แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 722 ช่วงชีวิตที่เหลือที่มีคุณ ช่างดีนัก



บทที่ 722 ช่วงชีวิตที่เหลือที่มีคุณ ช่างดีนัก

“อ๊าก~”

กานต์ตกใจจนร้องออกมา จนทำให้นรมนตกใจตื่นตาม

“เกิดอะไรขึ้น?”

เธอรีบตื่นขึ้นมา ลุดพรวดมาดูกานต์

“ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า? เจ็บตรงไหนไหม? รีบบอกหมที่!”

นรมนเป็นห่วงมาก

หรือป้าโอลงไม้ลงมือกับกานต์แล้วจริงๆ?

กานต์กลับชี้ไปทางบริศร์ แล้วพูดด้วยความตะกุกตะกัก “คุณ

บริศ ลืมตาแล้ว”

“พูดอะไรนะ?”

นรมนอึ้งไปชั่วขณะ

เมื่อกี้ป้องก็ไม่ได้สังเกตมาก ตอนนี้ได้ยินที่กานต์พูด จึงรีบรุด เข้ามาหาบุริศร์ แล้วพบว่าเขาลืมตาแล้วจริงๆด้วย

“บุริศร์ เป็นยังไงบ้าง?

นรมนรีบหันไป พบว่าบุริศร์ลืมตาแล้วจริงๆ เธอจึงรีบเข้าไปหา กอดเขาแน่น
“นายตื่นขึ้นมาซักที! บุริศร์ สารเลว! นายอย่าทำให้ฉันตกใจ แบบนี้ได้ไหม?”

บุริศร์รู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยออก ในสมองตีกันมั่วไปหมด

อยู่ที่ยูนนานไม่ใช่เหรอ?

ไม่ใช่ตกหน้าผาไปแล้วเหรอ?

เขายังมีชีวิตเหรอ?

น่าจะยังมีชีวิตอยู่!

ไม่อย่างนั้นจะเห็นนรมนได้ยังไง? ยังได้ยินเสียงเธออีก

เดี๋ยวก่อน!

เขารีบผลักนรมนออก แล้วมองนรมนด้วยความตกใจ

“เสียงของเธอ…

“หายแล้ว แค่ตอนนี้ยังเจ็บเล็กน้อย

นรมนรู้สึกดีใจมากจริงๆ

บุริศร์ลุกขึ้นนั่ง พลันรู้สึกปวดหัวเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เขารีบกุมหัวของตัวเอง แล้วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ป้องรีบเข้าดึงเข็มออกจากตำแหน่งไหลเวียนเลือดบนหัว นรมนตกใจจนหัวใจแทบเต้นออกมา

“เขาเป็นอะไร? ทำไมถึงปวดหัว?”
“นี่เป็นอาการปกติ อาการปวดประสาทไม่ใช่รักษากันง่ายๆ ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป ตอนนี้อาการสลบไสลของเขาถูกกำจัด ออกไปแล้ว อาการทางประสาทต้องค่อยๆรักษา ป้าโอบอกว่าอีก สามวันเขาถึงฟื้นขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาฟื้นขึ้นมาได้ แค่นี้ก็น่า ประหลาดใจมากแล้ว

ป้องรีบอธิบาย

บุริศร์จับใจความที่เขาจะสื่อได้

“ใคร? แกเป็นใคร?

“ป้าโอ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่เมืองหลวง นายไม่เห็นเหรอ? ที่นี่ หน้าประตูคุก ไม่มีป้าโอ นายคงเสียชีวิตไปแล้ว”

คำพูดของป้องทำเอาบุริศร์หันขวับ มองประตูเหล็กที่ด้านหลัง ทําไมเขาคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้รับการช่วยชีวิตจากป้าโอ

ถ้าหากไม่หมดหนทางจริงๆ นรมนคงไม่มีทางพาเขามาหาป้า โอแน่นอน

บุริศร์มองนรมน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ลำบากคุณ

เลย”

“คุณยังรู้ว่าฉันลำบาก ดูคุณ อยู่ดีๆ ทำไมถึงตกหน้าผา ได้?”

เมื่อพูดถึงปัญหานี้ขึ้นมา บุริศร์ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรเช่นกัน เขาก็ไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างโชคร้าย
ตอนแรกอยากจะทำโทษนลินแต่ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนรับ

โทษแทน

“นลินล่ะ?”

“ตายแล้ว”

นรมนเข้าไปประคองบุริศร์

กานต์รู้สึกตัวขึ้นมา จึงโวยวาย “นี่ๆๆ ขอร้องพวกนายล่ะ อย่า ลืมว่ายังมีฉันอยู่ตรงนี้? ถ้าไม่มีฉัน คุณบุริศร์จะฟื้นขึ้นมาได้ ไหม?”

“ใช่ๆๆ เพราะนายทั้งนั้น

นรมนหัวเราะออกมา แล้วรีบพากานต์มาข้างๆบริศร์

“นี่ คุณบุริศร์ นายนี่แย่จริงๆ ไปเที่ยวอยู่ดีๆ ทำไมถึงกลายเป็น แบบนี้ไปได้?”

“เจ้าเด็กนี่ จะมาว่าฉันใช่ไหม?”

บริศ นอนมานาน ร่างกายค่อนข้างอ่อนแรง เมื่อเห็นว่าบุริศร์ฟื้นแล้ว ป้องและนรมนจึงรีบพาเขากลับมาที่

โรงแรม

ป้องตรวจร่างกายให้บริศร์ ไม่พบปัญหาใหญ่อะไร จึงรู้สึก สบายใจ

“วางใจเถอะ ตอนนี้นอกจากอาการทางประสาทแล้ว อย่างอื่น ก็ไม่มีปัญหาอะไรอีก รอจนฝังเข็มครบแก้วให้ครบหนึ่งสัปดาห์สิบวัน หรือครึ่งเดือนก่อน อาการทางประสาทน่าจะดีขึ้นเยอะ มาก”

เมื่อได้ยินป้องกล่าวเช่นนี้ นรมนก็รู้สึกสบายใจ

“วันนี้เป็นวันที่ดี เหมาะแก่การฉลอง

“ดีไปเลย”

บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองรอดจากความตายมาได้ ตอนนี้เห็นกานต์ และนรมน รู้สึกว่าทุกสิ่งอย่างช่างล้ำค่า

ป้องกลับทําลายบรรยากาศลง

“ฉันจะบอกนายให้นะ ฉลองเนี่ย ดื่มไม่ได้กินของเย็น ของ เผ็ด ของเปรี้ยวไม่ได้ ทำเรื่องที่หวาดเสียวไม่ได้ ทางที่ดีคือกิน โจ๊ก หรืออะไรจืดๆ”

“แล้วมันจะฉลองยังไง?

บริศ ไม่พอใจ

ป้องยืดไหล่แล้วพูดขึ้น “ฉันไม่สน นายจะไม่ฟังที่หมอสั่งก็ได้

แต่ต้องยอมรับผลที่ตามมาเอง “พวกเราหาอะไรจืดๆทานกันก็พอแล้ว”

นรมนได้ยินที่บุริศร์ตอบ จึงรีบพูดแก้

บริศ เห็นว่าเธอกังวลมาก จึงพูดขึ้นด้วยความเอ็นดู “ขอโทษ นะ ที่ทำให้คุณเป็นห่วง
“รู้ก็ดีแล้ว ถ้าหลังจากนี้ยังกล้าอีก ฉันจะไม่สนใจคุณแล้ว ฉัน พูดจริงนะ”

“โอเค!”

ทั้งสองหวานชื่น อย่างไม่แคร์ใครทั้งนั้น

ป้องสั่นตัว แล้วหันไปพูดกับกานต์ “ไปเถอะ นายไม่คิดว่าพวก เราเป็นก้างขวางคอเหรอ?”

“รู้สึกได้ ว่าตอนนี้หม่ามีไม่รักผมแล้ว เฮ้อ” กานต์ส่ายหัวเหมือนกับผู้ใหญ่ แล้วเดินตามป้องออกไป นรมนและบุริศร์หัวเราะออกมาพร้อมกัน เมื่อในห้องเหลือเพียงแค่สองคน บุริศร์จึงกุมมือนรมนแน่น

“ช่วงนี้ลำบากคุณแย่เลย คุณคงไม่ได้หลับได้นอนเลยใช่ ไหม?”

“ยังได้อยู่ค่ะ ขอแค่คุณฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างย่อมคู่ควร คุณก็เช่น กัน ปวดที่ประสาททำไมไม่บอกฉัน? แล้วก็ ฉันได้พาไปหาถมทวี เพื่อรักษาอาการนอนหลับ ทำไมคุณไม่เชื่อฟัง?”

นรมนนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นก็รู้สึกโมโห

บุริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้น “เพราะผมทำให้คุณสูญเสียเสียงไป ผม ต้องลงโทษตัวเอง และความเจ็บปวดคือวิธีที่ดีที่สุด ผมต้องเตือน ตัวเอง เพราะความละเลยของผม ทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้ แต่ไม่ คิดว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นนี้
“โง่จริงๆ ไม่ว่าจะตอนไหน ฉันก็หวังให้คุณสบายดี คุณต้องรู้ นะ ว่าร่างกายของคุณตอนนี้เป็นของฉัน ถ้าไม่ได้รับอนุญาต คุณ จะทำร้ายตัวเองไม่ได้ รู้ไหม?”

“ครับ คุณภรรยา ผมรู้แล้วครับ”

บุริศร์รู้สึกว่าวินาทีนี้ช่างอบอุ่น ช่างควรค่ายิ่งนัก

“ทําไมถึงพาผมมารักษากับป้าโอล่ะ?”

บุริศร์รู้ สำหรับนรมนแล้วจะไม่พูดถึงป้าโอไม่ได้ วันนี้ยอมมา หาป้าโอเพื่อรักษาอาการป่วยของเขา ไม่รู้ในใจของเธอรู้สึกแย่ และฝี ขนาดไหน

นรมนชะงักไป แล้วพูดขึ้น “ป้องบอกแล้วว่าสำหรับฉัน การที่ รักษาคุณได้ ทุกอย่างย่อมคู่ควร

“ทําคุณลำบากเลย”

“ระหว่างสามีภรรยาไม่จำเป็นต้องพูดพวกนี้

นรมนยิ้ม ซบลงที่อกของบุริศร์ แล้วเล่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ เขาฟัง

เมื่อได้ยินว่านรมนเจอเรื่องลำบากมามากมาย ในใจของบุรี ศร์ก็รู้สึกไม่ดีนัก

“เหมือนว่าหลังจากที่อยู่กับผม คุณต้องเจอแต่ความลำบาก มากมาย บางครั้งผมก็ไม่รู้ว่าระหว่างเรามันคือความสุขหรือ ความทุกข์กันแน่”
“พูดอะไรโง่ๆแบบนั้นล่ะ ชีวิตของคนเราก็ต้องผ่านเรื่องราว มากมาย ที่สำคัญคือไม่ใช่เรื่องนั้นลำบากหรือไม่ แต่สนใจที่ว่า เราจะได้อยู่ด้วยกันเมื่อไหร่มากกว่า ผ่านอะไรมาด้วยกัน มากมาย ก็เพียงพอแล้ว”

สิ่งที่นรมนพูดทำให้บริศร์รู้สึกแย่ขึ้นมา

เขากอดนรมนแน่น แล้วกระซิบ “ได้สิ ผมจะอยู่กับคุณตลอด

ไป”

“ยินดีต้องรับกลับมานะคะ”

ทั้งสองหัวเราะ

นรมนนึกถึงอาการป่วยของป้าโอขึ้นมา ครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นมา “ป้าโอจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว”

“หมายความว่ายังไง?”

บริศ ชะงัก

นรมนเล่าเรื่องที่ป้าโอป่วยให้บริศร์ฟัง

“ฉันและโพนไปตามเรื่องนี้มาแล้ว อาการป่วยของเธอหนัก

มาก อาจจะอยู่ได้อีกไม่กี่วัน ฉันรู้ว่าคุณอาจจะห้ามฉัน แต่ว่าไม่ เป็นไร เธอเคยทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุไว้กับคุณ แต่เธอรักษาเสียง ให้กับฉัน ฉันรู้สึกขอบคุณเธอในเรื่องนี้ ถ้าหากคุณอยากจะไป เยี่ยม ก็ไปเถอะ อาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้

นรมนไม่ได้จะให้อภัยป้าโอ แต่อย่างไรก็ตามป้าโอคือแม่แท้ๆของบุริศร์ เธอไม่ต้องการให้บริศ รู้สึกเสียดาย

บริศร?รู้สึกสับสน

บอกตามตรงว่าความรู้สึกที่เขามีต่อป้าโอ ช่างซับซ้อน

ที่ผ่านมา เขามองว่าป้าโอคือแม่แท้ๆของเขา แต่หลังจากที่ เธอทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุลงไปนั้น ทั้งๆที่เขารู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้มี ความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขา แต่ก็ไม่อยากจะนึกถึงเธออีก

จนตอนนี้ได้ยินข่าวว่าป้าโอจะอยู่ได้อีกไม่นาน บุริศร์จึงรู้สึก แย่ ลืมเรื่องแย่ๆที่เธอเคยทำทิ้งไป นึกถึงตอนเด็กที่เธอคอยดูแล เขา จึงเริ่มรู้สึกใจอ่อน

“ผมอยากไปเยี่ยมเธอ”

“ได้สิ พรุ่งนี้พวกเราไปด้วยกัน

นรมนผละตัวออกมา

ไม่ว่าป้าโอจะเคยทำอะไร แต่ตอนนี้เธอใกล้จะตายแล้ว แล้ว ยังเป็นแม่แท้ๆของบุริศร์ เธอไม่อยากจะห้ามไม่ให้พวกเขาร่ำลา กันเป็นครั้งสุดท้าย

ทั้งสองคุยกันซักพัก จึงตัดสินใจลงไปเดินเล่น

สัมผัสถึงไอแดด บุริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้น ในที่สุดก็ได้สัมผัสถึง แสงแดดจริงๆเสียที หลายครั้งตอนที่ผมหลับอยู่นั้นได้ยินเสียง ของคุณ แต่ได้ยินไม่ชัดเจน เหมือนกับมีหมอกมาบังผมอยู่ ทำให้ ผมเข้าใกล้คุณไม่ได้ ผมพยายามจะหาทางออก กลับพบว่าวนอยู่แต่ที่เดิม บางครั้งผมหวังว่าตัวเองจะสลบลงไปจริงๆ ไม่ต้องรู้สึก ถึงอะไรทั้งนั้น แต่ผมก็คิดถึงคุณขึ้นมา คิดถึงลูกๆขึ้นมา ถ้าหาก ผมตายไปจริงๆ พวกคุณจะทำยังไง?”

เมื่อฟังความรู้สึกของบุริศร์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา นรมนก็รู้สึก สงสารจับใจ

“คุณหน่ะ อย่าทรมานอีกต่อไปเลย หลังจากนี้คอยอยู่กับลูกๆ ก็พอแล้ว อย่าลืมล่ะ ว่าคุณยังติดพาลูกไปเที่ยวอยู่นะ กมล โกรธ หมดแล้ว บอกว่าฉันตั้งใจไม่ให้คุณเจอกับเธอ ขอโทษนะคะที่ไม่ กล้าบอกเรื่องของคุณให้เธอฟัง

“คุณสาบากแย่เลย”

บริศร์กุมมือของนรมนไว้แน่น

มือเล็กๆคู่นี้ ที่คอยสู้ฝ่าฟันเพื่อครอบครัวในตอนที่เขา สลบไสลไป ผู้หญิงที่อ่อนโยนคนนี้ เพราะเธอรักและพยายาม ฝ่าฟันเดินกับเขามาจนถึงตอนนี้ เขามีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำดีต่อ เธอ? มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รักเธอ?

บริศร์กอดนรมนแน่น จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ชั่ว ชีวิตนี้ที่มีเธอ มันช่างดีจริงๆ

นรมนรู้สึกตื้นตัน

เหมือนความยากลำบากทั้งหมดหายไปชั่วพริบตา

ทั้งสองดื่มกับแสงอาทิตย์ สัมผัสถึงสิ่งรอบๆกาย พลันรู้สึก

ว่าโลกใบนี้ช่างสวยงาม
ในขณะที่พวกเขากำลังดื่มกับบรรยากาศนั้น ป้องก็วิ่งพรวด เข้ามา

“บุริศร์ นรมน เร็ว! ไปโรงพยาบาล! ป้าโอจะไม่ไหวแล้ว!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ