แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 742 เธอไม่รู้สึกเหรอว่าตัวเองวางอำนาจเกินไป หน่อย



บทที่ 742 เธอไม่รู้สึกเหรอว่าตัวเองวางอำนาจเกินไป หน่อย

นรมนเป็นคนรับโทรศัพท์

“กานต์ เจออะไรแล้วใช่ไหม?”

ได้ยินเสียงของนรมน กานต์ชะงักเล็กน้อย ก่อนพูดขึ้น: “หม่า ถึงกันแล้วใช่ไหมครับ? อาเจตต์เป็นยังไงบ้าง?

“ไม่ค่อยดี เข้า ICU ไปแล้ว เรื่องที่แด๊ดดี้ให้ลูกสืบเป็นยังไง บ้าง?

แม้นรมนจะกังวลใจมาก แต่ก็ไม่อยากกดดันกานต์มากเกินไป กานต์รีบพูดขึ้น “เจอแล้วครับ รถของอีกฝ่ายเป็นชื่อของ

ชาญ”

“ชาญ”

นรมนกำลังมองบุริศร์ สายตาแค้นเคือง

ชาญคนนี้ ไม่ใช่แค่เจ้าพ่อวงการหยกคนหนึ่งเท่านั้นเหรอ? ถ้า เป็นเพราะเรื่องธุรกิจ ก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายเจตต์อย่างโหดเหี้ยม เช่นนี้หรือเปล่า?

“รู้แล้วจ๊ะ กานต์ เรื่องนี้ลูกไม่ต้องเข้ามายุ่งนะ หม่ากับแดดดี้ จัดการเองได้ ลูกกับอาป้องดูแลตัวเองดีๆนะ รู้ไหม?”

“ทราบแล้วครับหม่ามี้ หม่ามี้กับคุณบุริศร์ก็ระวังตัวด้วยนะครับ”

หลังจากนรมนวางสาย ขมวดคิ้วแน่นขึ้นเล็กน้อย

“เป็นอะไรไป? กานต์บอกว่าไงบ้าง?

“ชาญ แต่ก็แค่เรื่องธุรกิจ ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้? หรือในนั้นมี เรื่องอะไรที่พวกเราไม่รู้หรือเปล่า?”

นรมนถามสิ่งที่สงสัยออกมา

บุริศร์ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “ลองถามนิตาดู บางทีอาจจะ มีเบาะแส

นรมนพยักหน้า แล้วจึงเข้าไปในห้องคนไข้กับบริศร์

แต่ก่อนเจตต์เป็นคนที่มีความฮึกเหิมราวกับเสือใช้ชีวิต

ผาดโผนราวกับมังกร ตอนนี้ไม่คิดเลยว่าจะมานอนแน่นิ่งอยู่ตรง

นี้

ไม่นานก่อนหน้านี้ บริศร์ก็นอนอยู่บนเตียงคนไข้ วันนี้ก็เปลี่ยน มาเป็นเจตต์อีก

นรมนรู้สึกว่าตนเองควรไปไหว้พระขอพรแล้ว ไม่งั้น ทำไมคน รอบๆกายถึงมีเรื่องอยู่ตลอดเลย?

นิตาเห็นนรมนเข้ามา จึงรีบลุกขึ้นถาม: “ประธานนรมนคะ เป็นยังไงบ้าง?”

“ระหว่างเจตต์กับชาญมีความแค้นอะไรต่อกันหรือเปล่า? เธอรู้ไหม?”

คำถามของนรมนทำให้นิตาตกตะลึง

“ชาญ? พวกคุณจะบอกว่า คนที่ก่อความวุ่นวาย ลงมือจน เจตต์เป็นเช่นนี้คือชาญงั้นเหรอคะ?”

“รถเป็นของเขา ส่วนเขาเป็นคนบงการหรือเปล่า เรายังสืบหา ได้ไม่ชัดเจน ดังนั้นจึงยังสรุปผลไม่ได้ ตอนนี้เราแค่อยากรู้ว่า ระ หว่างเจตต์กับชาญมีความแค้นส่วนตัวอะไรกัน?

“ไม่มีค่ะ ถ้าบอกว่ามี ก็คงเป็นเพราะฉัน”

นิตากัดปาก พูดคาดเดาระหว่างเรื่องของเจตต์กับชาญออก มา รวมไปถึงสาเหตุการตายของพ่อแม่เธอ และเอกสารรหัสลับที่ กานต์ให้ไว้

นโมนขมวดคิ้วเล็กน้อย

บุริศร์กลับพูดขึ้นเบาๆ: “เขาจะมายโสโอหังที่นี่ได้ยังไง? เขา ยังคิดว่าเป็นเมืองชลธีอยู่เหรอ? ตัวเองเป็นจักรพรรดิใหญ่ ส่วน เขาเป็นรองงั้นเหรอ? หาเรื่องจริงๆเลย”

“เอาเถอะ นิสัยของเจตต์เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด คุณก็ไม่ได้ ไม่รู้นี่นา เริ่มแรกตอนที่อยู่เมืองใต้ดินเขาก็ไม่ได้บันยะบันยังตัว เองลงเลยไม่ใช่เหรอ?”

นรมนรู้ว่าบุริศร์หวังดี แต่ก็รีบยื่นมือออกไปดึงเขาเอาไว้

นิตากำลังมองบุริศร์ กลัวว่าบุริศร์จะไม่ออกหน้าแทนเจตต์ จึงรีบพูดขึ้น: “ประธานบริศร์คะฉันรู้ว่าคุณความสามารถกว้างขวาง เจตต์บอกว่าคุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา ดังนั้นคุณช่วยเขา เถอะนะคะ”

“ผม? เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขางั้นเหรอ? เขาพูดกับคุณเองเห รอ?”

บริศร์ค่อนข้างประหลาดใจ

นิตารีบพยักหน้า

“ใช่ค่ะ เขาพูดกับฉันเอง เขาบอกว่าชีวิตนี้เขามีเพื่อนไม่กี่คน คนที่เชื่อถือได้และควรค่าที่จะไว้ใจที่สุดมีแค่ประธานนรมนกับ ประธานบริศร์คุณเท่านั้นค่ะ

ได้ยินนิตาพูดขนาดนี้ บุริศร์จึงหัวเราะขึ้นแล้วส่ายหัว “เจ้านี่พูดอย่างนี้ก็ไม่กลัวจะรู้สึกผิดเลยสิ”

“เอาหน่า เขาพูดขนาดนี้แล้ว สรุปคุณจะช่วยไหม?”

นรมนดึงๆชายเสื้อของบุริศร์

บุริศร์กำลังมองภรรยาของตนเองที่ช่วยพูดให้เจตต์ ในใจจึง ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่

“ถ้าไม่รู้ความรู้สึกที่คุณมีต่อผม ผมจะดึงแล้วจริงๆนะ ขอร้อง แทนผู้ชายคนอื่นต่อหน้าสามีของตัวเอง นรมน คุณรู้ไหมว่าในใจ ของผมมีบาดแผลใหญ่ขนาดไหน?”

นรมนหัวเราะออกมาทันที
“ฉันจะชดใช้ให้คุณโอเคไหม?”

“นี่คุณพูดเองนะ”

บุริศร์ต่อรองราวกับเป็นเด็ก

นิตาเห็นท่าทีระหว่างพวกเขาสองคนที่มีต่อกัน จู่ๆ ก็รู้สึกอิจฉา ขึ้นมา

ในโลกใบนี้ สามีภรรยาที่เหมือนนรมนกับบริศร์มีไม่เยอะแล้ว ใช่ไหมล่ะ?

“ประธานบริศร์ ประธานนรมน ความสัมพันธ์ของพวกคุณดีจัง เลยค่ะ”

บุริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้นมาทันที “แน่นอน อันที่จริงก็แต่งงานกัน มานานแล้วนะ ลูกของเราก็สี่ขวบแล้ว”

“พอเถอะ คุณเลิกโอ้อวดได้แล้ว เร็วๆ มีวิธีไหม?”

ไม่ขน นรมนถลึงตาใส่บุริศร์แล้วบ่นออกมา ผู้ชายคนนี้ขี้โม้ เรื่อยๆเลยนะ

บุริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้น: “วิธีนะมีอยู่แล้ว คำสั่งของภรรยาผู้ยิ่ง ใหญ่ ยังไงผมก็ต้องทำตามวางใจเถอะ เย็นนี้ผมจะไปสืบเบื้อง ลึกของชาญดู”

“ฉันไปกับคุณด้วย”

นรมนรีบเอ่ยปาก

บุริศร์กลับพูดเสียงทุ้ม: “คุณอยู่ที่โรงแรมนั่นแหละ ถ้าหากผมไม่กลับมา คุณจะได้ตามคนมาช่วยผมได้

“คุณพูดเหลวไหลอะไร

นรมนไม่ชอบฟังบุริศร์พูดอย่างนี้เลย

บุรีศร์ก็รู้อยู่แล้ว ตอนนี้นรมนกลัวเขาจะเกิดเรื่อง แต่บางเรื่อง เขาก็จําเป็นต้องพูด

“นรมน เรื่องอะไรก็ตามต่างก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ทั้งนั้น ใครก็ไม่สามารถรับรองตามที่ตนเองคิดจะทำได้ทั้งหมดหรอก ดังนั้นผมบอกว่าถ้าหากคุณอยู่ที่นี่ ผมจะไปพบซาญตามลำพัง ในนามของการคุยธุรกิจ คุณอยู่ที่โรงแรมหาข้อมูลธุรกิจหลายปี นี้ของชาญกับพวกคนที่เขาคบค้าสมาคมสนิทสนมด้วย บางที อาจจะมีเหตุผลอื่นที่อยากจะกำจัดก็ได้

ได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ แม้นรมนจะค่อนข้างกังวลใจ แต่ก็ต้อง บอกว่าการวางแผนของบุริศร์ถูกต้องแล้ว

“งั้นคุณต้องระวังตัวนะ”

“วางใจเถอะ ผมไม่เป็นไรหรอก

บุริศร์ลูบๆหัวของนรมน สายตาที่หลงใหลทำให้นิตาค่อนข้าง

อิจฉา

นี่คงจะเป็นความรักสินะ

นรมนผลักบุริศร์แล้วพูดขึ้น “ลูบหัวฉันอีกแล้ว ฉันไม่ใช่สัตว์

เลี้ยงของคุณนะ”
“เฮอะๆ ได้เลี้ยงคุณตลอดไป เป็นความสมัครใจทั้งชีวิตของ ผมนะ”

เห็นสายตาที่อ่อนโยนราวกับสายน้ำของบุริศร์ ในใจของนร มันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“แต่งงานกันมาตั้งนานแล้ว พูดอย่างนี้ทำไม? คุณรีบไปโทร

หาชาญเลย”

นรมนดันบริศร์ออกไปทันที

บุริศร์พูดขึ้นด้วยท่าทีทุกข์ใจ “คุณจะดันผมออกไปอย่างไร้ ความรู้สึกจริงๆเหรอ?”

“งั้นฉันต้องมอบจูบที่เร่าร้อนสไตล์ฝรั่งเศสให้คุณงั้นเหรอ?” “ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้นะ!

พูดจบ บุริศร์ก็ดึงนรมนมากดไว้ในอ้อมอก

นิตารีบหันหน้าไปทันที หน้าแดงระเรื่อ

ประธานบุริศร์ ช่างเปิดเผยดีจริงๆ

นรมนโดนบุริศร์จูบ เขินจนอยากจะมุดลงไปในหลุมเลย เธอผลักบุริศร์ออกไป ครามออกมาเบาๆ “ออกไป!

“สมใจแล้ว”

บุริศร์ยิ้มกว้างเดินออกไป

นรมนรู้สึกว่าสายตาของนิตาทำให้เธอทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย
“หลังจากที่บุริศรเสียสติขึ้นมาก็เป็นอย่างนี้แหละ เธออย่า ถือสาเลยนะ แต่ก่อนเขาสงบนิ่งมาก

“ประธานบรมนคะ ความรู้สึกที่ประธานบริศร์มีต่อคุณดีจัง เลย”

“ไม่หรอกๆ ระหว่างสามีภรรยาก็เป็นอย่างนี้แหละ

นรมนรีบกลบเกลื่อน

นิตายิ้มๆ กำลังมองเจตต์ แล้วพูดขึ้นเบาๆ “เขาบอกว่าอยาก จีบฉัน”

“เธอตอบตกลงหรือยัง?”

“ไม่รู้ค่ะ”

นิตานั่งลงที่ข้างเตียงของเจตต์

เธอจับมือเขาเอาไว้แล้วพูดขึ้น: “ประธานนรมนคะ ถ้าเจตต์ใช้ ขึ้นจะทํายังไง? เขาจะฟื้นขึ้นมาใช่ไหมคะ? เขาจะเหมือนกับ ประธานบริศร์ก่อนหน้านี้ไหม?”

“ไม่หรอก! เจตต์ไม่ใช่คนโง่ ตัวเองโดนคนทําร้ายจนกลาย เป็นอย่างนี้แล้วยังหลับสนิทอีก นี่ไม่ใช่นิสัยของเขา เขาน่ะ เปิด เผยเกินไป แล้วก็โอหังเกินไป ตัวเองต้องแก้แค้นเอง ไม่ยืมมือ คนอื่นเด็ดขาด ดังนั้นเธอสบายใจได้ เขาไม่เป็นไรหรอก”

ได้ยินความคิดเห็นและความเข้าใจของนรมนที่มีต่อเจตต์ จู่ๆ นิตาก็รู้สึกอึดอัดใจ
“ประธานนรมน คุณเข้าใจเจตต์มากเลยนะคะ”

“เราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน

นรมนพูดจบก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เธอมองๆนิตา เห็นสีหน้าที่ผิดปกติของนิตา จึงถามขึ้นใน ทันที: “เป็นอะไรไป?”

“ประธานนรมน มีบางคำที่ฉันรู้ว่าพูดตอนนี้มันไม่เหมาะสม แต่ฉันยังต้องพูด ถ้าคุณไม่ยินยอมที่จะฟัง ก็อย่าโกรธได้ไหม คะ?”

“เธอว่ามาสิ”

นรมนรู้สึกว่าตอนนี้นิตาไม่ค่อยเหมือนเดิมเท่าไหร่

นิตากำลังมองเธอ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้น “เจตต์บอกว่า จะจีบฉัน ฉันก็จะตอบตกลงที่เขาจีบฉัน เป็นแฟนของเขา ฉันรู้ถึง ความรู้สึกที่เจตต์มีต่อคุณเมื่อก่อน คนอย่างเขานะ ยังไงก็ให้ ความสำคัญกับความรู้สึก คุณแต่งงานแล้ว ลูกก็โตแล้ว ต่อไป อย่าเอาเรื่องอะไรมาเกี่ยวพันกับเจตต์อีก เขาควรจะมีชีวิตของ ตนเองได้แล้วค่ะ”

นรมนชะงักเล็กน้อย จู่ๆก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

นี่เธอกำลังโดนนิตาขับไล่งั้นเหรอ?

“นิตา ระหว่างฉันกับเจตต์มันไม่มีอะไรเลย แล้วพวกเราก็เป็น แค่เพื่อนกันจริงๆ เธอคิดมากไปหรือเปล่า?”
“เราเป็นผู้หญิงด้วยกัน คิดเยอะไม่เยอะ ประธานนรมนก็ไม่ ต้องใช้คำพูดอย่างนี้มาตอบโต้ฉันหรอกค่ะ ฉันไม่คิดเล็กคิดน้อย กับความรู้สึกที่เจตต์มีต่อคุณก่อนหน้านี้หรอก แต่ฉันหวังว่าต่อ ไปฉันจะเป็นคนจัดการชีวิตของเขาเอง ประธานนรมน คุณเป็น คนที่มีครอบครัวมีลูกแล้ว ถ้าไม่ได้มีเรื่องอะไร ก็ไม่ต้องมาหาเจต อีก ได้ไหมคะ?”

คำพูดนี้นิตาพูดอย่างตรงไปตรงมามาก แต่กลับทำให้นรมน ค่อนข้างล่าบากใจและทำตัวไม่ถูก

เธอหวังว่าเจตจะมีความสุขที่เป็นของตนเองเพียงคนเดียว แต่วันนี้ที่โดนนิตาขับไล่ไสส่งจริงๆ ก็ทำให้เธอไม่สบายใจเลย

“ทุกครั้งที่ฉันมาหาเขาก็ไม่ใช่เรื่องของฉันคนเดียว”

“ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันหวังว่าต่อไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ก็ไม่ต้องมา หาเจตต์ทั้งนั้น ถ้าคุณอยากทำให้เขามีความสุขจริงๆ ออกไป จากสายตาของเขาเถอะค่ะ อย่างนี้ทั้งคุณทั้งฉันก็จะสบายใจอยู่ บ้าง”

นิตากำลังมองนรมน สายตาราวกับว่านรมนจะแย่งแฟนของ เธอไป

ความหมายของเธอชัดเจนมาก ก็คือตั้งแต่นี้ต่อไป ระหว่างนร มนกับเจตต์จะไม่เกี่ยวข้องกันอีก แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็ไม่ ต้องการ

ในใจของนรมนรับไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าอย่างนี้อาจจะดีต่อเจตต์กับ

นิตา
ได้ ต่อไปฉันจะออกไปจากชีวิตของเขา”

“ขอบคุณประธานนรมนที่ทำให้ฉันสมหวังนะคะ ถ้าเป็นไปได้ ฉันหวังว่าประธานนรมนจะยกบริษัทท่องเที่ยวของที่นี่ให้ฉัน คุณ สบายใจได้ ฉันจะช่วยจัดการดูแลเป็นอย่างดี ประธานนรมน กลับเมืองชลธีกับประธานบริศร์อย่างสบายใจได้เลยค่ะ”

คำพูดของนิตาทำให้นรมนกลัดกลุ้มอีกครั้ง

“นิตา ไม่จําเป็นหรือเปล่า? ตอนนี้เจตต์เป็นอย่างนี้ ความ หมายของเธอคือเธอจัดการเองได้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือ จากฉันกับบุริศร์งั้นเหรอ? หรือจะบอกว่าเพราะเจตต์อยู่ที่นี่ ฉันจึง ไม่สามารถอยู่ในเมืองนี้ได้? เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองวางอำนาจเกิน ไปหน่อยเหรอ?”

นรมนไม่อยากพูดอย่างนี้ แต่วินาทีนี้กลับไม่พูดไม่ได้

เพื่อความสุขของเจตต์เธอสามารถออกจากชีวิตเขาได้ แต่น ตาถอดถอนแม้แต่สิทธิ์การอยู่ในอาณาเขตเดียวกัน รังแกกัน มากเกินไปหรือเปล่า? อีกอย่างบริษัทท่องเที่ยวเป็นของเธอ จะ ให้ นิตาอยู่จัดการหรือไม่ ก็ไม่ใช่นิตาที่จะเป็นคนตัดสินใจนะ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ