แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 103 ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเธอคือคนที่ฉันคิดถึง ในอดีตคนนั้น



บทที่ 103 ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเธอคือคนที่ฉันคิดถึง ในอดีตคนนั้น

ดวงตาของนรมนแสดงออกอย่างดีใจ ไม่ว่าคนที่มาจะ เป็นใคร บุริศร์เป็นคนรับผิดชอบที่นี้ ต้องจากไปเป็นแน่ ถึง ตอนนั้นเรียกให้บุริศร์จากไป เธอกับเด็กๆกินข้าวก็จะเป็น กันเองขึ้นมาเล็กน้อย

ในเวลานี้นรมนก็ไม่ได้ไปคิดถึงว่าทำไมถึงไม่อยากที่จะ อยู่ด้วยกันกับบุริศร์ เพียงแค่ไม่อยากอยู่กับเขาเท่านั้น โดยเฉพาะหลังจากผ่านเรื่องราวมาตั้งมากมาย

ใบหน้าบุริศร์ดูไม่น่ามองขึ้นมาไม่น้อย ส่วนกานต์ก็เริ่ม ขมวดคิ้ว กิจจากลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากมาย บางทีสำหรับกิจจา บุริศร์เดิมที่เป็นคนยุ่งๆ ปกติตอนอยู่ที่ ตระกูลโตเล็กก็มีโอกาสน้อยที่ได้เจอบุรีศร์ อย่าพูดถึงนั่ง กินข้าวโต๊ะเดียวกัน

นรมนไอและพูด “นายไม่ออกไปดูหน่อยหรือไง?”

“เธอหวังอย่างมากให้ฉันไป?”

บุริศร์จ้องไปที่นรมน ถึงแม้ไม่อยากยอมรับ แต่สายตา ของนรมนก็ขายตัวเธอ นี่ทำให้บุริศร์รู้สึกยากที่จะรับได้ อย่างแปลกประหลาด

ผู้หญิงที่เคยรักตัวเองอย่างมาก ตอนนี้ทำไมถึงเปลี่ยน เป็นแบบนี้?

นรมนไม่ใช่ไม่เห็นสายตาที่ดูเจ็บปวดของบุริศร์ แต่ว่าก็ทำเป็นมองไม่เห็นแบบนั้น ก้มหัวพูด “หากฉันบอกว่าใช่ นายก็จะไปใช่ไหม?”

“ไม่มีทาง! นานแล้วที่ฉันไม่ได้กินอาหารที่เธอทำ เรื่อง ใหญ่ขนาดไหนก็ไม่มีทางทำให้ฉันจากไปได้”

บุริศร์ไม่อยากให้เป็นไปตามที่นรมนต้องการ ผู้หญิงคนนี้ยิ่งนานเข้ายิ่งทำให้เขาโกรธ

สำหรับผลลัพธ์แบบนี้ นรมนก็มีเดาไว้ ดังนั้นจึงไม่รู้สึก ผิดหวัง ทำเพียงยักไหล่อย่างไม่แคร์ จากนั้นก็นั่งลงข้างๆ

กานต์

กิจจารู้สึกสงสัยเล็กน้อย

แด็ดดี้ตรงนี้กับ แด็ดดี้ที่เมืองชลธีทำไมไม่เหมือนกันนะ? แต่ว่ากิจจาก็ไม่กล้าพอที่จะถามบุริศร์ ทำเพียงก้มลงดื่ม น้ำ มองเห็นน้ำที่ลดไปแบบนั้น ทันใดนั้นมือเล็กอ้วนๆสอง มือก็ยื่นออกมาหยิบแก้วของเขาออกไป

“เอ๋? น้ำของฉัน!”

กิจจารีบตะโกน กลับเห็นกานต์หยิบน้ำไปวางไกลๆ พูด

ขึ้น “กินข้าว”

“แต่ว่า แด๊ดดี้ยังไม่ได้กิน”

ตัวกิจจาเองก็หิวอย่างมาก หิวจนช่องว่างอกกับท้องจะ ติดกันแล้ว แต่ว่าบุริศร์ยังไม่ขยับตะเกียบ นี่เป็นกฎ ของ ตระกูลโตเล็ก เป็นเขมิกาที่บอกเขา

นรมนมองไปที่บุริศร์ครั้งหนึ่งก่อนที่จะพูดเสียงเบา “นายเสียเลือดไปตั้งเยอะไม่หิวหรือไง?”

“หิว!”

กิจจาพูดอย่างอ่อนแรง มองไปที่บุริศร์อย่างไม่หยุด สายตาที่น่าสงสารอย่างมาก

ทันใดนั้นบุริศร์ก็รู้สึกเหมือนเด็ก เพียงเพราะโกรธนรมน จึงเพิกเฉยความรู้สึกของลูก

“กินเถอะ”

บุริศร์พูดออกมา กิจจารีบหยิบตะเกียบขึ้นมา แต่กานต์ กลับไม่ได้สนใจคำสั่งของบุริศร์ ยกตะเกียบขึ้นมาหยิบหมู สามชั้นผัดซอสให้นรมน

“หม่าม ช่วงนี้ลำบาก กินเยอะๆหน่อย”

“เด็กดี ลูกก็กินเยอะๆนะ”

นรมนลูบหัวของลูก ยิ้มอย่างอบอุ่น กรอบที่วาดไว้ ทั้งหมดก็หายไป

บุริศร์มองเธออีกครั้งที่เป็นแบบนั้น คิดออกเพียงชีวิต

สงบสุขสี่คำนี้

เสียงฝีเท้ายิ่งใกล้เข้ามา

เสียงพฤกษ์ดังมาจากด้านนอก

“ประธานบุริศร์ เมืองชลธีมีเรื่องด่วน”

มือของบุริศร์นิ่งไปแปบนึง พูด “ฟ้าดินยังต้องรอ ฉัน ต้องการกินอาหารมื้อนี้ให้หมด”
“แต่ว่า…”

“ฟังภาษาคนไม่เข้าใจ?”

ประโยคที่ถามกลับอย่างสงสัย

พฤกษ์รีบถอยกลับไป

เขาไม่รู้ว่าในนี้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง แต่สิ่งที่สามารถทำให้ บุริศร์ให้ความสำคัญแบบนั้น คงมีเพียงนรมนแล้ว

ตั้งแต่รู้ฐานะที่แท้จริงของนรมน ท่าทางที่พฤกษ์ปฏิบัติ ตัวต่อนรมนนั้นเปลี่ยนกลับไปเป็นร้อยแปดสิบองศาได้ แต่ ว่านรมนในตอนนี้ยังไม่ได้สังเกตเห็นก็ดีแล้ว

นรมนมองบุริศร์และพูด “ที่เมืองชลธีมีคนตั้งมากมายรอ นายกินข้าว นายกินข้าวอยู่ที่นี้อย่างสบายใจ พวกเขาไม่ แน่อาจจะกำลังสูญเสียงาน”

“จะยุ่งเรื่องฉันทำไม”

บุริศร์อดที่จะไม่พูดหยาบคายอย่างโกรธไม่ได้ ทำให้นร

มนชะงักไป

ผู้ชายคนนี้กินยาผิดมาหรือเปล่า?

เหมือนกับว่าเขาไม่ได้เห็นสายตาสงสัยของนรมน บุริศร์ ตักกระเจี๊ยบวางไว้ในถ้วยของนรมนพูด “ฉันจำได้เธอชอบ

กินมัน”

นรมนนิ่งไปเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบกระเจี๊ยบนั้นออกไป และพูด “เคยชอบกิน ตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องชอบ คนนั้น เปลี่ยนไปง่าย โดยเพราะผู้หญิง ประธานบุริศร์ไม่รู้หรือไง?”

“ยังไม่รู้จริงๆ ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเธอคือคนที่ฉันคิดถึง

ในอดีตคนนั้น”

บุริศร์พูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง นรมนกลับทำเป็นฟังไม่เข้าใจ

“คิดถึงในอดีต? นั่นก็ต้องดูว่าใคร มีบางคนที่นายไม่ควร จะให้ใจไปเต็มร้อย จะไปคิดถึงอดีตทำไม? เมื่อก่อนฉันโง่ เกินไป วันนี้ฉันคิดได้แล้ว มีหลายคนที่ไม่คู่ควรให้ฉันต้อง เสียความรู้สึก แม้แค่เกลียดยังไม่คู่ควร ดังนั้นฉันเพียงใช้ ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว สำหรับการคิดถึงนั้น ตัด ออกไปเถอะ”

เห็นนรมนพูดออกมา บุริศร์จ้องอย่างมืดหม่นไม่ชัดเจน และพูด “เพียงแค่เธอมีความสุขก็พอ”

คำพูดของบุริศร์ทำให้รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก

อะไรที่เรียกว่าขอเพียงเธอมีความสุขก็พอ? อีกนิดเธอเกือบจะพูดออกไปว่าฉันอยากจะได้ชีวิตของ de นาย นายจะให้ไหม?

แต่ว่ามาคิดๆดู การกระทำไม่นานมานี้ที่บุริศร์ทำร้ายตัว เอง เธอจึงเก็บคำพูดของเธอกลับไป

นรมนในตอนนี้รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก

เดิมที่อยากที่จะโมโหบุริศร์ แต่สุดท้ายกับโมโหตัวเอง ที่ ยังไม่สามารถพูดได้ ไม่สามารถแสดงออก
นรมนก้มลงเริ่มต้นกินข้าว เพิกเฉยบุริศร์คนนี้ไปอย่าง

ง่ายดาย

กานต์มองดูการกระทำของทั้งสองคน เห็นหม่ามี้ไม่ได้ เกลียดบุริศร์ขนาดนั้น เขาก็ไม่เข้าใจว่าแท้ที่จริงบุริศร์นั่น หมายความว่ายังไงกัน

มีเพียงกิจจาที่กินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่เพียงแค่กินแถมยัง พูด “คุณน้า อาหารของคุณช่างอร่อยจริงๆ ต่อไปมาทำให้ ผมกินบ่อยๆได้ไหม?”

“ฝันไปเถอะนาย!”

กานต์รู้สึกว่ากิจจาเด็กคนนี้เริ่มที่จะมาแย่งหม่ามตัวเอง ไป ทันใดนั้นก็เคาะไปที่หน้าผากเขาอย่างเย็นชา

“ไอโย่ว พี่ใหญ่ เจ็บ”

“ไม่เจ็บฉันจะเคาะนายทำไม? ฉันบ้าหรือไง?”

กานต์พูดอย่างไม่พอใจ

กิจจาลูบหน้าผากของตัวเองและพูด “เหมือนว่าก็จะจริง

นะ”

มองดูกานต์รังแกกิจจาแบบนั้น บุริศร์พูดไม่ออกว่ารู้สึก

อย่างไร

เขาพูด “ฉันก็เคยมีน้อยชายคนหนึ่ง ก็เหมือนกานต์บ่อย ครั้งที่แกล้งเขา”

นี้เป็นครั้งแรกที่บุริศร์พูดเรื่องของตัวเอง กานต์นิ่งไปเล็ก น้อย นรมนยิ่งตกใจยิ่งกว่า
บุริศร์ยังมีน้องชายอีกคน? ทำไมเธอไม่เคยรู้มาก่อน?

แต่งงานกับบุริศร์สามปี เธอไม่เคยได้ยินใครพูดมาก่อน ว่าบุริศร์ยังมีน้องชาย เธอคิดมาตลอดว่าเขาเป็นลูกคน เดียว

“นายฝันไปหรือเปล่า? ใครไม่รู้บ้างว่านายเป็นผู้สืบทอด ตระกูลโตเล็กเพียงคนเดียว”

นรมนพูดอย่างแดกดัน

บุริศร์กลับพูดเสียงเบา “นั่นเพราะน้องชายของฉันถูกไล่ ออกจากตระกูลโตเล็ก ถูกลบชื่อออกจากตระกูล ในบ้าน ไม่อนุญาตให้ใครพูดชื่อ นานวันเข้าทุกคนก็ลืมไปแล้ว”

ตอนที่พูดถึงตรงนี้ เขาก็รู้สึกกินไม่ลง

“ตอนน้องชายของฉันอายุสิบแปดปี ตอนนั้นเขายังเด็ก พลังเต็มเปี่ยมและได้ฆ่าคนตาย ถึงแม้ตระกูลโตเล็กของ พวกเราจะใหญ่เพียงใด สำหรับกฎหมายทุกคนก็อยู่เท่ากัน แม่ของฉันก็เป็นแม่ เพื่อที่จะปกป้องน้องชายของฉัน จึง ถอดชื่อน้องชายฉันออกจากตระกูลต่อหน้าทุกคน แถมยัง ไม่อนุญาตให้เขากลับมาที่ตระกูลโตเล็กอีกตลอดชีวิต วัน นั้นตอนเย็น น้องชายของฉันก็จากไปจากเมืองชลธี ใครก็ ไม่รู้ว่าเขาจากไปยังไง แต่ว่าฉันรู้ นั่นคือแม่เป็นคนจัดการ ส่งเขาไป คนจากบ้านที่ถูกฆ่ามาตามหาน้องชายฉันไม่เจอ ก็มาหาที่ตระกูลโตเล็ก แม่ของฉันจ่ายเงินให้อีกฝั่งไป มากมาย เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ว่าตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของเขาอีกเลย”

บุริศร์พูดถึงเรื่องเมื่อในอดีต เห็นได้ชัดว่ารู้สึกเสียใจอยู่

บ้าง

นี่เป็นครั้งแรกที่นรมนได้ยินเขาพูดถึงเรื่องในตระกูลโต เล็ก สิ่งที่น่าเยาะเย้ยก็คือ ตอนเป็นภรรยาของตระกูลโต เล็ก เธอกลับไม่รู้เรื่องพวกนี้ วันนี้ไม่ได้เป็นภรรยาของ ตระกูลโตเล็ก กลับได้ยินความลับนี้

“ต่อจากนั้นล่ะ? ไม่ได้ไปหาเขา?”

“หามาแล้ว น่าเสียดายที่หาไม่เจอ เขาเหมือนกับไอน้ำที่ หายไปแบบนั้น ไม่มีแม้แต่ร่องรอยอะไร ไม่ว่าฉันจะใช้วิธี ใดใด ก็ไม่เจอตำแหน่งของเขา ภายหลังฉันถึงได้รู้ว่าเขา เปลี่ยนนามสกุล เปลี่ยนชื่อและไปอยู่ที่ชายแดน เปลี่ยน เป็นเพียงแค่คนธรรมดา ไม่มีใครรู้อดีตของเขาและไม่มี ใครมาชี้นำเขา ชีวิตคนเดียวของเขาดูมีความสุข”

บุริศร์ค่อยๆยิ้ม

กิจจาฟังแล้วรู้สึกหลงใหล รีบถาม “หลังจากนั้นล่ะ? คุณ ลุงกลับมาไหม?”

“คุณลุง?”

บุริศร์พูดสองคำนั้นออกมา มองดูสายตาที่ดูยุ่งเหยิงของ กิจจา และก็ถอนหายใจพูด “เขากลับมาไม่ได้แล้ว ไม่มีทาง กลับมาได้ เขาตายอยู่ที่ชายแดนนั้น เหตุการณ์ต่อสู้ ระหว่างผู้ค้ายากับตำรวจติดอาวุธ เขากลายเป็นสายข่าว ให้ตำรวจและตายในเหตุการณ์นั่น”
นรมนแข็งที่อไปทั้งตัว

เธอคิดความเป็นไปได้หลายอย่าง แม้เธอจะคิดถึงความ เป็นไปได้ก็คือบุริศร์หลอกเธออีกเรื่องได้ แต่ว่ามองดูบุริ ศร์ตอนนี้ที่แสดงออกอย่างเจ็บปวด ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเชื่อ

อยู่บ้าง

ทันใดนั้นกิจจาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

“ตายแล้ว? ตายได้ไงกัน? ผมยังไม่ได้เจอคุณลุงว่า หน้าตาเป็นยังไงเลย”

บุริศร์มองดูสายตาที่เปลี่ยนไปไม่น้อยของกิจจา เขาพูด เสียงเบา “วันไหนมีโอกาส ฉันพานายไปเคารพหลุมฝังศพ

ของเขา”

“อะไรคือเคารพศพ?”

กิจจามองที่บุริศร์ตาโต

กานต์รู้สึกว่ากิจจานั่นโง่ใช่ได้

“ก็คือไปกวาดหลุมฝังศพ”

“อ่อ!”

กานต์อธิบายอย่างนั้น กิจจาก็เข้าใจแล้ว

“อย่างนั่นเอง แด๊ดดี้มีเวลาก็พาผมไปนะ แต่ว่าคุณลุงใช้ เป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ไหม?”

“แน่นอน เขาเป็นความภูมิใจของตระกูลโตเล็ก และเป็น ฮีโร่ของประชาชน”
ตอนที่บุริศร์พูดเรื่องพวกนี้ น้ำเสียงดูสั้นไม่น้อย

กิจจาก็พยักหน้า “ผมโตขึ้นก็จะเป็นฮีโร่แบบคนลุง!”

“อย่างนี้นายก็ต้องฝึกร่างกายค่อยมาพูด” กานต์พูดเหมือนเทน้ำเย็นลงกิจจาอยู่ตลอด

เวลานี้กิจจาก็ร้องไห้ขึ้นมา

นรมนลูบหัวกิจจาและพูด “ไม่เป็นไรนะ นายจะกลายเป็น คนที่เจ๋งคนหนึ่ง”

“ขอบคุณครับคุณน้า! คุณน้าคุณดีจัง! หรือว่าคุณมาเป็น แม่อุปถัมภ์ของผมเถอะ”

กิจจาจับไปที่แขนของนรมน ตอนนั้นกานต์นิ่งไปและก็

ดึงเขาออก

“ฉันขอเตือนนายนะถ้านายกล้ามาแย่งความสนใจจาก หม่ามี ฉันจะไม่สนใจนายทั้งชีวิต”

“ไม่เอานะ พี่ใหญ่ ฉันแค่พูดๆไปเท่านั้นเอง”

กิจจารีบเปลี่ยนคำพูด

บุริศร์ไม่ไปสนพวกเขาสองพี่น้อง พูดเสียงเบา “ออกไป ข้างนอกกับฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ