แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 106 แน่นอนว่าทำให้รู้สึกอายอยู่บ้าง



บทที่ 106 แน่นอนว่าทำให้รู้สึกอายอยู่บ้าง

“อ้า!”

นรมนตะโกนตกใจไปครั้งหนึ่ง ร่างกายถูกบุริศร์กอดไว้

เป็นที่เรียบร้อย

ตอนที่ทั้งสองร่างสัมผัสโดนกัน ความรู้สึกที่หายไปนาน กลับมาโจมตีกันอีกครั้ง ทำให้ทั้งสองคนแข็งที่อไปชั่วขณะ

ทันที

ที่จริงบาดแผลของบุริศร์นั่นปวดจนทนไม่ไหว แต่ใน เวลานี้ ถึงแม้จะปวดก็ไม่มีความหมาย

เครื่องบินยังคงสั่นอยู่ คนด้านหน้าอย่างพฤกษ์รีบพูดขึ้น

“ประธานบุริศร์ มีหลุมอากาศ เครื่องบินจึงสั่นเล็กน้อย พวกคุณ….”

คำพูดของเขายังไม่ทันจบ ก็หันไปเจอสองคนที่กอดกัน อยู่อย่างบุริศร์กับนรมน รีบปิดปากและกลายเป็นคนใบ้ต่อ ไป แต่ว่าคำพูดของเขาก็ทำให้บุริศร์และนรมนรีบผลักออก จากกัน

แน่นอนว่าบุริศร์รู้สึกไม่อยากจะทำ อีกทั้งยังเป็นพระมา ถึงห้าปี วันนี้คนที่เขากอดเป็นภรรยาของเขา แต่เขากลับ ทำอะไรไม่ได้ และก็ไม่กล้าที่จะทำ

นรมนรู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง รีบนั่งที่ตัวเองอย่างดีและ ยังคาดเข็มขัดให้ตัวเอง
หากไม่ใช่เพราเธอมาทำแผลให้บุริศร์ ก็ไม่มีทางลืมเรื่อง รัดเข็มขัด วันนี้เกิดเรื่องที่ทำตัวไม่ถูกแบบนั้น แน่นอนว่า ทำให้รู้สึกอายอยู่บ้าง

ในตอนนี้ทั้งสองคนไม่มีอะไรจะพูดกันแล้ว

บรรยากาศดูแปลกๆอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าพฤกษ์ก็ไม่ได้ พูดอะไรในตอนนี้

เครื่องบินบินมาชั่วโมงกว่าก็ถึงเมืองชลธี

ตอนที่ลงจอดที่เมืองชลธี ก็มองออกว่านรมนดูรีบร้อน และตื่นตระหนกอยู่บ้าง

บุริศร์สวมเสื้อนอกเสร็จเก็บเรื่องที่ตัวเองบาดเจ็บไว้ หลายปีมานี้ตระกูลโตเล็กในเมืองชลธีถึงแม้จะไม่เป็นรอง ใคร แต่ว่าก็ทำให้บางคนอิจฉาและมีศัตรูไม่น้อย หากว่า เรื่องที่ร่างกายของบุริศร์ไม่ดีรั่วออกไป คิดว่าต้องมีคน มากมายที่อยากได้ชีวิตของเขาในตอนนี้

หากว่าบุริศร์ตายไปแล้ว ตระกูลโตเล็กก็ถึงจุดจบ ธุรกิจ พวกนั้นก็จะถูกตระกูลอื่นเอาไป

ความจริงนั้นมันโหดร้าย

บุริศร์สวมเสื้อนอกเรียบร้อย ตอนนี้นรมนทนไม่ไหวที่จะ ลงจากเครื่องแล้ว

อากาศภายนอกดูหดหู่เล็กนอย ทำให้คนรู้สึกไม่ค่อย

สบายและกดดัน

หลังจากบุริศร์ลงจากเครื่อง ก็จับมือของนรมนไว้แน่นๆพูดเสียงต่ำ “อย่าตื่นเต้น ทั้งหมดยังมีฉัน”

นรมนอยากที่จะดึงมือตัวเองกลับ แต่ว่าบุริศร์จับไว้แน่น มาก เธอทำเพียงปล่อยให้เขาทำตามใจ

พฤกษ์ได้จัดเตรียมรถรอพวกเขาไว้ตั้งแต่แรก

หลังจากลงจากเครื่อง บุริศร์และนรมนก็เดินไปขึ้นรถ รีบ เดินทางไปที่ตระกูลธนาศักดิ์ธน

เส้นทางนี้แปดปีแล้วที่นรมนไม่ได้กลับมา

ตอนที่เพิ่งแต่งงานเข้าตระกูลโตเล็ก นรมนพยายามที่จะ กลับไปแก้ไขความสัมพันธ์กับพ่อแม่ แต่ก็ถูกพ่อไล่ออกมา แม่ก็แทบไม่อยากเจอและพอเธอกลับไปก็ทำให้แม่ป่วย หนักเกือบเสียชีวิต หลังจากครั้งนั้นทำให้นรมนไม่กล้าที่จะ กลับไป

ทุกครั้งเธอจะแอบมาดูแม่ตอนออกมาซื้อผักหรือเดินไป มา รวมถึงแอบซื้อของลับๆ ให้คนรับใช้ไปมอบให้พ่อแม่ใน ชื่อต่างๆ แต่ว่าเรื่องนี้ก็ถูกพ่อแม่จับได้และนำของที่เธอซื้อ ให้ไปทิ้ง แถมยังพูดออกมาว่าไม่มีลูกสาวแบบเธอ

นรมนแอบร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีวิธีใด ทิฐิของ พ่อแม่เป็นสิ่งที่เธอเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แถมตอนนั้นเธอก็ไม่ กล้าที่จะไปรบกวนบุริศร์ ให้เขามาช่วยคลายความสัมพันธ์ นี้

หลังจากนั่นเธอก็ได้รู้เรื่องที่ตัวเองท้อง เธอมีความสุขจน อยากที่จะกลับไปบอกแม่ หวังว่าจะใช้ข้ออ้างเรื่องเด็กใน ท้องทำให้พ่อแม่ยอมรับตัวเอง คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันได้พูดทั้งหมดออกไป ก็ถูกฝังอยู่ในเปลวไฟ นี่ก็ห้าปีแล้ว

เวลาผ่านไปแปดปีแล้ว เธอไม่รู้ว่าผมของพ่อแม่นั่นขาว ไปขนาดไหนและก็ไม่รู้ว่าร่างกายของท่านทั้งสองดีหรือไม่

ความคิดทั้งหมดของนรมนต่างเกี่ยวกับพ่อแม่ มองดูถนน ที่คุ้นเคย อดไม่ได้ที่ตาจะลื่นขึ้นมาเล็กน้อย

บุริศร์เห็นเธอที่ดูเจ็บปวดแบบนั้นจึงกางแขนไปโอบไหล่

เธอ

นรมนขัดขืนแต่ก็แกะไม่ออก ตอนที่กำลังคิดอาละวาด ก็ได้ยินบุริศร์พูด “ขอโทษ ตอนนั้นทำให้เธอน้อยใจ แต่งงานมาสามปี ฉันทำแต่งาน แทบไม่ได้คิดถึงความ ปรารถนาของเธอต่อพ่อแม่และก็ไม่ทันได้กลับไปขอให้พ่อ

แม่ยกโทษให้เป็นเพื่อนเธอ เป็นฉันทำหน้าที่สามีบกพร่อง” เดิมทีนรมนไม่คิดว่าบุริศร์จะพูดเรื่องพวกนี้และก็รู้สึกว่า ความน้อยใจพวกนั้นของเธอเป็นสิ่งที่แลกมา ใครให้ตอน นั้นเธอรักผู้ชายคนนี้ล่ะ?

เพื่อผู้ชายคนนี้เธอต้องยอมเสียทุกอย่างไป

แต่ว่าผ่านมาตั้งหลายปี ตอนที่เธอได้ยินบุริศร์พูดเรื่อง พวกนี้ จมูกของนรมนรู้สึกแสบ น้ำตาก็กลั้นไว้ไม่ไหวและ ไหลออกมา

“เด็กดี อย่าร้องเลยเป็นความผิดของฉัน หากเธอรู้สึก น้อยใจตีฉันว่าฉันได้หมด แค่อย่าร้อง น้ำตาของเธอมัน เหมือนมีดที่แทงมาในใจของฉัน”

บุริศร์พูดเสียงเบาปลอบเธอ
พฤกษ์รู้สึกว่าตาของตัวเองใกล้จะบอดแล้ว

เขาติดตามบุริศร์มาตั้งหลายปี ตอนไหนกันที่เห็นบุริศร์ อ่อนโยนกับผู้หญิงแบบนี้? อีกอย่างคำพูดพวกนั้นเป็นบุริ ศร์พูดจริงๆหรือ?

พฤกษ์ไม่กล้าที่จะเชื่อ

ราวกับว่านรมนนั้นน้อยใจจนมาถึงขั้นสุดแล้ว ได้ยินบุรี ศร์พูดแบบนั้น ก็ไม่ได้เสแสร้งและยิ่งไม่คิดจะบังคับตัวเอง ริมฝีปากกัดลงมาที่ไหล่ของบุริศร์

“ชี้ด…”

กัดของนรมนไม่ได้รีบร้อน บุริศร์ก็เตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็ อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมาครั้งหนึ่ง ร่างกายเกร็งขึ้นมา อย่างไม่รู้ตัว แต่ว่าไม่นานเข้าก็สังเกตุเห็นว่าฟันของนรมน ยังไม่ได้คลายจากเนื้อผิวที่หนาของตัวเอง อย่างน้อยให้บุริ ศร์ได้กัดก็ดีแล้ว

คิดถึงตรงนี้ บุริศร์ก็ปล่อยวางร่างกายลง ปล่อยให้นรมน กัดตัวเอง

ความน้อยใจหลายปีมานี้ของนรมนเหมือนต้องการยืม การกัดนี้เพื่อแสดงออกมา กัดไปอย่างไม่เกรงใจ ไม่นานใน ปากก็มีกลิ่นคาวเลือด มาพร้อมหยดน้ำตาของเธอ เค็มๆพูด ไม่ออกว่าเป็นรสชาติแบบไหน

ก่อนหน้านี้บุริศร์ไม่มีทางที่จะรักเธอแบบนี้

ถึงแม้นรมนไม่อยากที่จะยอมรับ แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ หลังจากที่เธอกลับมาครั้งนี้ บุริศร์เปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปจนทำให้เธอรู้สึกไม่รู้จักอยู่บ้าง เปลี่ยนไปจนทำให้ไม่มีทาง ควบคุมหัวใจของตัวเอง

เธอปล่อยบุริศร์ออกอย่างรำคาญอยู่บ้าน และก็ผลักเขา

ออกไป

บุริศร์อยากที่จะไปเช็ดน้ำตาให้เธอ กลับถูกนรมนผลัก

ออกไปอีกรอบ

“อย่ามาโดนตัวฉัน!”

เห็นได้ชัดว่าประโยคนี้ดูขับไล่อยู่บ้าง เธอยังคงไม่ได้ ปล่อยความโกรธออกมาจนหมดและไม่รู้ว่าเธอกำลังโกรธ อะไรอยู่

บุริศร์ถอนหายใจเบาๆ และยังคงบังคับเธอให้มาอยู่ใน อ้อมกอด อดไม่ได้ที่จะเช็ดน้ำตาให้เธอและพูดเสียงเบา “เธอร้องไห้ไปเจอพ่อแม่แบบนี้ ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะจำ เธอไม่ได้ แต่ว่าเธอจะไปพบพวกท่านด้วยสภาพแบบนี้หรือ ไง?”

ประโยคนั้นทำให้นรมนสงบลงมา

เธอคิดถึงภาพตอนที่จะได้กลับมาเจอพ่อแม่อีกครั้งนับ ไม่ถ้วน กลับไม่รู้ว่าควรบอกไม่บอกว่าตัวเองคือลูกสาวของ พวกเขา วันนี้มองดูบ้านที่อยู่ด้านหน้า เธอก็รู้สึกยิ่งใกล้ บ้านจิตใจยิ่งไม่สงบ

“หลายปีนี้พวกท่านอยู่กันสบายดีไหม?” นรมนไม่คิดจะถามบุริศร์ แต่จิตใต้สำนึกกลับถามไป
บุริศร์พูดอ่อนโยน “ไม่ดีไม่แย่ ห้าปีก่อนเธอประสบ อุบัติเหตุกะทันหัน พวกท่านสองคนเกือบที่จะตามไปด้วย แล้ว แต่ว่ายังดีที่ต่อมายังคงอยู่ต่อไปได้ ตอนนี้พวกท่าน ปล่อยวางเรื่องในอดีตมาไม่น้อย หากเธอไปบอกพวกท่าน ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ไม่แน่ว่าพวกท่านอาจจะยอมรับเธอ อย่างมีความสุขก็เป็นไปได้”

นรมนกลับไม่กล้ามองในแง่ดีขนาดนั้น

พ่อแม่เป็นคนแบบไหนเธอรู้ดีสุด ผลลัพธ์แบบนี้ในวันนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่เธอต้องกลับอังกฤษ ยิ่งไม่เหมาะที่จะให้ พ่อแม่รู้เรื่องที่เธอต้องการจะทำ ไม่อย่างนั้นยากที่จะรับ ประกันว่าพ่อแม่จะตำหนิเธออีกครั้งหรือไม่

ที่จริงในสายตาของพ่อแม่ ชีวิตของใครก็สำคัญหมด นรมนไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องหนักใจ

บุริศร์กลับรู้สึกว่าการกลับมาครั้งนี้ของนรมน เก็บเรื่อง ภายในใจไว้มากมาย แต่อย่างไงเธอก็ไม่พูดอะไรแถมตัว เองสืบหาอะไรก็ไม่เจอ

เขาทำเพียงถอนหายใจ อยากที่จะพูดอะไรออกมา แต่

ที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยออกไป

ตอนที่รถขับมาอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ของตระกูลธนาศักดิ์ ธน ตาของนรมนก็ชื่นขึ้นมาอีกครั้ง

นี่เป็นที่ที่เธอเติบโตมาตั้งแต่เด็กจนโต เป็นสถานที่ที่เธอ ใช้ชีวิตมาเกือบยี่สิบกว่าปีได้ เธอเคยเป็นอัญมณีล้ำค่าบน มีอของพ่อแม่มาก่อนวันนี้หน้าตากลับกลายมาเป็นแบบนี้แล้ว

ต่างพูดกันว่ารูปร่างผิวพรรณต่างได้รับมาจากพ่อแม่ เธอ ในวันนี้ใบหน้าไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อยยืนอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ เธอจะมีความกล้าแบบนั้นหรือไง?

อยู่ดีๆนรมนก็รู้สึกขี้ขลาดขึ้นมา เธอจับไปที่พนักแขน ของรถอย่างแน่นจนมือค่อยๆซีด รวมถึงร่างกายก็สั่นขึ้นมา เล็กน้อย ดวงตาทั้งสองจ้องมองไปทางหน้าประตู แต่ว่าขา ทั้งสองเหมือนเต็มไปด้วยตะกั่ว ไม่สามารถที่จะขยับได้สัก นิด

แน่นอนว่าบุริศร์สามารถเข้าใจได้ถึงความรู้สึกยิ่งใกล้ บ้านจิตใจยิ่งไม่สงบของเธอดี

เขากุมมือของนรมนแน่นๆ

ความร้อนของร่างกายทำให้นรมนดึงสติกลับมา

ในสายตาของเธอมีทั้งความสับสน ขี้ขลาด ตื่นเต้นและก็ มีความซับซ้อนที่พูดไม่ได้

ใจของบุริศร์รู้สึกถูกรัดแน่น

เขาดึงนรมนเข้ามาในอ้อมกอด พูดเสียงเบา “จำไว้ ตอน นี้เธอเป็นแคทเธอรีเลขาส่วนตัวของฉัน เธอเป็นเพียงเพื่อน สนิทของนรมน เธอใช้ฐานะเพื่อนสนิทของนรมนถึงได้มา เยี่ยมพวกท่านสองคน มีแต่เธอบอกกับตัวเองแบบนั้น ตัว เธอเองถึงจะไม่ตื่นเต้น ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เธอ ถึงไม่ยอมเผยตัวกับพวกท่านไป แต่ในเมื่อเธอตัดสินใจทำ แบบนี้ ฉันก็จะช่วยเธอ”
ใจของนรมนยิ่งซับซ้อนมากกว่าเดิม

บุริศร์ไม่ใช่คนโง่กลับกันเขาฉลาดจนทำให้คนกลัว เพียง เข้ามองแค่แวบเดียวก็มองออกแล้วว่าตัวเองไม่อยากที่จะ บอกฐานะของตัวเองออกไป แต่กลับไม่ถามแถมยังมอบ ความอบอุ่นและสนับสนุนที่เธอไม่เคยมีมันมาก่อน

นรมนไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรดีเดินตามบุริศร์ลงรถ อย่างแข็งที่อ ก้าวเดินที่ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเดินไปทาง ตระกูลธนาศักดิ์ธน

คนขับรถของตระกูลธนาศักดิ์ธนยังคงเป็นลุงต้นคนเดิม

ตอนนี้อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว แต่ว่าพ่อนรมนก็ไม่ได้เปลี่ยน

คนเห็นเขาที่เป็นคนเก่าคนแก่คนหนึ่ง

นรมนมองดูลุงต้นที่กำลังขนกระเป๋าของพ่อแม่แต่ ร่างกายก็ไม่สู้เมื่อก่อนแล้ว ดูเชื่องช้าอยู่ไม่น้อย

มองดูร่างกายที่ทรุดโทรมของเขา ขอบตาของนรมนก็ เริ่มแดงเล็กน้อย

เธออยากเดินไปเรียกลุงต้นครั้งหนึ่ง แต่เหมือนเสียงจะ ถูกบางอย่างอุดเอาไว้แบบนั้น แม่แต่อักษรหนึ่งก็พูดไม่ ออก

บุริศร์จับมือของเธอแน่นๆจับอย่างแรงมาก จึงทำให้นร มนสามารถดึงสติของตัวเองกลับมาได้

ตอนนี้เธอยังเผยตัวไม่ได้! เธอไม่สามารถพูดอะไรได้
เธอในแบบนี้เห็นได้ชัดว่ากดดันอย่างมาก เธอทำได้ เพียงเดินตามบุริศร์ในแต่ละก้าวๆไปยังตระกูลธนาศักดิ์ธน แถมตาของนรมนก็แดงในพริบตาเมื่อเห็นคู่สามีภรรยาเดิน มาอยู่ตรงหน้า


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ