แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 869 แค่เรื่องเล็กน้อย สมควรหรือ



บทที่ 869 แค่เรื่องเล็กน้อย สมควรหรือ

ตอนนี้นรมนไม่สนใจบริศร์จะออกไปหรือไม่ เธอรีบโทรไปหา โพนี่

“โพนี่ ฉันมีเลือดออก เด็กจะเป็นอะไรมั้ย

ตอนนี้นรมนไม่อยากรบกวนโพนี่ ในเมื่อโพนเธอก็ท้องเหมือน กัน แต่ตอนนี้เธอไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครจริงๆ

โพนี่ได้ยินนรมนบอกว่ามีเลือดออก ก็รีบพูด “เธอรอฉันก่อน ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้

นรมนล้างเนื้อล้างตัว แล้วหากางเกงสะอาดมาเปลี่ยน

จัดการเรียบร้อยแล้ว กานต์ก็เข้ามาพอดี เห็นใบหน้านามน ซีดเซียว ก็ถามเป็นห่วง “หม่าม ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ ไม่ต้องสนใจคุณบุริศร์ ผู้ชายอย่าไปตามใจมาก”

เขาพูดราวกับตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่แล้วอย่างไรอย่างนั้น

นรมนซะงักนิดหนึ่ง รู้สึกชื่นใจที่เวลานี้ลูกชายอยู่เคียงข้างเธอ อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรจ้ะ หม่ามีไม่ใส่ใจหรอก”

“ผมรินน้ำให้หม่ามนะครับ”

กานต์ไปในน้ำอุ่นมาให้นรมน นรมนจิบน้ำอุ่นแล้ว รู้สึกดีขึ้นมาก
“เอาล่ะ ลูกกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวน้าโพนี่มา หม่ามีต้อง ตรวจร่างกายหน่อย”

“ตรวจร่างกายจริงๆ หรือครับ หรือว่าน้องชายหรือน้องสาว เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

กานต์เป็นห่วงมาก

นรมนส่ายหน้า “ไม่มีอะไรจะ แค่ตรวจร่างกายตามปกติ เท่านั้น ลูกไม่ต้องกังวลหรอก”

กานต์เห็นนรมนพูดอย่างนี้ ก็ไม่พูดอะไรอีก เดินออกไปจาก ห้อง

บุริศร์นั่งอยู่ที่โซฟาด้านนอก สูบบุหรี่อย่างที่ไม่เคยเป็นมา ก่อน

กานต์เดินเข้าไปดึงออกมา แล้วขยี้กับที่เขี่ยบุหรี่

“ตอนนี้ภรรยาคุณไม่ค่อยสบาย หน้าซีดมาก คุณไม่รู้หรือไง เธอท้องอยู่ กระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้”

กานต์พูดเหมือนผู้ใหญ่ในร่างเล็ก

บุริศร์ขมวดคิ้วแน่น เห็นได้ว่าหงุดหงิดรำคาญค่าพูดของ กานต์มาก เขาถึงกับอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับกานต์ แต่ เวลานี้โพนี่เข้ามาพอดี

“นรมนเกิดอะไรขึ้น บอกคุณแล้วไม่ใช่หรือ ตอนนี้เธอตั้งท้อง ช่วงแรก กระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้ พวกคุณทะเลาะกันเรื่องอะไรกันแน่”

โพนี่ไม่ไว้หน้าบุริศร์

บริศร์ตอนนี้มีร้อยปากก็พูดได้ไม่ชัดเจน สุดท้ายลุกขึ้นพูด “ผมจะไปบริษัทหน่อย”

“คุณจะไม่รอฟังผลตรวจของนรมนหรือ

โพนี่รู้สึกประหลาดใจสุดๆ

บุริศร์กลับเดินไปไม่หันมามอง พูดขึ้น “มีคุณอยู่ด้วยไม่ใช่ หรือ เธอไม่เป็นอะไรหรอก

“คุณบุริศร์!”

กานต์ที่ยืนโมโหอยู่ตะโกนเรียก แต่บุริศร์ทำเหมือนไม่ได้ยิน เปิดประตูเดินออกไปแล้ว

เป็นครั้งแรกที่โพนี่เห็นบุริศร์เป็นอย่างนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

แน่

“กานต์ ดูแลพี่น้องก่อนนะ น้าจะไปดูหม่ามีของเธอหน่อย โพนี่รู้ว่ากานต์มีความเป็นผู้ใหญ่ ตอนนี้ได้แต่ทำอย่างนี้

กานต์จับชายเสื้อโพนี่ไม่สบายใจ ถามเสียงแผ่วเบา “น้าโพนี่ ครับ หม่า จะไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”

“วางใจเถอะ มีน้าอยู่ หม่าหนูไม่เป็นไรหรอก

โพนี่ดูออก กานต์กังวลมาก
แม้แต่เด็กยังรู้จักเป็นห่วงนรมน โพนี่ไม่เข้าใจจริงๆ บุริศร์มี เหตุผลอะไรกันแน่ถึงได้ไม่แยแสนรมน

เพราะปัญหาที่คลับวันนั้นหรือ

ไม่ว่าจะพูดอย่างไรควรจะเป็นนรมนที่น้อยใจไม่ใช่หรือ แต่เรื่องพวกนี้ โพนี่จะพูดต่อหน้าเด็กไม่ได้ ขยี้หัวกานต์แล้ว ขึ้นไปชั้นบน

โพนี่เปิดประตูห้องนอน ก็เห็นนรมนนั่งพิงอยู่บนเตียง ใบหน้า ซีดเหมือนไก่ต้ม

“เธอเป็นยังไงบ้าง ยังปวดท้องอยู่มั้ย”

โพนี่รีบหยิบอุปกรณ์มาตรวจ

นรมนเห็นโพนี่มาแล้ว ถึงค่อยรู้สึกโล่งอก

“ไม่เจ็บเท่าเมื่อกี้ กานต์รินน้ำอุ่นให้ฉัน พอฉันดื่มน้ำอุ่นแล้วก็ รู้สึกดีขึ้นหน่อย”

นรมนพูดจาเหนื่อยล้า

“อย่าเพิ่งพูด ฉันจะตรวจให้ละเอียด

โพนี่ตรวจร่างกาย นรมนไม่ได้พูดอะไรอีก ขณะที่หลับตาลง ดวงตาบวมไม่น้อย

เมื่อก่อนเวลาอย่างนี้ บริศร์จะอยู่ข้างเธอเสมอ แต่วันนี้ เขาไม่ อยู่กับเธอ และยังทะเลาะกับเธอต่อหน้าเด็กๆ ด้วย
นรมนรู้สึกว่าตัวเองมองบุริศร์ไม่ออก

แค่เรื่องเล็กน้อย สมควรหรือ ต่อให้โกรธ ก็ไม่ควรเดือดดาลขนาดนี้

วันนี้เธอปวดท้อง แต่บุริศร์ไม่ใส่ใจ ตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่เงา นี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

โพนี่ดูออกว่านรมนว้าวุ่นใจ ตรวจร่างกายเสร็จแล้วค่อยพูด ขึ้น “เธอหักโหมมากเกินไป แถมยังพักผ่อนไม่พอถึงได้ปวดท้อง ดีที่ไม่มีอะไรหนักหนา ต่อไปอย่าลืมล่ะ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ระวัง ไม่ให้อารมณ์แปรปรวนเกินไป เธอเป็นอย่างนี้จะทำให้ทุกคน เป็นห่วง”

“อืม ฉันรู้แล้ว วันนี้ฉันทะเลาะกับบุริศร์”

นรมนไม่รู้ว่าจะพูดกับใครดี ในใจรู้สึกอึดอัด

โพนี่คาดไม่ถึงจะได้ยินเธอพูดเช่นนี้

“ทะเลาะกับบุริศร์หรือ เธอไม่เคยทะเลาะกับเขาไม่ใช่หรือ

“เขาทะเลาะกับฉันต่อหน้าเด็กๆ ในห้องอาหาร ฉันมืดแปด ด้านทำไมพวกเราสองคนถึงเดินมาจุดนี้ เพราะอะไรกันนะ

นรมนอยากจะร้องไห้

โพนี่รู้ว่าเธอจิตใจบอบช้ำ รีบพูดปลอบใจ “เขาอาจจะรับไม่ได้ ช่วงหนึ่ง เดี๋ยวก็ดีขึ้น เธออย่าเสียใจไป เป็นห่วงร่างกายตัวเอง เถอะ ถ้าเธอไม่อยากทะเลาะกับเขา เธอไปอยู่บ้านคุณตามั้ยล่ะหรือไม่ก็อยู่บ้านคุณอาสองสามวัน ฉันได้ยินมาว่าแม่เธอกลับมา แล้ว”

“อืม แม่ไม่ค่อยแข็งแกร่ง ฉันคิดว่าจะไปเป็นเพื่อนเธอหน่อย นึกไม่ถึงก่อนไปจะเกิดเรื่องอย่างนี้

นรมนถอนหายใจ รู้สึกว่าปีนี้ไม่ราบรื่นเลย

โพนี่ก็เป็นทุกข์

“ฉันรู้เรื่องคมทิพย์แล้ว อย่าไปตำหนิเธอเลย เป็นใครเจอเรื่อง แบบนี้ก็ไม่มีทางนิ่งเฉยได้หรอก”

“ฉันเข้าใจ ไม่ตำหนิเธอหรอก ฉันแค่คิดไม่ถึงจู่ๆ บุริศร์จะเป็น แบบนี้ เหมือนกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

นรมนรู้สึกอย่างนี้จริงๆ

โพนี่ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็

ไม่ได้พูดออกมา

“เอาล่ะ เธอก็อย่าโทษตัวเองเลย ถ้าอยากออกไปเดิน ก็ไป เถอะ ร่างกายเธอไม่เป็นไร อย่าลืมพักผ่อนเยอะๆ ก็พอ เด็กๆ อยู่ ด้วย เธออย่าทําให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเธอสองคนมีปัญหากัน

คำพูดของโพนี่ทำให้นรมนพยักหน้า

“ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันนอนพักหน่อย เธอกลับไปก่อนเถอะ ถ้ามี อะไรฉันจะโทรไปหา เธอเองก็ดูแลสุขภาพด้วยนะ”

“จะ”
โพนี่กลับไปแล้ว นรมนนอนหลับสนิท

เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็เกือบเที่ยงแล้ว

ระหว่างนี้ บุริศร์ไม่โทรมาสักครั้ง ไม่ได้กลับมาดูอาการเธอ และไม่มีข้อความใดๆ

นรมนรู้สึกหัวใจเบาโหวง

แต่งงานแปดปีแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่บุริศร์ทะเลาะแบบนี้ หรือ ว่านี่คืออาถรรพ์รักเจ็ดปี

นรมนไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ แต่เธอรู้สึกน้อยใจ

ร่างกายดีขึ้นหน่อยแล้ว เธอลุกขึ้นล้างหน้า ลงไปข้างล่างเห็น แววตากังวลของกานต์ ในใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

ยังดีที่มีเด็กๆ อยู่ ไม่อย่างนั้นเธอไม่รู้ว่าจะเป็นทุกข์จนแทบ

อยากตายหรือไม่

“ลูกอยู่ที่ห้องรับแขกตลอดหรือจ๊ะ”

นรมนมองลูกชาย รู้สึกสงสาร

“ครับ ผมดูทีวีอยู่”

กานต์พยักหน้า ตอนที่นรมนเดินมาก็หาหมอนมาวางหลังนร

“หิวมั้ยจ๊ะ หม่ามีไปทำอะไรให้กิน

นรมนมองดูเวลา จะปล่อยให้เด็กๆ หิวไม่ได้
กานต์กลับพูดเสียงเบา “หม่าม ผมโทรไปหาคุณอาสามแล้ว พวกเราจะไปกินข้าวเที่ยงด้วย

นรมนชะงัก

เธอมองกานต์ เห็นแววตากังวลไม่สบายใจของกานต์ “กานต์ หม่ามี้กับแด๊ดดี้ไม่เป็นไร แด๊ดดี้แค่อารมณ์ไม่ดี เขา….

“เขาตะคอกหม่าม รู้ทั้งรู้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง รู้ทั้งรู้หม่าม ท้อง แต่เขายังออกไป ไม่โทรกลับมาถามเป็นห่วงเป็นใยสักคำ หม่าม หย่ากับเขาเถอะ ผมกับน้องสาวและกิจจาจะอยู่กับหม่าม เอง”

ตอนที่กานต์พูดอย่างนี้ออกมาทำให้นรมนตกใจ

หย่าหรือ

ทำไมคำพูดนี้ถึงออกมาจากปากเด็กอย่างกานต์ง่ายๆ

“กานต์ อย่าพูดบ้าๆ แด๊ดดี้หม่ามียังไม่ถึงขั้นต้องหย่า เขาแค่ ถูกทำร้าย เรื่องนี้หม่ามี้อธิบายไม่ได้ในเวลาสั้นๆ ลูกอย่าต่อว่า เขาเลย”

ถึงตอนนี้แล้ว นรมนยังเข้าข้างบุริศร์อีก ไม่อยากให้เด็กๆ

โกรธเขา

กานต์เม้มริมฝีปาก เห็นชัดว่าไม่ว่านรมนพูดอย่างไรก็ไม่เชื่อ แต่จะเถียงก็ไม่ได้

“เอาล่ะ ลูกบอกว่าจะไปกินข้าวที่บ้านคุณอาสาม งั้นพวกเราไปกินข้าวกัน ลูกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็บอกพี่ชายกับน้อง ด้วยนะ เดี๋ยวพวกเราออกไปด้วยกัน

นรมนตั้งใจพูดสบายๆ อันที่จริงในใจเป็นทุกข์ กานต์พยักหน้า ลุกขึ้นไปชั้นบน

มองเห็นกานต์ขึ้นไปแล้ว นรมนก็โทรไปหาบุริศร์

“ฉันกับเด็กๆ จะไปกินข้าวที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา คุณกินข้าว ข้างนอกละกัน หรือไม่ก็กลับมาที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา พวก เรา…”

“ผมกินข้าวข้างนอกเอง ไม่ต้องสนใจผม

พูดจบ บุริศร์ก็วางสายใส่

เมื่อได้ยินเสียงสายไม่ว่าง นรมนรู้สึกเป็นทุกข์อีกครั้ง

ตอนที่ออกจากบ้านไป เขารู้ว่าเธอร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แต่ เมื่อครู่เขาไม่ถามสักคำ

ความรู้สึกพวกเขาสองคน ยังไม่ถึงขั้นแตกหักไม่ใช่หรือ

นรมนมองมือถือในมือ ตะลึงไปชั่วครู่

กานต์พากมลกับกิจจาลงมา เห็นนรมนถือมือถือท่าทางเหม่อ ลอย ก็เรียกเธอ

“หม่ามี้!”

“อ้อ เด็กๆ ลงมาแล้ว ไปกันจ้ะ พวกเราไปกินข้าวที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดากัน”

นรมนตั้งใจแกล้งทำเป็นผ่อนคลาย แต่น้ำตาคลอตาทำให้ แววตาของกานต์เย็นเยียบ เขากับนรมนและทุกคนขึ้นรถ ตรงไปตระกูลทวีทรัพย์ธาดา

พอไปถึงตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ธรรศดีใจมาก รีบเรียกให้พวก

เขานั่งลง

กานต์กลับพูดขึ้น คุณอาสาม ผมอยากหาข้อมูลใน อินเทอร์เน็ต ผมขอไปใช้คอมพิวเตอร์ที่ห้องหนังสือของคุณอาได้ มั้ยครับ”

“ได้สิ!”

ธรรครักกานต์มาก ไม่มีทางปฏิเสธคำร้องขอของเขา

นรมนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะเรื่องของบุริศร์ ไม่ได้ สังเกตเห็นกานต์ไปห้องหนังสือ

กานต์เปิดคอมพิวเตอร์ สายตาเย็นชา คีย์พาสเวิร์ดที่คุ้นเคย ลงไป หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ปรากฏไฟร์วอลล์ของบริษัทฮวยกรุ๊ป จํากัด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ