แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 911 หม่ามท้องแล้วอารมณ์แปรปรวน



บทที่ 911 หม่ามท้องแล้วอารมณ์แปรปรวน

เมื่อโดนนรมนสอบถามเช่นนี้ อีกฝ่ายจึงทำตัวไม่ค่อยถูก

“คุณนายบุริศร์ ดูเหมือนว่าฉันจะถามก่อนนะคะ”

“คุณถามแล้วฉันต้องตอบอย่างนั้นเหรอ” รอยยิ้มของนรมนเย็นชาขึ้นมาก

กานต์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถ้าครั้งนี้หม่ามีของผมโกรธ จนต้องเข้าห้องฉุกเฉินอีก ผมว่าแดดดี้อาจจะฆ่าคนได้นะ”

ประโยคนี้ทำให้นักข่าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ

นรมนรีบเดินเข้าไปแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลีกไป!”

นักข่าวอยากจะพูดอะไรต่อ แต่เมื่อเห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของ นรมน พวกเขาจึงหลีกทางให้โดยอัตโนมัติ

นรมนจูงมือกานต์ขึ้นรถ แล้วพูดกับชัยยศว่า “ไปสืบมาว่านัก ข่าวคนเมื่อกี้มาจากไหน ฉันสงสัยว่าเขาจะไม่ใช่นักข่าว

“ครับคุณนาย”

ชัยยศรีบสั่งให้คนไปสืบทันที

นรมนกับกานต์นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง และตรงไปยังลานใหญ่ เขตทหาร ระหว่างทางเธอพบว่ามีคนสะกดรอยตาม เหมือนว่าจะ เป็นนักข่าวคนเมื่อกี้
เธอยิ้มเย็นชาออกมาให้เธอตามมาเถอะ ฉันอยากรู้ว่าเธอจะ เข้าไปลานใหญ่เขตทหารยังไง เป็นไปตามที่คาดไว้ รถถูกดักไว้ที่หน้าประตูลานใหญ่เขต

ทหาร

ส่วนรถของนรมนขับเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเห็นว่านักข่าวคนนั้นกำลังถกเถียงกับทหารยาม แต่ก็ยัง ไม่สามารถเข้ามาได้ นรมนจึงโล่งอก

ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับการที่เธอท้องหรือเปล่า ช่วงนี้เธอมักจะ หงุดหงิดและอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก

เมื่อรถเคลื่อนตัวมาถึงหน้าประตูบ้านคุณท่านตระกูลพรโสภณ นรมนกับกานต์เดินลงมาจากรถและเดินเข้าไปข้างใน

เมื่อคุณท่านตระกูลพรโสภณเห็นนรมนกับกานต์มาถึง เขาก็

อึ้งไปเล็กน้อย

“นรมน กานต์ มาได้ยังไง”

“อะไรกัน คุณตาไม่อยากให้เรามาเหรอ”

นรมนทำท่าเหมือนจะกลับเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ต้อนรับ คุณ ท่านตระกูลพรโสภณตกใจจนต้องรั้งเธอไว้

“ใครว่าล่ะ ฉันแค่งงนิดหน่อย ก่อนหน้านี้ที่โรงพยาบาลเธอ บอกว่าให้บริศ กลับมาแล้วจะมาพร้อมกัน

“ฉันเปลี่ยนใจแล้วไม่ได้เหรอ”
บรมนูพูดเหมือนเด็กๆ

คุณท่านตระกูลพรโสภณเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มอย่าง เอ็นดูแล้วพูดว่า “ได้สิ เธอจะว่ายังไงก็ได้

นรมนจึงยิ้มออกมา

กานต์ทักทายคุณท่านตระกูลพรโสภณอย่างมีมารยาท

“สวัสดีครับ คุณทวดอย่าไปบ่นหม่าเลย ตอนนี้หม่ามีกำลัง ท้องเลยอารมณ์แปรปรวนนะครับ”

นรมนกับคุณท่านตระกูลพรโสภณอึ้งไป จากนั้นคุณท่าน ตระกูลพรโสภณก็หัวเราะพรวดออกมา

“ใช่ อารมณ์แปรปรวนมากเลย อารมณ์แปรปรวนแบบนี้ให้

คุณยายมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ของกานต์จะดีกว่า กานต์ไปเล่นกับ

ทวดที่ห้องหนังสือดีไหม

ดูเหมือนว่าเขาจะมีอะไรพูดกับกานต์

กานต์รีบพยักหน้า

นรมนรู้สึกหดหู่เล็กน้อย

นี่เธอกำลังโดนลูกชายตัวเองทิ้งอย่างนั้นเหรอ

นี่เธออารมณ์แปรปรวนจริงเหรอ

ขณะนั้นเอง คิมได้ยินเสียงจึงเดินออกจากห้อง เมื่อเห็นนรมนก็ยิ้มออกมา
“มาแล้วเหรอ”

“อั้ม อยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียวน่าเบื่อ กานต์บอกว่าให้แวะมา หา เดี๋ยวทานข้าวเสร็จเขาก็กลับเขตทหาร แล้ว อาจจะไม่มีเวลา กลับมาอีก”

นรมนรีบเดินเข้าไป

คิมให้นมนประคองเธอนั่งลงบนโซฟา

“ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น

“ฉันชอบประคองแม่น

นรมนคิดได้ว่าคิมเหลือเวลาไม่มากแล้ว เธอจึงรู้สึกวูบโหวง

ในใจ

“โอเค ตามใจเธอแล้วกัน แต่เดี๋ยวเราเข้าไปในครัวแล้วทำ อะไรอร่อยๆ ให้กานต์กิน ดีไหม

“แม่ทําได้เหรอ”

นรมนรู้สึกกังวลเล็กน้อย

คิมหัวเราะแล้วพูดว่า “โอเค แล้วแต่เธอละกัน

นรมนเห็นท่าทางของแม่ก็พูดอย่างมีความสุขว่า “เดี๋ยวฉันทำ เอง แม่เป็นลูกมือให้หนูดีไหม”

“ได้”

สองแม่ลูกเข้าไปในห้องครัว
หลังจากที่กานต์กับคุณท่านตระกูลพรโสภณเข้าไปในห้อง หนังสือ คุณท่านตระกูลพรโสภณหยิบอะไรบางอย่างออกมาจาก ลิ้นชักแล้ว นให้กานต์

“ดูสิ ชอบไหม”

กานต์รับมาและเปิดมันออก จู่ๆ เขาก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก “รีโมทบังคับโดรนรุ่นที่สี่เหรอครับ”

“ไม่เลวจริงๆ แค่มองรีโมทก็รู้ว่าเป็นรุ่นไหน เป็นเด็กที่มีความ สามารถจริงๆ”

คุณท่านตระกูลพรโสภณลูบหัวเขาอย่างปลื้มใจ จากนั้นจึงพูด ว่า “โดรนนี้เขตทหารของเราได้ทำการศึกษาออกมาสองเครื่อง แต่มันกลับสูญหายไปแล้ว เหลือไว้เพียงรีโมทเท่านั้น ทวดรู้ว่า กานต์รู้เกี่ยวกับด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมี พรสวรรค์อีกด้วย กานต์ ทวดไม่สามารถทำหน้าที่หาโดรนสอง เครื่องนี้ได้สำเร็จ หวังว่ากานต์จะทำหน้าที่นี้แทนทวดได้ไหม”

“ได้ครับ”

กานต์พูดอย่างมั่นใจเป็นอย่างมาก

เขาลูบรีโมทด้วยความชอบเป็นอย่างมาก และอยากรู้ว่าโดรน จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรจนรอไม่ไหวแล้ว เขาเคยได้ยินมาตลอด แต่ยังไม่เคยเห็นด้วยตาของตัวเอง ถึงแม้ตอนนี้จะมีเพียงแค่ รีโมท ก็ทำให้กานต์ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นว่ากานต์ชอบด้านนี้ คุณท่านตระกูลพรโสภณก็หัวเราะออกมา

“ในที่สุดตระกูลโตเล็กกับตระกูลพรโสภณก็มีคนที่มีความ สามารถแล้ว”

“ตอนที่คุณบุริศร์ยังไม่ออกมาเขาก็เป็นคนที่มีความสามารถ ไม่ใช่เหรอครับ”

กานต์พูดแทนพ่อของตัวเองตามสัญชาตญาณ

คุณท่านตระกูลพรโสภณพูดอย่างน่าเสียดายว่า “พ่อของ กานต์โดนตระกูลคอยถ่วงอยู่ ถ้าเขายังมีพี่น้อง เขาก็คงไม่ต้อง มาสืบทอดธุรกิจของตระกูล ถ้ายังอยู่ในเขตทหาร พ่อของกานต์ คงเป็นบุคคลในนั้น น่าเสียดายมาก

“ก็ไม่ถือว่าน่าเสียดายนะครับ ในด้านธุรกิจคุณบุริศร์ก็ทำได้ดี เลยทีเดียว”

คําพูดของกานต์ทำให้คุณท่านตระกูลพรโสภณเล็กน้อย คิด ไม่ถึงว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากของเด็กอายุสี่ขวบ

เมื่อเห็นว่าคุณท่านตระกูลพรโสภณอึ้งไป กานต์จึงรีบยิ้มแล้ว ถามขึ้นว่า “ใช่ไหมล่ะครับ

เพราะว่าเขาพูดได้อย่างถูกต้อง คุณท่านตระกูลพรโสภณจึง รู้สึกว่าไม่ควรสบประมาทคนอย่างกานต์

อนาคตของเด็กคนนี้ไร้ข้อจำกัด
“พัฒนาที่เขตทหารอย่างเต็มที่ ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร ก็สามารถ ปรึกษาคุณปู่สามได้ตลอดเวลา หรือไม่ก็ปรึกษาฉันก็ได้ ทวดจะ ช่วยกานต์อย่างแน่นอน”

“ไม่จําเป็นหรอกครับ ผมจะเดินไปตามทางของผมด้วยตัวเอง คุณทวดวางใจเถอะครับ ผมจะไม่ทิ้งเขตทหารไว้กลางทาง แน่นอน ผมมีพี่ชายมีน้องสาว ตอนนี้หม่ามีก็ท้องอยู่ด้วย ทรัพย์ สมบัติของตระกูลโตเล็กไม่ต้องให้ผมสืบทอด ทวดวางใจเถอะ”

กานต์เห็นความเสียดาย ในแววตาของคุณท่านตระกูลพร โสภณที่มีต่อบริศร์อย่างชัดเจน ถึงแม้เขาจะไม่พูดออกมาอย่าง ชัดเจน แต่ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดทำให้เขารู้สึกได้

เขาจะชดเชยความเสียดายของพ่อเอง

ตาของคุณท่านตระกูลพรโสภณเปียกชื้น

“โอเคๆ เป็นเด็กดีจริงๆ เลย หม่ามีลูกชายดีๆ แบบกานต์ ถือว่าเป็นวาสนาของเธอจริงๆ

“ไม่หรอกครับ การที่ผมมีแม่แบบนี้ต่างหากที่เป็นวาสนาของ

ผม”

กานต์พูดจบก็ยิ้มออกมา

คุณท่านตระกูลพรโสภณรักกานต์เป็นอย่างมาก

ทั้งสองอยู่ในห้องหนังสือครูใหญ่ จากนั้นจึงเดินออกมา เห็น ว่านรมนกับคิมกำลังคุยกันและทำอาหารอยู่ในครัว
“หม่ามีไม่ได้ทำอาหารนานแล้ว คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่มาก

เลย”

กานต์บ่นปาก แล้วพูดออกมา

“งั้นเหรอ งั้นทวดก็ถือว่าดีกว่ากานต์หน่อย ทวดเพิ่งจะทาน อาหารฝีมือแม่ของกานต์เมื่อไม่นานมานี้

เมื่อเห็นท่าทางได้อกได้ใจของคุณท่านตระกูลพรโสภณ กานต์ จึงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณทวดพูดแบบนี้ก็ไม่สวยสิครับ”

“แต่ทวดพูดเรื่องจริงนะ

คุณท่านตระกูลพรโสภณยังคงพูดหยอกกานต์ต่อ

กานต์ส่งเสียง ออกมา และกะว่าจะไม่สนใจคนแก่ที่ทำตัว เหมือนเด็กคนนี้อีก

เขานั่งลงบนโซฟาและเปิดทีวร จากนั้นจึงเปลี่ยนช่องไปที่ช่อง เกี่ยวกับทหารและตั้งใจเป็นอย่างมาก

คุณท่านตระกูลพรโสภณเป็นทหารมาทั้งชีวิต แน่นอนว่าเขา

ชอบข่าวเกี่ยวกับทหาร คนแก่และเด็กต่างพากันนั่งดูไปด้วยกัน

เมื่อนรมนกับคิมทําอาหารเสร็จและเดินออกมา ก็เห็นภาพอัน

รักใคร่ปรองดอง

คิมอึ้งไป ส่วนนรมนกลับไม่รู้สึกอะไร ตอนเด็กคนนี้อยู่ที่บ้านก็ ชอบดูข่าวเกี่ยวกับทหารจนทำให้เธอชินแล้ว

“กานต์เด็กขนาดนี้ ดูรู้เรื่องเหรอ”
“อย่ามองหลานของแม่เหมือนมองเด็กคนอื่น เขาเก่งมาก เลยนะ”

นรมนพูดอย่างภูมิใจ จากนั้นจึงจูงคมไปที่ห้องอาหาร จากนั้น ก็พูดกับคนแก่และเด็กที่นั่งอยู่บนโซฟา “ทานข้าวกันเถอะ”

“อ้อ โอเค”

คุณท่านตระกูลพรโสภณลุกขึ้นยืน และจูงกานต์ไปล้างมือเพื่อ ทานข้าว

อาหารเป็นอาหารแบบง่ายๆ ไม่ได้หรูหราอะไร แต่พวกเขาทุก คนกลับทานกันอย่างอบอุ่น

หลังจากทานข้าวเสร็จ นรมนรู้สึกขี้เกียจเล็กน้อย เธอนั่งพิงอยู่บนโซฟา กานต์ไปล้างผลไม้ในครัวและยกออก มาให้เธอ

“คุณทวด คุณยาย หม่ามี้ ทานผลไม้กันครับ

“เป็นเด็กดีจริงๆ เลย”

คุณท่านตระกูลพรโสภณยิ่งชอบเขาขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคมกลับ รู้สึกเอ็นดู

“ให้เด็กไปล้างผลไม้ได้ยังไง เขาเพิ่งจะกี่ขวบเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกแม่ ฝึกไว้ก็ดี อีกอย่างเด็กผู้ชายไม่ควรถูก ตามใจมากไป”

นรมรหยิบแอปเปิลขึ้นมากัด
คิมรู้สึกไม่เห็นด้วยเล็กน้อย

“จะฝึกยังไงก็เถอะ เขาอายุแค่สี่ขวบ ยังเด็กเกินไป กานต์มา หายาย ให้ยายกอดหน่อย

กานต์ดูปฏิเสธ แต่เมื่อหันไปมองหม่ามีพยักหน้าให้ เขาจึง เดินเข้าไปด้วยความจำใจ และอ้าแขนให้คิม

“ให้ยายกอดหน่อย”

“ครับ”

คิมกอดร่างเล็กๆ ของกานต์ จู่ๆ เธอก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงนรมนตอนเด็กๆ ว่าเป็นยังไง ฉลาดและเชื่อฟังแบบกานต์หรือเปล่านะ

จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองใช้ชีวิตอย่างล้มเหลวมาตลอด

เธอไม่ได้อยู่ในช่วงการเติบโตของลูกสาวทั้งสองคนเลย พลาดช่วงเวลาวัยเด็กของพวกเธอไป ตอนโตก็พลาดไปทั้งชีวิต

ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ถ้าให้เธอได้เลือกอีกสักครั้ง ตอนนั้นเธอจะไปทอดทิ้งนรมนเด็ดขาด

ลูกสาวของเธอจิตใจดีและอภัยให้เธอ แต่ว่าตอนนี้เธอเจ็บ ป่วย และไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ หรือว่านี่อาจจะเป็นการ ลงโทษจากสวรรค์ก็เป็นได้

นรมนรู้ความคิดที่อยู่ในใจของคิมดี เมื่อเห็นแววตาของเธอ จึงรีบพูดขึ้นทันที “แม่อย่ากอดแน่น กานต์จะหายใจไม่ออกอยู่”

เมื่อได้ยินดังคิมจึงปล่อยกานต์ออก จากนั้นจึงอย่าง เป็นกังวลว่า เป็นอะไรไหม

ไม่เป็นครับ อ้อมกอดของคุณยายอบอุ่นเหมือนหม่าเลย

ครับ”

กานต์ยิ้มกว้างออกมา

ตาของ

“ยายขอโทษกานต์กับหม่านะ

แม่พูดแบบนี้อีกแล้ว

นรมนว่าคิมในและเหมือนว่าคลายได้ไปตลอดชีวิต เธอทำได้เปลี่ยนเรื่องคุย

โอเคๆ ฉันไม่พูดแล้ว

คิมคิดชีวิตการที่นั่งอยู่กับลูกสาวอย่างสงบสุข รวม ถึงพูดคุยกับหลานอย่างสบายใจ

กานต์กับคุณท่านตระกูลพรโสภณพักหนึ่ง ธรรศก็มาถึง ว่าหน้าของเขาค่อยดี หลังที่ทักทายคุณท่านตระกูลโสภณ เขาหันไปมองนรมน

คุณปู่สาม อะไรหรือเปล่า กานต์กลับที่เขตทหารไม่ได้รอ หรือ…”
“ไม่ใช่เรื่องของกานต์

ธรรครีบส่ายหน้า เมื่อเห็นท่าทีสงสัยของนรมน เขาจึงอดทน

เอาไว้

“ไม่มีอะไรหรอก ฉันมีเรื่องนิดหน่อยนะ ฉันจัดการเองได้

พูดพลางเขาก็พากานต์ออกจากบ้านคุณท่านตระกูลพรโสภณ แต่ทว่าคุณท่านตระกูลพรโสภณได้รับโทรศัพท์ เขามองนรมน แวบหนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปที่ห้องหนังสือ

จู่ๆ นรมนก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ