บทที่ 787 พ่อช่วยเสแสร้งต่อหน้าผมให้น้อยหน่อย
รถด้านหลังตามติดไม่ยอมเลิกรา หัวคิ้วของเจตต์ขมวดเข้าหา
กันแน่น “คนเหล่านี้คือคนของธัญญาหรือเปล่า? ผมอยากจะจอดรถ
ลงไปฟาดพวกมันจริง ๆ
“ไม่ต้องรีบ อีกสักพักคุณจะได้แสดงออกอย่างเต็มที่”
คำพูดของนรมนทำให้เจตต์มึนงงเล็กน้อย
“หมายความว่าอะไร? ”
“รอก่อนเถอะ”
นรมนขับรถผ่านสถานที่เปลี่ยวด้านข้าง
หลังจากรถจอดลงอย่างฉับพลัน เจตต์ยังไม่ทันมีการตอบ สนอง นรมนก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงเวลาให้คุณเป็นฮีโร่ ช่วยสาวสวยแล้ว จะฟาดคนไม่ใช่เหรอ ตอนนี้สามารถเริ่มการ แสดงของคุณแล้ว ที่นี่ไม่มีกล้องวงจรปิด
เจตต์เข้าใจทันที
“ได้เลย”
เขายิ้มตาหยีลงจากรถ
ความรู้สึกกดดันในช่วงเวลานี้อึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออกยิ่งนึกถึงนิตาที่กระดูกทั้งร่างกายถูกตีแตก เจตต์ยิ่งรู้สึกทุกข์ใจ อย่างยิ่ง
ต้องเคียดแค้นขนาดไหน คิดไม่ถึงว่าจะรังแกคนคนหนึ่งจน กลายเป็นแบบนี้!
ถึงแม้นิตาจะวางแผนและใช้ประโยชน์จากเขามากมาย แต่ ท้ายที่สุดแล้ว นิตากลับไม่เคยทำร้ายเขาจริง ๆ ในทางตรงกัน ข้ามเพราะเขาถูกธัญญาปฏิบัติเช่นนี้ ความโกรธ ในใจของเจตต์ ค่อย ๆ พุ่งขึ้นมา
นรมนไม่ขัดขวางเขา และไม่เข้าไปร่วมด้วย
หลังจากเธอลงจากรถก็ยืนพิงประตู มองรถด้านหลังหยุด ตามพวกเขาไม่ถึงร้อยเมตร มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ปรากฏรอย ยิ้มชั่วร้ายขึ้นบนใบหน้า
คนเหล่านั้นมองเห็นนรมนกับเจตต์ลงจากรถ ต่างลังเลว่าจะไป ต่อหรือหยุดดี แต่เจตต์กลับไม่ให้เวลาพวกเขาได้คิดใคร่ครวญ เข้าไปเคาะกระจกรถทันที
“ลงมา!
“หา? ”
คนบนรถต่างมึนงง
“ฉันบอกให้ลงมาจากรถ อย่าให้ฉันพูดเป็นครั้งที่สาม สีหน้าของเจตต์ดูไม่ค่อยดี เขาเป็นคนที่ไม่สามารถสะกดความรู้ได้
คนเหล่าเสียใจ เพราะหมัดของเจตต์หนักหน่วงมาก
อารมณ์กลัดกลุ้มอย่างไม่ให้อภัย เหล่านั้นร้องโหยหวน แต่ใช้สำหรับตรงนี้
หลังจากเจตจัดการคนนี้เสร็จ ถึงรู้สึกได้ว่าสบายใจ ขึ้นหน่อย
ขึ้นบ้างไหม”
นรมนถามด้วยรอยยิ้ม
ขึ้นมาก อย่าบอกคุณจงใจวางแผนให้ระบาย
โกรธ?
เจตต์เช็ดเหงื่อ รู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
นรมนส่ายหน้าและตอบว่าธัญญาอยู่ที่ไหน สะกดรอยตามเราทำไมพวกเราถึงไม่กำจัดคนเหล่านี้ออกไปก่อนล่ะ? หรืออย่าง เซ็ง ได้จังหวะให้คุณระบายอารมณ์พอดี
เจตต์หัวเราะ
“คนที่เข้าใจผมที่สุดยังคงเป็นคุณ
“เอาน่า ตอนนี้ชำระสะสางคนเหล่านั้นไปแล้ว พวกเราไปรับ โสธรเถอะ”
นรมนขึ้นมาบนรถก่อน
เจตต์ผ่านเคลื่อนไหวเมื่อสักครู่ รู้สึกสบายร่างกายและจิตใจ แน่นอนว่าไม่มีความลังเล ขึ้นรถตามไปทันที
เมื่อรถออกสตาร์ทอีกครั้ง เจตต์จึงพบว่า รถขับมาที่ใจกลาง เมือง
“นรมน คุณขับมาผิดหรือเปล่า?
“ไม่ผิดหรอก เดิมทีคือที่ใจกลางเมือง เมื่อสักครู่ขับออกไป เพื่อให้พวกมันเข้าใจผิด ไม่อย่างนั้น ให้พวกมันเดาถูก โสธรจะ ไม่ตกอยู่ในอันตรายเหรอ?
เจตต์มองนรมน ส่ายหน้าและกล่าวว่า “นับวันคุณยิ่งเหมือน บุริศร์เข้าไปทุกที หลายปีที่ผ่านมาคุณเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากบุริศร์ ใช่ไหม? หมดกัน คุณไม่ใช่นรมนที่ไร้เดียงสาคนนั้นที่ผมรู้จักอีก แล้ว”
“ไปไกล ๆ เลย! ៗ
นรมนด่าเขาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นขับรถมาที่ฝั่งตรงข้ามตระกูล
รัตติกรวรกุล
“นี่จะทำอะไร? ตอนนี้คุณคิดจะมาหาเรื่องธัญญาเหรอ? ”
“เปล่า โสธรอยู่ในบ้านฝั่งตรงข้ามของพวกมัน
คำพูดของนรมนทำให้เจตต์อึ้งไปทันที
“บ้านฝั่งตรงข้ามพวกเรา? ”
“อืม นิตาเรียกว่าซ่อนเอาไว้ใต้จมูกของศัตรู ธัญญาไม่มีทาง คิดว่าคนที่เธอตามหาจะอยู่ตรงข้ามบ้านของพวกเธอ
นรมนพูดจบก็ลงจากรถ
หัวคิ้วของเจตต์ขมวดขึ้นอีกครั้ง
เขาไม่รู้ว่าตนเองควรจะพูดอะไร ลงจากรถเดินตามบรมน เข้าไปในบ้านฝั่งตรงข้าม
นรมนหยิบกุญแจเปิดประตู ภายในบ้านเงียบสงัด
เจตต์ขมวดคิ้วถามว่า “ที่นี่ไม่เหมือนกับมีคนอยู่เลยนะ”
“ถูกขังอยู่ในห้อง”
นรมนถอนหายใจ
สำหรับโสธร นิตาทำได้เพียงพอแล้วจริง ๆ
เธอไปที่ห้องห้องหนึ่ง หยิบกุญแจออกมาไขเปิดประตู มองเห็น
โสธรสลบอยู่บนเตียง
“นี่มันอะไรกัน? ”
“เดาว่าคงจะหิวจนเป็นลมไป ส่งโรงพยาบาลเถอะ คุณแบก เขานะ”
นรมนขยับตัวไปด้านข้าง
เจตต์ก็ไม่ได้พูดอะไร แบกโสธรไว้บนไหล่ ออกไปจากห้อง อย่างรวดเร็ว
เมื่อเดินมาถึงประตู เขาตั้งใจมองไปที่บ้านของตนเอง แต่มอง ไม่เห็นธัญญา เพียงแต่ในใจกลับรู้สึกโมโหมาก
หลังจากวางโสธรในรถ เจตต์ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น “เจตต์? แกมาทำอะไรอยู่ตรงนี้? มาถึงบ้านแล้วทำไมไม่ เข้าไปในบ้าน? ”
เสียงของพรรษาทำให้ร่างกายของเจตต์แข็งทื่อ
เขาหันหน้ามา มองเห็นพรรษา เกิดความโมโหขึ้นทันที “ทำไมผมต้องกลับบ้าน? นั่นเป็นบ้านของผมเหรอ? ไม่ใช่ บ้านของพ่อกับธัญญาหรือไง? ”
“แกจะฉุนเฉียวอะไรตั้งแต่เช้า? ได้ยินว่าแม่ของแกสบายดีเห รอ? ”
พรรษาระงับอารมณ์ สิ่งที่อยากจะถามคือเรื่องนี้
จู่ ๆ เจตต์ก็หัวเราะขึ้นมา
“น่าเย้ยหยันเสียจริง! ตอนแม่ของผมหายสาบสูญไป พ่อไม่ ถามไม่สนใจ ตอนนี้มาถามความเป็นอยู่ของแม่ พ่อคู่ควรเห รอ? ”
“เจตต์ แกพูดอะไรของแก ฉันเป็นพ่อของแกนะ! ”
“ถ้าพ่อไม่ใช่พ่อของผม พ่อคิดว่าพ่อจะสามารถมายืนอยู่ตรง หน้าของผมได้เหรอ? พ่อกับธัญญาร่วมกันทำเรื่องทั่ว ๆ เลวไม่ ต่างกันเลย”
คำพูดของเจตต์ทำให้พรรษา โมโหอย่างยิ่ง
“แกมันลูกไม่รักดี!
เขาคิดจะยื่นมือออกไปตี กลับถูกเจตจับข้อมือเอาไว้ทันที และกล่าวอย่างเย็นชา “ผมอายุยี่สิบกว่าแล้ว พ่อยังคิดว่าผม เป็นเด็กอายุเจ็ดแปดขวบอยู่หรือไง? ไม่ว่าแม่ของผมจะดีหรือไม่ ดี หลายปีที่ผ่านมานี้ พ่อเคยสนใจแม่ของผมสักวันไหม? ตอนนี้ พ่อมาถามถึงความเป็นอยู่ของแม่ผม ไม่รู้สึกว่ามันจอมปลอม เกินไปหน่อยเหรอ? หรือว่าคนในครอบครัวคนนั้นให้พ่อมา ถาม?
“หมายความว่าอะไร? ”
พรรษาท่าทางตะลึงงัน
“พ่อช่วยเสแสร้งต่อหน้าผมให้น้อยหน่อย หรือคนที่อยากให้
แม่ของผมตาย คนที่อยากให้ผมตายไว ๆ ไม่ใช่ธัญญา? พ่อ
อย่ามาเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรต่อหน้าของผมอีก ถ้าไม่มี
การยอมตามใจจากพ่อ ผมไม่เชื่อว่าธัญญาจะกล้าแบบนั้น พ่อรอ
ดูเถอะ สวรรค์มีความยุติธรรม ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ ช่วงเวลาที่
มีความสุขของธัญญาจบลงแล้ว”
เจตต์พูดจบก็ขึ้นรถ
พรรษาสังเกตเห็นเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ทันที
“เจตต์ แกพูดให้ฉันเข้าใจ แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ธัญญาเป็นอะไรไป? ”
นรมนเดินเข้ามา กล่าวเสียงเบาว่า “คุณอาพรรษา ฉันคิด ว่ามีบางเรื่องที่คุณควรจะรู้เอาไว้ เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ถ้าคุณมี เวลา สามารถไปที่โรงพยาบาลหัวเฉียวได้ รอโสธรได้รับการ ช่วยชีวิต ฉันจะเล่าให้ฟังอย่างชัดเจนเองค่ะ”
“โสธรคือใคร? นี่มันเรื่องอะไรกัน? ”
พรรษารู้สึกเหมือนตนเองเป็นคนโง่เขลาคนหนึ่ง ที่ไม่รู้อะไร
ไม่เข้าใจอะไรเลย และตอนนี้ท่าทางของเจตต์ที่มีต่อเขาก็แปลก
เกินไป คำพูดของนรมนก็ยิ่งทำให้เขางุนงง นรมนถอนหายใจ นึกถึงสิ่งที่ขณะพลกับธัญญาเคยพูดเอาไว้ เธอรู้สึกเห็นใจพรรษาไม่น้อย
ชีวิตนี้ทิ้งภรรยาของตนเองเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง กลับคิดไม่ถึงว่า สุดท้ายลูกชายจะไม่ใช่ลูกชายของตนเอง ภรรยาก็ไม่ใช่ภรรยา ของตนเอง
“คุณอาพรรษา ถ้าคุณมีเวลาก็มานะคะ แต่ถ้าไม่มีเวลาก็ไม่ เป็นไร”
นรมนสามารถพูดได้เพียงเท่านี้
“คุณจะพูดอะไรกับเขามากมาย ? นอนเตียงเดียวกัน ผมไม่ เชื่อหรอกว่าเขาไม่รู้เรื่อง”
เจตต์ลดกระจกลง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจและ เดือดดาลทําให้พรรษาทุกข์ใจอย่างยิ่ง
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? เจตต์ แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น แกพูด กับฉันให้รู้เรื่องได้ไหม? หลายปีมาแล้ว ทุกครั้งแกเอาแต่ทำท่า ทางแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าอย่างไรแกช่วยอธิบาย ให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม? ”
มองเห็นท่าทางแบบนี้ของพรรษา นรมนรีบกล่าวว่า “คุณอา พรรษาถ้าคุณมีเวลาก็มาโรงพยาบาลเถอะค่ะ ตอนนี้พวกเราต้อง ช่วยชีวิตคนก่อน ไม่มีเวลาอธิบายกับคุณมากนัก
“ได้ เดียวฉันจะไป
“คุณมาคนเดียวก็พอ ส่วนคุณนายรัตติกรวรกุล คุณไม่ต้องพูด ถึง และไม่ต้องถามว่าเพราะอะไร เดี๋ยวคุณก็จะเข้าใจ
คำพูดของนรมนทำให้พรรษาเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันที
“ฉันเข้าใจแล้ว”
เขาพยักหน้า จากนั้นกลับไปที่บ้านของตนเอง
เมื่อนรมนขึ้นมาบนรถ เจตต์กล่าวเสียงเบา : “คุณจะพูดกับ เขามากมายทำไม? ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาไม่รู้อะไรเลย”
“แล้วถ้าไม่รู้เรื่องจริง ๆล่ะ? เจตต์ คุณให้โอกาสเขาสักครั้ง เถอะนะ ถ้าแม้คุณจะไม่ให้อภัยเขา คุณก็ควรให้เขาได้รู้ว่าตนเอง ไม่ให้อภัยเขาตรงไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉันคิดว่าหลังจากเรื่อง นี้ คุณน้าอาจจะหย่ากับเขา
ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ เจตต์อึ้งไปทั้งตัว
ตลอดหลายผ่านถึงจะเรียกวรกุลมาโดยตลอด แต่ตามกฎหมายพวกเขายังเป็นครอบครัว เดียวกัน ส่วนธัญญาเป็นเพียงแค่เมียน้อย แต่ตอนเมื่อได้ยินนร มนพูดมีความเป็นไปสูงเทย่าจะหย่ากับพรรษา เจตต์รู้สึก ใจหายอยู่บ้าง
ราวข้ามคืน ภาพลวงตาทั้งหมดแตกสลาย ครอบครัวนี้ กําลังจะกระจัดกระจาย
เจตต์เพิ่งจะสูญเสียนิตาตอนนี้ต้องมาสูญเสียๆ เขารู้สึกเสียใจ
“แม่ของผมบอกเหรอ?
ฉันเดา เพียงแต่ฉันเป็นผู้หญิง หลายปีที่ผ่านมาเข้มแข็ง ความจริงแล้วต้องการเผชิญหน้ากับความจริง เธอจําเป็นเผชิญพวกจะลงแล้วล่ะ
พูดผู้หญิงจะเข้าใจผู้หญิงที่สุด หัวใจของเจตต์รู้สึก กดดันอย่างยิ่ง
“คุณไม่อยากให้พวกเขาหย่ากันใช่ไหม? ”
นรมนเห็นสีหน้าของเจตต์ไม่ดีนัก จึงอดเอ่ยถามไม่ได้ จะหย่าหรือไม่หย่าไม่อะไรแตกต่างกันไม่เหรอ”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่นรมนรู้ว่า ในใจของเจตต์ไม่ได้คิดแบบ นั้น แต่การพูดปลอบใจในเวลานี้กลับเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ช่วย อะไร
เธอถอนหายใจเบา ๆ ขับรถไปที่โรงพยาบาลหัวเฉียว ณ ประตูโรงพยาบาล นรมนเพิ่งจะลงจากรถมากับเจตต์ ก็มองเห็น คนหนึ่งวิ่งตรงมาหาพวกเขา
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ