แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 832 ในชีวิตนี้มีเพียงฉัตรยาเท่านั้นที่อยู่ในหัวใจ ของผม



บทที่ 832 ในชีวิตนี้มีเพียงฉัตรยาเท่านั้นที่อยู่ในหัวใจ ของผม

“ใคร?”

นรมนมองหามันโดยไม่รู้ตัว แต่น่าเสียดายที่ไม่เห็นแม้แต่เงา

ของอีกฝ่าย เธอเปิดโน้ตในมืออย่างรวดเร็ว และข้อความในนั้นก็ทำให้

เธอขมวดคิ้ว

“ถ้าคุณอยากให้แม่ของคุณยังอยู่ดี ก็ให้บริศ หยุดอีกฝ่ายไว้” หัวใจของนรมนเต้นแรง

ไม่มีข่าวใดๆ จากคิม เรื่องนี้สร้างความกังวลให้กับนรมนมา โดยตลอด ครั้งก่อนเธอขอให้กิมจิหาที่อยู่ของคิด แต่ก็น่า เสียดายที่เรณุกาพาเธอไปก่อนที่กิมจิจะมีเวลาพูดอะไรกับเธอ

ตอนนี้ข้อความคุกคามนี้ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ในฝ่ามือของ เธอ นรมนรู้สึกว่าหลังของตัวเองหนาวเย็นขึ้น

แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่ตระกูลโตเล็ก แต่วันนี้เป็นงานศพของฉัตรยา นอกจากคนของนภดลที่เป็นคนของบุริศร์ ก็มีคนมากมายที่นี่ จะ ไม่มีคนเห็นว่าใครเป็นคนยัดกระดาษโน้ตให้เธอเลยเหรอ เพียง แค่นั้นก็ทำให้ขนของนรมนลุกไปทั้งตัว

เป็นไปได้ไหมว่ามีคนของตระกูลจันทรวงศ์ที่บุริศร์แอบฝึกฝนอย่างลับๆ อยู่ด้วย?

นรมนตกใจกับการคาดเดาของตัวเอง

“คุณนาย คุณโอเคไหมคะ?”

ปาณีทรงตัวไม่ได้ ก็ล้มลงกับพื้น เลือดออกที่แขนและขาของ เธอ แต่เธอก็รีบมาที่นรมนเพื่อตรวจสอบว่านรมนเป็นอย่างไร

นรมนโน้ตไว้แน่น และพูดอย่างใจเย็น “ฉันไม่เป็นไร อีกครู หนึ่งเธอไปหาหมอด้วยนะ”

“ฉันแค่ล้มนิดหน่อยเองค่ะ กลับไปทายาก็พอแล้วค่ะ ฉันไม่ได้ เป็นอะไรมาก แต่เมื่อครู่นี้เป็นใครกัน? ทำไมฉันไม่เห็นร่างเขา เลย?”

หลังจากที่ปาณีพูดจบ ก็รู้สึกเย็นที่ด้านหลังของกระดูกสันหลัง

ทันที

เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่สุสานของฉัตรยา และกระซิบว่า “คง ไม่ใช่..….……”

“เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ให้น้อยลงหน่อย! แม้ผีจะมีจริง แต่ฉัตร ยาก็ไม่มาทําอันตรายกับฉันแน่นอน กลับกันเถอะ”

นรมนมองไปรอบๆ และไม่พบบุคคลที่น่าสงสัย เธอกลับไปที่ ห้องผู้ป่วยด้วยความวิตกกังวล

บุริศร์และนภดลกำลังจัดการกับเรื่องที่นั่น หลังจากฉัตรยาถูก ฝัง นภดลก็ตกลงกับพ่อแม่ของตระกูลจันทรวงศ์ และวางแผนที่จะพาพวกเขากลับไปที่เมืองชลธีพร้อมกับบุริศร์

บุริศร์กำลังจัดการกับเรื่องนี้ เมื่อเขากลับไปที่ห้องผู้ป่วย เขา เห็นนรมนมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเหม่อลอย และอด ไม่ได้ที่จะกอดเธอจากด้านหลัง

“เป็นอะไรครับ? คิดอะไรอยู่?”

“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าชีวิตมนุษย์ช่างเปราะบางจริงๆ ฉัตรยาอายุยี่สิบต้นๆ เอง เธอก็จากไปแล้ว”

นรมนถอนหายใจ

“ทุกคนต่างก็มีชีวิตของตัวเอง ดังนั้นเราจึงต้องใช้ชีวิตให้ดีๆ เราไม่รู้หรอกว่าอุบัติเหตุหรือความตายอันไหนเกิดขึ้นก่อน สิ่ง เดียวที่ทำได้คือให้ตัวเองได้มีชีวิตอยู่ต่อไป และอยู่เคียงข้างกัน ต่อไป และเมื่อเราตาย เราก็อยากจะเป็นคู่วิญญาณสามีภรรยา ด้วยกัน”

คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนต้องมองบน

“คุณพูดเรื่องอะไรล่ะ? ใครจะไปเป็นคู่วิญญาณสามีภรรยากับ คุณ? บุริศร์ ฉันมีอะไรจะบอกคุณ”

นรมนคิดครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ตัดสินใจคุยกับบุริศร์

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ดูนี่สิคะ”

เธอส่งกระดาษโน้ตให้บุริศร์
เมื่อบริศ เห็นกระดาษโน้ต ใบหน้าของเขาก็ซีดลง

“ใครให้มา?”

“ฉันไม่รู้ ตอนที่กำลังกลับไปที่รถในงานศพของฉัตรยา ฉัน โดนใครบางคนชน แล้วก็มีกระดาษโน้ต แต่ปาณีกับฉันไม่เห็น ว่าใครเป็นคนชน หลังจากนั้นฉันเลยหากล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้ๆ และตรวจดูแล้ว ภาพค่อนข้างคลุมเครือมาก ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ หญิง รูปร่างไม่สูงมาก แต่หน้าเธอไม่ค่อยชัด ลองดูสิคะ”

นรมนกล่าวและส่งวิดีโอทางโทรศัพท์ให้บริศร์

บุริศร์มองไปที่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาของเขาเย็นชาขึ้น เล็กน้อย

“ดูเหมือนว่าคนในตระกูลจันทรวงศ์จะไม่ยอมแพ้จริงๆ ผมจะ

ได้พบกับเรณุกาหลังจากที่ผมกลับไปที่เมืองชลธีในวันพรุ่งนี้”

“ให้ฉันไปเถอะค่ะ ฉันคิดว่า ในเมื่อเธอสามารถหาคนส่ง กระดาษโน้ตนี้ให้ฉันได้ เธอคงต้องการจะให้ฉันไปพบเธอ เธอ อาจไม่ได้สิ่งที่เธอต้องการจากคุณ แต่อาจจะได้จากฉัน”

นรมนพูดความคิดของตัวเองกับบุริศร์

บุริศร์มองไปที่เธออย่างเป็นห่วง

“คุณไปพบเรณุกาด้วยร่างกายอย่างตอนนี้ ผมไม่วางใจ

“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกค่ะ มันเป็นศูนย์กักกัน ไม่ใช่ข้าง นอก และยังมีคนอยู่ที่นั่น ฉันไม่ใช่คนที่จะให้เธอมาทำอะไรได้ง่ายๆ ฉันแค่อยากรู้ว่า เราต้องการจะทำอะไร

“ยังจะทําอะไรอีกล่ะ? ก็คงคิดว่าถ้าออกมาจะทำเรื่องอะไรไม่ดี อีกน่ะสิ”

บุริศร์เกลียดเรณุกาจริงๆ

มีอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ระหว่างผู้หญิงคนนี้กับเขา ไม่สิ ไม่รู้ว่ายังมี อีกกี่ชีวิต

นรมนพูดเสียงต่ำ “ฉันไม่ได้ยินข่าวคราวแม่ของฉันมานาน แล้ว ฉันเป็นห่วงเธอจริงๆ ตอนที่เธอออกจากเมืองชลธีและไปที่ นั่น ไม่มีใครรู้เลยตอนนี้ไม่มีข่าวจากเธอจากจดหมายสักฉบับ เดียว ฉันยิ่งกังวล เมื่อกระดาษโน้ตนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลจันทร วงศ์ ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วงฉัน และกลัวว่าจะถูกเรณุกาทำอะไร แต่ ฉันต้องทําบางอย่างเพื่อแม่ของฉัน นอกจากนี้เวลาป้าของฉันก็ เหลือไม่มากแล้ว ในตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันหวังว่าแม่ของฉัน และเธอจะได้พบกัน และถือว่ามีค่าสำหรับพวกเขา”

“คุณน่ะ ชอบคิดเพื่อคนอื่นเสมอเลย ไม่คิดถึงตัวเองเลยสักนิด คุณคงไม่รู้ว่าคุณทำแบบนี้ ผมจะปวดใจขนาดไหน”

บุริศร์ถอนหายใจ แต่เขาไม่ได้ห้ามนรมน สำหรับเขา ตราบใด ที่นรมนต้องการอะไร เขาก็จะพยายามจะหามาให้ได้ แม้ว่ามันจะ เป็นดวงอาทิตย์ที่อยู่บนท้องฟ้าก็ตาม

นรมนรู้ว่าบุริศร์เป็นห่วงตัวเธอเอง แต่เธอยิ้มและพูดว่า “คุณ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันจริงๆ ค่ะ ฉันจะให้ปาณีไปด้วย คุณยังรู้ถึง ความสามารถของ ปาณี หากร่างกายของฉันเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ปาณีจะมาช่วยฉันในทันทีแน่นอนค่ะ คุณไม่ต้องกังวลนะ คะ”

“ก็ได้ แต่ไม่ว่าจะทำอะไร คุณต้องมั่นใจในความปลอดภัย ของตัวเอง รู้ไหม?”

“รู้แล้วค่ะ”

บุริศร์และนรมนได้ตกลงถึงเรื่องนี้แบบนี้

ปาณีไปหาหมอเพื่อรักษาบาดแผล เมื่อเธอเห็นนภดลพยุง คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้า

คุณนายตระกูลจันทรวงศ์มองไปที่ปาณี และไม่ได้พูดอะไร เธอ นั่งข้างๆ ด้วยดวงตาที่ผ่านการร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด และขอ ให้นภดลรินน้ำให้ตัวเองสักแก้ว

นภดลปฏิบัติต่อคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ด้วยความเคารพ และให้เกียรติ ซึ่งทำให้ปาณีรู้สึกปวดใจเล็กน้อย

ผู้ชายที่เย็นชา สามารถทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อผู้หญิงได้ ขนาดนี้เลยเหรอ?

เขารักผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหนกัน?

นภดลเห็นปาณีโดยทันที แต่ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะคุยกับปาณี อีก และไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ

หมอเห็นปาณีและพูดด้วยเสียงต่ำ “ปาณี นี่เป็นยาของคุณ จํา ไว้ว่ากลับไปกินวันละสามมื้อ อย่าลืมนะครับ หัวของคุณชอบลืมทานยาตลอดเลย”

“รู้แล้วค่ะ คุณหมอมิลิน ฉันรู้จักร่างกายของตัวเองดีค่ะ”

ปาณีรับยาด้วยรอยยิ้ม

“คุณจะรู้อะไร? คุณน่ะเอาแต่ใจตัวเอง ต้องมีคนดูคุณทานยา ไม่งั้นคุณก็ไม่ทาน ผมเคยเห็นคนที่กลัวการทานยา แต่ไม่เคยเจอ แบบคุณเลย ถ้าคุณไม่ทำตาม ผมจะบอกคุณนายบุริศร์ ให้ คุณนายบุริศ เฝ้าคุณทานยา มิฉะนั้นแผลจะอักเสบ และผลที่ตาม มาจะร้ายแรงมาก”

“คุณหมอมิลิน ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่ต้อง รบกวนคุณนายบริศร์หรอก”

ปาณีรู้สึกทำตัวไม่ถูก และอยากจะหันตัวกลับไปและจากไป

แต่ถูกคุณหมอจับไว้

“ไม่ได้ ผมไม่เชื่อคุณ? คุณเอายามาให้ผม ผมจะเอาไปให้ คุณนายบุริศร์ ผมก็ไม่รู้คิดยังไง ถึงได้ให้ยากับคุณ”

จากนั้นหมอก็ไปคว้ายาไปจากปาณี

ปาณีจะปล่อยให้คุณหมอมิลินนำยาของตัวเองไป และรีบซ่อน

ในขณะที่ทั้งสองยื้อแย่งกัน เสียงของนภดลก็ดังขึ้น

“เรื่องนี้ฝากไว้กับผมก็ได้ครับ ผมจะเตือนเธอให้ทานยาเอง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ อย่ารบกวนคุณนายเลย”
ด้วยคําพูดนั้น นภดลจึงหยิบยาจากมือของปาณีทันที

ปาณีและคุณหมอมิลินต่างตกตะลึง และคนที่ประหลาดใจ ที่สุดคือคุณนายตระกูลจันทรวงศ์

“นภดล คุณหมายความว่าอย่างไร? ลูกสาวของฉันเพิ่งเสีย ชีวิตไม่นาน คุณก็จะหาคนใหม่แล้วเหรอ?

น้ำเสียงของคุณนายตระกูลจันทรวงศ์แข็งกร้าวเล็กน้อย

นภดลรีบพูด “ไม่ใช่ครับ เธอเป็นคนดูแลคุณนาย ตอนนี้ คุณนายต้องมีคนดูแลเป็นคนพิเศษ ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา ทาง ด้านคุณนายอาจจะมีปัญหาได้ ผมแค่คิดเผื่อคุณนายเท่านั้น เรื่องของเธอไม่มีค่าพอที่จะต้องให้คุณนายกังวล ผมเป็นคน เตือนเองดีกว่า คุณแม่ อย่าคิดมากเลยครับ”

เนื่องจากคุณนายตระกูลจันทรวงศ์ยอมรับความสัมพันธ์ ระหว่างนภดลและฉัตรยา นภดลจึงเรียกพวกเขาว่าพ่อแม่ของ เขา

ปาณีความรู้สึกดีเล็กน้อยเมื่อครู่ เมื่อได้ยินนภดลพูดแบบนี้ ก็ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังและอึดอัด

คุณนายตระกูลจันทรวงศ์ไม่พอใจเล็กน้อย แต่สิ่งที่นภดลพูด นั้นมีเหตุผล และเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความโกรธ “ไม่ว่าคุณ จะทำอะไร ฉันบอกคุณไว้ว่ากระดูกของลูกสาวฉันยังไม่สลายไป ถ้าคุณออกไปมีผู้หญิงคนอื่นในเวลานี้ ฉัน………

“คุณแม่ครับ ในชีวิตนี้มีเพียงฉัตรยาเท่านั้นที่อยู่ในหัวใจของผม และจะไม่มีผู้หญิงคนอื่น”

คำพูดของนภดลทำให้ปาณีรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น

คุณนายตระกูลจันทรวงศ์มองไปที่ปาณีและพูดอย่างเย็นชา “เป็นแบบนั้นก็ดี จะได้ให้ผู้หญิงที่คิดเกินเลยกับคุณหยุดคิดซะ คุณเคยสัญญากับฉัตรยาว่า จะดูแลเราสองคนจนถึงจุดจบของ ชีวิต”

“ครับ คุณแม่ ผมพยุงไปข้างในดีกว่าครับ”

นภดล ใส่ยาลงในกระเป๋าของเขา แล้วช่วยพยุงคุณนาย ตระกูลจันทรวงศ์เดินไป โดยไม่แม้แต่เหลือบมองไปที่ปาณี

คุณหมอมิลินถามด้วยความสับสน “ปาณี นี่มันอะไรกันครับ?” “ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน เขาเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ!!

ปาณีรู้สึกหดหู่ใจแทบตาย เธอยกเท้าขึ้นและตรงกลับไปที่ ห้องผู้ป่วย เธอไม่คิดว่าเธอจะเกียจคร้านที่จะเตือนตัวเองให้ทาน ยา และโยนยาทิ้งไปหรอกนะ

ผู้ชายคนนี้ใจแคบมาก

ก็ดี ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ชอบทานยาอยู่แล้ว จะได้ช่วยประหยัด ปัญหาของเธอได้

เมื่อปาณีกลับมา นรมนกำลังเก็บข้าวของอยู่ เธอก็รีบวิ่งไป ทันที

“คุณนาย ฉันทำเองค่ะ จะให้คุณทำเองได้อย่างไร?”
“มันไม่มีอะไรสักหน่อย เธอไม่ต้องวิ่ง ขาเธอเจ็บอยู่ รอให้กลับ ไปที่เมืองชลธีเธอก็ไปพักผ่อนซะ อย่าเหนื่อยเกินไปเลย”

คำพูดของนรมนทำให้ปาณีรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณนาย ฉันเป็นคนหนังเหนียว อาการบาดเจ็บ แค่นี้ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ อ่อ แล้วของพวกนี้ต้องเก็บใช่ไหมคะ? พวกเราจะไปเมืองชลธีกันเหรอคะ?”

“ใช่ กลับไปที่เมืองชลธี”

นรมนยิ้มเบาๆ และปาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก

หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว นภดลก็ส่งคนไปแจ้งว่า เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวพร้อมแล้ว และให้ปาณีเป็นนรมนขึ้นไปบน ดาดฟ้า

ปาณีรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่ได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวเป็นครั้งแรก

เมื่อเห็นปาณีเช่นนี้ นรมนก็รู้สึกดีขึ้นมาก

เมื่อทั้งสองคนมาถึงลิฟต์เพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้า ทันใดนั้นลิฟต์ก็ เกิดค้างขึ้นมา สีหน้าของนรมนเปลี่ยนไปทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ