สะใภ้ คุณ…

“ถ้าหากคุณยังเห็นฉันเป็นพี่สะใภ้ ก็หุบปากซะเถอะ แล้วก็ อย่ามาห้ามฉัน แล้วก็ห้ามบอกพี่ชายของคุณด้วยว่าฉันกำลังจะ ลงไปที่ห้องใต้ดิน ว่ายังไงล่ะ แน่นอนว่าถ้าหากคุณยังคิดจะบอก พี่ชายของตัวเองให้ได้ ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ถึงยังไง พวกคุณก็เป็นพี่น้องที่มีสายสัมพันธ์ลึกซึ้ง ส่วนฉันมันก็แค่ คนนอกคนหนึ่ง”

นรมนูพูดแบบนี้ออกมาแล้ว ตรินท์ยังจะขวางเธอต่อไปได้ยัง

เขารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า เห็นท่าว่าจะไม่ดีแล้ว ทว่า เขากลับไม่ได้เข้าไปขวางเธอต่อ ได้แต่มองเธอเดินลงไปยังห้อง

เขาส่งข้อความไปหาบุรีศร์ บอกว่านรมนกำลังลงไป แต่น่าเสียดายที่บุริศร์วางโทรศัพท์เอาไว้บนรถ จึงมองไม่เห็นข้อความ นั้นอย่างสิ้นเชิง

ตอนที่นรมนกำลังเดินอยู่บนทางไปห้องใต้ดิน คนรอบๆ กำลังจะเอ่ยทักทายเธอ แต่ก็ถูกนรมนห้ามเอาไว้

บริศร์ได้มอบสิทธิพิเศษนี้ให้นรมน ไม่ว่าจะคนระดับสูงหรือคน ระดับล่างของตระกูล โตเล็กล้วนต่างก็รู้กันดีว่านรมนเป็นสิ่ง ล้ำค่าที่สุดของบุริศร์

นอกจากนี้บุริศร์ก็ไม่ได้มีคำสั่งพิเศษออกมาว่าเรื่องนี้ห้ามให้ นรมนเข้ามายุ่ง ดังนั้นนรมนจึงสามารถเข้ามาได้อย่างเงียบเชียบ

บริศ หันหลังให้นรมน เป็นธรรมดาที่จะไม่เห็นว่าเธอเข้ามา แล้ว ส่วนตังเมที่ตอนนี้ถูกคนทรมานอยู่ตรงนั้น ก็ยิ่งมองเห็นไม่ ชัดว่าคนที่เข้ามาเป็นใคร เพราะนรมนได้ซ่อนตัวเองเอาไว้ใน ความมืด

“บอกมาว่าเริ่มต้องการตระกูลโตเล็กตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไปรู้ เรื่องคลังสมบัติมาจากใคร ป้าโอบอกอย่างนั้นเหรอ ป้าโอเป็น คนบอกเธอใช่ไหม หรือว่ายังมีใครคนอื่นอีก

คำถามของบริศ ทำให้รู้สึกเย็นเยือกไม่น้อย

“ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่

“ในเมื่อไม่รู้ก็ฟังดูก่อนแล้วกัน

พูดพลางบุรีศร์ก็เปิดบทสนทนาระหว่างตั้งเมกับดุลยาที่อัดไว้

ออกมาสีหน้าของตังเมเปลี่ยนไปในทันที

“ยายตุลยานางสาระเลว หล่อนขายฉันอย่างนั้นเหรอ”

“หากผู้หญิงคนนั้นคิดจะทรยศเธอจริงๆ ฉันก็คงหาเบาะแสว่า เธออยู่ที่ไหนไม่พบ ตังเม เธอพูดอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอว่าตัวเอง ฉลาดมาก รู้ว่าจะร่วมมือกับดุลยามาจัดการตระกูลโตเล็ก แต่น่า เสียดาย ท้ายที่สุดก็ยังคงแพ้แล้วสูญเสียทุกอย่างไปอยู่ดี

บริศ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เขามองไปยังผู้หญิงที่อายุมากกว่าห้าสิบปีตรงหน้า แต่ ใบหน้าของเธอกลับไม่มีร่องรอยของกาลเวลาทิ้งเอาไว้เลย

ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมเกินไป เขายังเกือบจะจำไม่ได้เลยว่า ตอนที่เธออยู่ในคุกก็เกือบจะฆ่าเขมิกาไปแล้ว

เมื่อนึกถึงตรงนี้ บุริศร์ก็อดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่น

“ในตอนนั้นเพื่อที่จะปิดปากเขมิกา คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะ วางยาพิษลูกสาวของตัวเอง โดยไม่ลังเลจนผู้หญิงคนนั้นเกือบจะ ตายอยู่ในคุก ฉันพูดได้เลยว่าเธอมันช่างโหดเหี้ยมอำมหิตเสีย จริง ขนาดลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองยังยอมสละทำให้ฉันอดไม่ ได้ที่จะมองเธอด้วยสายตาชื่นชม

คำพูดของบริศทำให้สีหน้าของตังเมเย็นเยียบเป็นอย่างมาก

“ยายเขมิกานั่นมันโง่! ตัวเองตั้งท้องเด็กของตระกูลโตเล็กอยู่ แท้ๆ แต่กลับคว้าน้ำเหลวไปเสียทุกอย่าง ห้าปีมาแล้ว ก็ยังคว้า ตำแหน่งนายหญิงน้อยของตระกูลโตเล็กมาไม่ได้ ยังไม่รู้อีกด้วยว่าคลังสมบัติของตระกูลโตเล็กอยู่ที่ไหน จะไปใช้งานอะไรได้

อีก”

“แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นลูกสาวแท้ๆ ของเธอ!

“ก็แค่ลูกสาวคนหนึ่งเท่านั้นเอง! ที่สุดแล้วก็ต้องแต่งออกไป โดยไม่ต่างอะไรกับน้ำที่ถูกสาดออกไปอยู่ดี ถ้าหากในใจของยัย เด็กนั่นมีความรักความผูกพันระหว่างแม่ลูกกับฉัน มีตระกูลศิริ วัชรภัทรของพวกเราอยู่จริงๆ ละก็ มันคงจัดการแกไปตั้งนาน แล้ว ยังจะปล่อยให้แกกับยายชั้นนรมนน่ารักกันหวานชื่นได้ แบบตอนนี้เสียที่ไหน”

คำพูดที่ร้ายกาจของตังเมทำให้บริศร์ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว

“เธอนี่มันโหดเหี้ยมอย่างที่คิดจริงๆ

“ก็ยังสู้แกไม่ได้หรอก!

ตังเมยกยิ้มเย้ยหยันแล้วพูดว่า “ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด กมล ลูกสาวของแกคงไม่ได้ถูกใครลักพาตัวไปหรอกใช่ไหม พูดอีก ในแง่หนึ่งก็คือเธอยังคงอยู่ในตระกูลโตเล็ก! น่าสงสารนรมนนะ คงคิดจริงๆ ว่าลูกสาวของตัวเองถูกลักพาตัวไปแล้ว ถึงได้กังวล จนกลัวไปหมด ไม่สนใจกระทั่งว่าจะไปสร้างเรื่องวุ่นวายกับ ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ถ้าหากเธอไม่ไปก่อเรื่องที่จะตระกูลทรัพย์ ธาดาละก็ ทางนั้นกับยายตุลยาก็คงไม่ร้อนใจ แบบนั้นแล้วตุลยา จะติดต่อมาหาฉัน ถ้าตุลยาไม่ติดต่อมาหาฉัน แล้วแกจะพบ เบาะแสของฉันได้ยังไง บุริศร พวกเราสองคนก็พอๆ กันนั่นแหละ ใครก็พูดว่า ใครเหี้ยมโหดไม่ได้หรอกนะ แต่ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าตอนที่ยายนรมนนั่งรู้ว่าแกเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้ แถมยังใช้ ความปลอดภัยของลูกสาวตัวเองเป็นเหยื่อล่อ หล่อนจะรู้สึกยัง ไง”

นรมินที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดได้ยินคำพูดทั้งหมดอย่าง ชัดเจน เธอรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็งอย่างไรอย่าง นั้น

ถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดของทั้งเม จะละเอียดขนาดนี้ ตอนนี้พอลองคิดดูแล้ว ตั้งแต่ที่กมลถูกลักพา ตัวไป บุริศร์ก็เอาแต่พูดอยู่ตลอดว่าพวกพฤกษ์กำลังคอยช่วย เหลืออยู่ พวกเขาไม่ได้แจ้งความ กระทั่งยังปล่อยเธอคาดเดาไป ถึงตระกูลทวีทรัพย์ธาดา และไม่สนใจด้วยว่าเธอจะวิ่งไปก่อ ความวุ่นวายถึงที่นั่น

หรือว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่ตั้งเมพูดจริงๆ

นรมนรู้สึกเพียงว่าแขนขาเย็นเฉียบ มือเท้าอ่อนแรง

ทว่าบุริศร์กลับคว้าคอของตังเมเอาไว้ “เธอจะไปรู้อะไร เธอมัน ก็แค่ปีศาจที่สามารถฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา หากยังปล่อย เธอไว้ข้างนอกก็คงเอาแต่จ้องนรมนกับตระกูลโตเล็กตาเป็นมัน ฉันจึงจำเป็นที่จะต้องหาตัวเธอออกมาให้ได้ก่อน ฉันกับเธอไม่ เหมือนกัน กมลคือหัวใจของฉัน และฉันก็จะไม่มีวันทำให้เธอ ต้องเจ็บปวดแม้แต่ปลายเล็บ

“ข่าๆๆๆ พูดได้ฟังดูดีอยู่หรอกนะ แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือน กันไม่ใช่หรือไง ทำไมแกถึงได้ไม่บอกขายพรมนให้ชัดเจนก่อนล่ะ แกก็แค่จะใช้ประโยชน์จากเธอ ใช้ประโยชน์จากความรักที่ เธอมีต่อลูก ใช้ประโยชน์จากความสิ้นหวังของเธอ และยังใช้เธอ เพื่อล่องูออกจากถ้ำ บุริศร์ แกเองก็ไม่ได้ศรัทธาในความรัก ระหว่างชายหญิงอะไรนักหรอก ทํามาเป็นพูดว่าตัวเองมีความรัก ลึกซึ้งให้กับยายนรมน แต่ความจริงแล้วสิ่งที่แกให้ความสำคัญ มากที่สุดก็คือคลังสมบัติของตระกูลโตเล็กหรือไม่ก็ตระกูลโต เล็กของพวกแกต่างหาก ไม่อย่างนั้นทำไมทั้งที่แกกับยายนรมน นั่นแต่งงานกันมาหลายปีขนาดนี้แล้ว ถึงได้ไม่เคยบอกเรื่องคลัง สมบัติของตระกูลกับเธอล่ะ”

คำถามของตังเมเปรียบเสมือนมีดแทงเข้าไปในหัวใจของพร

มน

เธอไม่เคยสนใจทรัพย์สินของตระกูลโตเล็ก และยิ่งไม่สนใจ คลังสมบัติอะไรนั่น สิ่งเดียวที่เธอให้ความสำคัญคือความรักของ บุริศร์และความปลอดภัยของลูกๆ

คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้บุริศร์จะใช้ประโยชน์จากเธอ

เขากำลังใช้ประโยชน์จากเธออยู่

ใช้ประโยชน์จากความรักที่เธอมีต่อเด็กๆ ใช้ประโยชน์จาก ความรักและความเชื่อใจที่เธอมีต่อเขาในการตามหาตังเม

ถึงแม้เธอจะรู้ดีว่าหากบริศร์ทำแบบนี้ ก็จะสามารถตามหาตัว ตั้งเมและชำระล้างความไม่เป็นธรรมที่เธอได้รับได้อย่างรวดเร็ว แต่เธอก็ยังคงยากจะรับความรู้สึกเช่นนี้ได้อยู่ดี

นมนมองไปยังเจ้าแผ่นหลังอันสูงใหญ่ของบุริศร์ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเหมือนกำลังมองคนแปลกหน้า

เธอรู้จักบุริศร์จริงๆ เหรอ

หรืออาจพูดได้ว่าบริศ เคยมีเธออยู่ในใจจริงๆ อย่างนั้นเหรอ

ถ้าหากมีละก็ ทำไมถึงได้มองเธอนั่งไม่ติดเพราะการหายตัวไป ของกมล โดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำได้ล่ะ

ทําไมต้องปิดบังเธอด้วย

ตอนนั้นรมนรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนนอก ความรู้สึกที่ เหมือนถูกคนทอดทิ้งเอาไว้ข้างหลังนั้นมันช่างเจ็บปวดมากจริงๆ

เธอเดินออกมาจากห้องใต้ดินเงียบๆ ส่วนบริศร์จะจัดการ ตั้งเมอย่างไรนั้น เธอไม่คิดจะสนใจอีกแล้ว

เดิมทีที่เข้าไปยุแหย่พวกตั้งเมสองแม่ลูก ก็เป็นเพราะเธอ ตกหลุมรักบุริศร์ และตอนนี้ก็ได้แต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลโตเล็ก แล้ว ตอนนี้มีบุริศร์คอยวางแผนการให้ทุกอย่าง แล้วเธอจะยังมี อะไรให้ต้องกังวลใจอีก

หัวใจคล้ายเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า กลวงเปล่าจนยากจะรับได้ ตอนที่นรมนออกมาจากห้องใต้ดิน ตนท์ก็กำลังยืนรออยู่ที่ หน้าประตูอย่างกระวนกระวาย เมื่อเห็นนรมนออกมาแล้ว เขาก็ รีบมองไปข้างหลังทันที ทว่ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของบุริศร์

“พี่สะใภ้…..

“ฉันจะไปหากานต์สักหน่อยเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ไม่มีขึ้นลง และไม่มีความรู้สึก

อื่นไดเจือปนเช่นกัน

ครินท์มองเธออย่างระมัดระวัง แต่ไม่ทันสังเกตว่าตอนนั้นรมน

รู้สึกอย่างไร

นรมนรู้ดีว่าตอนนี้ตรินท์จะต้องร้อนใจมากแน่ๆ คงอยากจะไป พูดอะไรกับบริศร์ แต่เธอไม่สนใจอีกแล้ว

เธอเดินตรงไปที่ห้องของกานต์โดยไม่พูดอะไร

ตอนที่ไฟถูกเปิดจนสว่างไสว กานต์ก็ยังคงหลับสนิท

ร่างกายเล็กๆ นอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม และเตียงขนาดใหญ่นี้ก็ ทําให้กานต์ยิ่งดูตัวเล็กลง

นรมนเดินไปนั่งข้างเตียงแล้วมองไปที่เด็กชาย นี่เป็นครั้งแรก ที่เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้ทำอะไรพลาดไป

เดิมทีเขาควรจะเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่ง ที่สามารถยืนอยู่ เหนือพวกคนได้เหมือนพวกอัจฉริยะ หรือไม่ก็ได้ใช้ชีวิตวัยเด็ก ยังมีความสุขเหมือนเด็กทั่วไป

แต่เพราะเขาเป็นลูกชายของนรมนกับบริศร์ ถึงได้ต้องเผชิญ กับเรื่องราวมากมายตั้งแต่อายุยังน้อย

นรมนทั้งรักทั้งสงสาร

เด็กชายเอาไว้ในอ้อมแขน สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกาย หัวใจ ที่เคยว่างเปล่าดวงนั้นก็เหมือนจะค่อยๆ อบอุ่นขึ้นมากานต์สะลึมสะลือ เพราะรู้สึกเหมือนว่ามีคนกำลังกอดตัวเอง ไว้ จึงได้ลืมตาขึ้นมา ตอนที่เห็นว่าเป็นนรมน เขาก็กอดแขนเธอ เอาไว้ตามสัญชาตญาณ แล้วพึมพำออกมาว่า “หม่ามี้”

พูดจบก็นอนหลับต่อ

เขาทั้งสบายใจและเชื่อใจนรมนถึงเพียงนั้น

เป็นเธอที่โง่เกินไป เป็นเธอที่สับสนวุ่นวายไปเอง

ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นกับกมลจริงๆละก็ กานต์จะสามารถอยู่ อย่างสบายใจแบบนี้ได้ยังไง เกรงว่าคงโทรมาหาเธอทันที แล้ว

รีบร้อนที่จะเริ่มสืบหาเบาะแสของกมลอย่างแน่นอน

นรมนรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นคนโง่งมโดยสมบูรณ์แบบ

“หลับเถอะจ้ะ หม่ามีอยู่ตรงนี้

นรมนยกยิ้มจางๆ ก่อนจะอุ้มเด็กชายขึ้น แล้วเดินไปเปิดประตู

ห้อง

เธอเห็นตรินท์อยู่ข้างนอก จึงพูดเสียงเบาว่า “คืนนี้ฉันจะนอน กับกานต์ ไม่อยากถูกใครก็ตามเข้ามารบกวน ฉันรู้ว่าคุณเข้าใจ

ความหมายที่ฉันต้องการจะสื่อ

พูดจบเธอก็ปิดประตูไปต่อหน้าตรินท์ ทั้งยังล็อกจากข้างใน

ครินท์ตะลึงไปชั่วขณะ

“พี่สะใภ้…”

ตอนที่เขายังอยากจะพูดอะไรออกมานั้น บรมนกลับไม่ให้โอกาสใดๆ

นรมนซุ้มกานต์ไปที่เตียง จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมของตัวเอง

ในเมื่อกมลอยู่ในมือของบริศร์ ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีอันตราย อะไร ตอนนี้เธอเองก็เหนื่อยมากแล้วด้วย

ราวกับความรู้สึกเหนื่อยล้าพวกนั้นผุดขึ้นมาจากกระดูกแล้ว ซึมผ่านไปทั่วทั้งร่างกายภายในชั่วพริบตา ทำให้เธอไร้ซึ่งเกี่ยว

แรงใดๆ

เธอก็แค่อยากจะปกป้องลูกชายของเธอให้หลับสบาย ไม่ต้อง ฟังไม่ต้องคิดไม่ต้องเห็นอะไรทั้งนั้น

โดยเฉพาะคนคนนั้น

นรมนกอดกานต์แล้วเอนตัวลงนอน

เมื่อเด็กชายค้นพบท่าทางที่สบาย ก็ล็อกตัวเองเอาไว้ในอ้อม แขนของนรมนแน่น หนึ่งเด็กหนึ่งผู้ใหญ่ค่อยๆ หลับใหลไป พร้อมกัน

ทว่าครินทกับสงบใจต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

จากสถานการณ์และปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ทำให้เขารู้ได้ โดยทันทีเลยว่าเรื่องนี้เหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่เข้าซะแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ