บทที่ 592 ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคุณคงไม่เจ็บใช่ไหม
*ออกไป ออกไปซะ! ไม่ต้องยื่นใบลาออกให้ฉัน ไม่อยากทำ ไสหัวไปเลย! ฉันจะบอกพวกแก ให้นะ วันนี้พวกแกลออกไป ต่อ ไปถ้าอยากกลับมา มันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว!
เสียง โกรธของเจงผ่านมา
นรมนเห็นเจตต์โกรธขนาดนี้เป็นครั้งแรก
ภายในห้องทํางานที่เต็มไปด้วยคน แต่เหลือตำแหน่งของเจต เพียงคนเดียว
เจตต์นั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าเดิมทีที่หล่อเหลาตอนนี้โกรธจน บิดเบี้ยวนิดหน่อย
เขากวาดเอกสารตรงหน้าลงกับพื้นทั้งหมด สภาพโกรธแค้น
และตกอยู่ในที่นั่งลำบากทำให้นรมนเห็นแล้วปวดใจทันที
“ประธานเจตต์ เราก็ต้องกินข้าวนะ ห้ามล้มไปพร้อมกับบริษัท ตระกูลรัตติกรวรกุลสิ?”
พนักงานคนหนึ่งไม่ชอบที่เห็นสภาพเจตต์เป็นแบบนี้ อดไม่
ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้น
“ล้มเหรอ? บริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลจะไม่ล้มละลาย ไม่มีทาง
เด็ดขาด”
มือของเจตจับที่เท้าแขนของรถเข็นไว้แน่น
คำว่า “ลัม” คำนี้เหมือนมีดสั้นแทงทะลุหน้าอกเขา ถึงแม้เขาจะรู้ว่าบนโลกใบนี้มีคนจะเต็มมาก แต่ไม่คิดว่า คนพวกนี้จะมาเร็วขนาดนี้ เร็วจนเขาไม่มีแรงต่อต้านเลยสักนิด
“ช่างเถอะ ประธานเจตต์ ทนต่อไปก็ไม่มีความหมาย เราก็ทำ ที่บริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลมาตั้งหลายปีแล้ว ถ้าดูจากความรู้สึก ฉันจะให้คำแนะนำที่จริงใจกับประธานเจตต์ ต่อไปอันไหนต้อง ให้อภัยก็ต้องให้อภัย ควรก้มหัวก็ต้องก้ม ไม่มีใครอยู่สูงส่งไป ชั่วชีวิต”
คำพูดของพนักงานทำให้สีหน้านรมนหนักอึ้งทันที
“ใครบอกว่าไม่มีใครสูงส่งไปชั่วชีวิต? เขาทำได้! ถึงจะขาหัก เขาก็ยังเป็นเจตต์ เป็นคุณชายเจตต์ที่ดำเนินงานอย่างรวดเร็ว และเฉียบขาด ในด้านธุรกิจ และเขาก็ยังมีตระกูลโตเล็กของเรา หนุนหลังอยู่”
เมื่อประโยคนี้ของนรมนพูดออกไป ก็ดึงดูดความสนใจของ ทุกคนทันที
เมื่อเจต ได้ยินเสียงนรมนก็ตกตะลึงนิดหน่อย เขาหันศีรษะ กลับไปโดยไม่รู้ตัว สบตากับนรมนพอดี
แววตานโมนมีความปวดใจและเสียใจเล็กน้อย
ทันใดนั้นเจตต์รู้สึกตกอยู่ในที่นั่งลำบากสุดๆ เขาอยากจะหารู มุดเข้าไป
เขาไม่อยากให้นรมนรู้สภาพตัวเองที่เป็นแบบนี้มากที่สุด
เหีนบุรี ข้างกายนามน ความโกรธของเจตต์พุ่งตรงไปที่ เขาทันที
“นายก็มาหัวเราะเยาะฉันใช่ไหม? นายมาคนเดียวก็ได้นี่ หาบรมบมา เพื่อให้เธอเห็นสภาพท้อแท้ของฉันเหรอ?”
“เจตต์ ฉันไม่มีอารมณ์ทะเลาะกับนาย วันนี้ฉันมาเป็นคนขับรถ
ให้ภรรยาฉัน นายตวาดใส่ฉันให้น้อยๆ หน่อย”
บุรีตรไม่ได้โกรธ แค่พูดเรียบๆ
นรมนเห็นเจตต์เป็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปสองก้าว
“เจตต์!”
“พวกเธอออกไปให้หมด! ออกไป!!
เจตต์ลงความโกรธไปที่พนักงานเหล่านั้นทันที
เติมทีคนที่มาห้องทำงานเจตต์ก็เพื่อมาลาออก ตอนนี้ได้ยิน เจตต์พูดแบบนี้ ก็รีบหันตัวเดินไป
มีหลายคนเห็นบริศร์มา ก็ระมัดระวังในพฤติกรรม พูดขึ้นว่า “ประธานเจตต์ เราทำงานต่อกันเถอะ ยังไงอยู่ที่บริษัทตระกูลรัต ติกรวรกุลมานานขนาดนี้แล้ว เราก็อยากก้าวหน้าและปลด เกษียณไปพร้อมกับบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุล
“ออกไป!”
ตอนนี้เจตต์ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
ทำไมนมนต้องมาเห็นตัวเองในสภาพจนตรอกที่สุดด้วยนะ?
หลังจากคนในห้องทํางานออกไปหมดแล้ว นานก็เดินมาตรง หน้าเจด
ชาติขึ้นไหม?”
“คุณมาเพื่อแสดงความเห็นใจฉันเหรอ? หรือมาสมเพชฉัน? หรือเพราะว่าฉันขาหัก ก็เลยเอาเงินมาฟาดหัวฉันตรงๆ?
น้ำเสียงเจต ไม่ดีอย่างยิ่ง
แต่นรมนไม่โกรธ พูดขึ้นเสียงทุ้ม “ฉันแค่มาเยี่ยมคุณ และบุรี ศ ก็มาช่วยคุณ
“ช่วยฉัน? เห็นตอนนี้ฉันโชคร้ายแบบนี้ มีความสุขมากเลยใช่ ไหมล่ะ? คงไม่ใช้โอกาสนี้ซื้อกิจการบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุล หรอกนะ? เพราะมันเป็นสไตล์ของคุณชายบุริศร์ยังไงล่ะ! ทำไม? กำลังรอให้บริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลตกต่ำอยู่เหรอ?”
ดวงตาเจตต์มองตรงไปที่บริศร์ มีความรู้สึกสับสนอยู่ในนั้น
บริศร์กำลังมองเขา แล้วพูดขึ้นเรียบๆ “นายต้องการ หมดอาลัยตายอยากฉันก็ทําอะไรไม่ได้หรอก ถ้านายอยากให้ ฉันซื้อบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลจริงๆ ฉันก็ทำได้นะ เจตต์ ฉันจะ ให้งานตระกูลรัตติกรวรกุล ถึงมันจะไม่ได้ทำให้นายกู้คืนตระกูล รัตติกรวรกุลได้ทันที แต่ก็จะไม่ถึงขนาดล้มละลาย นายจะยัง
โวยวายอะไร?”
“ฉันโวยวายอะไร? ฉันเต็มไปใจไปช่วยชีวิตนาย ฉันไม่ ต้องการให้บริศ อย่างนายมาให้ทาน
พูดไปพูดมา เจต ก็ยอมรับไม่ได้ ตอนนี้บุริศร์ปรากฏต่อหน้า เขาด้วยท่าทีแบบนี้
นรมน ค่อนข้างโกรธแล้ว
“เจตต์ เกียรติของคุณหรือบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลสำคัญ กว่ากัน? ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน คุณก็ไม่ไปเมือง A หรอก ถ้าคุณไม่ ไปเมือง A ตอนนี้ก็คงไม่เป็นแบบนี้ สุดท้ายแล้วนรมนอย่างฉันก็ ติดหนี้คุณไปแล้ว บุริศร์ให้คุณร่วมมือทำงานด้วย ทำไมคุณต้อง พูดว่า ให้ทาน? งานที่เขาให้เป็นงานเล็กๆ ทั่วไปเหรอ? ถ้าบริษัท ตระกูลรัตติกรวรกุลไม่มีความสามารถ เขาจะให้คุณไหม? คุณ คิดว่าเราใช้เงินฟาดคุณเหรอ? คุณคิดว่ามิตรภาพระหว่างเราแค่ งานเดียวมันก็จบได้เลยไหม? ถ้าคุณคิดแบบนี้ ถ้างั้นก็ดี คุณไม่ ต้องรับน้ำใจเราไว้ก็ได้ จากนั้นก็รอดูบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุล ล้มละลาย ถึงตอนนั้นคุณอับจน ไม่ต้องการเจอฉันอีกแล้วใช่ ไหม? คุณอยากเห็นฉันให้เงินคุณบนถนนเหรอ?”
ประโยคนี้ของนรมนูพูดอย่างใจดำนิดหน่อย
เจตต์แค่รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว “อะไรคือให้เงินฉันบนถนน?”
“คุณกลายเป็นขอทานไง ถ้าฉันไม่ให้เงินคุณบนถนน ก็ให้ใต้ สะพานลอยมั้ง?”
ประโยคนี้ของนรมนทำให้ปากเจตต์กระตุกทันที
“ฉันไม่ได้สุดจะทนแบบที่คุณพูดหรอก? ถึงบริษัทจะล้มละลายจริงๆ ฉันก็จะออกไปทำงาน ฉันจะไม่ไปขอทานแน่นอน!
“คุณพอเถอะ ช่วงปีที่ผ่านมาคุณท่านิสัยยโสโอหัง คุณไป บริษัทไหน คนอื่นจะกล้ารับคุณไหม? คุณเอาแต่ใจแบบนี้ ใครจะ ยอมรับคุณลง ยังบอกอีกว่าจะไปทำงานหาเงิน ฉันว่าไม่ถึงเดือน คุณ อดตาย
“นรมน นี่คุณหมายความว่าไง? วันนี้คุณมายั่วโมโหฉัน มา หัวเราะเยาะไล่ฉันใช่ไหม? เจต อับอายจน โกรธแล้ว
ในใจนรมน เขาเหมาะกับการไปขอทานเหรอ?
นี่มันทําให้เขาโกรธมาก
นรมนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “คุณโกรธเหรอ? คุณอยากให้ฉันเห็น คุณรู้สึกผิดแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? คุณอยากให้ฉันรู้สึกผิดไปตลอด ชีวิตเหรอ? อยากให้ฉันอยากตบตีตัวเองเมื่อนึกถึงเจต อย่าง คุณเหรอ?”
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น
“แล้วคุณคิดยังไง? ยอมรับการช่วยเหลือจากบริศ มันยาก ขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้ามีความสามารถคุณก็ยืนอยู่สูงกับเขาอีก ครั้ง แล้วก็หยิ่งผยองอีกรอบ หรือจะบอกว่าคุณไม่กล้าแล้ว ขา หักข้างเดียว มันยังตัดความกล้าหาญคุณไปด้วยเหรอ? ทำให้ คุณไม่กล้ารับ เพราะกลัวว่าตัวเองไม่มีความสามารถ ยิ่งทำให้ ฉันกับบริศ ดูถูกใช่ไหม?”
คำพูดบรมนยิ่งพูดยิ่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
เจตต์ค่อนข้างรับไม่ไหวแล้ว
“ฉันไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่คุณบอก ถึงจะไม่ได้รับการช่วย เหลือจากตระกูลโตเล็ก ฉันก็ยืนขึ้นมาได้ และจะทําให้บริษัท ตระกูลรัตติกรวรกุลสง่างามอีกรอบ
“งั้นก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นสิ! งานนี้ที่ตระกูลโตเล็กให้ไม่ใช่ เป็นการให้ทาน ตระกูลโตเล็กไม่เอาสัญญาร้อยล้านมาให้ง่ายๆ ถ้าคุณไม่มีความสามารถ บุริศร์ คุณ ก็เอางานนี้ให้คนอื่นทำ สำหรับ นี่เป็นโอกาส จะคว้าโอกาสไว้ไหมก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง คุณ ไม่ต้องเป็นห่วง ที่ฉันติดหนี้คุณ นรมนอย่างฉันจะจำเอาไว้ ฉันไม่ ดูถูกคุณด้วยการเอาเงินมาฟาดเพื่อตอบแทนมิตรภาพหรอก ถ้า คุณคิดแบบนี้ มันจะดูถูกตัวคุณเอง และดูถูกฉันด้วย
หลังจากพูดประโยคนี้จบ ก็หันตัวมาจับแขนบุริศร์เอาไว้ พูด ขึ้นเสียงทุ้ม “เราไปกันเถอะ ถ้าเขาอยากให้บริษัทตระกูลรัตติกร วรกุลจบเห่ ทำไมเราต้องกระตือรือร้นกับความไม่แยแสคนอื่น ด้วย”
มุมปากบุริศร์ยกขึ้นเล็กน้อย
เขาไม่รู้ว่าเวลานรมนด่าคนอื่นแล้วจะน่ารักแบบนี้
ตอนนี้นรมนทำให้บริศร์หลงจริงๆ
เจตต์เห็นนรมน โกรธ ก็รีบพูดขึ้น “นรมน ฉันเป็นแบบนี้ คุณยัง มารังแกฉันอีก คนจิตใจดีงามอย่างคุณไม่เจ็บเหรอ?”
“คุณเป็นยังไง? คุณมีขาเดียวก็เดินไม่ได้เหรอ? ทําไม? รักษา ไม่หายเหรอ? ฉันรังแกอะไรคุณ? คุณยายเจต ผู้สูงส่งอย่างคุณ ถูกผู้หญิงอ่อนแออย่างฉันรังแก น่าข่าจริงๆ อีกอย่างฉันไม่ได้ใจ ดี ฉันจะเจ็บอะไรล่ะ
“คุณ!”
เจตต์รู้สึกเจ็บหัวใจอีกครั้ง
ผู้หญิงคนนี้โหดร้ายกับเขาโดยไม่สนใจเลยสักนิด
บุริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ตอนขาดีๆ ก็ชนะฉันไม่ได้ ตอนนี้พิการ แล้ว ยังหมดอาลัยตายอยากต้องการทิ้งสถานะคุณชายของตัว เองอีก นายยังมีอะไรมาแข่งกับฉันอีกอ่ะ? นายคงไม่อยากให้น นนทนทุกข์ไปกับนายหรอกนะ?”
นรมนรู้สึกประโยคนี้ของบุริศร์มีปัญหา กำลังจะพูดอะไรบาง อย่าง แต่แววตาบุรี รหยุดเอาไว้
“ผู้ชายคนหนึ่งนะ ถ้าไม่สามารถให้ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน ที่สุดแก่ผู้หญิงคนหนึ่งได้ จะเรียกความรักได้ยังไง? พูดปากเปล่า ใครๆ ก็พูดได้ ความรักกับคนโกหกมันต่างกันยังไง? ยังไงก็ตาม ฉันให้โอกาสนายเอง นายอยากเอาหรือไม่เอา ในทางตรงข้าม ฉันก็หวังว่านายจะยึดมั่นอยู่ตลอดเวลา หวังว่านายจะไม่ขาย บริษัทตระกูลรัตติกรวรกุล ถึงตอนนั้นฉันจะไม่ใจอ่อนแน่ จะซื้อ มาให้นรมนเล่น ถ้านี่เป็นสิ่งที่นายต้องการนะ”
บุรีศร์ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ
“นายหุบปากชะมันเป็นโครงการพันล้านไม่ใช่เหรอ ฉันรับ มัน! ฉันยังไม่เชื่อจริงๆ ว่าบุริศร์อย่างนายจะแข็งแกร่งกว่าฉัน มากแค่ไหน
“โอเค งั้นบ่ายนี้เซ็นสัญญา ฉันจะรอนายอยู่ที่บ้าน
บริศ พูดจบ ก็ดึงมือนรมนไปทันทีแล้วพูดขึ้น “เราไปกันเถอะ ตอนนี้คุณขายเจตน่าจะไม่อยากเห็นพวกเรา
นรมนตกตะลึง หยิบขาขวดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้
“ยานี้จะช่วยขาคุณได้บ้าง ฉันยังอยากให้คุณไปให้ป้องดูนะ อย่าชะลอระยะเวลาในการรักษาเลย
“รู้แล้ว”
เจต มองนรมน ทันใดนั้นดวงตาก็ค่อนข้างเปียกชื้น “เรื่องที่เธอให้ฉันจัดการฉันทํามันไม่สําเร็จ ขอโทษนะ” ค่าขอโทษกะทันหันของเจตต์ทําให้นรมนค่อนข้างสับสน
“ขอโทษทําไม?”
“คุณให้ฉันดูแลกานต์ กมลและกิจจา ตอนฉันกลับมา กิจจาก หนีออกไปแล้ว ต่อมาฉันก็ได้ยินว่าเขาสมัครใจเป็นลูกศิษย์ของ ยมราชเป็นเวลาสิบปีเพื่อช่วยชีวิตคุณ ตอนที่ฉันรู้เรื่องนี้มันก็สาย ไปแล้ว ก็เลยขอโทษจริงๆ”
“คุณว่าไงนะ? คุณบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับกิจจา
จู่ๆ นรมาก็หันศีรษะกลับไปถามด้วยใบหน้าประหลาดใจ บริด อยากตัดสินเขตต่จริงๆ ทำไมไม่ให้เขาเจ็บถึงปากนะ เขาพยายามทําทุกวิถีทางเพื่อปกปิดนรมน แต่โดนเขาเปิดโปง ออกมาเลย
“คุณไม่รู้เหรอ?”
เจตตนิกอะไรบางอย่างได้ในเวลาต่อมา สบตาอาฆาตของบุรี ศรีทันที ก็รู้สึกเสียวสันหลังในชั่วขณะหนึ่ง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ