แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 884 คุณนี่แย่เกินไปแล้วนะ



บทที่ 884 คุณนี่แย่เกินไปแล้วนะ

“คุณว่าอะไรนะ?”

นรมนคิดว่าตนเองอาจจะหูแว่ว

เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย วันนี้จะตายได้ยังไง?

“พวกคุณทรมานเขาตอนสอบสวนเหรอ?”

“ไม่เลยครับ ถึงจะบังคับให้สารภาพ แต่ไม่ได้ลงมือรุนแรงเลย จริงๆ อันที่จริงก็กังวลตัวตนของเขาด้วย

คำพูดของนภดลทำให้นรมนขมวดคิ้วแน่น

“ตามหมอไปดูหรือยัง?”

“คุณชายป้องมาแล้วครับ บอกว่าตายด้วยสาเหตุหัวใจขาดเลือด”

นภดลรายงานตามความจริง

“เขาหัวใจไม่แข็งแรงเหรอ?”

“ไม่ชัดเจนครับ”

นรมนรู้สึกว่าตนเองสติหลุดแล้ว ภาริชเพิ่งจะมาที่นี่ ตนเองกับ บริศร์ก็เพิ่งรู้ถึงการมีตัวตนของเขา ไม่รู้เลยว่าสุขภาพของเขา

เป็นเช่นนี้

วันนี้ภาริชตายอยู่ที่นี่ คุณอารองที่ด้านนั้นจะเป็นยังไงบ้าง?
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าภาริชคนนี้เป็นตัวจริงหรือตัวปลอม การ

ตายในวันนี้ทำให้นรมนตกอยู่ในสภาวะกดดัน

“คุณรอสักครู่ ฉันจะไปตามบุรีศร์ลงมา

นรมนรู้สึกว่าเรื่องนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของตนเองแล้ว เธอรีบขึ้นไปข้างบน บุริศร์ยังไม่ตื่นเลย สงสัยจะอ่อนเพลีย

มาก

นรมนจึงปลุกบริศร์

“บุริศร์ อื่นๆ เกิดเรื่องแล้ว”

บริศร์ลืมตาขึ้นมา กอดนรมนด้วยสัญชาตญาณ เสียงแหบพร่า พูดขึ้น: “ทำไมคุณตื่นเช้าจัง? ให้ผมกอดหน่อย

“ไม่สิ บุริศร์ เกิดเรื่องแล้ว ภาริชตายแล้ว”

“ตายก็ตายสิ”

บุริศร์พูดออกมาด้วยจิตใต้สำนึก แล้วคำพูดก็กลับเข้าไปอยู่ ในหัวของเขา เขาจึงตื่นเต็มตาทันที

“คุณว่าอะไรนะ? ใครตาย?”

“ภาริช ตายด้วยอาการหัวใจขาดเลือด ป้องยังอยู่ที่นั่น คุณจะ

ไปดูตอนนี้เลยไหม?”

นรมนพูดอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้บุริศร์ตื่นเต็มที่แล้ว
“ทำไมถึงตายอย่างฉับพลันขนาดนี้?”

“ไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกอยู่ตลอดเลยว่าเรื่องนี้ค่อนข้างผิดปกติ แต่ กลับพูดไม่ออกว่าตรงไหนที่ผิดปกติ

ลางสังหรณ์ของนรมนไม่ดีเอามากๆ

เห็นนรมนเป็นกังวล บุริศร์จึงยิ้มปลอบใจเธอ “วางใจเถอะ ไม่มีอะไรหรอก ผมจะไปดูหน่อย คุณอยู่บ้านคนเดียวก็ระวังตัว หน่อยนะ กมลกับกิจจาที่โรงพยาบาลวันนี้คุณก็ไม่ต้องไปหา หรอก ผมจะให้นาวินไปเปลี่ยนให้ธิดากลับมา

“ไม่ต้องหรอก ฉันจัดการเองได้ ใช่สิ วันนี้กานต์จะไปเขต ทหารแล้ว เขาตัดสินใจไปเติบโตอยู่ที่เขตทหาร

นรมนรู้สึกว่าเรื่องนี้ควรจะพูดกับบุริศร์หน่อย

มือของบุริศร์ชะงักเล็กน้อย แล้วพยักหน้า

“ก็ดี เจ้าตัวแสบไปฝึกฝนอยู่ที่เขตทหาร จะได้เข้าใจว่าฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ”

แม้จะพูดอย่างนี้ แต่นรมนก็รู้ว่า บุริศร์ทำใจห่างกานต์ไม่ได้

“จะไปคุยกับเขาหน่อยไหม?”

“ยิ้ม”

หลังจากบริศ สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจึงลงไปด้านล่าง

นภดลยังรออยู่ แต่เขากลับไปที่ห้องของกานต์ทันที เคาะๆประตู
เข้ามา

เสียงเย็นชาของกานต์ มีท่าทีของบุริศร์แฝงอยู่ในนั้นเล็กน้อย

บริศ เห็นกานต์กำลังเก็บของอยู่คนเดียว ก็ยิ่งทำใจไม่ได้ “ตัดสินใจแล้วใช่ไหมว่าจะเลือกทางนี้จริงๆ?

กานต์ชะงักเล็กน้อย หันไปมองบุริศร์ เขาเห็นสายตาอาลัย อาวรณ์ของบุริศร์ จู่ๆก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณบุริศร์ คุณคงจะทำใจ ไม่ได้ที่ผมต้องไปสินะครับ?”

“อื้ม ทําใจไม่ได้”

ครั้งนี้บริศร์ไม่เสแสร้ง

กานต์ชะงักงัน รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที

“ผมจะกลับมาหาพวกคุณทุกสัปดาห์

“ตั้งใจเรียน ไม่อยากอยู่จริงๆก็กลับมา ต่อให้เราจะไม่ทำอะไร เลย แด๊ดดี้ก็เลี้ยงเราไหว

แต่ก่อนน้อยมากที่บุริศร์จะพูดอย่างนี้ แต่ตอนนี้ กานต์กลับไม่ โต้แย้ง ก้าวเข้าไปกอดบริศร์เอาไว้แน่นๆ วางหัวบนไหล่ของเขา พูดเบาๆ: “คุณบุริศร์ ถ้าคุณยังอยู่ตรงนี้ผมก็จะไม่ไปจริงๆแล้ว

“ไม่ไปก็ไม่ต้องไป”

บริศ นั่งยองๆลงไปกอดกานต์เอาไว้แน่น

เจ้าตัวแสบแข็งแรงกว่าตอนเพิ่งกลับมาเยอะเลย แต่คิดๆดู ก็เกือบจะหนึ่งปีแล้ว ช่วงเวลาระหว่างพวกเขาพ่อลูกที่ได้อยู่ด้วย กันน้อยเกินไป

กานต์ยังอยากจะอยู่ต่อ แต่นึกถึงกิจจา นึกถึงกมลแล้ว เขายัง ต้องปล่อยบริศ ออก

“คุณบุริศร์ คุณแย่เกินไปแล้วนะ ทำไมคุณถึงให้ลูกชายของ ตัวเองไปทําเรื่องของคนอื่นล่ะ?”

บริศ เห็นน้ำตาในดวงตาของกานต์อย่างชัดเจน

เจ้าเด็กน้อยที่แสนจะเย่อหยิ่งคนนี้

“พอเลย ถ้าต้องการความช่วยเหลือ อย่าลืมโทรหาแด๊ดดี้นะ”

“ครับ”

กานต์ตกลงอย่างว่าง่าย

บุริศร์หยิบบัตรออกมาส่งไปให้

“เอาไปเก็บไว้ เตรียมเอาไว้ใช้ยามจำเป็นอยู่ข้างนอกดูแลตัว เองให้เข้าใจไหม?”

“ยิ้ม”

กานต์เก็บแบล็คการ์ดไป

หลังจากบอกลากานต์เสร็จ บุริศร์ถึงกลับไปที่ห้องรับแขก ประโยคแรกที่พูดขึ้นเมื่อเห็นนภดล “ป้องยังอยู่ไหม?”

“คุณชายป้องยังอยู่ครับ”
“ไปกันเถอะ”

บริศ มองนรมน แล้วหมุนตัวออกไป

นภดลก็ตามบริศร์ออกไปด้วย เรื่องราวที่อยู่ในใจ ทำให้นรมนอัดอั้นตันใจ ตอนที่เนตราออกมาเธอก็ไม่รู้สึกตัว

“เฮ้ มองอะไรอยู่น่ะ?”

มือข้างหนึ่งของเนตราที่วางอยู่บนไหล่ของนรมน ทำให้นรมน ตกใจ

“เธอออกมาไม่ให้สมให้เสียงเลย

นําเสียงของนรมนไม่ค่อยดี

แต่เนตรากลับยักไหล่พูดขึ้น: “ไม่ทำเรื่องผิดบาป ก็ไม่ต้อง กลัวผีหลอก นี่ยังไม่มืดเลย เธอกลัวอะไร? ทำเรื่องละอายใจมา เยอะใช่ไหมล่ะ?”

“ขี้เกียจจะพูดกับเธอ”

นรมนหมุนตัวจะเดินออกไป แต่กลับโดนเนตราห้ามเอาไว้

“เฮ้ ฉันทำอาหารเช้าตั้งแต่เช้าตรู่ ยังไงเธอก็กินหน่อยสิ”

นรมนหันไปมองที่ห้องครัว กับข้าวอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่าง หน้าตากลิ่นรสชาติสมบูรณ์แบบ ดูแล้วเจริญอาหารดีจริงๆ แต่ น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอไม่อยากอาหารเลย
“เธอกินไปเถอะ ฉันไม่หว

คำพูดของนรมนทำให้สีหน้าของเนตราแย่ลงเล็กน้อย

“ดูถูกฉันใช่ไหมล่ะ? หรือคิดว่าฉันจะใส่ยาพิษลงในอาหาร? น้ำเสียงที่เลวร้ายของเนตราทำให้นรมนชะงักเล็กน้อย

เธอมองไปที่เนตรา แม้เธอจะยังดูไม่เอาไหน แต่นรมนคิดว่าที่ เธอตื่นเช้ามาทําอาหารก็คงไม่ง่ายเลย จึงไม่อยากคิดเล็กน้อย คิดน้อยกับเธอ

“ก็ได้ ฉันจะกินนิดหน่อย พอใจหรือยัง?”

นรมนเดินไปที่ห้องครัว

แต่เนตรากลับไม่ได้รู้สึกขอบคุณ

“ไม่อยากก็ไม่ต้องกิน อย่าทำเหมือนฉันบังคับให้เธอกิน เดี๋ยว กินแล้วท้องเสียฉันก็ต้องรับผิดชอบอีก เธออย่ากินดีกว่า”

เนตราพูดแล้วก็เข้าไปแย่งชามกับตะเกียบของนรมน นรมนรู้สึกว่าเนตราเจตนาก่อกวนอยู่เล็กน้อย

“พอเถอะ หาเรื่องพอหรือยัง? เดิมทีในบ้านก็มีเรื่องเยอะอยู่ แล้ว เธออย่าสร้างปัญหาอีกได้ไหม?”

นรมนหยิบชามกับตะเกียบมาคีบอาหารใส่ลงไปเล็กน้อย แล้ว

กินเงียบๆ

เนตรามองเธอ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็หยิบชามกับตะเกียบแล้วเริ่มลงมือกินอย่างเงียบๆเช่นกัน

กินข้าวมื้อนี้อย่างเงียบเชียบ

นรมนกินเสร็จก่อน

แต่ป้าหวานกลับเดินเข้ามา “คุณนายคะ คุณท่านธนาศักดิ์ธน

มาค่ะ”

นรมนชะงักเล็กน้อย

“พ่อ?”

เธอรีบลุกขึ้นเดินออกไป

แต่เนตรากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากมาย กินข้าวอย่างเนิบ นาบจนเสร็จ แล้วจึงลุกขึ้นเดินไปที่ห้องรับแขก พบว่านโมนพา พ่อนรมนเข้ามาแล้ว

ตอนที่พ่อนรมนเห็นเนตราก็ดีใจ

“เนตรา พ่อนัดครูกวินทร์เอาไว้แล้ว อีกเดี๋ยวจะพาลูกไปพบ เขา ส่วนลูกเก็บเอาไว้ พอซื้อไวโอลินมาให้อีกเดี๋ยวตอนที่ไป อย่าแสดงนิสัยแย่ๆออกมานะ”

“รู้แล้วหน่า”

เนตราพูดด้วยความรำคาญ

นรมนนึกถึงความเป็นมาของไวโอลิน ก็รู้สึกไม่สบายใจ

“พ่อ นั่งรอก่อนนะคะ หนูจะไปเอาชุดมาให้เนตรา”
“ชุดอะไร?”

เนตราขมวดคิ้วเล็กน้อย “เธอยังไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้ฉันเลย จะ ไปเอาอะไร? ที่เธอใส่เหลือไม่เอานะ ฉันไม่ใช่ที่เก็บของเก่า

นรมนรู้สึกว่าปากของเนตรานี่แย่มากจริงๆ แต่ว่าต่อหน้าของ

พ่อนรมน เธอยังต้องไว้หน้าเนตราบ้าง

“เมื่อวานฉันให้คนไปซื้อไว้ให้เธอแล้ว ยังไม่ทันได้เอามาให้ เธอ”

เมื่อวานก่อนนรมนออกไปให้ป้าหวานไปซื้อเอาไว้ เพียงแค่ ตอนที่กลับมามีเรื่องเยอะเกินไป เธอจึงลืมเรื่องนี้ไปเลย วันนี้พ่อ นรมนมา เธอถึงนึกขึ้นได้

เนตราเบ้ปากพูด: “ใครจะไปรู้ว่าเธอหลอกฉันหรือเปล่า”

“ฉันจะหลอกเธอทำไม?”

นโมนพูดจบก็หมุนตัวเดินไป

พ่อนรมนไม่คิดว่าท่าทางตอนคุยกันระหว่างนรมนกับเนตราจะ เป็นอย่างนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเหม่อลอยเล็กน้อย หลังจากที่รอให้ นรมนขึ้นไปข้างบน เขาจึงดึงเนตราเอาไว้แล้วพูดขึ้น: “อย่าพูด อย่างนี้กับพี่สาวของลูกสิ

“พี่สาวอะไร? เธอเกิดก่อนหนูแค่ห้านาที

“แค่นาทีเดียวก็เป็นพี่สาวของลูกแล้ว เนตรา ถึงพ่อจะเลี้ยงดู สั่งสอนเธอ แต่จริงๆเธอก็ไม่ใช่ลูกของตระกูลธนาศักดิ์ธนของเรานะ ในวันนี้มีฐานะน่านับถือขนาดนี้ ครอบครัวของเธอก็ยอด เยี่ยมขนาดนี้ ตระกูลธนาศักดิ์ธนของพวกเราตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ปีมานี้ก็มอดดับไปตั้งนานแล้ว เหลือแต่ชื่อเสียงกลวงๆภายนอก ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาวกับพี่เขยของลูกที่ดูแล ตอนนี้พ่อกับแม่ก็ไม่รู้ ว่าจะมีสภาพยังไง ลูกเพิ่งจะกลับมา พ่อแม่ไม่สามารถให้สภาพ แวดล้อมที่ดีกับลูกได้ ลูกอยู่กับเธอให้มากๆ ลองสัมผัสสังคมชั้น สูงดูบ้าง ได้เจอคนดีๆ ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวแล้ว นี่ลูกเข้าใจความ พยายามของพ่อกับแม่ไหม?”

พ่อนรมนพูดเบาๆ มองไปทางบันไดตลอดเวลา เหมือนกลัวว่า นรมนจะมาได้ยินเข้า

เนตรา โบกๆมืออย่างรำคาญพูดขึ้น : “โอ้ย รู้แล้ว บ่นมาก จริงๆเลย เมื่อวานนรมนก็ออกไปข้างนอกทั้งวัน ไม่ได้พาหนูไป ด้วยอยู่แล้ว พ่อยังคิดว่าเธอจะตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงดูของพ่อ กับแม่เพื่อมาประคับประคองหนูจริงๆเหรอ? อย่าฝันไปหน่อย เลย เมื่อวานเธอพาลูกชายออกไปก็ไม่พาหนูไปด้วย หนูว่าเธอ อยากให้หนูรีบๆหายไปจากสายตาของเธอซะเหลือเกิน

“จะเป็นไปได้ไง? พ่อเลี้ยงนรมนมาจนโต พ่อรู้จักนิสัยของเธอ ดี พ่อกับแม่ของลูกเสียหน้านี้ไปหมดแล้ว ส่งลูกมาโดยพลการ เธอฉลาดขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าเพราะอะไร บางทีอาจ จะเพราะเธอมีเรื่องยุ่งๆ เดี๋ยววันนี้หลังจากไปเจอครูกวินทร์แล้วก็ ให้เธอพาลูกออกไป แค่ลูกเอ่ยปาก พ่อว่าเธอคงไม่ปฏิเสธ หรอก”

พ่อนรมนพูดด้วยความมั่นใจ จนไม่ทันสังเกตเห็นตอนที่กานต์ออกมา

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างเย็นชา

“คุณหม่าผมท้องครับ สุขภาพไม่อีกอย่างพี่ชายกับ น้องสาวผมเข้าโรงพยาบาล ระยะหม่าผมคงมากๆ เวลาพาเธอออกเดินเล่นหรอกครับ”

กานต์พูดเบาๆ แต่กลับเหมือนฝ่ามือตบที่ใบหน้าพ่อ นรมน ทำให้เขาละอายใจจนอยากตอนที่ดวงตาใสแจ๋วคู่ของกานต์กำลังเขม็งมาที่ เขา ทำให้ยิ่งเงย

อ้อ เหรอ? หม่าของท้องแล้วตาไม่เรื่องเลย ตาสิ ไม่เตรียมของขวัญอะไรเลย” พ่อนรมนยิ้มอย่างอึดอัด ใจ

เตรียมของขวัญอะไร” ตอนนั้นรมนลงมาพอดี ได้ยินประโยคนี้จึงถามขึ้น กานต์อยากจะพูด กลับโดนเนตราดึงออกไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ