แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 1168 ได้แต่งงานกับขวัญตา ชีวิตของฉันก็สมบูรณ์ แล้ว



บทที่ 1168 ได้แต่งงานกับขวัญตา ชีวิตของฉันก็สมบูรณ์ แล้ว

เจตต์ได้ยินขวัญตาพูดแบบนี้ ก็รีบพูดเอาตัวรอด “ถ้างั้นสะใภ้ บอกว่าแบบไหนก็แบบนั้นแหละ ถึงผิดยังไงก็คือถูก

“อือ ค่าพูดนี้ไม่เลว”

หลังจากรู้แล้วว่าพ่อไม่เป็นอะไร ขวัญตาก็อารมณ์ดีขึ้นอย่าง มาก ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเจตต์กับบุริศร์ทำอะไรไป แต่ตอนนี้พ่อเธอ บอกว่าไม่เป็นอะไรก็คือไม่เป็นอะไร

เธอมองเจตต์ด้วยสายตาซาบซึ้งและขอบคุณ

ดีจริงๆ เลย

ได้แต่งงานกับผู้ชายคนนี้ และอีกอย่างก็ได้เดินร่วมทางกันมา จนถึงจบพิธีแต่งงานที่เธอห่วงที่สุดในชีวิต เธอดีใจจริงๆ

คุณท่านสุรเชษฐเห็นสิ่งที่เจตต์และขวัญตาปฏิบัติต่อกันและ กันแล้วนั้น ก็ตกอยู่ในภวังค์โดยไม่รู้ตัว

ระหว่างนั้นคล้ายกับว่าเขาจะเห็นภาพภรรยาของตนเองซ้อน ขึ้นมารางๆ
เวลานั้นเธอก็ปลื้มปีติยินดีเช่นนี้ที่ได้แต่งงานกับเขา เฝ้ารอวัน ที่ลูกหลานจะเต็มบ้าน แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีโชค ไม่มีโอกาส ได้เห็นขวัญตาสวมชุดแต่งงานออกเรือนในวันนี้

คุณท่านสุรเชษฐลากมือของขวัญตามา พร้อมกับมองไปที่เจต ต์ “เจตต์ ลูกสาวของฉันฉันรู้ดี เธอโดนฉัน โอ้จนเสียคนมาตั้งแต่ เด็ก อาจจะมีบางทีที่เอาแต่ใจบ้าง ดื้อรั้นบ้าง นายกอภัยให้ เยอะๆ ลูกสาวฉันมองโลกตามความจริง แต่ก็มีขีดจำกัดเช่นกัน เธอเป็นเด็กดีคนหนึ่ง ถ้าหากวันไหนที่นายไม่รักเธอแล้ว ขอร้อง ว่าอย่าทําร้ายเธอ เพียงแค่โทรมาบอกฉัน ฉันจะมารักเธอกลับ บ้านเอง รับรองได้ว่าจะไม่ทําให้นายลำบาก”

คำพูดนี้ทำให้ขวัญตาร้องไห้สะอื้นหนักทันที

“พ่อ…”

“เด็กดี ไปอยู่บ้านสามีแล้วจะเอาแต่ใจตัวเองแบบเดิมไม่ได้ แล้วนะ ต้องเคารพเชื่อฟังพ่อสามี เจตต์เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง อย่าหาเรื่องมาให้เขาลำบากใจบ่อยนัก งานแต่งงานคือความ ปรารถนาที่จะจัดขึ้น ทุกคนแต่งงานกันก็เพราะว่าความรัก แต่ เมื่อวันเวลาผ่านไป ผ่านไป กลับปล่อยให้ใจเริ่มห่างกันไม่รู้ว่า เป็นเพราะอะไร ไม่ใช่เพราะว่าวันเวลาที่ทำให้ความตื่นเต้น เร้าใจของพวกเธอหายไปแต่เป็นเพราะเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ยอมพูดคุยเคลียร์กันต่างหาก ที่ ค่อยๆ สะสมกันจนเกิดเป็นความคับใจ จึงทำให้ความรักที่หวาน ในแปรเปลี่ยนไปเช่นนี้ เด็กน้อยเอ่ย ไม่ว่าใจลูกจะคิดยังไง ไม่ว่า ลูกจะโกรธขนาดไหนก็ต้องสื่อสารพูดคุยกันกับเขา เพียงแต่ต้อง คุยกันให้ดีแล้วพวกลูกจึงจะผ่านไปได้ดี หากมีวันไหนที่ลูกไม่ สามารถข้ามผ่านไปได้จริงๆ แล้ว ไม่ต้องกลัว! ลูกยังมีพ่อ! ลูกยัง มีครอบครัวฝั่งนี้ เพียงแค่ลูกกลับมา ไม่ว่าลูกจะโตขนาดไหนลูก ก็ยังเป็นเด็กในใจพ่อเสมอ

คำพูดของคุณท่านสุรเชษฐรอบนี้ทำให้จิตใจของคนเป็นพ่อที่ มีลูกสาวที่อยู่ในงานนั้นเริ่มอยู่ไม่สงบ

ว่ากันว่าการแต่งงานมีลูกนั้น บ้านฝ่ายชายจะยินดี บ้านฝ่าย หญิงจะเป็นทุกข์ ประโยคนี้ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย

เป็นอีกครั้งที่ขวัญตาอดไม่ไหวที่จะวิ่งไปกอดคุณท่านสุรเชษฐ

พร้อมร้องไห้ออกมาไม่หยุด

เจตต์นั้นซาบซึ้งเป็นอย่างมาก

เขาคุกเข่าทั้งสองข้างลงต่อหน้าคุณท่านสุรเชษฐ

“พ่อครับ พวกเราตระกูลรัตติกรวรกุลผมเป็นคนรับผิดชอบ ดูแล พ่อของผมก็ได้ไปเที่ยวรอบโลกแล้ว ไม่อยู่บ้าน ไม่สามารถอยู่พูดแบบนี้ในฐานะพ่อสามีได้ จากวันนี้ เป็นต้นไปพ่อคือพ่อของผม ผมจะปฏิบัติต่อพ่อเหมือนพ่อแท้ๆ และเคารพรักพ่อแบบที่ขวัญตารัก ว่ากันว่าลูกเขยก็คือลูกชาย จากวันนี้เป็นต้นไปผมยินดีที่จะเป็นลูกชายพ่อครับ ถ้าหากใน อนาคตมีวันไหนที่ผมทำผิดหรือเดินทางผิด ขอให้พ่อสั่งสอนผม เหมือนกับที่สอนลูกพ่อ ส่วนขวัญตา ผมเจตคนนี้เอาชีวิตเป็น ประกัน ถ้าผมยังมีชีวิตอยู่ ขวัญตาอยู่บ้านใช้ชีวิตแบบไหน อยู่ที่ ตระกูลรัตติกรวรกุลก็จะเป็นเช่นนั้น จุดนี้ขอให้พ่อสบายใจได้ ถ้า หากว่าพ่อไม่สบายใจจริงๆ สามวันผมจะพาขวัญตากลับมา เยี่ยม ของเพียงแค่พ่อไม่รังเกียจพวกเราก็พอ”

คำพูดของเจตต์แสดงความหมายลึกซึ้งและชัดเจนทุกอย่าง ขวัญตาและคุณท่านสุรเชษฐตะลึงทั้งคู่

จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร?

นี่จะไม่กลายเป็นว่าฝ่ายชายมาอยู่บ้านฝ่ายหญิงเหรอ?

แม้จะไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น แต่ถ้ามีคนเอาเรื่องนี้ออกไป พูดก็คงจะไม่น่าฟังเท่าไหร่

แม้เจตต์จะไม่ใช่คุณชายทั้งสี่ของเมืองชลแต่ตำแหน่งในเมืองชลธีนั้นก็นับว่าเป็นที่รู้จักของทุกคน ตอนนี้ ถ้าหากบอกทุกคนว่ามีคนที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลเช่นนี้แต่งงาน และย้ายเข้ามาอยู่บ้านตระกูลปวนะฤทธิ์ฝั่งเจ้าสาวเช่นนี้ คงจะดู ผิดธรรมดาไปหน่อย?

ขวัญตายังคงตกตะลึง

เธอดูออกว่าเจตคิดเช่นนั้นจริงๆ ไม่ได้กำลังแสดง ชั่วพริบตานั้นดวงตาของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “เจต!”

เจตต์ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน

คุณท่านสุรเชษฐได้ฟังเพียงเท่านี้ ยังจะมีอะไรให้น่าห่วงได้อีก

ล่ะ

“เรื่องกลับมาอยู่นั้นช่างมันเถอะ หนุ่มสาวสมัยนี้ฉันเข้าใจดี มาอยู่กับคนแก่อย่างฉันนั้นก็คงจะไม่เป็นอิสระเท่าไหร่นัก ฉันรู้ว่า พวกเธอมีทรัพย์สินมากมาย อีกทั้งคุณท่านตนวรยังยกบ้านอีก หลังให้พวกเธอไว้เป็นเรือนหอใช่ไหม? ฉันคงไม่ให้พวกเธอกลับ มาอยู่หรอก เพียงแค่ตอนที่พวกเธอว่างแล้วกลับมาหาฉันบ้างก็ พอแล้ว”
เจตต์ยิ้มพร้อมพูด “พ่อครับ พ่อกลัวผมกลับมากินข้าวบ้านพ่อ แล้วไม่จ่ายเงินเหรอ? ไม่ต้องกังวล ผมจะจ่ายค่าอาหารทั้งหมด เอง”

ประโยคนี้เต็มไปด้วยความหยอกล้อ แต่คุณท่านสุรเชษฐ ออกว่าเจตต์นั้นอยากจะกลับมาอยู่ที่นี่กับขวัญตาจริงๆ

ตอนนั้นเองในใจของคุณท่านสุรเชษฐรู้สึกตื่นเต้นมาก ถ้าเกิดว่าเลือกได้ ใครจะอยากให้ลูกสาวแต่งงานออกจาก บ้านกัน?

เลี้ยงดูฟูมฟักมาตั้งยี่สิบกว่าปี แต่เพียงชั่วข้ามคืนก็กลายเป็น สะใภ้บ้านอื่นแล้ว ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยแถมยัง ไม่รู้ว่าจะสามารถปรับตัวได้ไหม จะเข้ากับทางฝั่งครอบครัวฝั่ง สามีได้หรือเปล่า จะเหงาไหม?

เรื่องน่ากังวลใจพวกนี้ คนเป็นพ่อที่ไหนจะไม่ห่วงบ้างล่ะ?

แต่ถ้าหากลูกสาวพาลูกเขยเข้ามาอยู่บ้านตัวเองล่ะก็ การใช้ ชีวิตของลูกสาวก็จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย รอบข้างก็ ล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่คุ้นเคย สำหรับลูกสาวแล้วคงจะดีที่สุด

แต่น้อยนักที่จะมีผู้ชายยอมทำแบบนี้
สายตาที่คุณท่านสุรเชษฐมองไปที่เจตต์นั้นแตกต่างออกไป เล็กน้อย

“พวกเธอนั้นก็มีบ้านอยู่เป็นของตัวเองไม่ใช่เหรอ?”

“ตอนนี้ยังคงปรับปรุงตกแต่งอยู่นะ? ผมกับขวัญตายังคิดไม่ ออกว่าจะตกแต่งออกมาเป็นแบบไหนดี คอนโดผมก็ยังไม่ได้ จัดการเก็บกวาด วันนี้คงกลับไปอยู่บ้านเก่าของตระกูลผมก่อน ชั่วคราว แต่ว่าบ้านเก่าของตระกูลผมนั้นเป็นที่ไว้สำหรับให้พ่อ ผมอยู่ในตอนเกษียณ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าพ่อจะกลับมาตอนไหน แต่มันคงไม่ดีถ้าจะทำให้พ่อผมรู้สึกว่าตัวเขานั้นไม่มีบ้านให้กลับ ใช่ไหม? ดังนั้นผมกับขวัญตาคงต้องกลับมาขอความเมตตาจาก พ่อตาแล้วล่ะครับ”

เจตต์พูดแบบไม่ปล่อยให้มีช่องโหว่

ขวัญตาเพิ่งจะพบว่าเขาจริงจังจริงๆ เวลานี้จึงไม่รู้ว่าควรจะ พูดอะไรดี

รอบข้างนั้นพากันร่วมยินดีที่คุณท่านสุรเชษฐได้ลูกเขยดีแบบ

ครั้งนี้คุณท่านสุรเชษฐยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่สุขสราญ “ขอให้ความสุขนี้ส่งกลับคืนสู่ทุกคนเช่นเดียวกัน วันนี้อีกชั่วครู่จะไปโรงแรมแล้ว ขอให้ทุกคนทานดื่มกัน ได้เต็มที่เลยนะ ตระกูลปวนะฤทธิ์ขอขอบคุณทุกคนมากที่มากัน ในวันนี้”

รอบข้างนั้นมากมายไปด้วยความปลื้มปีติ ยินดี

ช่างแต่งนั้นพยายามจะแอบออกไปแบบเงียบๆ แต่พอถึง ประตูก็มีคนมาขวางทางไว้ จากนั้นก็ปิดปากเธอแล้วลากเธอออก ไป

นรมนมองไปรอบๆ ตัว พร้อมกวักมือเรียก แล้วก็มีช่างแต่ง หน้าคนใหม่มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ

“เข้าไปแล้วแต่งหน้าให้เจ้าสาว ทำให้ดีๆ อย่าให้ผิดหวังล่ะ” ช่างแต่งหน้ารีบพยักหน้า สายตานั้นเต็มไปด้วยความดีใจ

ไม่ว่าจะเป็นเจตต์หรือบุริศร์ที่ให้เงิน ยังไงพวกเขาก็ล้วนเป็นผู้

มีอำนาจในเมืองชลธีทั้งคู่ ตราบใดที่เธอทำได้ดี ก็ไม่ต้องกังวล

ว่าหลังจากนี้จะมีธุรกิจหรือไม่?

เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้รับโอกาสดีๆ เช่นนี้

ช่างแต่งหน้าเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่ช่างแต่งหน้าคน เก่าเคยยืนอยู่

เพราะว่าช่างแต่งหน้านั้นเป็นเพียงบทบาทเล็กๆที่ไม่ได้มีใครมาสนใจมากนักในวันสำคัญเช่นนี้ ดังนั้นการ เปลี่ยนตัวนี้จึงเป็นไปได้อย่างสงบ

เจตต์และขวัญตาค่านับคุณท่านสุรเชษฐแล้วเจตต์ก็อุ้มขวัญตา ขึ้นแล้วออกประตูบ้านไป

เสียงประทัดและปืนด้านนอกนั้นดังกึกก้องทะลุฟ้า ทั้งยังมี เสียงเครื่องดนตรีที่เป่าดังผสมกันขึ้นมาอย่างครึกครื้น

ขวัญตากวาดตามอง เจตต์นั้นก็ไม่รู้จริงๆ ว่ามือกลองและมือ ทรัมเป็ตนั้นถูกเชิญมาจากไหน รู้ตัวอีกทีก็มายืนบรรเลงอยู่ข้าง พวกเขาแล้ว

คุณท่านสุรเชษฐนั้นเตรียมงานพิธีไว้ให้สำหรับขวัญตา เรียบร้อย

พรมสีแดงนั้นปราดยาวไปไกลสุดสายตา กล่องสินสอดทอง

หมั้นที่วางเรียงรายนั้นชวนให้คนที่มองเห็นตกตะลึง

“ตระกูลปวนะฤทธิ์นี้เป็นพวกอวดรวยอย่างที่คิดไว้จริงๆ ”

“ถ้ารู้เร็วกว่านี้ว่าตระกูลปวนะฤทธิ์มีเงิน ตอนนั้นฉันคงจะให้ ลูกชายเราไปตามจีบคุณขวัญตาแล้ว”

มีชายร่างท้วมพุงพลุ้ยคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความริษยา
คนข้างๆ นั้นก็พูดถากถางเยาะเย้ยขึ้นมาทันที “ก็ลูกของคุณ อ้วนเทอะทะแบบนั้น คนอย่างคุณขวัญตาคงไม่มองหรอก จะเอา อะไรเทียบความหล่อเพียบพร้อมของคุณชายเจตต์”

“อย่างลูกฉันเรียกว่า ”

ชายเหล่านั้นกำลังเริ่มปะทะฝีปากกัน

ในสายตาของเจตต์นั้นมองไม่เห็นพวกสินสอดอะไรพวกนั้น เลย เห็นเพียงแค่ท่าทางเหนียมอายและมีความสุขของขวัญตา ในตอนนี้เท่านั้น

เขาพูดออกมาด้วยความหลงใหล “ภรรยาตระกูลฉันนี่สวยจัง ราวกับนางฟ้าบนสวรรค์เลย”

ประโยคนี้ช่างดูคร่ำครึ ยิ่งไปกว่านั้นมุมปากเขาก็กระตุกขึ้น ยิ้มอย่างที่มๆ เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนรอบข้างขึ้น มาในทันที

“คุณชายเจตต์ นี่คุณดีใจจนเกินไปแล้วใช่ไหม?”

“อาจจะใช่ได้แต่งงานกับขวัญตา ชีวิตของฉันก็สมบูรณ์แล้ว”

เจตต์ก็พูดประโยคนี้ออกมาด้วยเสียงดังๆ ทันที จากนั้นก็อุ้ม ขวัญตาขึ้นรถแต่งงานไป

รถหรูหราสิบหกคันนั้นก็บรรเลงเสียงเครื่องเป่าขึ้นมาทันที
รถแต่งงานของเจตต์นั้นอยู่คันแรก ค่อยๆ ขับผ่านท่ามกลางผู้ ที่ร่วมกันแสดงความยินดีและยิ้มอย่างเบิกบาน

ขวัญตายื่นมือออกมา แล้วกุมมือของเจตต์ไว้แน่น

ฝ่ามือของเธอเปียกชุ่มและดูประหม่ามาก

เจตต์พูดด้วยความเอ็นดู “ไม่ต้องกังวล พ่อของพวกเราไม่เป็น อะไร บุริศร์ให้ยาถอนพิษไว้และเขาก็กินไปแล้ว ตอนนี้พิษถูก ถอนออกแล้ว รอพรุ่งนี้พวกเราค่อยกลับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนเขา กันนะ”

“พรุ่งนี้เหรอ? ไม่ใช่สามวันค่อยกลับแล้วเหรอ?”

“พรุ่งนี้พวกเราจะไปเข้าพิธียกน้ำชากับคุณตา จากนั้นก็ไม่มี ธุระอะไรแล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้ทำเพื่อเอาหน้า ในสถานการณ์แบบนี้ เธอเองก็เป็นห่วงพ่อ เพราะฉะนั้นก็ไปพรุ่งนี้เลยจะดีกว่า ฉันคุย กับคุณตาแล้วเรียบร้อย รอพรุ่งนี้พวกเราก็ค่อยย้ายไปบ้านเธอ ไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อ ปีใหม่ที่ผ่านๆ มาเธอก็ฉลองที่บ้านตลอด ปีนี้ ทุกคนอยู่ไม่ไกลกันมากเท่าไหร่ค่อยกลับไปปรึกษาหารือกัน ไม่ก็ ไปฉลองรวมกัน ไม่ก็พวกเราสองคนก็ลำบากหน่อยวิ่งไปทั้งสอง ที่เลย ไม่สามารถใช้เหตุผลที่เพราะครอบครัวเธอให้กำเนิด ลูกสาว จึงจะต้องให้พ่อฉลองปีใหม่อยู่บ้านเหงาๆ คนเดียว”

ค่าพูดของเจตต์นั้นเหมือนพูดแทนความในใจลึกๆ ของ ขวัญตาแล้ว

เธอไม่คิดเลยว่าเจตต์ที่ปกติจะไม่ค่อยพูด เมื่อถึงเวลาต้อง จัดการเรื่องพวกนี้เขาแทบจะจัดการทุกอย่างแทนเธอและบ้าน ของเธอเลยด้วยซ้ำ

“แต่แบบนี้จะไม่ค่อยดีหรือเปล่า? คนอื่นจะเอาไปนินทาได้นะ”

“วันของพวกเรา พวกเราก็ผ่านกันมาเอง เธอสนว่าคนอื่นจะ พูดอะไรเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่มีญาติที่ไหนแล้ว แม่ก็ไม่อยู่ แล้ว พ่อก็ไม่รู้ว่าเที่ยวไปอยู่ส่วนไหนของโลกแล้ว ตอนนี้ก็เหลือ เพียงคุณตาคนเดียว แล้วก็นรมนและบริศร์ที่อยู่เป็นเพื่อน พวก เราเพิ่งแต่งงานกัน เช่นนั้นก็ควรจะให้เวลาส่วนตัวซึ่งกันและกัน สักหน่อยใช่ไหม? จะไปเหมือนกับพวกเขาได้ยังไง แต่งงานกัน มาเจ็ดแปดปีแล้ว ลูกก็วิ่งอยู่เต็มบ้านแล้ว แต่พวกเรายังคงต้อง พยายามเพื่อที่จะมีลูกต่อไปเนอะ?”

เจตต์พูดเช่นนี้ทำให้ขวัญตาหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา

“คุณพูดอะไรน่ะ?”

“ตอนนี้ยังเป็นอยู่เหรอ? เธอเป็นของฉันแล้วขวัญตา”

เจตต์กอดเธอไว้แน่น ในอ้อมแขน และอดไม่ได้ที่จะก้มลงจูบ เธอในทันที

จูบของเขาช่างร้อนแรงและดุเดือด จนอีกเพียงนิดเดียว ขวัญตาก็จะคุมตัวเองไว้ไม่อยู่

“เลิกจูบได้แล้ว ปากของฉันโดนคุณกินไปหมดแล้วเนี่ย อีก ประเดี๋ยวลงรถแล้วโดนคนมองก็ทำตัวไม่ถูกหรอก”

ขวัญตาพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย

เจตต์ยิ้มแล้วพูด “วันนี้เธอใหญ่ที่สุด ใครกล้าพูดอะไรให้เธอ ถ้าใครกล้าพูด เธอก็รอดูละกันว่าฉันจะจัดการกับเขายังไง” ขวัญตายิ้มออกมาในทันที จู่ๆ เสียงรถก็ดังขึ้น แล้วรถก็หยุดทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ