แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 933 ฉันอยู่กับคุณ



บทที่ 933 ฉันอยู่กับคุณ

สิ่งแรกที่บุริศรเห็นคือขาที่เปื้อนเลือดของนรมน

ใบหน้าของเขาหม่นขึ้นทันที

“เชษฐ์ คุณกล้าทําร้ายเธอได้ยังไง!

บุริศร์โกรธเคืองและเดินไปหา เชษฐ์ กระแทกหมัดไปที่ ใบหน้าของเชษฐ์

นรมนอยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็อยากจะร้องไห้มากกว่า

เธอพูดเสียงเบา “บริศร์ ฉันใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว

“อะไรนะ?”

บริศร์หันศีรษะของกลับไปทันที และเห็นนรมนกำลังจะล้มลง

“นรมน!”

บุริศร์รีบวิ่งไปที่นรมนอย่างรวดเร็ว ในขณะที่นรมน ใกล้จะถึง พื้น เขาก็กอดร่างของเธอไว้ได้ทัน เมื่อขณะที่เห็นน้ำตาของนรมน

ไหลลงมาที่หางตาของเธอ เธอก็สลบไป

“นรมน หมอ!”

หัวใจของบุริศร์แทบแตกสลาย

นี่เขามาช้าไปใช่ไหม?
ชัยยศและนภดลวิ่งมาอย่างรวดเร็ว และควบคุมเชษฐ์และคน

อื่น ๆ

อชิระยอมรับความจริงแล้ว เมื่อเชษฐ์ถูกควบคุมตัว เธอเข้ามา ใกล้เชษฐ์อย่างเงียบๆ จับมือเขาและพูดเบาๆ ว่า “ฉันจะอยู่กับ คุณ”

“อืม”

เชษฐ์ถอดความโหดเหี้ยมของเขาออก และตอนนี้เขาก็สงบสุข เหมือนคนธรรมดา

เขาจับมืออชิระไว้แน่น โดยไม่พูดอะไร

บริศ กอดนรมนและขึ้นเฮลิคอปเตอร์อย่างรวดเร็ว

บนเฮลิคอปเตอร์ โพนี่ได้นำอุปกรณ์ทางการแพทย์ออกมา สีหน้าของเธอก็กังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นนรมนหมดสติ

“วางเธอลง ฉันขอดูหน่อย”

บุริศร์ไม่กล้าที่จะล่าช้า รีบวางนรมนไว้บนเปลหาม

เชษฐ์และบุคลากรที่เกี่ยวข้องถูกคนอื่นนำตัวไปที่ เฮลิคอปเตอร์ลอื่นแล้ว

บริศ ส่งคำสั่งการให้กานต์โดยใช้โทรศัพท์มือถือ และกานต์ ได้แจ้งธรรศและธรณี บุคลากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเริ่มมาที่เกาะนี้ แต่เรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับบุริศร์แล้ว

หลังจากที่นรมนได้รับการช่วยเหลือ ก็ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

โพนีรักษาขาของเธอ แต่หลังจากตรวจสอบส่วนอื่นๆ ของนร

มน เธอพบว่านรมนอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากอารมณ์ที่พุ่งสูง และการสูญเสียเลือดมากเกินไป บริศร์อยู่กับเธอตลอดเวลา ไม่กล้ากะพริบตาเพราะกลัวว่า

ทั้งหมดนี้เป็นความฝัน

นรมนดูเหมือนจะนอนฝันเห็นคน

นอกจากคิมยังมีชายอีกคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ เธอ ร่างสูงใหญ่ มองเธอด้วยรอยยิ้ม ดูใจดีมาก

นรมนตะโกนเรียกอย่างลังเล “พ่อคะ?”

ชินทรยิ้มนุ่มนวลขึ้นทันที

“นรมน พ่อกับแม่ต้องไปแล้ว เรารู้ว่าลูกเป็นเด็กที่เข้มแข็ง และรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาลูกต้องลำบากขนาดไหน แต่เมื่อ ลูกผ่านมันมาแล้ว ก็อย่าได้บ่นถึงอีกเลย เราภาคภูมิใจในตัวลูก ลูกโตแล้ว เป็นแม่คนแล้ว ตอนนี้ยังมีสามีที่รักลูกคอยอยู่เคียง ข้าง หลังจากนี้ชีวิตของลูกไม่ต้องการพ่อและแม่อีกต่อไป ดังนั้น เราก็ไปอย่างหมดห่วงได้แล้ว”

“หลายปีที่ผ่านมา พ่อกันแม่ของลูกพลัดพรากจากกัน จิตใจ เชื่อมต่อกันแต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ สำหรับเรา นี่คือความ ทรมานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันแล้ว ลูกควรจะมี ความสุขเพื่อเรานะลูก อย่าร้องไห้ ไม่ว่าพ่อกันแม่ของลูกอยู่ที่ไหน เราจะอวยพรให้ลูกมีความสุขและความเจริญรุ่งเรืองใน ชีวิต เคราะห์ร้ายของลูกผ่านไปแล้ว วันที่สวยงามกำลังรอลูกอยู่ ใช้ชีวิตให้ดีและอย่าให้เราเป็นห่วง นรมน พวกเราไปแล้วนะ ต้องใช้ชีวิตให้ดีนะ” ลูก

หลังจากพูดจบ ร่างของคิมและชินทรก็ค่อยๆ โปร่งใสจนมอง ไม่เห็นอะไรเลย

มีร่องรอยของน้ำตาที่ไหลอยู่ที่หางตาของนรมน

เธออาลัย เธอเจ็บปวด แต่เธอก็มีความสุข

นี่พ่อแม่กำลังบอกลาเธอเหรอ?

ตอนนี้พวกเขาควรจะมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่เธอเศร้ามาก เศร้ามากๆ

เสียงร้องไห้ของนรมนทำให้บริศร์เป็นทุกข์

เขาไม่รู้ว่านรมนฝันถึงอะไร และไม่รู้ว่านรมนกำลังร้องไห้ เพราะอะไร เขาทำได้แค่เรียกชื่อนรมนเบาๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และ จับมือเธอไว้แน่น ให้กำลังและความสบายใจแก่เธอ

นรมนดูเหมือนจะได้ยินเสียงที่คุ้นเคยอยู่ข้างเธอในตอนที่หลับ ฝันเป็นระยะๆ และก็ให้ความอบอุ่นแก่เธอเสมอ

เธออยากจะลืมตา แต่เหนื่อยเกินไป การเสียเลือดมากเกินไป

ทำให้เธออ่อนแอมาก

นรมนหลับไปอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเธอก็หยุดร้องไห้ บุริศร์ก็โล่งใจ

สิ่งที่เชษฐ์ทําเอาไว้ที่นั่นมีคนไปจัดการแล้ว บุริศร์ไม่ต้องการ ได้ยินคําใดๆ สําหรับเขา เรื่องของ เชษฐใต้ผ่านไปแล้ว ไม่ว่าเขา จะทำเพื่อใครต้องการสนใจว่าใครและสิ่งที่เขาทำเพราะมี กฎหมาย, การลงโทษ

คนเดียวที่เขาต้องการปกป้องตอนนี้คือนรมน

เมื่อธิดารู้ว่าเชษฐ์ได้รับโทษประหารชีวิตก็รีบตามไปทันที เธอ อยากรู้ว่าพ่อของเธอเป็นคนยังไง แต่หลังจากได้ยินเรื่องที่เชษฐ์ ทํามาทั้งหมดนั้น เธอก็ไม่อยากเห็นเขาอีกเลย

ที่แท้เธอมาที่โลกนี้อย่างไม่เป็นที่พึงปรารถนา

ธิดาคิดถึงแพรวา

เธอขอร้องให้บริศร์ใช้ความสัมพันธ์ของตระกูลโตเล็กเพื่อ

ค้นหาแพรวา

เมื่อพบแพรวา เธอมีผ้าพันคอพื้นที่หน้า และเดินกะเผลก

เหมือนคนเก็บขยะ

ดวงตาของธิดาก็เปียกโชกทันที

ถ้าไม่ได้นาวินช่วยพยุงเธอ เธอไม่รู้ว่าเธอจะทนได้หรือเปล่า

“แม่คะ”

ธิดาร้องเรียกด้วยเสียงต่ำ

แพรวาตัวสั่นไปทั้งตัว
เธอเงยศีรษะขึ้นและเห็นธิดาที่เฝ้าคิดถึงอยู่ทั้งวันทั้งคืน เธอ อยากจะเอื้อมมือไปแตะตัวลูกสาว แต่เมื่อเธอเห็นนาวินอยู่ข้างๆ ธิดา เธอก็ชะงักไป ก่อนจะซักมือกลับ และพูดอย่างสั้นๆ น้อย คุณทักผิดคนแล้ว” “สาว

เมื่อพูดจบ เธอก็หันหลังเดินจากไป ธิดาทนไม่ไหวอีกต่อไป และกอดเธอแน่นจากด้านหลัง

“แม่คะ แม่คือแม่หนูเอง หนูรู้แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมรับหนู หลายปีมานี้ แม่ไม่คิดถึงหนูเหรอคะ? ไม่อยากรู้ว่าหนูมีชีวิต อย่างไรเหรอคะ?”

แพรวากัดริมฝีปากล่าง และไม่สามารถควบคุมน้ำตาให้ไหล ลงมาได้อีกต่อไป

เมื่อนาวินเห็นธิดาร้องไห้อย่างหนัก จึงรีบพูดว่า “แม่ครับ พวก เรากลับบ้านกันเถอะ ธิดากำลังตั้งครรภ์ อารมณ์ค่อนข้างอ่อน ไหว ในเมื่อคุณกลับมาแล้ว พวกเราจะได้อยู่ด้วยกัน 4 คน พร้อม หน้าพร้อมตา หลังจากคลอดลูก คุณต้องเลี้ยงลูกให้เราด้วยนะ”

เมื่อแพรวาเห็นว่านาวินไม่มีทีท่ารังเกียจตัวเธอเอง ก็หันกลับ มาและกอดธิดาทันที

“ลูกสาวที่น่าสงสารของแม่! การมีแม่อย่างแม่จะทำให้ลูก ลำบาก โดนคนอื่นเยาะเย้ย ลูกดูแม่ตอนนี้สิ ถ้าไปใช้ชีวิตกับ พวกลูกคงถูกคนอื่นหัวเราะเยาะแน่ๆ”

“หนูไม่สน หนูไม่สนว่าคนอื่นจะพูดอะไร หนูแค่ต้องการอยู่กับแม่ หลายปีมานี้ หนูคิดมาตลอดว่าอยากมารับแม่กลับไป แต่ เป็นเพราะตัวหนูนั้นไม่ได้เรื่อง หนูไม่รู้ว่าเขายังแม่ไว้ที่ไหน ไม่พบ ข่าวคราวเกี่ยวกับแม่เลย และไม่กล้าแม้แต่จะให้พี่ชายรู้ด้วยว่า หลายปีที่ผ่านมา ฉันใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นผู้เป็นคนเลย ตอนนี้ใน ที่สุดก็เจอแม่แล้ว แม่ยังจะหลบเลี่ยงฉันอีก ไม่ต้องการหนูแล้ว หรือคะ?”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ธิดาพูด แพรวาก็ร้องไห้อย่างหนัก

“แม่กลับไปกับลูกได้ แม่กลับไปกับลูกก็ได้? แต่แม่อยู่กับลูก ไม่ได้ สภาพแม่แบบนี้จะถูกคนอื่นนินทาเอาได้นะลูก”

“แม่คะ ถ้าแม่เป็นห่วงเรื่องนั้นจริงๆ หนูจะหาหมอศัลยกรรมที่ ดีที่สุดมารักษาให้ แม่ไม่ต้องกังวลนะ เราไม่ได้ทิ้งแม่แน่ๆ ธิดา หวังมาตลอดว่าอยากจะมีพ่อแม่อยู่เคียงข้างเขา ไม่มีใครรู้หรอก ว่าในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพวกเราอิจฉาคนอื่นที่มีพ่อแม่ขนาด ไหน ตอนนี้หนูเจอแม่แล้ว ไม่ว่าอย่างไร พวกเราจะไม่ให้แม่ไป ไหนอีก”

คำพูดของนาวินหนึ่งประโยคมีประสิทธิภาพมากกว่าคำพูด ของธิดากว่าร้อยประโยค

ถ้าพูดตามความจริง แพรวากลัวว่าเธอจะนำความยุ่งยากมา ชีวิตแต่งงานของธิดา ถ้าหากนาวินไม่ชอบเธอ และทอดทิ้งเธอ อย่างนั้นคงไม่ดีต่อธิดา

เธออยู่เพื่อธิดามาตลอดชีวิต

“คุณจะไม่ทอดทิ้งฉันจริงๆ ใช่ไหม?”
“ไม่แน่นอนครับ”

นาวินก้าวไปข้างหน้าและอุ้มแพรวาขึ้นหลัง

เมื่อธิดาและพวกเขากลับมาที่บ้านใหญ่ตระกูล โตเล็ก พวกเขา ก็ได้พบกับบุรีศร

ในเวลานี้ ธิดาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับบุริศร์อย่างไร และพูด อย่างติดๆ ขัดๆว่า “ประธานบริศร์ พวกเรา พวกเราจะหาบ้าน และจะย้ายออกไปคุณไม่ต้องกังวล จะไม่ทำให้คุณและคุณนาย ตกใจค่ะ”

บุริศร์ตกตะลึงครู่หนึ่ง มองไปที่ธิดาที่ตัวสั่น เมื่อคิดว่าผู้หญิง คนนี้มีเลือดในร่างกายเหมือนกันกับเขา จึงพูดอย่างแผ่วเบา “เรียกคุณนายอะไรกัน? ต่อหน้าเธอเรียกว่าพี่สะใภ้ แต่ต่อหน้า ผมเรียกคุณนาย เธอเรียกเหมือนกันไม่ได้หรือไง?

ธิดาคิดว่าบุริศร์ไม่พอใจ จึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “ฉันล้ำเส้น เองค่ะ ฉันสัญญาว่าจะเรียกเธอว่าคุณนายเท่านั้นค่ะ”

บุริศร์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเล็กน้อยเมื่อเห็นธิดาแบบนี้

“ธิดา”

“คะ?”

ธิดาเงยหน้าขึ้นทันที และเห็นริมฝีปากของบริศร์ยกขึ้นเล็ก น้อย ยิ้มและพูดว่า “เรียกพี่ชายมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ท่ามกลางแสงแดด รอยยิ้มของบุริศร์อบอุ่นมาก และธิดาร้องไห้ทันที

“ฉัน ไม่ ประธานบริศร์ ฉัน…….”

“ถ้าไม่เรียกพี่ชายคืนนี้ก็ไม่ต้องกินข้าว”

บุริศร์มองไปที่แพรวาหลังจากพูดจบ

“คุณป้าครับ ผมให้คนเตรียมห้องไว้แล้ว ตอนนี้ตระกูลโตเล็ก ไม่มีผู้ใหญ่เลย ตั้งแต่นี้ไปก็รบกวนคุณป้าด้วยนะครับ ตอนนี้ใน บ้านมีผู้หญิงท้องสองคน ภรรยาของผมและธิดา คุณเป็นทั้งแม่ และแม่สามี หลังจากนี้รบกวนคุณป้าด้วยนะครับ”

แพรวาตกตะลึง

“ฉัน? คุณบอกว่าฉันเป็นแม่สามี?”

“แม้ว่าผมจะไม่อยากยอมรับ แต่เชษฐ์ก็เป็นพ่อโดยกำเนิด ของผม คุณเป็นแม่ของธิดา พูดให้ถูกก็คือภรรยาของผมต้อง เรียกคุณว่าแม่สามีถูกแล้วครับ ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใจ เราจะ เรียกคุณว่าคุณป้าก็ได้ แต่หน้าที่ความรับผิดชอบของแม่สามี อัน นี้คุณหนีไปไหนไม่ได้นะครับ หลังจากนี้ในช่วงหลังคลอดและ เลี้ยงดูเด็กๆ อาจต้องรบกวนคุณด้วย”

บริศร์กล่าวด้วยรอยยิ้มเบาๆ

นาวินก็คุกเข่าให้บริศร์ทันที

“ประธานบริศร์ ขอบคุณนะครับ”

“นายทำอะไรน่ะ? ลุกขึ้นเร็วเข้า แล้วหลังจากนี้ก็เรียกฉันว่าพี่ตามธิดาก็พอ พี่สะใภ้ของนายพูดถูก พวกเราตระกูลโตเล็กนั้น เบาบางมาก เหลืออยู่ไม่กี่คน ก็ไม่ควรสนใจเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ยังไงก็ตามพรุ่งนี้ของพวกเราสวยงามเสมอ ทุกคนมาพยายามไป ด้วยกันเถอะ ทํางานหนักกันเถอะ นาวินนายไปจัดการต่อด้วย ให้คุณป้ากับ ธิดารีบพักผ่อน แล้วก็จำไว้ด้วย ถ้าธิดาไม่เรียกฉัน ว่าพี่ เที่ยงนี้ก็ห้ามให้เธอกินข้าว”

บุริศร์เดินจากไปหลังจากพูด

ธิดาตะโกนอย่างตื่นเต้น “พี่คะ ฉันขอโทษ”

“หยุดนะ”

บุริศร์ที่หันหลังอยู่โบกมือให้พวกเขา และเห็นว่านรมนที่ไม่รู้ ว่าเธอตื่นขึ้นเมื่อใด กำลังยืนอยู่ที่ด้านบนของบันไดมองดูเขา ดวงตาส่องประกายและอ่อนโยนนุ่มนวล ทำให้หัวใจของเขา อ่อนลง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ