บทที่ 749 คุณไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม
หลังจากนรมนกับบริศร์เดินเล่นรอบๆเมืองไปแล้วหนึ่งรอบ ก็เห็น คนพวกนั้นที่สะกดรอยตามอยู่ด้านหลัง จึงยิ้มสบตากัน
“คุณว่าชาญเกรงกลัวอิทธิพลของคุณ หรือว่าอะไร? ทำไมถึง
ยังผู้กล้ามาติดตามเรา?
นรมนถามขึ้นสบายๆไม่กังวลอะไร
บุริศร์พูดอย่างเย็นชา : “เขาคงไม่ชอบใช้ชีวิตที่สงบสุขน่ะสิ” ระหว่างที่พูด บุริศร์หยิบทุเรียนลูกหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา โยนไปที่คนด้านหลังทันที
“โอ๊ย!”
เสียงผู้ชายที่ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด: “กลับไปบอกชาญ ถ้า จะคอยติดตามฉันอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ”
พูดจบ บุริศร์ก็หมุนตัวจึงได้เห็นนรมนกำลังจ่ายเงินพ่อค้าที่ ร้านข้างทาง
“ลุงคะ ขอโทษด้วยนะคะ พวกเราทนไม่ไหวจริงๆ ทุเรียนลูกนี้ ฉันจ่ายให้ลุงสองร้อยได้ไหมคะ? พอไหม?”
เดิมทีลุงที่ขายผลไม้ข้างทางก็โมโหอยู่เล็กน้อย แต่ทว่าเห็นนร
มนจ่ายเงินมาก่อน ความโมโหก็หายไปทันที
“พอครับๆ ไม่ถึงสองร้อยหรอก ทุเรียนลูกนั้นไม่ได้หนักขนาด”ไม่เป็นไรค่ะ ลุงรับไปเถอะ เราจะซื้อสละกับมังคุดด้วย ได้
ไหมคะ?”
ท่าทางที่เป็นกันเองของนรมนทำให้พ่อค้ายินดีมาก
“แน่นอนครับ พวกคุณเลือกได้เลย
“ผมเลือกให้
บุริศร์ก้าวเข้ามาใกล้ๆ แต่กลับโดนนรมนตบๆที่มือเบาๆ “คุณเลือกเป็นเหรอ?”
เขาชะงักไปทันที
ถ้าพูดถึงการเลือกผลไม้ บุริศร์ก็เลือกไม่เป็นจริงๆนั่นแหละ พ่อค้าเห็นท่าทางของเขา จึงยิ้มแล้วพูดขึ้น: “อันนี้ดูอย่างนี้ ครับ”
จริงๆแรมนอยากจะบอกว่าไม่ต้องหรอก แต่เห็นบุริศร์กำลังฟัง อย่างตั้งใจ แล้วเลือกผลไม้ตามที่พ่อค้าบอก
บุริศร์ในตอนนี้ สลัดคราบท่านประธานของบริษัทACกรุ๊ปออก ไปหมดแล้ว เหมือนกับพ่อบ้านทั่วๆไป
นรมนรู้สึกว่าในนาทีนี้เป็นของจริง เธอมีความสุขเหลือเกิน
“พ่อค้า อันนี้ขายยังไง?”
ตอนที่นรมนกำลังชื่นชมบุริศร์อยู่นั้น จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งที่คุ้นเคย
เธอหันกลับไปทันที ก็เห็นร่างที่คุ้นตาเดินเข้าไปในซอยแคบๆ
ด้านข้าง
บรมนจึงตามไปอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณนะครับพ่อค้า นรมน จ่ายเงิน
บริศ เลือกผลไม้เสร็จแล้ว ก็หันกลับมา แต่ไม่เห็นนรมนแล้ว
“บรมน? บรมน!”
บริศร์ร้อนรนขึ้นมาทันที
พ่อค้าจึงรีบพูดขึ้น: “คุณผู้ชาย ผมเห็นภรรยาของคุณตามผู้ หญิงคนหนึ่งเข้าไปในซอยนั้น
“ขอบคุณครับ”
บุริศร์วางผลไม้ลง แล้ววิ่งไปตามทางที่พ่อค้าอย่างรวดเร็ว
เขาตามไปเจอนรมนอยู่ที่มุมตึก
“นรมน คุณทําอะไร? เดินมาไม่บอกสักคำ คุณรู้ไหมว่าผมเป็น ห่วงคุณ? คิดว่าตัวเองเป็นเทพแห่งการต่อสู้จริงๆหรือไง?
บริศ ใจเต้นตึกตัก
เมื่อครูในทันทีที่ไม่เห็นนรมน เขาแทบจะบ้าไปแล้วจริงๆ
แต่นรมนกลับคว้ามือของเขาเอาไว้แล้วพูดขึ้น: “เมื่อกี้เหมือน ฉันจะได้ยินเสียงมิลิน
“ใครนะ?”
คําพูดของนรมนทําให้บริศ งุนงงเล็กน้อย ถึงจะมีปฏิกิริยา กลับมาว่ามิลินเป็นใคร
“คุณไม่ได้มองผิดใช่ไหม?”
“เป็นไปไม่ได้ที่จะมองผิด เป็นเธอแน่ๆ เพียงแต่ทำไมเธอถึง มาอยู่ที่นี่?”
นรมนนึกถึงความหวาดหวั่นของนภดล นึกถึงความน่าสงสัย ของรเมศ นึกถึงการหายตัวไปของ มิลินอย่างไม่มีสาเหตุ
การตายของฉัตรยา จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีบทสรุป
ในตอนแรกเพื่อช่วยบริศร์ เธอจึงพยายามตามหามิลิน แต่ กลับไม่มีร่องรอยใดๆเลย วันนี้ บุริศรรักษาตัวหายแล้ว ไม่นึกว่า มิลินจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
“แล้วเธอล่ะ?”
บุริศร์มองซอยที่ว่างเปล่า แล้วจึงถามขึ้นด้วยความสงสัยเล็ก
น้อย
นรมนายหน้า: “หายไปแล้ว ฉันตามมาช้าไปไม่กี่ก้าว ก็ไม่ เจอเธอแล้ว แต่ฉันกล้ารับรองเลยว่าเธอต้องอยู่ในซอยนี้
“คุณคงจะไม่คิดไปตามหาทีละบ้านใช่ไหม?” บุริศร์เห็นท่าทางของนรมน จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“ตอนแรกที่คุณตามหาเธอก็เพื่อรักษาอาการป่วยของผม วันนี้ ผมหายดีแล้ว จะพบไม่พบเธอไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว อีกอย่างที่ มิลินหายไป ต้องเกี่ยวกับตระกูลจันทรวงศ์แน่ๆ ยังไม่ต้องพูด ถึงว่าตระกูลจันทรวงศ์เกิดอะไรขึ้น คนที่ทำให้มิลินต้องหลบซ่อน มีไม่กี่คนหรอก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผมหวังว่าคุณจะไม่เอามือไป แตะโคลน นรมน ผมทนให้เกิดเรื่องอะไรกับคุณไม่ได้คุณรู้ใช่ ไหม?”
บุริศร์รู้ว่าที่ตัวเองทำตัวเองพูดอย่างนี้อาจจะเห็นแก่ตัวต่อ นภดลที่เอาแต่ตามหามิลิน สืบหาสาเหตุการตายของฉัตรยา มาก แต่เขาไม่อยากให้นรมนเข้าไปพัวพันกับความอันตราย เพราะเรื่องของคนอื่นอีก
ตอนนี้เขาเปลี่ยนเป็นคนที่ระวังตัวมาก และขี้ขลาดเป็นพิเศษ อีกด้วย
ชีวิตนี้คนที่เขาอยากปกป้องมีแค่นรมนคนเดียวเท่านั้น นรมนฟังออกถึงความเป็นกังวลของบุริศร์ แล้วก็มองเห็น ความร้อนรนของเขา
จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าตัวเองอาจจะทำตามอำเภอใจเกินไป
ใช่สิ
มิลินไม่ได้สำคัญต่อพวกเขาอีกแล้ว
ไม่ว่าเธอจะออกมาจากตระกูลจันทรวงศ์เพราะอะไร ทำไมถึง หายไปแล้วมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ เหมือนว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับนรมนอีกแล้ว ไม่ใช่เหรอ?
นรมนจับมือของบุริศร์เอาไว้ ถึงรู้สึกว่าฝ่ามือของเขาเต็มไป ด้วยเหงื่อ
“ฉันรับปากคุณ ฉันจะไม่สืบหาแล้ว ไม่สนใจแล้ว เรากลับไป เอาผลไม้แล้วไปกันเถอะ แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อน ฉันต้องบอก ข่าวคราวที่มิลินอยู่ที่นี่ให้นภดลรู้ เรื่องนี้คุณคงไม่คัดค้านใช่ ไหม?”
“ไม่หรอก”
บุริศร์ได้ฟังนรมนบอกว่าจะไม่ตามแล้ว จึงคลายกังวลลงได้ นรมนหมุนตัวตามบริศร์ออกไป
ที่เธอไม่รู้ก็คือ เพราะการกลับตัวในครั้งนี้ของเธอ ทำให้เธอ ต้องเสียดายไปตลอดชีวิต
บริศ พานรมนกลับมาที่ร้านผลไม้ข้างทางอย่างรวดเร็ว ยิ้ม แย้มพูดขึ้น: “พ่อค้า ผมไม้ของเรายังอยู่ไหม?”
“อยู่ครับ”
พ่อค้าส่งผลไม้ให้นรมนกับบุริศร์
นรมนจ่ายเงินแล้ว จึงออกไปจากที่นี่กับบุริศร์ หลังจากทั้งสองคนเดินเล่นอย่างสบายๆไปแล้ว จึงนั่งเครื่อง
บินกลับหมู่บ้านดารายน
ศาลบรรพบุรุษของตระกูลที่อยู่ที่นี่ปรับปรุงเสร็จแล้ว
คนงานที่บุริศร์จ้างเอาไว้ก็มาถึงแล้ว
ตอนที่นรมนเห็นโสธรอยู่ที่นี่ก็อดไม่ได้ที่จะชะงักเล็กน้อย
“นายไม่ได้กลับไปมหาวิทยาลัยแล้วเหรอ?”
“ครับ กลับไปแล้ว ผมบอกอาจารย์ที่ปรึกษาไว้แล้ว ผมจะลา หยุดช่วงหนึ่ง อันที่จริงที่นี่เป็นบ้านเกิดของผม เถ้ากระดูกของพ่อ แม่ผมก็อยู่ที่นี่ ผมอยากเห็นพวกเขาปรับปรุงศาลบรรพบุรุษด้วย ตัวเอง แล้วผมก็อยากจะเปลี่ยนแปลงบ้านเก่าของพวกผมด้วย ตัวเองด้วย อย่างนี้ ถ้าพี่กลับมา พวกเราก็จะมีที่อยู่
โสธรยิ้มระรื่น
นรมนเห็นโสธรก็นึกถึงนิตาขึ้นมา
เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถาม: “โสธร นายรู้ไหมว่าช่วงกี่ปีมานี้ นายเป็นยังไงบ้าง?”
“เธอ ก็ยังทํางาน ได้เงินมาก็ให้ผมหมดเลย ส่วนตัวเองน่ะไม่ ยอมกินไม่ยอมใช้ ผมหวังว่าพี่จะทำเพื่อตัวเองมากๆหน่อย ถ้ามี แฟนก็คงดี”
คําพูดของโสธรทำให้นรมนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงถามขึ้น “ถ้าเธอมีแฟนแล้วล่ะ?”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ถ้าพี่ผมมีแฟน ก็ต้องบอกผมเป็นคน แรกสิ เรื่องนี้เราตกลงกันไว้แล้ว
“บางทีเธออาจจะมีแล้ว แต่ยังไม่ทันบอกเธอก็ได้นะ”
“คุณนายบุริศร์ คุณไม่รู้จักพี่ผมดี พี่ผมสนิทกับผมขนาดนี้ ถ้า มีแฟนแล้วจริงๆ เธอต้องบอกผมเป็นคนแรก”
โสธรยิ้ม แล้วหยิบมือถือขึ้นมา “ไม่เชื่อก็ถามพี่ผมดู เดี๋ยวคุณ จะได้รู้แล้วครับ”
นรมนห้ามเอาไว้ไม่ทัน โสธรโทรออกไปแล้ว
“พี่ พี่มีแฟนแล้วเหรอ?”
นิตาชะงักงันทันที ถือมือถือเดินออกมาข้างนอก ถามขึ้นเบาๆ “ทำไมนายถามอย่างนี้ ได้ยินใครพูดอะไรมาใช่ไหม?”
“ใครจะพูดอะไรล่ะ? ผมแค่ถามๆดู พี่ก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้ายัง ไม่มีแฟนอีก ก็จะกลายเป็นผู้หญิงแก่ ถึงตอนนั้นผมก็ต้องมาคอย ดูแลอีก ไม่คุ้มเหนื่อยเลย”
“เจ้าเด็กบ้า ตอนนี้ก็รังเกียจแล้วใช่ไหม? พี่บอกนายไว้เลย ต่อให้ชีวิตนี้พี่ไม่มีแฟน นายก็ต้องดูแลยามที่พี่แก่เฒ่าแล้วก็จัด งานศพให้พี่ด้วยรู้ไหม?”
น้ำเสียงของนิตาร่าเริงมาก
“ครับๆๆ เลี้ยงดูพี่ยามแก่เฒ่าไปจนพี่ตายเลย แล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้พี่ยังไม่มีแฟนใช่ไหม?
คำถามของโสธรทำให้นิตามองไปทางห้องคนไข้ แล้วพูดขึ้น เบาๆ: “อืม ไม่มีแฟน ถ้าพี่มีแฟนแล้ว ต้องบอกนายเป็นคนแรก
นโมนที่อยู่ข้างๆได้ยินคำตอบของนิตาแล้ว สายตาหม่นหมอง ลงเล็กน้อย
เธอกำลังคบกับเจตต์อยู่ชัดๆ ทำไมถึงต้องปิดบังโสธรด้วย?
แต่โสธรกลับไม่รู้อะไรเลย ยิ้มแล้วพูดขึ้น: “ผมบอกไว้เลยนะ พี่รีบๆหาสักคนเถอะ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนยังไง แค่ดีกับพี่ พอ”
“นายไม่ต้องมายุ่งเรื่องของพี่หรอก ได้ยินว่าในมหาวิทยาลัยมี เพื่อนผู้หญิงร่วมชั้นเรียนมาชอบนาย เป็นยังไง? ถูกใจไหม? ถ้า ชอบ ก็บอกพี่นะ พี่จะได้เตรียมเงินแต่งงานเอาไว้ให้นาย
“พี่ อย่ามาสนใจเรื่องของผมเลย ถ้าผมจะแต่งงานผมจะ หาเงินเอง พี่ดูแลตัวเองให้ดี คุยกันแบบนี้ คงไม่ดีเท่าเราได้เจอ กัน ผมไม่ได้เจอพี่ตั้งนานแล้วนะ”
คำพูดของโสธรทำให้นิตาประหม่าเล็กน้อย
“อย่า อย่าถ่วงเวลาการเรียนของนายเลย รอนายเรียนจบค่อย ว่ากันอีกทีเถอะ”
“พี่ ผมขอลาได้ นานมากๆแล้วที่ผมไม่ได้เจอพี่เลย ผมคิดถึง
“พี่ก็คิดถึงนาย แต่ว่าช่วงนี้ไม่สะดวกจริงๆ ตอนนี้พี่มาทำงาน ที่ต่างจังหวัด หมดหนทางที่จะกลับไปเจอนาย
นิตาพูดอย่างรวดเร็ว
โสธรกลับพูดอย่างไม่ใส่ใจ: “ไม่เป็นไร ผมไปหาพี่เองได้
“โสธร พี่มาทำงานนะ ไม่ได้มาเล่น นายไม่ต้องมาหรอก ถ้า เพื่อนร่วมงานเห็นจะดูไม่ดี นายเชื่อเถอะ นายตั้งใจเรียน ไม่ นานเท่าไหร่ รอให้พี่จัดการงานยุ่งๆ ในช่วงนี้เสร็จ แล้วจะไปหา นายเลยไหม?”
“งั้นก็ได้”
โสธรยังคุยกับนิตาต่อ แต่นรมนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว
นิตาไม่ยอมให้โสธรรู้ถึงตัวตนของเจตต์ เพราะอะไร?
เจตต์ไม่มีค่าพอที่จะเปิดเผยเหรอ?
เขามีเงินมีอำนาจมีหน้ามีตา ทำไมนิตาถึงไม่กล้าให้โสธรเจอ เจตต์?
นรมนกังวลใจมาก
บุริศร์ดึงนรมนเข้ามา พูดเบาๆ “เชื่อมั่นในตัวเจตต์ เขา ทําได้”
“แต่ความรักทำให้ไอคิวของคนเรากลายเป็นศูนย์ได้นะ”
“เจตต์ไม่เป็นอย่างนั้นหรอก เขาอาจจะเสียใจ แต่ไม่ทำให้ ตนเองถลำลงไปในระดับที่สูญเสียความเป็นตัวเองไปตลอดกาล แน่นอน อันที่จริงเริ่มแรกเขาก็รู้อยู่แล้วว่านิตามีแผนการอื่นที่เข้า ใกล้เขา แม้จะบอกว่าความรักเป็นสิ่งที่ทำให้ตื่นเต้นจนควบคุม ไม่ได้ แต่ผมไม่เชื่อว่าเจตต์จะไม่ป้องกันตัวไม่มีทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเองสักนิดเลย นรมน ตอนนี้เราทําอะไรไม่ได้แล้ว เรื่องที่ทำได้ เราทำไปหมดแล้ว เท่านี้ก็พอแล้ว”
บุริศร์รู้ว่านรมนเป็นห่วงเจตต์
ดูจากการพูดคุยของโสธรกับนิตา นิตามีเรื่องที่น่าสงสัยมาก เกินไปจริงๆ แต่เจตต์คงรู้อยู่แล้ว หนทางที่เหลือจะเดินต่อไป อย่างไร ก็ต้องดูที่เจตต์แล้ว
นรมนกลุ้มใจขึ้นมาทันที
“หวังจริงๆว่าเจตจะไม่เสียใจ”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ