บทที่ 800 หายใจไม่ออกก็หายใจไม่ออกเถอะ
“เกิดอะไรขึ้น?”
บริศ อดที่จะถามไม่ได้ เมื่อเห็นนรมนร้อนรนใจจนอยากลุกลง มาจากเตียง
“พ่อแม่ของฉันไม่รับสาย และปิดมือถือ ฉันอยากไปดูพวกเขา มันน่าละอาย ช่วงนี้ฉันไม่ได้ไปเยี่ยมท่านเลย แม่กระทั่งโทรไป หาก็ไม่ ฉันมันอกตัญญูจริง พวกเขาต้องเสียใจแน่
นรมน โทษตัวเอง
บุริศร์กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา และกระซิบ “เป็นความ สะเพร่าของผมเอง ผมไม่ได้คิดให้รอบคอบ อย่างนี้ดีไหม ผมจะ ไปดูเอง คุณพักอยู่บ้านเถอะนะ”
“ไม่ค่ะ ฉันจะไปดูเอง หลายสัปดาห์แล้วที่ฉันไม่ได้ไปหาพวก เขา แถมพวกเขาไม่รับสายฉันด้วย ฉันรู้สึกว่ามันไม่ปลอดภัย ดู ด้วยตาตัวเอง ฉันจะได้หมดกังวล
เมื่อได้ยินสิ่งที่นรมนพูด บุริศร์ก็ไม่สามารถบังคับให้เธออยู่
บ้าน
“โอเค ถ้าอย่างนั้นคุณจัดการตัวเองให้เรียบร้อย กินอะไรสัก หน่อย ร่างกายคุณไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน สุขภาพก็ไม่โอเค ถ้าไม่ กินอะไรผมจะไม่ให้ออกนอกบ้านนะ
นโมนพยักหน้า เมื่อได้ยินบริศ พูดอย่างนี้
“โอเค ฉันจะกินสักหน่อย พวกเด็กๆ ให้อยู่ในบ้านก็ไม่มี ปัญหาใช่ไหม?”
“ไม่มีปัญหา”
นโมนพยักหน้า
บริศ ยกอาหารขึ้นมา
นรมนจัดการตัวเอง นั่งลงกินอาหาร ถึงแม้บางครั้งจะรู้สึกไม่ ค่อยสบาย แต่เธอก็ยังมองข้ามเบาะแสไป
เมื่อเห็นเธอกินอาหารหมดแล้ว บุริศร์ก็พูดเบา ๆ “ผมจะขับ รถ คุณรอผมที่หน้าประตูนะ”
“ค่ะ”
นรมนูหยิบของและลงไปชั้นล่าง เมื่อเธอเห็นธิดาก็จัดแจงพูด
คุยสักสองสามคำ ก่อนจะออกไปกับบริศร์
แม้ว่าบริศร์รู้ว่านรมนกำลังร้อนใจ แต่เขาก็ยังขับรถไปเรื่อยๆ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงบ้านของพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน แต่น่า เสียดายที่ประตูล็อคอยู่
“ไม่อยู่บ้านเหรอ?”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ บุริศร์อดไม่ได้ที่จะถาม
“ฉันจะเข้าไปดูหน่อย”
นโมนหยิบกุญแจออกมาและเปิดเข้าไปในบ้าน ข้าวของข้าง ในถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนเดิม แต่ นรมน เพิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
บุริศร์ตามหลังเธอไป ก็ไม่พบอะไร
“ดูเหมือนว่าจะออกไปข้างนอกนะ” “คุณแม่บ้านในบ้านละ?”
นรมนค้นพบสิ่งที่มองข้ามไป
เนื่องจากพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนอายุมากแล้ว และนรมนไม่ สามารถกลับมาดูแลพวกเขาบ่อยๆ ได้ ดังนั้นเธอจึงจ้างแม่บ้าน ให้พวกเขา รวมทั้งแม่บ้านคนเดิมของตระกูลธนาศักดิ์ธนด้วย จึง เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง
บริศ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณมีเบอรโทรของพวกเขาไหม
“มีค่ะ ฉันหาก่อน”
นรมนหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างรวดเร็วและเริ่มค้นหา ไม่
นานก็เจอ
เธอ โทรหาแม่บ้าน
“สวัสดีค่ะ พี่รอัน พ่อแม่ฉันไม่อยู่บ้านหรือคะ ทำไมพวกคุณก็ ไม่อยู่? เกิดเรื่องอะไรไหม?”
พรีอันซะงักไปนิด ก่อนจะจำเสียงของนรมนได้
“คุณหนูใหญ่คะ ฉันเอง ฉันถูกคุณท่านธนาศักดิ์ธนไล่ออกแล้ว
“ถูกไล่ออกแล้ว? ทำไมคะ?”
นรมนยิ่งงุนงงมากขึ้น
พรีอันถอนหายใจ ก่อนพูด “ฉันก็ไม่รู้ค่ะ ฉันจัดการทุกอย่าง อย่างดี อยู่ๆวันหนึ่งคุณท่านธนาศักดิ์ธนก็บอกกับฉันว่าจะออก ไปท่องเที่ยวรอบโลกกับคุณนายธนาศักดิ์ธน ไม่ต้องการให้พวก เราดูแลบ้านแล้ว ให้พวกเราออกไป และยังให้เงินเดือนเพิ่มแก่ หนึ่งเดือน ทำไมหรือคะ? คุณหนูใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้หรือคะ?”
“ฉันไม่รู้ พ่อแม่ฉันไล่พวกคุณออกไปเมื่อไหร่คะ?”
นรมนถามอย่างรวดเร็ว พรีอันอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่นานนะคะ สิบสันก่อนนี่เอง” “สิบวันก่อน? พ่อแม่ฉันบอกไหมคะว่าจะไปที่แรกที่ไหน?” “ไม่ค่ะ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราควรถาม ดังนั้นเราจึงไม่ถามค่ะ” เมื่อได้ยินสิ่งที่พรีอันพูด นรมนก็ไม่รู้จะถามอะไรแล้ว “ขอบคุณค่ะพรีอัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหนูใหญ่ ฉันได้ยินคุณท่านธนาศักดิ์ธนพูด ตอนนี้คุณก็แต่งงานแล้ว ชีวิตมีความสุขดี พวกเขาอยู่บ้านว่างๆ ออกไปพักผ่อนหย่อนใจเสียหน่อย คุณหนูโทรหาพวกท่านสิคะ น่าจะรู้ว่าอยู่ไหนกันแล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งที่พรีอันพูด นรมนก็รู้สึกหดหู่ใจ “มือถือพวกท่าน
“โอ้ อาจจะอยู่บนเครื่องบินนะคะ รออีกนิดเถอะค่ะ สักพักค่อย
ลองโทรอีกรอบ”
“คงต้องเป็นอย่างนั่นค่ะ ขอบคุณค่ะพรีอัน
นรมน โทษตัวเองเป็นอย่างมาก หลังจากวางสายไป
บุริศร์โอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา และพูดเสียงอ่อนโยนว่า “ผมไม่ดีเอง ไม่ได้ดูแลพ่อแม่ของคุณ
“ไม่เกี่ยวกับคุณเลยค่ะ คุณเป็นลูกเขย ฉันเป็นลูกสาว ฉันควร จะคิดว่าพ่อแม่ของฉันคงจะเหงาหลังจากที่ฉันแต่งงาน น่าจะรับ พวกเขาไปที่บ้านของเราแต่แรกก็คงดี ตอนนี้พวกเขาอยู่ไหน ฉัน ก็ไม่รู้ ลูกอย่างฉันจะมีประโยชน์อะไรคะ? ไม่รู้ว่าจิตใจของพ่อแม่ จะเศร้าแค่ไหน”
“อย่าคิดอย่างนี้สิ พ่อแม่ออกไปเที่ยวก็เป็นชีวิตวัยชราอย่าง หนึ่ง พวกเขาทำงานหนักเพื่อคุณมาทั้งชีวิต ตอนนี้เขาสามารถ ปล่อยคุณไปได้ มันไม่เลวเลยที่จะมีชีวิตเล็กๆ เป็นของตัวเอง บางทีอาจจะอยู่บนเครื่องบินจริง รอสักพักแล้วค่อยโทรไปถาม ใหม่นะ”
บริศร์ปลอบโยนนรมน
นโมนพยักหน้า
“ฉันอยากอยู่ที่สักพัก ได้ไหมคะ?”
“ดูพูดเข้าสิ ที่นี่คือบ้านเดิมของคุณนะ ถ้าคุณอยากอยู่ที่นี่ผม จะอยู่เป็นเพื่อน”
ความอ่อนโยนของบริศร์ ทำให้นรมนซาบซึ้ง
“ไม่ต้องไปทํางานหรือคะ? ฉันอยู่คนเดียวได้นะ”
“งานทําเมื่อไหร่ก็ได้น่า ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทได้จ่ายเงินจํานวน มากในการดูแลหัวกะทิเยอะเสียขนาดนั้น ผมต้องให้โอกาสเขา ในการแสดงความสามารถเสียหน่อย ใช่ไหม? ช่วงนี้ผมไม่ไป ไหน จะอยู่ข้างกายคุณกับลูกๆ บอกตามตรง แต่งงานกันมานาน แล้ว ผมยังไม่เข้าห้องส่วนตัวของคุณเลย
บุริศร์กล่าวอย่างรู้สึกผิด “ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่คุณไม่อยู่ ผมไม่ได้เข้าบ้านของตระกูลธนาศักดิ์ธนด้วยซ้ำสองปีท้ายใน ที่สุดก็เข้ามา พ่อแม่ไม่ให้ผมเข้าห้องของคุณ สำหรับพวกเขา ห้องส่วนตัวของคุณเป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุด”
“ที่ไหนละ ธรรมดามาก ฉันจะพาคุณเข้าไปดู
นรมนยิ้ม พลางจูงมือบุริศร์เข้าไปยังห้องของตัวเอง
การตกแต่งภายในห้องของตัวเองยังเหมือนเดิมตอนที่เธอยัง ไม่แต่งงาน ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
ที่นี่สะอาดมาก
นรมนมองทุกอย่างนี้ และรู้สึกเสียใจต่อพ่อแม่ของเธอมาก
“ตุ๊กตาพิงค์แพนเตอร์นี้พ่อฉันซื้อให้เมื่อตอนเจ็ดขวบ ตอนนั่นฉันเพ้อฝันมาก คิดว่าตัวเองอายุสิบแปด เก็บของขวัญพวกนี้คง ถูกคงหัวเราะเยาะ แต่ตอนนี้คิดดูแล้ว ทั้งหมดเป็นความรักของ พ่อแม่ จริงๆแล้วฉันยังคงชอบพิงค์แพนเตอร์มากๆเลยละ
นรมนสัมผัสพิงค์แพนเตอร์บนเตียง พลางระลึกถึงความทรง จําเก่า
บริศ หยิบเสื้อคลุมออกมา ก่อนสวม ให้เธอ และนั่งข้างๆ ก่อน กระซิบ “ตอนนี้คุณก็เพ้อฝัน จริงๆแล้วหญิงสาวสามารถเพ้อฝัน ได้ตลอดชีวิต”
ยังรักษาความเป็นหญิงสาวอย่างนั้นจะถูกคนหัวเราะ เอาได้นะ”
“ใครกล้าหัวเราะคุณ? นอกจากผมแล้ว ยังมีเด็กตัวเหม็นอีก สองคน ถ้าพวกเขากล้าคุณ คุณดูแล้วกันว่าผมจะจัดการพวก เขาอย่างไร?”
นรมนหัวเราะขึ้นมาทันที
“ฉันจะไปทำลูกคุณได้อย่างไร ป่าเถื่อนจริง
“ที่ไหนละ ทำลูกชายผมนี่คือสุขที่สุดแล้ว จริงสิ ผมลืมบอกคุณ ผมเพิ่งได้รับข่าวมาว่า สถานที่ที่กานต์ฝึกเป็นเขตอำนาจใต้การ ปกครองของอาสามพอดี”
เมื่อได้ยินคำพูดของบริศร์ นรมนก็ตอบสนองทันที
“แย่ละ ฉันขอให้อาสามเอาแบบร่างมาให้ ตอนนี้ฉันอยู่นี่ อา สามจะหนีไปไหม? พวกเรากลับกันเถอะ”
หลังจากพูดแล้ว นรมนก็กำลังจะลุกขึ้น แต่ถูกบุริศร์ดึงไว้ก่อน
“รีบร้อนทำไม หนีก็หนีไปสิ เขาเป็นชายร่างใหญ่ขนาดนั่น กำลังขับรถ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ก็แค่ส่งมาอีกครั้งก็ได้แล้ว ตอนนี้คุณ เป็นสมบัติของชาติแล้ว อย่ารีบ เชื่อฟังสิ
นรมนหัวเราะขึ้นมาทันใด
“อย่าเอะอะสิ ฉันแค่ท้องเท่านั้น ดูท่าทางระวังของคุณ คุณเป็น อย่างนี้อีกครั้งทำให้ฉันคิดว่าที่คุณห่วงไม่ใช่ฉัน แต่เป็นลูกน้อย ในท้องฉัน ฉันหึงนะ”
“เมียจ๋า ผมถูกใส่ความกับคำพูดของผม ไม่มีคุณจะมีลูกน้อย ได้อย่างไร? ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ
“ประจบจริงเลยนะคุณ”
นรมนยิ้ม แต่ก็ยังลุกขึ้น
“กลับเถอะ พ่อแม่ก็ไม่อยู่วันหลังฉันจะพาคุณไปดู อาสามพูด ถูก แบบร่างค่อนข้างสำคัญ ไม่ใช่ให้ใครมาส่งก็ได้ แถมฝั่งอา สามก็งานยุ่งมาก มาส่งให้ก็ไม่ง่าย ฉันยังจะทำให้เขาลำบาก อีก”
เมื่อได้ยินว่านรมนคิดถึงธรรศมากขนาดนี้ บุริศร์รู้สึกขุ่นเคือง เล็กน้อย
“ภรรยา คนที่คุณห่วงมีเยอะมากไป ผมรู้สึกว่าไม่มีที่ยืน “ทำไมเป็นอย่างนั้นละ? คุณคือคนที่สำคัญที่สุดในใจฉันนะ”
นรมนจับใบหน้าของบริศและจูบลงบนหน้าผากของเขา
“ไม่พอ”
บริศ มองนรมนเหมือนเด็ก แต่สองมือของเขาอยู่บนเอวของ เธอแล้ว
นรมนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าสายตาของเขาสื่อถึงอะไร?
เธอผลักเขาออก แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่านะ คุณก็รู้ ร่างกายของฉันตอนนี้ไม่ได้ หมอบอกแล้วว่าสามเดือนแรกของ การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาพิเศษ ห้ามทำเรื่องอย่างว่า
บริศ ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
“จริงเหรอ?”
“ฉันจะโกหกคุณทำไมเล่า? ไปหาในเน็ตดูสิ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ บุริศร์ก็หดหู่ทันที
“นี่ นี่ นี่ โธ่เอ๋ย เด็กคนนี้นี่มัน!”
นรมนหัวเราะทันที เมื่อเห็นท่าทางของเขา
“มันจะเป็นอย่างไร
“จะขาดใจตายได้นะสิ!”
“แล้วให้ทํายังไง?”
นรมนมองไปที่บุริศร์อย่างลำบากใจ
บริศ ถอนหายใจ ก่อนพูด “ขาดใจตายเถอะ เพื่อคุณกับลูก ขาดใจตายก็ได้
นรมนหัวเราะอีกครั้ง
เธอรู้สึกว่าชีวิตแบบนี้เป็นสิ่งที่เธอต้องการ และเธอไม่ขออะไร
ได้อีก
* โอเค รีบเถอะ อาสามคงกำลังมาแล้ว”
นรมนดึงบุริศร์ให้ลุกขึ้นยืน
บุริศร์ไม่ต้องการลุกขึ้นจริงๆ ก้นของเขาหนักเล็กน้อย และ เมื่อตอนนรมนดึงเขาขึ้น ก็พลาดไปชนกับรูปบนโต๊ะข้างเตียง
เสียง เพล้ง ดังขึ้น กรอบรูปตกลงมา แตกละเอียดเป็นชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย
“โอ้ อย่าขยับนะคะ!”
นรมนกลัวเท้าบุริศร์จะเหยียบ เธอรีบห้าม จากนั้นตัวเองจึงไป เอาไม้กวาดที่ห้องน้ำ
บุริศร์พูดด้วยความกังวล “คุณช้าลงหน่อย
“ค่ะ รู้แล้ว อย่าขยับนะ”
เมื่อนรมนไปเอาไม้กวาด บุริศร์ก็คุกเข่าลงและหยิบรูปถ่าย
ในกรอบ
นี่เป็นภาพถ่ายเดี่ยวของนรมนก่อนแต่งงาน เธอสวยงามมาก นั่นเป็นนรมนเมื่อก่อนที่แท้จริง
แม้ว่าตอนนีนรมนจะสวยมากก็ตาม แต่บุริศร์ก็หวนคิดถึงเธอ
ในตอนนั้น บุริศร์หยิบรูปถ่ายขึ้นมา แต่ทันใดนั้นกลับพบว่ามีบางอย่าง
อยู่ภาพนี้
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ