บทที่ 836 คุณนายบุริศร์ไปถึงเดี๋ยวรู้เอง
พฤกษ์รู้สึกว่าตรงหน้ามีแต่ควันสีแดงเลือด เขาพยายาม ดิ้นรนหยิบโทรศัพท์ออกมาแจ้งข่าวบุริศร์ แต่ว่าเรี่ยวแรงที่เหลือ อยู่มีเพียงพอแค่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรออก หลังจาก นั้นเขาก็ไม่สามารถอดทนได้จึงหมดสติไป
ทางด้านบริศ เพิ่งทำอาหารเสร็จ ยังไม่ทันได้ไปปลุกนรมน ก็ พบว่ามีสายที่ไม่ได้รับโทรเข้ามา เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของ พฤกษ์
เขารู้ว่าพฤกษ์ไปทําอะไร แต่ทำไมเขาไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ล่ะ?
บริศร์กดโทรกลับ แต่ก็ไร้การตอบรับ
เขาเริ่มไม่สบายใจ
บริศ กดโทรกลับอยู่หลายรอบ แต่ก็ยังไม่มีคนกดรับสาย
อย่างเคย คิ้วของเขาพลันขมวดมุ่น
“เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้น?”
ไม่รู้ว่านรมนตื่นตั้งแต่ตอนไหน เมื่อเดินลงบันไดมา แล้วเห็น ท่าทางของบุริศร์ในตอนนี้ จึงอดเอ่ยปากถามขึ้นมาไม่ได้ บุริศร์ รีบเดินเข้ามาหา ราวกับกลัวว่าเธอจะหกล้มอย่างไรอย่างนั้น
“เดินช้าๆ ตื่นตั้งแต่ตอนไหน? ทำไมไม่เรียกผม
“แล้วทำไมต้องเรียกคุณด้วย? คุณก็ทำเป็นเครียดไปได้ จะ กินจะนอนที่ฉันต้องเรียกให้คุณมาปรนนิบัติหรือไง ว่าแต่ เมื่อกี้ คุณ โทรหาใครเหรอ? มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
บุริศร์ส่ายหน้าให้กับคําถามของนรมน
“ไม่มีอะไรหรอก พฤกษ์โทรมานะ แต่ผมไม่ได้ยินเสียง เมื่อ ผมโทรกลับ แต่พฤกษ์ก็ไม่รับ คงกำลังยุ่งอยู่ล่ะมั้ง
นรมนนิ่งไปเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น “ปกติพฤกษ์รับโทรศัพท์คุณ ตลอดนะ ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
“ผมจะออกไปดู คุณอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม? ไม่งั้นผมจะได้ เรียกปากลับมา เพื่อคุณอยากออกไปเดินเล่นในเมืองชลธี ผมไม่สบายใจถ้าต้องปล่อยคุณอยู่บ้านคนเดียว”
บุริศร์พูดพร้อมกับกำลังกดโทรออก
แต่นรมนกลับพูดกลั้วยิ้มขึ้นมาว่า “ไม่ต้องหรอก ฉันออกไป กลับคุณดีกว่า”
“ผมลืมบอกคุณไปเลย พฤกษ์บอกผมว่า อีกเดี๋ยวคมทิพย์ จะกลับมาที่เมืองชลธีแล้วนะ ผมว่าคุณรออยู่ที่บ้านดีกว่า” เมื่อ ได้ยินบริศ พูดมาอย่างนี้ นรมนก็ดีใจขึ้นมาในทันที
“คมทิพย์จะกลับมาแล้ว? ดีจัง ตั้งแต่ที่เธอกับน้องชายไป ชายแดนฉันก็ติดต่อเธอไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง ตอนนี้กลับมาได้ก็ดีสุดๆไปเลย
เมื่อเห็นนรมนดีอกดีใจขนาดนี้ บุริศร์ก็ไม่กล้าพูดอะไร จึงพูดโน้มน้าวเธอว่า “ดังนั้นคุณรออยู่ที่บ้านเถอะ ผมจะออกไปหา พฤกษ์เอง ผมจะโทรบอกให้นภดลกับปาณีกลับมาอยู่ด้วย ถ้า ไม่อย่างนั้นผมคงไม่สบายใจ
“ก็ได้ เอาตามที่คุณพูดก็แล้วกัน ฉันเชื่อฟังคุณทุกอย่าง”
เมื่อนรมนเห็นบุริศร์เป็นกังวล จึงหยุดดึงดันที่จะไปให้ได้ ทําได้เพียงพยักหน้าอย่างยินยอม
“วันหลังถ้าร่างกายของคุณดีขึ้นแล้ว ผมจะพาคุณไปด้วย
“ไม่ต้องมาปลอบใจฉันหรอก ฉันไม่ได้อยากออกไปขนาดนั้น ซะหน่อย คุณรีบไปเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้
นรมนรู้สึกว่าตอนนี้บริศร์แทบจะเห็นเธอเป็นตุ๊กตากระเบื้อง ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ทำให้เธอมีความสุขมากๆ
“ผมทำกับข้าวเอาไว้แล้ว คุณกินก่อนได้เลยนะ ไม่ต้องรอผม”
“ได้”
เมื่อจัดแจงให้นรมนเสร็จเรียบร้อย บุริศร์ก็ขับรถออกไปด้วย ความเร็ว
ไม่นาน บุริศร์ก็ได้รับข้อความว่าพฤกษ์เกิดอุบัติเหตุ เขาจึง มุ่งไปที่โรงพยาบาลเป็นอันดับแรก
พฤกษ์ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน มีคนเผอิญมาเห็นจึงโทรแจ้ง ตำรวจ ไม่รู้ว่าจะช่วยเอาไว้ได้ทันไหม ตอนนี้บริศร์รู้สึกใจไม่ดีมาก
พฤกษ์เปรียบเสมือนพี่น้องของเขา ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนี้ ต้องเกี่ยวกับธัญญาและชนะพลแน่ๆ
บางทีพฤกษ์อาจจะตกเป็นเป้าของคนอื่นมาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้
ใครเป็นคนทํา?
ใครกันที่อยากเล่นงานให้พวกเขาถึงตาย?
บริศ คิดไม่ออก
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงโทรศัพท์ของพฤกษ์ก็ดังขึ้นมา
เมื่อบริศร์เห็นเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นคนของตัวเอง ก็รีบกดรับ
สาย
“ฉันบริศ เอง มีเรื่องอะไร
เมื่อบอดี้การ์ดได้ยินเป็นเสียงของบุริศร์ ก็รีบพูดว่า “ประธาน บริศร์ ชนะพลถูกนำตัวไปแล้ว ตอนนี้เหมือนเรากำลังโดนปั่น หัว”
“รู้แล้ว กลับมาก่อน”
สำหรับผลลัพธ์ที่พอจะเดาได้ตั้งแต่แรก บุริศร์ไม่ได้รู้สึก สะท้านใจสักเท่าไหร่ ตานี้ เขาแพ้แล้ว ตอนนี้เขาหวังแค่พฤกษ์ปลอดภัยก็พอแล้ว
ทางด้านนรมนหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ปาณีกับนภดลก็มาถึง
สีหน้าของนภดลยังคงเรียบนิ่งเหมือนอย่างเคย ส่วนปากลับ ดูร่าเริงเป็นอย่างมาก
“คุณนาย เมืองชลธีสวยมาก ครั้งแรกที่ได้เห็นทะเล ฉันก็
รู้สึกชอบที่นี่เลย” เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของปาณี นรมนก็พูดยิ้มๆว่า “ถ้าชอบก็
อยู่ต่อเถอะ ขอแค่เธออยากอยู่ ที่นี่ก็จะมีห้องให้เธอตลอด
“ขอบคุณนะคะคุณนาย
ปาณีรีบเทชาร้อนๆ ให้นรมน
“ประธานบริศร์ไปทำงานเหรอคะ?”
“ออกไปธุระข้างนอกนะ นภดล ช่วยค้นดูให้หน่อยว่าเที่ยว บินของคมทิพย์คือกี่โมง ฉันอยากไปรับที่สนามบิน นรมนนั่งไม่ติดพื้น
เธอรู้ว่าตัวเองควรพักผ่อนอยู่ที่บ้าน แต่ว่าเธอไม่ได้เจอคม ทิพย์ตั้งนาน เธอจึงคิดถึงอีกฝ่ายมากๆ อีกอย่างไปอยู่ชายแดน นานขนาดนั้น พวกเธอจึงได้ติดต่อกันแทบจะนับครั้งได้ ครั้งนี้ ยังไงเธอก็ต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าคมทิพย์เป็นยังไงบ้าง
นภดลได้ยินแบบนั้นก็นิ่งไป แล้วเอ่ยถามว่า “ร่างกายคุณไหว เหรอ?”
“ไม่มีปัญหา ฉันกลับมาพักผ่อนได้สักพักแล้ว ตอนนี้รู้สึกดีขึ้น มากๆ อีกอย่างฉันพาปาณีไปด้วย ถ้ามีเรื่องอะไร ปาณีช่วยฉันได้แน่ๆ วางใจเถอะ”
“แล้วประธานบริศร์ล่ะครับ?”
นภดลยังไม่ค่อยวางใจ
เมื่อนรมนเห็นท่าทางของเขา ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “บุริศร์ไป หาพฤกษ์ น่าจะเป็นเรื่องงานแหละ สบายใจเถอะน่า ฉันไม่เป็น อะไรจริงๆ ฉันสัญญา ว่าถ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนจะบอกพวก เธอทันทีตกลงไหม?”
เมื่อเห็นนรมนูพูดมาขนาดนี้ นภดลก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เขาค้นหาเที่ยวบินของคมทิพย์อยู่สักพัก จากนั้นก็พูดกับนร มนว่า “อีกห้าสิบนาทีก็มาถึงสนามบินแล้วครับ”
“พอดีเลย เราขับรถไปก็คงถึงพอดี”
เมื่อนรมนพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว นภดลก็ไม่มีอะไรให้ขัด ปาณี จึงเข้าไปหยิบเสื้อตัวนอกมาให้นรมน จากนั้นพวกเขาก็ออกจาก
บ้าน
เธอนั่งพิงอยู่ตรงเบาะหลัง ทางด้านปาณีก็ห่มผ้าให้เธอ เมื่อ นภดลปรับลดอุณหภูมิในรถเสร็จ ทั้งสามก็ออกเดินทาง
“คุณนาย ระหว่างนี้หลับตาพักผ่อนก็ได้นะคะ
นรมนพยักหน้าให้ปาณี
นรมนูหลับตาลง รถขับไปอย่างคงที่ แต่จู่ๆก็เบรกอย่าง กะทันหัน จนนรมนกับปาณีต้องโน้มตัวไปข้างหน้า
“เกิดอะไรขึ้น?”
นรมนูลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าจอดรถลงแล้ว
ปาณีจับมือของนรมนไว้แน่น แล้วพูดเสียงเบาว่า “คุณนาย เหมือนเราจะถูกล้อมเอาไว้
นรมนมองภาพเบื้องหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
รถทั้งสี่คันขวางทางไปของนภดลเอาไว้ทั้งหน้าทั้งหลังและ ซ้ายขวา และบริเวณนี้ก็ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ด้วย ดูออกได้ง่าย มากว่าอีกฝ่ายเตรียมการเอาไว้นานแล้ว
นั่นก็แปลว่า มีคนตั้งใจรอเธออยู่ที่นี่ หรือไม่ก็อาจจะรู้ว่าคม ทิพย์กลับมาวันนี้ และเธอต้องไปรับที่สนามบินแน่ๆ ดังนั้นจึง แอบซุ่มโจมตีตรงบริเวณนี้
เมื่อคิดได้ดังนี้ นรมนก็ไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลเท่าไหร่
นภดล เปิดกระจกดูซิว่าพวกเขาจะทำอะไร?”
คําพูดของนรมนทำให้นภดลขมวดคิ้ว
“คุณนาย วันนี้เราไม่ได้พาคนมาด้วย ถ้าเกิดพวกนั้น………
“ถ้าเกิดอะไรก็ค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้นายไปดูก่อนว่าพวกเขา ต้องการอะไร? อีกอย่างนะ ต่อให้นายไม่เปิดกระจก เราก็ทำ อะไรไม่ได้อยู่ดีไม่ใช่หรือไง? ถ้าเราเอาแต่จอดรถอยู่อย่างนี้มัน จะมีทางออกอื่นไหม? เปิดกระจก !
คำพูดของนรมนทำให้นภดลไร้ทางโต้เถียง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดกระจกรถ
ข้างนอกมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ คาดว่าน่าจะเป็นบอดี้การ์ด “คุณนายบุริศร์ คุณท่านของพวกเราอยากเชิญคุณไปพบ อีกฝ่ายรับรู้เป็นอย่างดีว่าคนที่อยู่ในรถคือใคร
“คุณท่านของพวกคุณคือใคร? จะเชิญคุณนายของพวกเราไป ทั้งอย่างนี้น่ะเหรอ?”
สายตาของนภดลค่อนข้างไม่เป็นมิตร
แต่อีกฝ่ายกลับพูดยิ้มๆออกมาว่า “คุณท่านบอกว่า คุณนาย ริศร์ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”
“นภดล ขับรถตามพวกเขาไป นรมนออกคำสั่งก่อนที่นภดลจะเอ่ยพูดอะไรออกมา
แต่นภดลไม่ค่อยเห็นด้วย
“คุณนาย ผมคิดว่าเราไม่ควรไป
“เกรงว่าเราคงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ ไปเถอะ ฉันก็อยากรู้ เหมือนกัน ว่าใครเป็นคนเชิญ”
นรมนกลับไม่ตื่นกลัวแต่อย่างใด
ปาณีจึงแอบส่งข้อความไปให้บริศร์ บอกเขาว่านรมนถูกจี้ เอาตัวไป
นรมนอมยิ้มให้กับการกระทำเล็กๆน้อยๆของปาณี
ยัยเด็กคนนี้ไหวพริบดีจริงๆ หลายๆเรื่องไม่ต้องบอกต้องสอน ก็รู้แล้วว่าต้องทำยังไง
เมื่อคนข้างนอกเห็นว่านรมนตอบตกลงแล้ว ก็พูดยิ้มๆเหมือน เดิมว่า “คุณนายบุริศร์ ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่พอดีว่าคุณ ท่านของพวกเราต้องการพบคุณแค่คนเดียว ดังนั้นสัญญาณของ คุณจึงถูกพวกเราบล็อกเอาไว้หมดแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ขอแค่ไปพบคุณท่านเสร็จ หลังจากนั้นพวกเราจะพาคุณกลับมา ส่งอย่างปลอดภัย”
สีหน้าของนรมนเริ่มดูไม่ได้
เมื่อรู้ว่าข้อความที่ปาณีเพิ่งส่งออกไปเมื่อไม่สามารถส่งไปถึง บุริศร์ได้
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็พบว่าไม่มีสัญญาณเหมือนอย่างที่
อีกฝ่ายว่าเอาไว้
ด้านปาณีก็เริ่มกลัวและกังวล
“คุณนาย ทำยังไงดีคะ?”
“ไม่ต้องกังวล คนที่พวกเขาต้องการคือฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับ พวกเธอ พวกเขาไม่ทำอะไรพวกเธอหรอก นภดล ถ้าหากมีอะไร เกิดขึ้น นายพาปาณีไปก่อนเลยนะ”
คำสั่งของนรมนทำให้ปาณีนิ่งค้าง จากนั้นนัยน์ตาก็เอ่อคลอ
ไปด้วยน้ำตา
นานมาแล้วที่ไม่เคยมีใครเป็นห่วงเธออย่างนี้
ทางด้านนภดลกลับพูดเสียงนิ่งว่า “หน้าที่ของผมคือดูแล ปกป้องคุณนายให้ปลอดภัย คนอื่นไม่เกี่ยวอะไรกับผม นรมนายหน้าอย่างจนใจ
“ขับรถเถอะ”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงทำได้แค่ค่อยๆเป็นค่อยๆไปทีละก้าว เมื่อชายหนุ่มเห็นนรมนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ก็โบกมือ ให้รถโดยรอบถอยหลัง เพื่อเปิดทางให้แก่พวกเขา
นภดลคิดจะขับพุ่งออกไป แต่กลับได้ยินนรมนพูดขึ้นมาว่า “อย่าเพิ่ง ฉันอยากรู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร ช่วงนี้มีเรื่องมีราวเยอะ มาก ฉันคิดว่านอกจากเรณุกาแล้วยังมีมือมืดอยู่เบื้องหลัง ไป ดูเถอะ บางทีอาจจะเปิดช่องโหว่ออกได้ เรื่องราววุ่นวายพวกนี้ จะได้มีทางแก้ไขสักที”
นรมนพูดอย่างเรียบนิ่ง ไม่มีแม้แต่ท่าทางเป็นกังวล
เมื่อนภดลเห็นเธอใจเย็นได้ถึงขนาดนี้ ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ ว่า “คุณนายเตรียมคนไว้แล้วหรือเปล่าครับ?”
“เปล่า ก็แค่อยากไปดู วางใจได้ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ตามพวกเขาไปเถอะ
เมื่อเห็นนรมนพูดแบบนี้ นภดลจำต้องขับรถตามคนพวกนั้น
ปาณีต้องมาเจอกับสถานการณ์อย่างนี้เป็นครั้งแรก มือทั้งสองข้างที่เปียกชื้น จับมือของนรมนเอาไว้แน่น ร่างกายสั่นเทา เล็กน้อย
“คุณนายคะ เราจะต้องไม่เป็นอะไร
เธอปลอบใจนรมน
เมื่อนรมนเห็นว่าอีกฝ่ายกลัวจนจะตายแล้ว แต่ยังมีอารมณ์มา เอ่ยปลอบเธออีก ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงนะ เธอจะไม่เป็นอะไรหรอก ฉันเอาชีวิตเป็น ประกันเลย”
เมื่อเห็นนรมนพูดอย่างนี้ ปาณีถึงได้สบายใจขึ้นมาบ้าง
นั่งรถเป็นเวลานาน ในตอนที่นรมนกำลังผล็อยหลับรถก็จอด ลงในที่สุด แต่ในตอนที่นรมนเห็นสถานที่ตรงหน้า เธอก็นิ่งไป ทันที
เป็นที่นี่ได้ยังไง?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ