แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1269 พยายามช่วงชิง หรือจะยอมแพ้



บทที่ 1269 พยายามช่วงชิง หรือจะยอมแพ้

“ฉันจะไปเอาหลักฐานมาจากไหน

ปีวราจนปัญญาจริงๆ

บุริศร์กลับยิ้มเย็นชา “ไม่มีหลักฐานก็ตาย เธอเลือกเอา

“ฉัน…ฉันสามารถออกจากที่นี่ไปหาหลักฐานได้ไหม? ”

ปีวรามองบุริศร์อย่างระมัดระวัง กระวนกระวายใจ

คิดไม่ถึงว่าบุริศร์จะพยักหน้า ตอบเบาๆ “ฉันให้สามวัน ถ้า สามวันไม่สามารถหาหลักฐานมาได้ ไม่ว่าเธอจะอยู่ไหน ฉันก็หา เธอเจอ อย่าสงสัยความสามารถของฉัน”

ปีวราอยากจะร้องไห้อีกรอบ

ทำไมเธอถึงได้ไปแหย่เทพสังหารเช่นนี้

“ตอนนี้สภาพร่างกายของฉัน คุณคิดว่าจะคล่องแคล่วภายใน สามวันเหรอ? อย่าพูดถึงหาหลักฐานเลย ฉัน……….

“ลูกน้องของคริชณะไม่ได้เหยาะแหยะไร้ความสามารถ เธอจะ บอกว่าเธอไม่ใช่คนของเขา? ”

บุริศร์พูดแบบนี้ ปีวรายังจะพูดอะไรได้อีก

เธอรีบออกไปจากหมู่บ้านดารายนด้วยร่างกายที่บาดเจ็บ

กมลยืนมองท่าทางจนตรอกของปีวราอยู่ตรงหน้าต่าง พิมพ์กับตัวเอง “ฉันจะยังได้กินของอร่อยอยู่ไหมเนี่ย? ทำไมถึงรู้สึก ว่าผู้หญิงคนนี้ไว้ใจไม่ได้? “

พูดจบก็ส่ายหน้าเดินเข้าไปในห้อง

บริศ เก็บคราบเลือดจากผ้าปูบนเตียง และนำไปให้กับกิจจา “ตรวจ DNA ว่ามีลงทะเบียนบันทึกเอาไว้ไหม สามารถหาตัว ตนของเธอเจอหรือเปล่า”

กิจจางุนงงเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าทันที

หลังจากออกมาจากศาลบรรพบุรุษ ดูเหมือนบุริศร์จะไม่สนใจ คำพูดของเขา ในตอนนั้น และยิ่งส่งเรื่องทุกอย่างให้เขาโดยไม่ ลังเล

กิจจาไม่รู้ว่าตนเองควรพูดว่าดีใจหรือเปล่า ในใจยุ่งเหยิง อย่างยิ่ง

เขาชอบบุริศร์ และรู้ว่าบุริศร์ก็ดีกับเขามา แต่เรื่องของพ่อแม่ก็ ส่งผลกระทบต่อเขาจริงๆ

แต่ก่อนปกปิดไว้อย่างดี หลังจากถูกควันสลบในศาล บรรพบุรุษ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเปิดเผย กิจจาคิดว่าบุริศร์จะเนรเทศ ตนเองออกไปไกลๆ ไม่ปล่อยให้เขาแตะต้องสิ่งสำคัญ แต่กลับ คิดไม่ถึงว่าบุริศร์จะทำอย่างตรงกันข้าม ทำให้เขาสับสนอย่างยิ่ง

“เป็นอะไรไป? มีปัญหาอะไรเหรอ? ”

เห็นแววตาสับสนของกิจจา บุริศร์ไถ่ถามเบาๆ
“ไม่มีปัญหาครับ แต่การตรวจ DNA ต้องใช้เวลาสามวัน เร็ว ที่สุดคือวันครึ่ง ที่นี่ผมไม่มีเครื่องมือ

กิจจาวางความสับสนในก้นบึ้งของหัวใจลง สบตากับบุริศร์

ด้วยแววตาไร้ความหวาดหวั่น พูดไปตามข้อเท็จจริง

บุริศร์ครุ่นคิดสักพักจึงกล่าวว่า “ต้องการเครื่องมืออะไร ทำ รายการให้แด๊ดดี้ เดี๋ยวจะให้คนไปเตรียมให้ อีกหนึ่งชั่วโมง เครื่องมือจะพร้อมใช้งาน

“ครับ”

กิจจาพยักหน้า

บริศร์พูดจบก็หันตัวเดินไป

“แด๊ดดี้!

กิจจากลับเรียกเขาเอาไว้

“หือ?

บุริศร์มองกิจจาด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไรครับ”

กิจจารีบหันหน้าหนี

เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงเรียกบุริศร์เอาไว้ แต่ในขณะนั้นเอง มองดูแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวของบุริศร์ กิจจากเศร้าใจเล็กน้อย

อยู่ดีๆ บุริศร์ก็ยิ้มขึ้นมา พูดเสียงเบา “พักผ่อนเยอะๆ พรุ่งนี้จะพาไปไหว้แดดดี้ของลูก

คำพูดนี้ทำให้นัยน์ตาของกิจจาร้อนผ่าวทันที

“ครับ”

ทั้งสองคนพูดกันแค่นี้

เมื่อบริศ ออกไปจากห้องของกิจจา เห็นนมนมองเขาอยู่ตรง ระเบียงทางเดิน อดไม่ได้รีบเดินเข้าไปหา

“ออกมาทำไม? บอกให้คุณพักผ่อนไม่ใช่เหรอ? ” “เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับกิจจากันแน่? ”

นรมนมีความรู้สึกที่ว่องไว ถึงแม้สองคนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ เธอสัมผัสได้ว่าเหมือนทั้งสองคนมีปัญหาบางอย่าง

บุริศร์หัวเราะ โอบไหล่ของนรมน ตอบอย่างอ่อนโยน ไม่มี

อะไร กิจจามีปมอยู่ในใจ ค่อยๆ คลายออก กาลเวลาจะเป็น

เครื่องพิสูจน์ ความจริงเด็กคนนั้นรู้ดี”

“มีปมในใจ? ปมอะไร ทำไมฉันไม่รู้เลย? ”

นรมนกังวลขึ้นมาทันที

บริศร์ลูบศีรษะของเธอ “ไม่มีอะไรหรอก คุณไม่ต้องเป็นห่วง นี่ เป็นเรื่องระหว่างผู้ชาย พวกเราสามารถจัดการเองได้ โอเค ไหม? ”

“ผู้ชายอะไรกัน?

กิจจาเพิ่งจะห้าขวบ”
นัยน์ตาของบุริศร์ดูเคร่งขรึม

“คิดถึงตรินท์อีกแล้วเหรอ ที่นี่ห่างจากสถานที่ที่เขาพลีชีพไม่

ไกล อยากจะหาเวลาไปดูไหม? ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ บุริศร์ยิ้มทันที “รู้ใจผมจริงๆ ผมเพิ่งจะ พูดแบบนี้กับกิจจา พรุ่งนี้ผมจะพาเขาไปปัดกวาดสุสานของตร

นท์ คุณกับกมลรอพวกเราอยู่ที่นี่ก็ได้

“พวกเราไปด้วยกันเถอะ ถึงยังไงก็เป็นน้องชายของคุณ อีก อย่างพวกเราอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำ

นรมนรู้สึกว่าไม่อยากแยกกับบุริศร์

ที่นี่มีวิกฤตมากมาย ใครจะรู้ว่าหลังจากแยกกันจะเกิดอะไรขึ้น กับพวกเขาอีก ไม่สู้อยู่ด้วยกันดีกว่า หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ยัง สามารถช่วยกันดูแลได้

“อืม”

ในระหว่างที่พูดทั้งสองก็กลับเข้าห้อง

“จริงสิ ลืมบอกคุณไป โพนี่คลอดแล้ว ได้ลูกผู้ชาย น้ำหนัก 3.9 กิโลกรัม ป้องดีใจสุดๆ ไปเลย”

นรมนรีบเล่าเรื่องนี้ให้บริศร์ฟัง

ถ้าไม่ใช่เพราะโพนี่ส่งข่าวดีมาให้เธอ เธอคงไม่ออกไปหาบุรี ศร์ และคงไม่พบว่าบรรยากาศระหว่างบุริศร์กับกิจจาไม่เหมือน เดิม
บุริศร์นิ่งไป จากนั้นพูดอย่างปลื้มอกปลื้มใจ “ในที่สุดป้อง ก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว

“ใช่ พวกเขามีลูกแล้ว ก็นับว่าสมบูรณ์พร้อม

นรมนนึกถึงร่างกายของตนเอง และนึกถึงว่าบุริศร์ทำหมันไป แล้ว จึงอดเสีย ใจไม่ได้

ความจริงเธออยากให้บริศร์ได้สัมผัสความรู้สึกเป็นพ่อคน จริงๆ ในเมื่อตอนนั้นถูกเข้าใจผิดและต้องแยกจากกานต์และ กมล เขาจึงไม่ได้เห็นตอนพวกเขาเกิดและการเติบโตช่วงสี่ปีแรก

นี่เป็นความเสียดายตลอดชีวิตของบุริศร์

สัมผัสได้ว่านรมนเริ่มเศร้า แน่นอนบริศร์รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น บอก ว่าไม่เสียดายก็เสแสร้ง แต่ตราบใดที่ดีต่อสุขภาพของนรมน เขา เสียดายไปก็เท่านั้น

เวลาไม่สามารถย้อนกลับได้ เขาไม่อาจปล่อยให้นรมนเสี่ยง ชีวิตตั้งครรภ์อีกครั้งเพื่อให้ตนเองไม่รู้สึกเสียดาย

“จริงสิ คุณภรรยา ผมคิดว่าคุณมาที่นี่แล้วดูสวยขึ้นนะ

จู่ๆ บุริศร์ก็เอ่ยชมทำให้นรมนงุนงงเล็กน้อย ใบหน้าค่อยๆ แดงขึ้น

“แต่งงานกันมานานแล้ว คุณเหลวไหลอะไรเนี่ย

“ไม่ได้พูดเหลวไหล สวยจริงๆ ไม่เชื่อเข้าไปในห้องสิ ผมจะดูให้ดีเลย”
บริศร์หยอกล้อ อุ้มนรมนขึ้นทันที เดินตรงไปห้องนอน

นรมนคิดจะดิ้น กลับถูกร่างกายอันแข็งแรงของบุริศรกดทับ เอาไว้ ตามมาด้วยจูบรุนแรงและอ่อนละมุนปะทะเข้าใส่

เธอถูกบุริศร์จับถอดเสื้อผ้าอย่างอื่นๆ จากนั้นก็ไม่สามารถ ควบคุมตนเองได้

เช้าวันต่อมา นรมนยังไม่ตื่น บุริศร์ก็ลืมตาขึ้น

เห็นใบหน้านอนหลับที่เงียบสงบของนรมน บุริศร์ค่อนข้างอิ่ม เอมใจ

ชีวิตนี้เขาไม่ต้องการเสาะหาอะไร ความหวังเพียงอย่างเดียว คือทุกวันที่ลืมตาสามารถเห็นท่าทางเงียบสงบของนรมนแบบนี้ก็

พอ

บริศร์จูบหน้าผากของนรมน จากนั้นพลิกผ้าห่มออกลงจาก

เตียง

เขาไปทําอาหารเล็กน้อยในครัว กิจจาเดินออกมาจากห้อง เมื่อเจอกับบริศร์ก็นิ่งไปสักพัก จากนั้นพูดว่า “แด๊ดดี้ อรุณสวัสดิ์ ครับ”

“อรุณสวัสดิ์ รอแด๊ดดี้ทำอาหารเช้าเสร็จ ออกไปวิ่งกันสักสอง

รอบ”

นี่ไม่ใช่น้ำเสียงปรึกษาหารือของบุริศร์ โชคดีที่กิจจากเคยชิน เขาพยักหน้า กลับมาที่ห้องล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกาย

หลังจากบริศ ทําอาหารเสร็จก็ไปอาบน้ำ จากนั้นสวมชุดออก กําลังกาย เมื่อออกมากิจจากรออยู่ที่ประตูแล้ว

“ไปเถอะ”

บริศร์ก้าวนํา

กิจจารีบก้าวตาม

ผ่านไปไม่นานกิจจารู้สึกเหนื่อย แต่มองไปที่บุริศร์อีกครั้ง เขา หายใจปกติ ไม่มีท่าทางเหนื่อยล้าสักนิดเดียว

กิจจาขมวดคิ้ว กลับไม่พูดอะไร และกัดฟันตามไป เหงื่อบน ศีรษะยิ่งไหลเยอะมากขึ้น

บุริศร์เห็นสภาพของกิจจา จู่ๆ พูดขึ้นว่า “ตอนแด๊ดดี้ของลูก เป็นเด็กก็เหมือนกับลูกเลย วิ่งตามตูดแด๊ดดี้ ทุกครั้งเหนื่อยจน ทนไม่ไหว วิ่งไปสักพักก็ไม่วิ่งแล้ว ตอนนั้นจำได้ว่านายทหารครู ฝึกโหดมาก แต่เขายอมถูกลงโทษไม่วิ่งต่อ ตอนนั้นพ่อของแดด คิดว่าเขาไม่มีความสามารถพอ จึงค่อยเป็นค่อยไปไม่ทำให้เขา ลำบากใจ ต่อมาแด๊ดดี้เพิ่งจะรู้ว่า เขาไม่อยากแข่งกับแด๊ดดี้”

กิจจาฟังเงียบๆ

เขาคิดว่าตนเองจะรู้สึกแย่ จนแม้แต่โมโหด้วยซ้ำ แต่กลับไม่มี

ความรู้สึกแบบนั้นเลย

จิตใจของเขาสงบมาก ชัดเจนว่ากำลังฟังเรื่องของพ่อผู้ให้กำเนิดตนเอง แต่กลับเหมือนฟังเรื่องของคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก ไม่สามารถทำให้ในใจเขาเกิดระลอกคลื่นใดๆ

ทําไมถึงเป็นแบบนี้?

กิจจาไม่รู้

บุริศร์เห็นเขาไม่พูดจา จึงหยุดทันที นำผ้าเช็ดตัวที่คอให้เขา เอ่ยถามเสียงเบา “ตอนนี้ให้โอกาสลูกกับกานต์แข่งขันกันอย่าง ยุติธรรม ลูกจะยอมแพ้ไม่แข็งเหมือนแดดดี้ของลูกไหม? ”

กิจจางุนงง

“หมายความว่าอะไรครับ? ”

กิจจามองบุริศร์ด้วยความสงสัย

บุริศร์ยิ้ม “ตอนนี้สถานการณ์ของแด๊ดดี้แค่เพียงชั่วคราว จะ ต้องชะล้างความคับข้องใจที่สะสมไว้ออกไปได้อย่างแน่นอน เมื่อ จัดการเรื่องของหมู่บ้านดารายนเสร็จ ลูกกับกานต์ต่างเป็นเด็กที่ มีความโดดเด่นที่สุดของตระกูลโตเล็ก แด๊ดดี้รู้ว่าลูกอยากเรียน หมอ ไม่สนใจเรื่องทำธุรกิจ แต่ถ้าสามารถให้โอกาสลูกสอบ แพทย์ทหารได้ล่ะ? กิจจา ลูกควรจะรู้ว่า จบการศึกษาจาก โรงเรียนทหารและเกณฑ์ทหารเป็นสองแนวคิด โดยทั่วไป ครอบครัวอย่างพวกเราจะส่งไปได้เพียงคนเดียว ดังนั้นลูกอยาก จะยอมแพ้? หรือจะพยายามช่วงชิง? ”

คิ้วของกิจจาขมวดเบาๆ

เขารู้สึกว่าบุริศร์ทำให้เขาลำบากใจ
เขาเพิ่งจะห้าขวบ

การพิจารณาเรื่องนี้ในตอนนี้จะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ และถึงแม้ จะมีเพียง โควตาเดียว ก็ยังมีเวลาอีกหลายปี ทุกอย่างมีความ เป็นไปได้

“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้กำลังทำให้ผมลำบากใจ

นัยน์ตาของกิจจามีความไม่พอใจ

บุริศร์กลับมองเขาอย่างจริงจัง “แด๊ดดี้ไม่ได้กดดันลูก แค่จํา สิ่งที่ลูกเคยพูดได้ ลูกบอกว่าตอนนี้ลูกรู้สึกเหมือนต้องพึ่งพาคน อื่น ในเมื่อต้องพึ่งพาคนอื่น ก็ควรวางอนาคตให้ตนเองล่วงหน้า ไม่ใช่รึไง? ดังนั้นกิจจา แด๊ดดี้หวังว่าลูกจะสามารถตอบได้อย่าง จริงจัง พยายามช่วงชิง? หรือว่ายอมแพ้

คิ้วของกิจจาขมวดแน่น

ยอมแพ้เหรอ?

เขาไม่คิดอย่างนั้น

เขารู้ ถึงแม้มิลินจะถูกเรียกว่ายมราช แต่ชีวิตของเธอล้มลุก คลุกคลานมากเกินไป วิชาทางการแพทย์ทั้งหมดที่เรียนมาไม่ได้ ทำเพื่อให้บริการประชาชนทั่วไปทั้งหมด ถ้าให้เขาเลือก เขาไม่ หวังเป็นเพียงคุณหมอธรรมดา เขาอยากสอบเข้าโรงเรียนทหาร อยากเป็นแพทย์ทหาร และกลายเป็นนายทหารคนหนึ่ง เพื่อเติม เต็มความฝันของพ่อผู้ให้กำเนิด

แต่ให้เขาแข่งขันกับกานต์ กิจจาสองจิตสองใจ
ในสมองของเขาปรากฏภาพทั้งหมดของกานต์ที่เคยทุ่มเทเพื่อ เขาไม่หยุด ถ้าเขาแย่งโควตานี้ไป กานต์จะทำอย่างไร? ชีวิตนี้กิจจาไม่ต้องการทอดทิ้งและผิดใจกับพี่น้อง!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ