แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 721 ลูกผู้หญิงด้วยกันทำไมต้องมาแกล้งกันด้วย



บทที่ 721 ลูกผู้หญิงด้วยกันทำไมต้องมาแกล้งกันด้วย

ป้าโอบเงยหน้ามองก็พบกับกานต์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็ม ไปด้วยความอ่อนโยน

“ไม่ร้องไห้สิ โตขนาดนี้แล้ว ยิ่งร้องยิ่งขี้เหร่ ต้องเป็นตัวอย่างให้ผมสิ”

“กานต์! ”

ป้องอยากจะดึงกานต์กลับมา ก็ถูกกานต์ขัดไว้ก่อน

“คุณอาป้อง เธอไม่ทำร้ายผมหรอกครับ”

“นายรู้อะไร? เธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจ อย่าเข้าใกล้เลยเชียว ถ้า หากนายเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะบอกกับแม่นายยังไง? มานี่!!

ป้องรู้ว่ากานต์ยังเป็นเด็กอยู่ ป้าโออาจจะล่อลวงเขา จึงต้อง

ระมัดระวังเสียให้มาก

กานต์กลับยิ้มแล้วส่ายหน้า จากนั้นอ้าแขนสองข้างหันไปทาง ป้าโอ “จะกอดผมไม่ใช่เหรอ?”

ป้าพลันดีใจขึ้นมา

เธอโผเข้ากอดกานต์อย่างแน่น

“ขอบคุณนะกานต์ ขอบคุณมาก”

ป้าโอไม่เคยรู้ว่าอ้อมกอดอบอุ่นเพียงไหน เธอรู้สึกตื้นตันมาก
ป้องเป็นห่วงจึงคอยระวังทุกการกระทำของป้าโอ

กานต์ใช้มือเล็กลูบหลังป้าโอเบาๆ จากนั้นพูดด้วยเสียงเบาๆ “ขอบคุณนะที่ยอมช่วยแม่และพ่อของผม ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนคุณจะ ทําเรื่องที่แย่ๆไว้มาก และผมคิดว่าจะไม่ให้อภัย แต่คุณได้ทำให้ ครอบครัวผมสมบูรณ์อีกครั้ง แล้วยังคืนพ่อและแม่ที่ร่างกายแข็ง แรงให้ผมอีก ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ คุณครูบอกว่า คนเราชีวิตนึง ไม่มีทางที่จะไม่ทำผิดเลย ถ้าทำผิดก็ต้องรู้สึกผิดจริงๆ รู้ผิดแล้ว ยังแก้ไขถือว่าเป็นเด็กดี ผมให้อภัยคุณได้ ให้อภัยกับทุกสิ่งที่ เคยทํากับผม แต่หลังจากนี้คุณอย่ามาทำร้านคนในครอบครัว ผมอีกได้ไหม?”

“ค่ะ!”

ป้าโอร้องไห้สะอึกสะอื้น

แม้แต่เด็กสี่ขวบยังรู้ว่าทำผิดย่อมแก้ไขได้ ทำไมเธอที่ใช้ชีวิต มาตั้งหลายปี ถึงยังไม่เข้าใจกับเหตุผลข้อนี้

เธอสู้เด็กไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

ป้าโอกอดกานต์เอาไว้แน่น

นี่คือหลานของเธอ!

ถ้าหากเธอไม่ได้แก้แค้นอย่างบ้าคลั่งไป ตอนนี้เธอคงยังมี ความสุขอยู่บนชิงช้าสวรรค์ใช่ไหม?

เป็นเธอที่ทำทุกอย่างพังลงกับมือ เป็นเธอที่ทำลายความสุขลง
เมื่อเห็นป้าโอเสียใจมาก กานต์จึงเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง

“หม่ามีบอกว่าคุณย่าป่วย ป่วยหนักมาก ผมไม่รู้ว่าคุณน่าจะ รักษาให้หายได้ไหม แต่อย่าทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุกับพ่อและแม่ ผมอีกได้ไหม? หม่ามีชีวิตนี้ลำบากมามากแล้ว เหมือนกับเพลง นั้นไง ที่เป็นผู้หญิงช่างลำบาก”

ป้าโอพยักหน้ารับ

เธอไม่อยากจะปล่อยกานต์เลยซักนิด

เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่ากานต์รู้เรื่องมาก น่ารัก และน่าเอ็นดู

มาก

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ เขาก็คงจะมีชีวิตวัยเด็กที่ดี มี ครอบครัวที่อบอุ่น แต่เป็นเพราะเธอ ทำให้หลานชายและหลาน สาวของเธอต้องมาลำบากแบบนี้

ป้าโอแทบอยากต้องการหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ เธอเห็น คุณค่าในเวลาเหล่านี้มาก แต่เขารู้ว่านั่นเป็นเพียงความต้องการ ของเธอเท่านั้น

เธอปล่อยกานต์

กานต์ยื่นมือมาปาดน้ำตาให้เธอเบาๆ

มือเล็กของเขานิ่มและอบอุ่นมาก

ทําเอาใจของป้าโอแทบละลาย

ทำไมก่อนหน้านี้เธอไม่เห็นค่าในทุกสิ่งทุกอย่างนี้
“ผมต้องไปแล้ว หม่ามีเป็นห่วงอยู่ด้านนอก

กานต์ทําให้ป้าโอไม่อยากจากไปไหน แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะตั้ง

“เอาอันนี้ไป จะมีประโยชน์ตอนหนูโต”

ป้าโอหยิบแหวนเอาออกให้กานต์

“คืออะไรเหรอครับ?”

“ของไม่ได้มีค่าอะไร ถือว่าย่าให้หนูเอาไว้เป็นที่ระลึก ย่ารู้ว่า ในใจหนูไม่มีที่ว่างสำหรับย่าหรอก ย่าก็ไม่เหมาะที่จะเป็นย่าของ หนู แต่ว่าชีวิตของย่าใกล้จะปลายทางแล้ว เลยอยากจะทิ้งของ เอาไว้ให้เป็นที่ระลึก กมลร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หลังจากนี้หนู เป็นพี่ชายต้องดูแลตัวเองน้องสาวดีๆนะ”

“ขอบคุณครับ”

กานต์เก็บแหวนที่มีลวดลายโบราณนั้นเรียบร้อย จากนั้นก็เดิน จากไป

“กานต์! ”

ป้าโอมองตามหลังของเขา อดไม่ได้ที่จะตะโกนเรียก

กานต์หันกลับมามองหญิงชราที่เหลืออายุขัยไม่มากแล้ว มอง ดูเธอที่น้ำตาคลอเบ้า เขาก็ยิ้ม แล้วจึงพูดขึ้น “คุณย่า ผมไปแล้ว ครับ”

ป้าโอชะงักอยู่กับที
เขาเรียกเธอว่าอะไรนะ?

เมื่อกี้กานต์เรียกเธอว่าอะไรนะ?

คุณย่า?

ในที่สุดสิ่งที่เธอรอคอยก็สมหวังเสียที

เธอที่รอคอยให้หลานชายเรียกเธอว่าคุณย่า

ป้าโอที่ใจจนแทบเต้น เธออยากจะได้ยินกานต์เรียกเธอว่า คุณย่าอีกครั้ง แต่เขาได้เดินไปถึงห้องรับแขกแล้ว

เธอนั่งก้มเอามือปิดหน้า แล้วร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด

หลังจากที่กานต์ออกมาแล้ว ป้องจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าเด็กนี่ใจกล้าจริงๆ กล้าเอาของมาเสียทุกอย่างนายไม่กลัว เธอจะลงไม้ลงมือกับนายรึไง?”

“ไม่กลัว”

กานต์ยิ้มแล้วพูดต่อ “แววตาของคนเราไม่สามารถหลอกกัน ได้ เธอชอบผมมากจริงๆครับ ผมสัมผัสได้ คุณอาป้อง ห้ามบอก หม่ามีนะครับ ว่าเธอให้ของกับผม แล้วก็ห้ามบอกหม่ามี้ด้วย ว่า ผมเรียกเธอว่าคุณย่า”

“เจ้าเด็ก หัดที่จะแอบทำผิดแล้วใช่ไหม?”

ป้องใช้นิ้วดีดหัวของกานต์

กานต์ลูบหัวของตัวเองพลางพูด “ไม่ใช่ซักหน่อย แค่หม่ามีไม่ ไว้ใจเธอ แล้วผมไม่อยากให้หม่ามีเป็นห่วงเท่านั้น
ป้องรู้สึกว่ากานต์น่าสนใจมาก

“นายไม่เกลียดเรื่องที่เธอทำลงไปเหรอ?”

“เกลียดสิ แต่เธอก็ช่วยหม่ามีคุณบุริศร์ไม่ใช่เหรอครับ? แสดง ว่าเธอสํานึกผิดแล้ว เราควรจะให้โอกาสเธอ”

ป้องพลันชะงักไปชั่วขณะ

ความคิดของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อน ความรู้สึกยิ่งสับสน แต่เด็กนั้น ชอบก็คือชอบ เกลียดก็คือเกลียด

ความรู้สึกของพวกเขานั้นง่ายมาก

แค่ทําดีต่อเขา เขาก็จะดีต่อคุณ

ความรู้สึกที่ง่ายดายนี้ แต่ผู้ใหญ่กลับเดินอ้อมไปมา

ป้องหันกลับไปมองที่ห้องรับแขกนั้น ได้ยินเสียงสะอื้นของป้า โอเบาๆ ผู้หญิงคนหนึ่งที่จะมาถึงขั้นนี้ได้ ช่างเป็นคนที่ทั้งน่ากลัว และน่าสงสาร

นรมนเห็นกานต์และป้องออกมาจึงรีบเข้าไปหา มองดูรอบๆ

ตัวของกานต์

เป็นยังไงบ้าง? ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”

“ไม่เป็นครับ หม่ามี ผมหิว

กานต์ยิ้มแฉ่ง

นรมนค่อยรู้สึกสบายใจขึ้นมา
“เจ้าแสบน ทำตัวน่าเป็นห่วงจริงๆ”

ป้องมองดูพวกเขาแล้วก็ยิ้มออกมา แต่ไม่ได้พูดอะไร

ทั้งสองคุยกันไม่เท่าไหร่ ป้องและนรมนจึงพาบุริศร์เข้าไป แต่ป้าโอไม่เห็นนรมน บอกไปว่าให้เธออยู่กับกานต์ กลัวว่า กานต์อยู่คนเดียวจะไม่ปลอดภัย

การทําแบบนี้ของป้าโอ นรมนไม่ได้รู้สึกขอบคุณแต่อย่างใด

ป้องพาบุริศน์เข้าไปแล้ว

กานต์มองนรมน แล้วกระซิบถาม “หม่ามี คุณย่าโอจะตาย

ไหมครับ?”

“น่าจะ”

นรมนไม่ปิดบังกานต์

“คนเราเจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ต้องเกิดขึ้นซักวันหนึ่ง คุณ พ่อและหม่ามีก็เหมือนกัน หนูต้องรู้จักดูแลตัวเองเข้าใจไหม?”

สิ่งที่นรมนูพูดทำให้กานต์รู้สึกเศร้า

“แต่ว่าผมไม่อยากให้หม่ามีตายนี่ครับ”

“เด็กโง่ หม่ามีรับปากนะ ว่าจะอยู่กับหนูให้ได้นานที่สุด ดีไหม ครับ?”

“ครับ”

กานต์นอนอยู่ในอ้อมแขนของนรมน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “หม่าม ผมจะไม่ไปสอบโรงเรียนทหารแล้ว ผมจะไปเรียน หมอ จะรักษาโรคร้ายต่างๆ ตอนนั้นถ้าหม่ามีกับคุณบุริศร์ป่วยก็ จะได้ไม่ต้องลำบาก เพราะว่ามีผมทั้งคน

นรมนไม่ได้ใส่ใจมาก ความคิดของเด็กเปลี่ยนแปลงเสมอ

ทั้งสองนั่งอาบแดด จนนรมนเริ่มรู้สึกง่วง

เธอนั่งพิงกับเก้าอี้จนผลอยหลับ

กานต์เห็นท่าทางของนรมนดูน่าสงสารมาก เขาจึงไม่รบกวน เธอ จึงนั่งเฝ้าเธออยู่เช่นนั้น จนกระทั่งบุริศร์เดินออกมา

“ว ห้ามพูดนะ ให้หม่ามนอนหลับ

กานต์บอกให้ป้องและคนอื่นๆ ห้ามออกเสียง

ป้องอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“นอนแบบนี้ ไม่กลัวหม่ามีจะเป็นหวัดหรอ?”

กานต์เลิกคิ้วขึ้น

เหมือนเขาไม่ได้คิดถึงตรงนี้

เมื่อเห็นเช่นนี้ ป้องจึงยิ้มขึ้นแล้วพูดต่อ “เอาเสื้อคลุมคลุมให้ หม่ามีสิ พวกเราโดนแดดนะตรงนี้”

“ครับ คุณอาป้อง คุณอาเป็นคนดีจัง เทวดาต้องชอบมาก แน่ๆ”
สิ่งที่กานต์พูดทำให้ป้องรู้สึกว่าและอยากจะร้องไห้ในเวลา

เดียวกัน

ให้เทวดาชอบเขา?

ทำไมค่นี้ฟังดูแปลกๆ

ตอนนี้กานต์ร่าเริงมาก ต่างจากตอนที่เพิ่งกลับมาจากเมือง ชลธีลี้ลับ

อาจจะเป็นเพราะว่ามีทั้งพ่อและแม่อยู่ด้วย

ท่าทางของเด็กคนหนึ่งบ่งบอกได้ถึงสภาวะในครอบครัว

หลังจากที่กานต์เอาเสื้อมาคลุมให้นรมนเรียบร้อย จึงเดินมา

ข้างๆบริศน์

บริศน์ยังหลับสนิท

กานต์ยื่นมือไป ลูบที่ใบหน้าของเขาเบาๆ จากนั้นกระซิบถาม

“คุนอาป้อง คุณบุริศร์เมื่อไหร่จะฟื้นขึ้นมา?”

“ไม่รู้สิ คงจะใกล้แล้วแหละ ป้าโอบอกว่าไม่เกินสามวัน แต่

หลังจากนี้ยังต้องหมั่นฝังเข็มครอบแก้ว”

สิ่งที่ป้องพูด ทำให้กานต์รู้สึกสบายใจขึ้น

“สามวันเลยเหรอ นานจัง

“เจ้าเด็กนี่ สามวันก็รอไม่ได้เหรอ? หม่ามีนายเฝ้าคุณพ่อมาตั้ง นาน ลองคิดดูว่าหม่ามีจะร้อนรนขนาดไหน?”
เมื่อได้ยินป้องพูดเช่นนี้ กานต์ก็บนปาก “คุณบุริศร์ก็จริงๆเลย จะออกไปเที่ยวกับหม่ามีไม่ใช่เหรอ? ทำไมเที่ยวจนเป็นแบบนี้ไป ได้ล่ะ?”

“เรื่องของผู้ใหญ่เด็กไม่เข้าใจหรอก”

“พวกผู้ใหญ่ก็มีอะไรชอบไม่บอกเด็ก อย่าคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่อง แค่พวกเราไม่อยากจะลุ้นจ้าน ให้มากเรื่องก็แค่นั้น

กานต์พูดอย่างออกท่าทาง

ป้องพลันยิ้มขึ้นมา

“เจ้าเด็กนี่แต่ละอย่างเรียนแบบใครมาเนี่ย?”

“นายไง ผมอยู่บ้านคุณอามาตั้งช่วงหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ก็ต้อง เรียนแบบมาจากคุณอาป้องทั้งนั้น

คำพูดคําจาของกานต์ ทำให้ป้องนึกถึงเจตต์ขึ้นมา

“ดูเหมือนนายไม่ใช่ลูกชายของบุริศร์เลย นายน่าจะเป็น ลูกชายของเจตต์มากกว่า รู้สึกจะไร้สาระขึ้นทุกวัน”

“แล้วคุณอาเจตต์ล่ะ?”

กานต์ถามถึงเจตต์ขึ้นมา

ป้องกระซิบตอบ “คุณอาเจตต์มีธุระส่วนตัวต้องจัดการ นาย เนี่ย จัดการเรื่องของตัวเองก็พอแล้ว”

“ชิ ทำเหมือนผมชอบยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่นักแหละ ใครทำให้ พวกผู้ใหญ่ที่ทำตัวน่าเป็นห่วงกันล่ะ?”
กานต์พูดพลางหันไปมองบุริศร์

เขารู้สึกว่าบริศ ดีที่สุด กานต์สามารถดึงแก้ม ดึงเสื้อผ้าเขาได้ บางทีก็ทำหน้าผี แลบลิ้น

ในขณะที่กานต์กําลังสนุกนั้น บุริศร์ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ