แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 216 บุริศร์นิสัยไม่ดีเอาเสียเลย



บทที่ 216 บุริศร์นิสัยไม่ดีเอาเสียเลย

“เปล่าค่ะ ฉันก็แค่รู้สึกลำบากใจน่ะ”

นรมนไม่คิดจะปิดบังบุริศร์

ความรู้สึกที่เธอมีต่อรเมศค่อนข้างที่จะซับซ้อน

บุริศร์ไม่ได้ถามต่อ ทว่าหน้าของเขายังคงมืดครึ้ม ลงเล็กน้อย

นรมนรู้ดีว่าไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็อาจจะโกรธเมื่อ ได้ยินคำตอบเช่นนี้ นับประสาอะไรสิ่งที่รเมศทำกับ กมล

เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา บรรยากาศจึงค่อนข้างที่ จะกดดันไปชั่วขณะ

ไมค์กระแอมหนึ่งแล้วพูดออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้น ให้ฉันพาพวกนายออกทางประตูหลังไหม”

“ที่นี่มีประตูหลังด้วยเหรอ”

บุริศร์มองเขาแวบหนึ่ง

ไมค์ ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “บ้านคนอื่นไม่มี แต่บ้าน ฉันมีแน่นอน นายก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักฉันนี่ ว่าฉันมักจะ เหลือทางหนีที่ไล่เอาไว้เสมอ”

ประโยคนี้เป็นเรื่องจริง

ไมค์เกือบจะสังเวยชีวิตตัวเองไว้กลางสนามรบ หลังจากนั้นเขาก็ติดนิสัยสร้างทางหนีทีไล่เอาไว้ อาจเป็นเพราะหลังจากที่ได้เผชิญกับความตายมาแล้ว จริงๆ ผู้คนก็มักที่จะกลัวตาย

บุริศร์ไม่ได้ขัดข้องอะไร เขามองไปที่นรมนแล้ว พูดออกมาว่า “คุณโอเคไหม ไปได้หรือเปล่า”

“ได้ค่ะ”

ตอนนี้นรมนรู้สึกแค่ว่าอยากกลับเร็ว ๆ

อยู่ที่นี่แล้วเธอรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเลยสักนิด

บุริศร์พูดกับไมค์ว่า “ให้พฤกษ์อยู่รอด้านนอกเพื่อ ดึงดูดความสนใจของพวกเขาต่อ ขอแค่พฤกษ์ไม่ไป ไหน คนพวกนั้นก็จะยังไม่ไป ”

“เข้าใจแล้ว”

ไมค์กับบุริศร์เข้าขากันได้ดีมาก

นรมนถูกบุริศร์จูงมือออกไปจากบ้านของไมค์

ประตูด้านหลังของบ้านไมค์เป็นภูเขาลูกหนึ่ง พื้น ผิวบนถนนค่อนข้างที่จะขรุขระ ทำให้เดินไม่ค่อย สะดวกเป็นอย่างมาก ทว่าไมค์ได้เตรียมรถJeepเอาไว้ ให้แล้วคันหนึ่ง จากนั้นก็โยนกุญแจรถให้บุริศร์

“ขับลงไปถึงด้านล่างของภูเขาก็จะสามารถออก ไปจากที่นี่ได้แล้ว”

“ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม ด้านล่างมีคนคอยตรวจ ตราอยู่หรือเปล่า”

บุริศร์ยังคงระมัดระวังตัวมาก
ไมค์สายหน้าแล้วพูดว่า “นายเห็นทะเบียนรถของ ฉันไหม ใครจะกล้าขวางรถของฉันกัน คนคนนั้นคงไม่ อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วล่ะมั้ง”

ตอนนั้นเองบุริศร์ก็พบว่าป้ายทะเบียนรถของไมค์ เป็นป้ายทะเบียนของรถทหาร

“ไปก่อนนะ”

“ระวังตัวด้วย”

บุริศร์พานรมนขึ้นไปบนรถ หลังจากนั้นก็ขับออก

ไป

นรมนแอบชำเลืองมองบุริศร์ เขาจดจ่ออยู่กับการ ขับรถ สีหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์โมโหหรือยินดีใดๆ แต่ นรมนไม่เชื่อสักนิด

“คุณกำลังโกรธอยู่อย่างนั้นเหรอคะ”

“ผมเปล่า”

บุริศร์ต่อกลับไปอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่าเขา กำลังโกรธอยู่ชัดๆ

นรมนถอนหายใจแล้วพูดออกมาว่า “ถึงยังไงเขาก็ เคยช่วยฉันกับเด็กๆ เอาไว้”

“และเขาก็เคยขังคุณเอาไว้ด้วยเช่นกัน”

ท้ายที่สุดแล้วบุริศร์ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ ตัวเองเอาไว้ได้ จึงค่อนข้างที่จะยังชาและแข็งกระด้าง

ทันทีที่นึกถึงสภาพของนรมนตอนที่อยู่ในห้องใต้ดิน บุริศร์ก็แทบอยากจะฆ่ารเมศด้วยมือของตัวเอง

นรมนไม่ได้คัดค้านในประเด็นนี้ ทั้งยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามีเหตุผลอะไรที่สามารถหักล้างได้

เธอกล่าวเสียงเบาว่า “ความจริงแล้วเขาก็ทำเรื่อง ไม่ดีเอาไว้ตั้งมากมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะ สามารถลบเลือนสิ่งที่เขาเคยทำให้ฉันกับพวกเด็กๆ ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เมื่อห้าปีก่อนฉันกับลูกคงต้องตายอ ยู่ในกองเพลิงไปแล้ว จะมามีฉันในวันนี้ได้เสียที่ไหน นอกจากนี้ในปีนั้นก็ยังเป็นเขาที่คอยดูแลฉัน ”

“คุณกำลังพูดแก้ต่างให้เขาอย่างนั้นเหรอ คิดว่า ผมไม่ควรจัดการเขา ไม่ควรที่จะจัดการตระกูลวัชโรทั ยอย่างนั้นใช่ไหม”

บุริศร์เหยียบเบรกกะทันหัน

การหยุดรถอย่างกะทันหันทำให้ร่างกายของนร มนถูกแรงเหวี่ยงดึงไปข้างหน้า โชคดีที่เธอคาดเข็มขัด นิรภัยไว้จึงเด้งกลับมา แต่เธอก็รู้ว่าความโกรธของบุริ ศร์พุ่งถึงจุดสูงสุดแล้ว

“ฉันไม่ได้ต้องการที่จะอ้อนวอนแทนเขา ฉันแค่จะ บอกว่าฉันอยู่ในช่วงอารมณ์ที่ซับซ้อนมาก ไม่รู้ว่าตัว เองควรจะทำยังไงต่อไปดี คุณจัดการเขาก็ดี จัดการ ตระกูลวัชโรทัยก็ดี ฉันรู้ดีว่าคุณมีเหตุผลของคุณ ฉันก็ แค่พูดสิ่งที่ฉันคิดในตอนนี้ออกมาเท่านั้น”

นรมนเองก็ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไรไปแล้ว
เธอเกลียดทุกสิ่งที่รเมศทำกับกมล และรับไม่ได้ กับเรื่องบ้าๆ ที่เขาทำเพราะชอบเธอ แต่เธอก็ไม่ สามารถลบล้างความจริงที่ว่ารเมศช่วยเธอไว้เมื่อห้าปี ก่อนได้ด้วยเช่นกัน

เธอรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ทั้งยังรู้สึกยุ่งเหยิงไป

หมด

ให้กับรเมศ เดิมทีเธอไม่ได้คิดจะขอความเมตตา แต่ตอนนี้พูดไปพูดมาก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เปลี่ยนเป็น แบบนี้แล้ว

เธอคิดจะอธิบาย กลับพบว่ายิ่งพูดก็ยิ่งแย่ลง ท้าย ที่สุดก็เป็นกังวลจนเหงื่อออกเต็มไปหมด

บุริศร์ลดกระจกรถลง ตอนที่กำลังคิดจะสูบบุหรี่ก็ นึกขึ้นได้ว่าตัวเองรับปากนรมนไว้แล้วว่าจะเลิกบุหรี่ ก็ เลยไม่มีของพวกนี้ติดตัว เขาจึงหันศีรษะออกไป แล้ว พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเอง

เขารู้ดีว่าจริงๆแล้วนรมนมีความยากลำบากใน

แบบตัวเอง บุญคุณที่ช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อ ห้าปีก่อน

ทำให้นรมนเริ่มที่จะลังเล แต่มันทำให้เขาทั้งอิจฉาและ อึดอัด ผู้หญิงของตัวเองช่วยออกปากแทนผู้ชายคนอื่น

ทั้งยังเป็นคนที่ทำร้ายเธอกับลูกๆ ของเธออีก สถานการณ์แบบนี้มันทำให้เขารู้สึกโกรธมากขึ้นกว่า เดิม
ทั้งสองคนต่างเงียบๆอยู่พักหนึ่ง

ลมหนาวจากข้างนอกพัดเข้ามาทางกระจก

หน้าต่างรถ

ตอนที่ออกมานรมนสวมเสื้อผ้าค่อนข้างที่จะบาง

ตอนนี้เลยหนาวนิดหน่อย แต่เธอก็มีนิสัยดื้อรั้น จึงไม่ยอมพูดกับบุริศร์ ทั้งยัง

ขี้เกียจจะสนใจเขา จึงหันออกไปมองวิวทิวทัศน์ข้าง นอกแทน แต่ในหัวของเธอกลับเต็มไปด้วยความสับสน

ลมพัดโดนผมยาวๆ ของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะมวย มันขึ้นไปหมดแล้ว แต่ก็ยังมีผมเส้นเล็กๆ ปรกลงมา เหมือนเด็กซนๆ ที่แกว่งไปมาตามลม ทำให้เธอรู้สึกคัน เล็กน้อย

เดิมทีเธอก็หงุดหงิดอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งอึดอัดเข้าไป ใหญ่ จึงเหน็บผมเอาไว้ข้างหลังใบหู คิดไม่ถึงเลยว่าจะ ถูกแหวนเกี่ยวเอาไว้จนพันกันไปหมด

“โว้ย!”

นรมนอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องออกมา

บุริศร์รีบหันกลับไปมอง พอเห็นสภาพของเธอใน ตอนนี้แล้วก็รีบยื่นมือเข้าไปช่วย แต่นรมนกลับหลบตัว

หนี

“คุณไม่ต้องยุ่ง”

เธอโมโหแล้ว
บุริศร์เห็นเธอมือเท้าวุ่นวายไปหมด แต่ดูเหมือนว่า ผมพวกนั้นจะตั้งใจหาเรื่องเธอ ยิ่งพันแน่นมากขึ้น เรื่อยๆ

สีหน้าของนรมนคนข้างแย่ เธอกับฟันแล้วตั้งใจจะ ดึงปอยผมยาวนี้ทิ้งๆ ไปเสีย

ในตอนนี้เองมือใหญ่คู่หนึ่งก็จับมือเล็กๆ ของเธอ เอาไว้แน่น

“ถ้าดึงมันทิ้งจะไม่เจ็บเอาเหรอ คุณหัดเรียนรู้ที่จะ ทำร้ายตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่”

หลังจากที่บุริศร์จับมือของเธอไว้ ก็พบว่ามือเล็กๆ ของเธอเย็นมาก เสื้อผ้าที่สวมอยู่ก็ค่อนข้างบาง

เขาถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ปิดกระจกรถ ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวเข้าไปใกล้นรมน แล้วช่วยแก้ เส้นผมให้เธออย่างระมัดระวังและตั้งใจ

ลมหายใจของเขาจึงลดลงบนผิวหน้าของนรมน มันทั้งร้อนและกระตุ้นอารมณ์ของคนเป็นอย่างมาก

นรมนรู้สึกว่าตนเองยังคงโกรธเขาอยู่ จึงรีบหัน หน้าหนีทันที แต่กลับกลายเป็นการทำร้ายเส้นผมของ ตัวเองอีกครั้ง เธอร้องโอดโอยออกมา น้ำตาคลอเบ้า

บุริศร์เห็นเธอโมโหแบบเด็กๆ แล้วก็พูดออกมาด้วย น้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เอาล่ะ ยังโกรธอยู่อีกเหรอ”

“คุณไปเลยนะ! ไม่ต้องมาสนใจฉัน!”
นรมนคิดจะผลักบุริศร์ออกไป แต่จู่ๆ เขาก็ถูกผลัก ลงบนเก้าอี้กล่าวว่า “อย่าขยับ”

“ฉันจะขยับ! บุริศร์ คุณนี่มันเป็นผู้ชายที่ชอบคิด เล็กคิดน้อยสายตาคับแคบ!”

นรมนผักเข้าออกอย่างโมโห แต่หลังจากนั้นก็ถูกบุ ริศร์โน้มลงจูบบนริมฝีปากเล็กๆ ที่เอาแต่พูดไม่หยุดนั่น

“อื้อ..”

นรมนพยายามขัดขึ้น แต่ไม่สามารถเทียบได้กับ พละกำลังของบุริศร์ อีกทั้งเทคนิคการจูบของเขายัง แข็งแกร่งมากจริงๆ หลังจากนั้นไม่นานนรมนก็ต้อง ยอมจำนน

เธอหอบหายใจอยู่ในห้วงจูบของบุริศร์ รู้สึกตัว

ลอยๆ

ตอนที่บุริศร์ปล่อยมือ เส้นผมของเธอก็ถูกแกะ ออกแล้ว เหลือเพียงสองสามเส้นที่ยังติดอยู่บนแหวน เท่านั้น และเสียงของบุริศร์ในตอนนี้ก็ยังแหบพร่าเล็ก น้อย

“เอาล่ะ ที่เอาแต่โมโหก็ช่างมันเถอะ ยังโกรธอยู่ จริงๆ เหรอ”

“คุณไปไกลๆ เลย!”

นรมนรู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้ไม่มีพลังอำนาจใด เลยสักอย่าง
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้นิสัยไม่ดีขนาดนี้นะ

ตอนนี้จะขยับหรือไม่ขยับก็เอาแต่จูบปากเล็กๆ ของเธอ พยายามเอาแต่ปลุกปั่นอารมณ์ที่ยากจะสงบ ของเธออีก แล้วจะให้เธอโกรธต่อไปได้ยังไง

เมื่อเห็นว่านรมนเป็นเด็กๆ แบบนี้แล้ว บุริศร์ก็ยิ้ม แล้วพูดว่า “ฉันก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายก็มีอารมณ์ ฉันก็มีอารมณ์ แล้วก็ยังขี้หึง ไม่ชอบให้เธอพูดถึงผู้ชาย คนอื่นในด้านดี ว่ายังไงล่ะ เธอจะลองพูดอีกครั้งไหม”

พอนรมนเห็นเขาทำท่าทีกำเริบเสิบสาน ก็ผลักเขา ออกไปอย่างโมโห

“ฉันก็แค่บอกว่ารเมศเป็นคนดี ทำไมล่ะ เขาปฏิบัติ กับฉันอย่างมีมารยาทมาตลอดห้าปี ถึงจะไม่เคยมี ความสุขเลย แต่เขาก็เป็นคนดี!”

“ดีบ้าดีบออะไรกันล่ะ นั่นก็เพราะว่าเขามีความผิด ปกติ ไม่อย่างนั้นแล้วมีผู้หญิงสวยๆ ขนาดนี้ไม่อยู่ตรง หน้าแต่กลับไม่แตะต้องได้ยังไง คุณคิดว่าเขาเป็น นักบุญอย่างนั้นเหรอ”

บุริศร์เริ่มที่จะบริภาษคำหยาบคายออกมาแล้ว ลมหายใจของนรมนติดอยู่ในคอ โมโหจนไม่ สามารถที่จะกลืนลงได้

“คุณคิดว่าทุกคนจะตื่นเหมือนกับคุณอย่างนั้นเห รอ”

“ผมหื่นกับคุณคนเดียวเถอะ”
“ไปเลยนะ!”

“ไม่ไป! ถ้าผมไปแล้วใครจะขับรถ”

“ฉันขับเอง!”

บุริศร์กับนรมนกำลังทะเลาะกันอยู่ในรถ

เมื่อบุริศร์เห็นว่าพละกำลังของเธอฟื้นกลับมาแล้ว ก็คว้าตัวเธอไว้แล้วพูดออกมาว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรา ลองกันในป่าดีไหม”

“คนชั่ว!”

ใบหน้าของนรมนเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที

ผู้ชายคนนี้จะเกินไปแล้วนะ!

กวนโมโหเธอแล้ว ตอนนี้ยังจะคิดเรื่องงามหน้า แบบนั้นขึ้นมาอีก!

เหอะ!

นรมนผลักเขาออก ก่อนจะเปิดประตูแล้วลงไป

จากรถ

ลมหนาวพัดมาอีกครั้ง ทำให้เธออดที่จะตัวสั่นไม่

ได้

บุริศร์ลงตามไป จากนั้นก็นำชุดคลุมมาสวมให้เธอ

ตอนแรกนรมนคิดว่าจะโยนเสื้อคลุมของเขาทิ้งไป ด้วยความโมโหแต่หลังจากที่จามไปทีหนึ่ง ก็รีบใช้เสื้อ คลุมของบุริศร์ขอตัวเอาไว้แน่น
เสื้อคลุมที่ผสมด้วยกลิ่นอายของบุริศร์ทำให้เธอ อึดอัดเล็กน้อย ทว่าหัวใจกลับค่อยๆ สงบลง

“ทิวทัศน์ของที่นี่ไม่เร็วเลย”

เธอรู้สึกว่าเมื่อกี้นี้ตนเองทำตัวเหมือนเด็กๆ น่าอาย เกินไปแล้ว ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเริ่มพูดอะไรออกมา ก่อน

บุริศร์ทำได้เพียงกลั้นยิ้ม แล้วพูดออกมาด้วยเสียง ทุ้มต่ำว่า “ใช่ ไม่เลวเลย เหมาะกับการทำสงครามในป่า จริงๆ”

“บุริศร์!”

นรมนรู้สึกว่าบุริศร์นิสัยไม่ดีเอาเสียเลย

เมื่อก่อนเขาไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อย เรียกได้ว่า ความต้องการในด้านนั้นค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งเลยที เดียว ไม่ใช่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจอะไรก็พูดออกมาแบบนี้

บุริศร์ยกยิ้มชั่วร้ายแล้วพูดว่า “คุณปล่อยให้ผม ถือศีลเป็นพระอยู่ห้าปี ตอนนี้ในเมื่อกลับมากินเนื้อสัตว์ ได้แล้วทำไมจะทำไม่ได้”

“พูดอย่างกับว่าคนอื่นไม่ต้องอดทนอดกลั้นอย่าง นั้นแหละ”

นรมนพึมพำเสียงเบา

ทักษะในการฟังของบุริศร์มีความอ่อนไหวโดย ธรรมชาติ เป็นธรรมดาที่เขาจะได้ยิน ทันใดนั้นเขาก็ก้มหน้าลงแล้วถามออกมาอย่างคลุมเครือว่า “เมื่อกี้นี้ดู เหมือนว่าคุณกำลังบ่นอะไรอยู่อย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่าง นั้นให้ผมเติมเต็มคุณตอนนี้เลยไหม”

“ไสหัวไปเลย!”

นรมนรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนผ่าว แม้กระทั่งลม หนาวที่พัดผ่านมาก็ไม่สามารถทำให้อุณหภูมิบน ใบหน้าของเธอเย็นลงได้ ตอนเธอที่คิดจะเลิกสนใจ ผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้แล้วกลับขึ้นไปบนรถ ทันใดนั้นก็ พบว่ามีแสงสีแดงขนาดเล็กปรากฏอยู่บนชายเสื้อของ เธอ

นี่มันอะไรกัน

ใครทำตั้งแต่เมื่อไหร่

นรมนรู้สึกตกตะลึง จึงยื่นมือไปเพื่อจะดึงมันออก มา ทว่าตอนที่บุริศร์มองเห็นของสิ่งนี้ สีหน้าของเขาก็ เปลี่ยนไปทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ