แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 343 ชีวิตแบบนี้เป็นสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ หรือ



บทที่ 343 ชีวิตแบบนี้เป็นสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ หรือ

บทที่ 343 ชีวิตแบบนี้เป็นสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ หรือ

ปกติกานต์เป็นเด็กที่รู้เรื่อง ทำให้บางครั้งนรมนมองข้ามความ จริงที่ว่ากานต์ยังไม่ถึงห้าขวบเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เห็นแววตาที่ที่ คาดหวังของลูกชายแบบนี้ เธอเจ็บปวดใจเหลือเกิน

เทียบกับคนที่รุ่นราวคราวเดียวกัน กานต์แบกรับไว้เยอะมาก เยอะมากเลยจริงๆ

เธอยื่นแขนออกมา จับแก้มของกานต์เบาๆ และพูดด้วยเสียง ทุ้มต่ำว่า “ลูกจ๋า ลูกลำบากแล้ว”

จู่ๆนัยน์ตาของกานต์แดงกะทันหัน

เขารีบส่ายหน้า จากนั้นพูดแบบยิ้มแย้มว่า “ไม่ลำบากเลย ครับ ผมเป็นลูกคนโตนี่ครับ”

คำพูดนี้พูดซะจนนรมนหดหู่ใจ

“แต่ว่าลูกก็เป็นลูกชายของหม่ามีนี่นา หม่ามีสมควรดูแลลูก ช่วงนี้ลูกสุดที่รักลำบากแล้ว เรื่องภายหลังให้แด๊ดดี้กับหม่าม จัดการเองเถอะนะลูก ลูกผ่อนคลายแบบสบายๆก็พอแล้ว”

นรมนแทบอยากจะกอดกานต์เข้ามาในอ้อมอก

ลูกชายคนนี้ตั้งแต่เด็กก็รู้เรื่องเป็นพิเศษ ทำให้เธออดที่จะ เอ็นดูไม่ได้กานต์มองเจตนาของนรมนออก รีบห้ามปรามและพูด ว่า “หม่าม หม่ามียังป่วยอยู่เลยนะครับ รอให้หม่ามหายดีแล้ว ผมค่อยให้หม่ามกอดผมดีๆนะครับ”

นรมนรู้สึกว่าตัวเองติดค้างกานต์เยอะมากเยอะมากเลยที

เดียว

กมลพูดอย่างยิ้มแย้มว่า พี่คะ เราลงไปหาแด๊ดดี้ที่ข้างล่า งดีมั้ยคะ? ร่างกายของหม่ามียังไม่หายดี ให้คุณตากับคุณยาย ขึ้นมาเยี่ยมหม่ามีไม่แน่พวกเขาอาจมีเรื่องมากมายก่ายกอง อยากจะพูดพูดคุยกัน”

ในขณะนี้ กมลยังคิดถึงบุริศร์อยู่

เธอก็ไม่ได้เจอแด๊ดดี้นานมานานมากแล้ว!

นรมนย่อมรู้ว่ายายเด็กคนนี้คิดอะไรอยู่ เทียบกับบริศร์แล้ว กมลชอบอยู่กับบริศมากกว่า

เมื่อก่อนเธอยังหึงหวงบ้าง ตอนนี้เห็นลูกชายและลูกสาวต่าง แข็งแรงขนาดนี้ นรมนก็ไม่ไปคิดเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

“ได้เลยจ้า กานต์ พาน้องลงไปเถอะ ระวังหน่อยนะลูก”

“ครับผม! ”

กานต์พยักหน้า

ดมทิพย์เข้าไปอุ้มกมลลงมาจากเตียง กลับไม่ได้วางลงไปที่พื้น แต่อุ้มอยู่ที่อ้อมอก พูดอย่างยิ้มแย้มว่า “ฉันพาพวกเขาลงไป เถอะ เธอพักผ่อนดีๆ แล้วนะ”

“ได้เลย! ”

นรมนูยิ้มแย้มอ่อนๆ

กานต์ไม่ค่อยมีปกิริยาสักเท่าไหร่กับเรื่องที่คมทิพย์ชอบกมล เรื่องนี้ มุมมองของเขา มีคนชอบน้องสาวตัวเองเพิ่มขึ้นอีกคน เป็นเรื่องที่ดี

“หม่ามี้ครับ ถ้างั้นหม่ามีพักผ่อนดีๆนะครับ ผมกับน้องลงไป

ก่อนแล้วนะครับ”

กานต์พูดอย่างเชื่อฟัง

“จ้าลูก”

นรมนจับหัวของกานต์ เขาหันหลังจากไปอย่างดีอกดีใจ

หลังจากพวกเขาจากไปได้ไม่นาน คุณพ่อนรมนและคุณแม่น รมนก็ขึ้นมาแล้ว

บริศร์ไม่ได้ปรากฏตัว คาดว่าถูกกมลตามรังควานอยู่ คุณแม่นรมนเห็นหน้าตานรมนเป็นแบบนี้ นัยน์ตาจึงแดงก่ำ

ทันที

“ลูกคนนี้ แจ้งแต่เรื่องดีๆเรื่องร้ายๆไม่เคยบอกไม่เคยกล่าวกัน เลย เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ไม่พูดกับทางบ้านเลยสักคำ หาว่า พ่อกับแม่แก่แล้วจริงๆ ใช่มั้ย ใช้การไม่ได้แล้วหล่ะสิ แม้แต่ข่าวของลูกยังต้องรับรู้จากปากของคนอื่นใช่รึเปล่า?

“แม่คะ ไม่ใช่แบบนี้นะคะ หนูกลัวว่าแม่จะเป็นห่วงอ่ะค่ะ อีก อย่าง ร่างกายแม่ก็ไม่ดีด้วย หนูก็เลยไม่ให้ใครมาทำให้แม่ตก อกตกใจ

แม่นรมนถูกนรมนพูดจนเขินอายเล็กน้อย

“สุขภาพแม่ไม่ดียังก็ตาม ลูกสาวแม่เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ จะมาปิดบังแม่ไม่ได้นะลูก ลูกผู้หญิงตัวคนเดียวทั้งชีวิตนี้ก็ไม่ ง่ายแล้วนะ ตอนนี้ยังแท้งลูกอีกต่างหาก บุริศร์เป็นผู้ชายทั้งแท่ง ปรนนิบัติยังไงกันหล่ะ? ถ้าหากไม่ได้อยู่ไฟดีๆ มีโรคแทรกซ้อน ตามมาทีหลัง ถ้างั้นเป็นเรื่องชั่วชีวิตเลยนะ ลูกคนนี้ทำไมไม่รู้ เรื่องซะเลย? ”

แม่นรมนรีบเข้าไปจับมือของนรมน

ขณะที่เธอสังเกตเห็นมือที่เย็นเฉียบของนรมน น้ำตาไหลลงมา

ในพริบตาเดียว

“ดูสิ นี่ก็กี่วันแล้ว มือยังเย็นอยู่เลย ถ้าหากร่างกายผู้หญิง เย็นชื่น วันข้างหน้าอย่าว่าแต่ตั้งครรภ์คลอดลูกเลย ร่างกายของ ตัวเองก็ต้องแบกรับความทรมานตั้งเยอะแยะมากมาย แม่ไม่สน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แม่จะอยู่ที่นี่ วันนึงสามมื้อทานอะไร แม่ จัดการเอง แม่เคยเห็นแล้ว อาหารที่บุริศร์ทำพวกนั้น ถึงแม้ จืดชืดและมีประโยชน์ก็ตาม เพียงแต่ว่ายังเป็นผู้ชายอยู่ดี หลาย อย่างเขาทำไม่เป็น นี่ก็ใช่ว่าเข้าไปค้นหาในอินเตอร์เน็ตแบบ เรื่อยเปื่อยก็รู้เรื่องเลย”แม่นรมนพูดไปด้วยเช็ดน้ำตาไปด้วย ทำให้นรมนยิ่งทรมาน ใจมากขึ้น

“แม่คะ ควรจะเป็นหนูกตัญญูแม่นะคะ จะให้แม่ลำบากได้ยังไง กันหล่ะค่ะ? มิเช่นนั้น หนูให้บริศร์จ้างคนใช้มานั่งคน แม่จะได้ไม่ ต้องทําให้มันเหนื่อย”

“ทำไม? รังเกียจว่าแม่แก่แล้วหรอ ? ปรนนิบัติลูกไม่ได้? ลูก ไม่คิดเลยหรือว่า ตั้งแต่เล็กจนโต ใครเป็นคนเลี้ยงลูกโตเอง? ใครเป็นคนที่ป้อนข้าวให้กับลูกทีละคำทีละตอนนี้ยังกล้า รังเกียจแม่อีกเหรอ”

“หนูเปล่านะแม่ หนูแค่เอ็นดูแม่ ไม่อยากให้แม่เหนื่อย”

นรมนรีบอธิบาย

ตั้งแต่เข้ามาพ่อนรมนก็ไม่พูดไม่จา ขณะนี้ได้ยินนรมนพูดแบบ นี้ ถอนหายใจพูดว่า “พ่อได้ยินบริศร์พูดว่า รอให้ร่างกายหนู หายดีแล้ว เขาจะพาลูกออกไปเที่ยว ลูกคิดยังไง? ”

นรมนนิ่งไปแป๊บนึง ไม่รู้ว่าพ่อนรมนถามแบบนี้หมายความว่า อะไร ซึ่งไม่รู้ว่าควรตอบยังไงดี

“พ่อคะ ท่านหมายความว่าอะไรหรอคะ? ”

“พ่อไม่ได้หมายความว่าอะไรหรอก อารมณ์ของพ่อกับแม่ เหมือนกัน ตั้งแต่เล็กจนโตลูกก็คือแก้วตาดวงใจของพ่อกับแม่ เคยให้ลูกลำบากลำบนขนาดนี้ซะเมื่อไหร่กัน? พ่อ ลูกชอบบุรี ศร์ เป็นตายร้ายดียังไงลูกก็จะแต่งงานกับเขา ตอนนั้นลูกไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น กลับไม่ได้ค่าตอบจากบุรีศร์ พ่อกับแม่ลูกเห็น แล้วเอ็นดูและโมโหแต่ทำไงได้หล่ะ ตอนนี้พ่อคิดว่าพวกเธอสม ตั้งใจปรารถนาแล้ว สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายใจได้แล้ว คิดไม่ ถึงตอนนี้ยิ่งทำให้คนตกอกตกใจ และกังวล นรมน พ่อถามลูกแต่ คำเดียว ชีวิตแบบนี้เป็นสิ่งที่ลูกต้องการจริงๆ หรือ? ”

คําพูดเหล่านี้ของพ่อนรมนออกมาปุ๊บ พูดซะจนนรมนจน

พูดไปเลยทีเดียว

เรื่องมากมายไม่ใช่ว่าเธอสามารถรู้ตั้งแต่แรก และสามารถ หลีกเลี่ยง ตอนนี้เรื่องพวกนี้ก็ไม่สามารถพูดว่าเป็นความผิดของ บุริศร์ พูดได้แค่ว่าอยู่ในครอบครัวแบบนี้ เรื่องมากมายพวกเขา ต่างทําตามใจชอบไม่ได้

พ่อคะ ท่านอยากพูดอะไรกันแน่คะ?

นรมนเอ่ยปากออกมา โดยตรง

พ่อนรมนถอนหายใจและพูดว่า “พ่อได้ยินมาว่าน้องชายบุริศร์ ตรินท์กลับมาแล้ว บริษัทยั่วยกรุ๊ปจำกัดก็มอบให้เขาจัดการ ตอน นี้บุริศร์ไม่มีงาน แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ลูกกับบริศ เดินทางครั้งนี้ ดูสิที่ไหนไม่เลว ไม่ได้ก็อยู่ข้างนอกเถอะ พ่อกับแม่ไม่ขอให้ลูก ร่ำรวยมั่งคั่ง ขอแค่ลูกปลอดภัยและแข็งแรง พ่อกับแม่ก็พอใจ แล้ว เรายังมีเงินเก็บเลี้ยงชีพ หลายปีมานี้เก็บเงินได้บ้าง อาศัย หัวสมองการค้าของบริศร์ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม ก็สามารถให้ลูก กับหลานๆได้ทานอิ่มท้อง ไม่ไหวจริงๆ พ่อกับแม่เดี๋ยวจะกลับไป หาพวกเธอเอง ช่วยพวกเธอดูแลลูกบ้างก็ดี รอให้ลูกหายดีแล้วไปจากที่ที่นินทาว่าร้าย ไปใช้ชีวิตของพวกเธอทั้งคู่ คิดถึงบ้านก็ กลับมาเยี่ยมเยียนตอนนี้การจราจรสะดวกไม่ใช่หรือ?

นโมนเข้าใจความหมายของพ่อจนได้ ซาบซึ้งใจโดยไม่รู้ตัว

“พ่อคะ หนูไม่เคยหวังสมบัติเงินทองของบ้านตระกูลใดเล็ก เลยนะคะ”

“พ่อ ลูกเป็นลูกสาวของเรา พ่อย่อมรู้นิสัยใจคอของลูก เพียง แต่ว่าอยู่ที่เมืองชลธีนี้ และอยู่ที่บ้านตระกูลโตเล็ก ยังมีธุระหลาย อย่างต้องจัดการ หลายปีมานี้บริศ ทำเพื่อบ้านตระกูลโตเล็กก็ เยอะแยะมากมาย ตอนนี้พวกเธอมีลูกเป็นของตัวเองแล้ว ก็ควร ถอยออกไปใช้ชีวิตที่เป็นของตัวเอง พ่อกับแม่ไม่อยากเห็นลูก นอนอยู่บนเตียงด้วยหน้าตาที่อ่อนแอเช่นนี้ ครั้งนี้ ลูกนอกจากไม่ พูดกับเราเรื่องที่ใหญ่โตขนาดนี้แล้ว แล้วครั้งต่อไปหล่ะ? รอให้ ตอนที่เรารู้ ลูกก็ได้…………………………

พ่อนแมนพูดต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสะอื้นเล็กน้อย อีกด้วย

แม่นรมนจ้องเขาโดยตรงแล้วพูดว่า “คุณพูดเหลวไหลอะไร กัน? ลูกยังอยู่ดีๆอยู่เลย? ”

“นี่เรียกว่าดีหรอ? โตขนาดนี้ ลำบากลำบนแค่ไหนก็ไม่ไปพูด มันแล้ว คุณดูลูก ตอนนี้ผอมลงไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ร่างกายยังมี เนื้อหนังอยู่อีกไหม? ”

ความโกรธของพ่อนรมนเล็งไปที่แม่ของนรมนโดยตรงทั้งคู่ใกล้จะทะเลาะกันแล้ว นรมนรีบเอ่ยปาก

“พ่อคะแม่คะ พวกท่านอย่าทะเลาะกันเลยค่ะ หนูฟังพวกท่าน รอให้ครั้ง หลังจากร่างกายหนูหายดีแล้ว หนูกับบริศร์ก็ออกไป เที่ยวเล่นเลย ดูสีที่ไหนเหมาะที่จะอยู่ถาวร เราก็จะอยู่ที่นั่น รอให้ อยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว หนูก็รับพวกท่านไปด้วย และใช้ชีวิตอยู่กับ เราด้วยกันนะคะ”

“ฟัง ลูกเข้าอกเข้าใจ”

พ่อนรมนได้ยินนรมนพูดแบบนี้ ถึงวางใจ

“พวกเธอสองคนแม่ลูกคุยกันดีๆเถอะ ฉันอยู่ที่นี่ไม่สะดวก และช่วยเหลืออะไรไม่ได้ด้วย จะทานอะไร และอยากทานอะไรพูด กับแม่นะลูก นี่เป็นแม่ของลูก ไม่ใช่คนอื่นคนไกล อย่าเสแสร้ง เลยนะรู้รึเปล่า?

“รู้แล้วค่ะพ่อ”

นโมนพยักหน้าแบบยิ้มแย้ม

พ่อนรมนอาลัยอาวรณ์นรมนมาก แต่ว่าในที่สุดก็ถอนหายใจ นึงครั้ง และ

หันหลังออกไปจากห้องนอนทันที “อย่าไปฟังพ่อนะลูก ตาแก่คนนี้นี่ เรื่องมากจริงๆ

แม่นรมนบ่นๆออกมานึงคำ และขยี้ฝ่ามือของนรมนด้วยความ เอ็นดูแล้วพูดว่า ” เวลาแบบนี้ผู้หญิงต้องพักฟื้นเลือดลมภายใน ให้ดีๆ ลูกไม่รู้อะไร แม่ได้ยินว่าลูกเกิดเรื่องขึ้น หัวใจดวงนี้เกือบ จะหยุดเต้นไปเลย ป้าโอคนนั้นน่ารังเกียจจริงๆเลย ทำไมถึงมีผู้หญิงที่โหดเหี้ยมขนาดนี้นะ? ”

“เอาหล่ะ แม่น่ะ ผ่านไปแล้ว เธอก็ได้รับโทษแล้วไม่ใช่หรอ คะ? ตอนนี้ฉันถูกส่งไปที่เมืองหลวงทางโน้น คาดว่าน่าจะตัดสิน โทษไม่เบาเลยทีเดียว

นรมนรีบปลอบใจแม่นรม

แม่นรมนกลับจ้องหน้าเธอและพูดว่า “ลูกก็จริงๆเลยคสามารถ ทนได้เรื่องใหญ่โตขนาดนั้น ลูกยังได้ตัดสินใจคนเดียวไปแล้ว? แม่ยังได้ยินมาว่าลูกทำให้บริศ สลบไป ไปหาป้าโอ้เอายาแก้พิษ คนเดียว นรมน ลูกคิดว่าสวรรค์คือที่หนึ่ง ลูกคือที่สอง “

“เปล่านะ แม่”

นรมนถูกแม่พูดจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว

เรื่องนี้บุริศร์ได้เลื่อนผ่านไปโดยตรงแล้ว ทำไมแม่นรมนถึง เอ่ยขึ้นมาอีกหล่ะ? ”

“ยังจะเปล่าอีก แม่ว่านะลูกช่างกล้าเกินไปแล้ว บุริศร์ไม่ว่าลูก กลัวว่าลูกจะเสียใจ คิดถึงเด็กที่ไร้วาสนาคนนั้น แต่ว่าผู้เป็นแม่ คนนี้ต้องว่าลูกสักคำสองคำ เรื่องครั้งนี้ลูกว่าลูกคิดไม่รอบคอบ เองใช่หรือไม่? ”

“วันหลังยังกล้าทําตามใจชอบอีกรึเปล่า?

“ไม่กล้าแล้ว”นรมน ในตอนนี้ก็เหมือนกับเด็กที่ก้มหน้ารับผิด แม่นรมินว่า อะไรเธอก็ยอมรับโดยดี เพราะว่าเธอรู้ดี แม่นรมนล้วนหวังดีกับ เธอ และ บดูเธอจริงๆ

เห็นนรมนเช่นนี้ แม่นรมนถึงโล่งใจ และถอนหายใจพูดว่า ” ภรรยาหัวหน้าครอบครัวที่บ้านตระกูลโตเล็กไม่ง่ายเลยนะ ตอน นี้ในเมื่อมีครินท์เป็นเสาหลักแล้ว เราก็ไม่เป็นภรรยาครอบครัว

นั้นแล้ว มัยลูก?

“ได้เลยค่ะ! หนูรับปากพ่อแล้วนคะ? เดี๋ยวกลับไปบุรี ไป หาเงินเลี้ยงครอบครัว หนูว่างๆก็วาดรูป และดูแลลูกๆก็พอ ได้ ยังคะแม่? ”

“ค่อยยังชั่ว”

แม่นรมนได้ยินนรมนพูดแบบนี้ ถึงยิ้มแย้มออกมา เพียงแต่ว่า น้ำตาที่กระพริบในแววตานั้นทําให้นรมินทรมานบ้าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ