แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 837 เด็กปากจัด



บทที่ 837 เด็กปากจัด

สถานที่แห่งนี้นรมนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเธอเคยมาดูแล กมลที่นี่

เพราะที่นี่คือโรงพยาบาลทหาร

อีกฝ่ายเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงได้มาอยู่ที่โรงพยาบาล ทหาร?

ในใจของนรมนเต็มไปด้วยความสงสัย

หลังจากถูกตรวจสอบรถราวกับว่าต้องทำเป็นประจำเสร็จ เรียบร้อย นภดลก็ขับรถตามเข้าไปข้างใน

คิ้วของนรมนขมวดมุ่นขึ้นเรื่อยๆ

ปาณีเห็นท่าทางของนรมน ก็เอ่ยถามเสียงเบาอย่างเป็นห่วง ว่า “คุณนาย คนที่จะเจออันตรายหรือเปล่าคะ? เมื่อฉันเห็น พวกที่เฝ้าอยู่หน้าประตูพกปืนกันทั้งนั้นเลย พวกเรา…….

“เดี๋ยวก็ได้เข้าไปแล้ว อย่าเพิ่งถามหรือพูดอะไร เงียบๆเข้าไว้ อยู่กับนภดลนะ เขาพาเธอหนีเธอก็ต้องหนี ไม่ต้องสนใจฉัน เข้าใจไหม?”

นรมนไม่ได้ตอบคำถามของปาณี แต่กลับพูดให้ปาณีกังวล มากกว่าเดิม

“คุณนาย ฉันทิ้งคุณไม่ได้หรอกค่ะ หน้าที่ของฉันคือเฝ้าดูแลคุณ ถ้าเกิด……

“ถ้าเธอออกไป ก็ยังสามารถแจ้งข่าวให้บริศรู้ได้ อยู่กับฉัน ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก เชื่อฉันนะ”

นรมนกุมมือของปาณีเอาไว้แน่น เธอพอจะคาดการณ์เอาไว้ แล้วว่าอีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ

ปาณียังอยากจะพูดอะไรออกมา แต่รถก็จอดลงเสียก่อน

นภดลมองนรมนผ่านกระจกหลัง พูดเสียงเบาว่า “ต่อให้ตาย ผมก็จะปกป้องคุณนาย

“ฉันไม่อยากให้นายตาย ฉันอยากให้นายมีชีวิตอยู่ อย่าลืม สิ นายยังต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ของฉัตรยานะ เพราะฉะนั้นนายจะ ตายไม่ได้ อย่างที่ฉันบอก ถ้ามีโอกาส ให้พาปาณีออกไปจาก ที่นี่ ทางที่ดีติดต่อบริศร์ให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ติดต่อคน อื่นๆ หรือว่าไปที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็ได้ คนข้างในนี้ พวก เธอรับมือไม่ไหวหรอก เชื่อฟังที่ฉันพูดถึงจะเป็นวิธีที่ปลอดภัย ที่สุด ฉันไม่อยากให้พวกเธอเสียสละอะไรทั้งนั้น เข้าใจไหม?”

นรมนพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม พร้อมกับจดจ้องมาที่นภดล เขม็ง

นภดลอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ต้องพยักหน้า

“ผมจะเชื่อฟังคุณนาย

“ปกป้องปาณีให้ดีๆ มันเป็นสิ่งที่ลูกผู้ชายอย่างนายควรทำ
นโมนพูดจบ คนของอีกฝ่ายก็เดินเข้ามา

“คุณนายบุริศร์ เชิญลงจากรถได้แล้วครับ คุณท่านกำลังรอ คุณอยู่”

นรมนส่งสายตาให้นภดล ห้ามไม่ให้เขาทำอะไรทั้งนั้น แต่นภดลไม่สามารถทนได้ เขาเปิดประตูออกไป แต่กลับถูก

คนรวบจับเอาไว้

“ต้องขอโทษด้วย คุณท่านอยากเจอแค่คุณนายบุริศร์คน เดียว คนอื่นให้รออยู่บนรถ

เรี่ยวแรงของอีกฝ่ายมีเยอะมาก ไม่ว่ายังไงนภดลก็ดิ้นไม่หลุด นรมนมองออก ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกฝึกมาอย่างหนัก

นภดล ฟังที่บอก ขึ้นไปรอฉันอยู่บนรถ

“แต่ว่า…….

“ไม่มีแต่ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก ไม่อย่างนั้นพวก เขาคงไม่เกรงใจฉันขนาดนี้

คําพูดของนรมนทำให้นภดล โมโหเป็นอย่างมาก “เกรงใจ? แบบนี้เรียกว่าเกรงใจเหรอ? นี่มันจับตัวมาชัดๆ!

อีกฝั่งไม่ได้ตั้งใจจะขัดบทสนทนาของนรมนกับนภดล ทว่า กลับพูดกับนรมนอย่างสุภาพว่า “คุณนายบุริศร์ เชิญครับ! อย่าให้คุณท่านรอนานเลย”
เห็นได้ชัดว่าเป็นถ้อยคำเร่งรัด แต่น้ำเสียงกลับสุภาพเป็น อย่างมาก จนหาข้อตำหนิไม่เจอ ถึงแม้นภดลอยากจะระเบิดลง สักแค่ไหน ก็ถูกนรมนห้ามไว้อยู่ดี

“เชื่อฟังที่ฉันพูด”

น้ำเสียงของนรมนเริ่มแข็งกร้าว

นภดลรู้ ว่าคราวนี้นรมนกำลังโกรธ และกำลังบอกเขาเป็น นัยๆว่าจะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าที่นี่ไม่ได้

ตอนนี้เขาอยากโทรหาบุริศร์มาก แต่ว่าสัญญาณโทรศัพท์ กลับถูกควบคุมเอาไว้ คนที่สามารถทำอย่างนี้ได้มีไม่มากนัก ดู เหมือนจะเป็นอย่างอื่นรมนบอกมา ว่าคนที่นี่ไม่ใช่คนที่เขา สามารถรับมือได้

เมื่อนรมนเห็นว่านภดลสงบลงแล้ว ถึงได้เปิดประตูลงจากรถ เมื่อเห็นสถานที่ตรงหน้า ในใจของนรมนก็ยิ่งหนักอึ้งยิ่งกว่า เดิม

เมื่อเทียบกับบ้านของพ่อแม่โพนี่ที่ตัวเองเคยอยู่ เห็นได้ชัด ว่าที่นี่คนละระดับ

ที่นี่คือบ้านเดี่ยวสองชั้น คงต้องเป็นคนมีฐานะระดับหนึ่งถึง

มาอยู่ในที่แบบนี้ได้

หลังจากที่ลงมาจากรถก็รู้สึกหนาวนิดหน่อย ปาณีจึงรีบเอา เสื้อตัวนอกมาคุมให้นรมน
“เธอรออยู่นี่แหละ”

นโมนไม่อยากให้ปาณีเข้าไป เพราะถึงยังไงยัยเด็กนี้ก็ไม่เคย ผ่าร้อนผ่านหนาวมาก่อน แต่คนของอีกฝ่ายกลับพูดออกมาว่า “ให้เธอเข้าไปกับคุณเถอะ ได้ยินมาว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ให้ พยาบาลปาณีตามเข้าไปก็ได้ คุณจะได้อุ่นใจ

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาแบบนี้ ในใจของนรมนก็ยิ่งหนัก

แม้แต่สถานะของปาณีก็สืบมาหมดแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าอีก ฝ่ายเตรียมการทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรก

การที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร แต่อีกฝ่ายกลับรู้เรื่องของตัวเอง อยู่ฝ่ายเดียวช่างเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเอาซะเลย

ปาณีเริ่มหวาดกลัว แต่ก็ไม่ยอมถอย

“คุณนาย ให้ฉันเข้าไปกับคุณเถอะนะคะ ให้คุณไปคนเดียว ฉันไม่สบายใจ”

เมื่อเห็นท่าทางกลัวๆ แต่ก็ยังไม่ยอมถอยของปาณีในใจของ นรมนก็รู้สึกอุ่นวาบ

“เข้าไปแล้วห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ทำ หน้าที่ของเธอให้ดีก็พอแล้ว เข้าใจไหม?”

“ค่ะ”

ปาณีพยักหน้า
เธอประคองนรมนเดินเข้าไปข้างใน

ข้างในมีความร่วมสมัยเป็นอย่างมาก เฟอร์นิเจอร์ไม้สีแดง ให้ความรู้สึกมั่นคง แต่ขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกเคร่งครัดน่า เกรงขาม

มือของปาณีที่กำลังประคองนรมนเอาไว้เริ่มขึ้นเหงื่อ

แล้วคิดว่านรมนไม่กังวลเหรอ?

เธอแค่แสดงออกมาไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงเป็นฝ่ายเสียท่าที

ก่อน

“คุณนายบุริศร์ เชิญนั่งรอตรงนี้ก่อน อีกสักพักคุณท่านก็จะ มาแล้ว”

ชายหนุ่มเดินนำพวกนรมนมาถึงห้องรับแขก จากนั้นก็ให้คน

ไปเอาน้ำชามาเสิร์ฟ

เป็นชาดาชื่อดัง แค่ได้กลิ่นนรมนก็รู้แล้วว่ามีมูลค่ามากแค่

ไหน

ปาณียืนเงียบอยู่ข้างหลังนรมน พร้อมทั้งจดจ่ออยู่กับการ ตกแต่งเบื้องหน้า

นรมนเลื่อนน้ำชาออก แล้วพูดยิ้มๆว่า “ขอเปลี่ยนเป็นน้ำ เปล่าได้ไหม ตอนนี้ฉันท้องอยู่ ดื่มชาไม่ค่อยได้หรอก”

“ขอโทษด้วยครับ ผมลืมคิดไป เดี๋ยวไปเปลี่ยนมาให้ อีกฝ่ายเอาน้ำเปล่ามาเปลี่ยนให้นรมนอย่างรวดเร็ว
ปาณีรับมาทดสอบอุณหภูมิดูก่อนแล้วค่อยส่งให้นรมน

นรมนยกน้ำขึ้นจิบ น้ำอุ่นๆช่วยทำให้ใจของเธอสงบลงบ้าง ถึงยังไง อีกฝ่ายก็ค่อนข้างสุภาพพอสมควร แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขา พาเธอมาที่นี่ทำไม

ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีผู้สูงอายุคนหนึ่งเดินเข้ามา

ผมของเขากลายเป็นสีเทาอมขาว ทว่าแววตากับสีหน้ายังคง ดูแข็งแรงดี จากกิริยาท่าทางของเขา นรมนพอจะมองออกว่า เขาเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจํา และเธอแน่ใจว่าตัวเองไม่ เคยเจอคนแก่ตรงหน้านี้มาก่อน

ผู้ชายที่รินน้ำชาให้นรมนก่อนหน้านี้พอเห็นผู้สูงอายุก็รีบโค้ง คํานับอย่างสุภาพ

“สวัสดีครับคุณท่าน”

“ออกไปได้แล้ว ปิดประตูด้วย ถ้าฉันไม่อนุญาต ห้ามให้ใคร เข้ามาทั้งนั้น

คนสูงวัยมีท่าทางมาดมั่น น้ำเสียงก้องกังวาน

ผู้ชายคนนั้นจึงพาทุกคนออกไป รวมไปถึงปาณี

ปาณีหันมามองนรมนอย่างเป็นห่วง นรมนจึงพยักหน้าให้เธอ เพื่อให้เธอสบายใจ ปาณีถึงได้เดินออกไปจากห้อง

เมื่อภายในห้องรับแขกเหลือแค่นรมนกับชายชรา เขาก็นั่งลง บนตำแหน่งหัวโต๊ะ สายตาที่ใช้มองนรมนพกพาความชื่นชมมาด้วย

“ไม่ตื่นกลัว ไม่หลุดท่าที ใช้ได้เลยนี่”

ขอสอบถามว่า ฉันรู้จักคุณท่านไหมคะ?”

นรมนไม่ได้งุนงงกับคำชมของอีกฝ่าย แต่กลับเอ่ยถามข้อ สงสัยในใจออกมาอย่างสุภาพ

ชายชรานิ่งไป พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย “แกไม่รู้ว่าฉันคือใคร?”

“ไม่รู้ค่ะ หวังว่าท่านจะแจ้งให้ทราบ

ท่าที่อ่อนน้อมของนรมนทำให้ชายชราถูกใจเป็นอย่างมาก “ฉันนามสกุลพรโสภณ คิมคือลูกสาวของฉัน คราวนี้แกคงรู้ แล้วสินะว่าฉันเป็นใคร?”

นรมนนิ่งอึ้งในทันที

“คุณตา?”

เธอคิดไม่ถึงเลย ว่าคุณตาของเธอจะยังมีชีวิตอยู่ อีกอย่างยัง อยู่ในเมืองชลธีอีกด้วย! ทำไมไม่เคยได้ยินแม่พูดถึงเลยล่ะ? ไม่ ว่าจะตอนที่คิมกลับมาที่เมืองชลธี หรือตอนที่อาศัยอยู่ในตระกูล ทวีทรัพย์ธาดา เธอก็ไม่เคยเห็นคิมมาเยี่ยมเยือนเลยสักครั้ง เธอคิดมาตลอดว่าคุณตาคุณยายไม่อยู่แล้ว แต่คนสูงอายุที่เห็น อยู่ตรงหน้านี้ นรมนพบว่า หน้าตาของเขามีส่วนคล้ายคิมอยู่ หลายส่วน
“คิมคือลูกสาวของฉัน แกเรียกฉันว่าคุณตาก็ถูกแล้วล่ะ หิว ไหม? ให้ฉันบอกคนใช้เอาของว่างมาให้ดีไหม?

คุณท่านตระกูลพรโสภณมีท่าทางใจดีเป็นอย่างมาก

นรมนรีบส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทานมาจากที่บ้านแล้ว แต่จะว่าไปฉันไม่เคย ได้ยินคุณแม่พูดถึงคุณตามาก่อนเลย ต้องขอโทษด้วยนะคะ”

“ไม่เคยพูดถึงฉันเลยเหรอ? ยัยลูกคนนี้นี่มันดื้อจริงๆ!

คุณท่านตระกูลพรโสภณหัวเราะออกมา ไม่ได้ดึงดันจะให้น มนกินอะไรอีก

นรมนยังคงสงสัย

ในเมื่อคุณท่านตระกูลพรโสภณรู้ทุกอย่าง แล้วทำไมถึงเพิ่ง อยากมาเจอเธอตอนนี้? ทั้งยังใช้วิธีแกมบังคับแบบนี้อีก

“คุณตา ที่คุณตาอยากพบฉันไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า คะ? หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่?”

นรมนเป็นห่วงคิม

ตั้งแต่ที่คิมออกจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็ไม่เคยส่งข่าวคราว มาเลย ครั้งก่อนกิมจิก็หาเบาะแสอะไรไม่เจอ ถึงแม้จะให้คน ของบุริศร์ไปสืบมา ก็ยังไม่ได้ข่าวคราวเหมือนเดิม นรมนจึง กังวลเป็นอย่างมาก

คุณท่านตระกูลพรโสภณไม่ได้มองมาที่นรมน แต่กลับยกแก้วน้ำชาขึ้นมาเปิดฝาออกเพื่อดมกลิ่น จากนั้นก็จิบเข้าปากคำหนึ่ง แล้วพูดว่า “แม่ของแกจะเป็นอะไรหรือไม่เป็นอะไร มันขึ้นอยู่กับ แก”

*หมายความว่ายังไงคะ?”

นรมนไม่เข้าใจ

คุณท่านตระกูลพรโสภณเหลือบมองนรมน เมื่อมองดวงตาใส แจ๋วคู่นั้นของเธอ ก็รู้สึกราวกับได้มองลูกสาวของตัวเอง ทั้งๆที่ ดวงตาของนรมนไม่ได้เหมือนดวงตาของคิม แต่กลับเหมือน ดวงตาของคนตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเสียมากกว่า

เขาเบนสายตากลับมา ครุ่นคิดอะไรอยู่สักพักก็พูดขึ้นมาว่า “ให้บริศร์ถอนฟ้องเรณุกาเสียสิ”

หัวใจของนรมนหล่นวูบ แต่ก็ยังเอ่ยถามอย่างมีสัมมาคารวะ

“ถามได้ไหมคะว่าทำไม?”

“แกจะทำอะไรก็ต้องมีเหตุผลรองรับไม่ใช่หรือไง? แล้วการที่ ฉันเป็นตาของแก ยังไม่เพียงพอที่จะให้แกทำตามคำพูดของฉัน อีกเหรอ?”

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ คุณท่านตระกูลพรโสภณเริ่มอารมณ์ไม่

ดีแล้ว

เขาเป็นคนประเภทที่มีอำนาจอยู่ในมือ จึงคิดอยู่เสมอว่าทุก คนต้องเชื่อฟังเขา

นรมนหัวเราะออกมาอย่างขำขัน “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องที่คุณท่านเป็นคุณตาของฉันไหมเลยค่ะ แค่คำพูดประโยคเดียว ฉันก็ ต้องยอมรับเหรอคะว่าคุณท่านเป็นคุณตาของฉัน มันไม่สมเหตุ สมผลไปหน่อยเหรอ แม้แต่สถานะของคุณท่านยังไม่มีอะไรมา ยืนยัน แล้วฉันจะตอบตกลงเพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของ คุณท่านได้ยังไงล่ะคะ คุณท่านว่าไหมล่ะ?”

“ยัยเด็กปากจัด! นิสัยนี้ไม่เห็นเหมือนแม่แกเลยสักนิด!

คำพูดของคุณท่านตระกูลพรโสภณทำให้นรมนยิ้มออกมา บางๆเหมือนอย่างเคย

“แม่ฉันเป็นคนมีเหตุผล เพราะฉะนั้นฉันจึงเชื่อว่า คนที่คอย พร่ำสอนแม่ฉันให้รู้จักเหตุผล ต้องเป็นคนที่ไม่ขาดสิ่งนี้ไป คุณ ท่านว่าไหมคะ?”

คำพูดของนรมนส่อแววเสียดสีอย่างชัดเจน ทำไมคุณท่าน ตระกูลพรโสภณจะฟังไม่ออก

อยู่มาจนแก่จนเฒ่าขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายจะถูก หลานสาวของตัวเองเสียดสีเข้าให้ สีหน้าของคุณท่านตระกูล พรโสภณจึงเริ่มบูดบึ้ง

“ฉันว่าบุริศร์ต้องตามใจแกจนเสียคนแน่ๆ คราวหลังฉันจะ บอกเขาว่าให้แกมาอยู่กับฉันที่นี่ ฉันจะได้สั่งสอนแกให้ดีๆ ฉัน ไม่เชื่อหรอกนะ ว่าเขาจะกล้าบุกเข้ามาแย่งตัวแกกลับไป

คำพูดของคุณท่านตระกูลพรโสภณทำให้นรมนนิ่งไป นี่มันอะไร?
คิดจะขังเธอเหรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ