แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 542 ผมจะพาเขากลับมาหาคุณอย่างปลอดภัย



บทที่ 542 ผมจะพาเขากลับมาหาคุณอย่างปลอดภัย

โพนี่รู้สึกเห็นใจเจตต์ขึ้นมาบ้าง

คนอื่นคิดว่าเขาไร้หัวใจ ไม่มีใครรู้ว่าความรู้สึกของเขาต้อนร มนมั่นคงขนาดนี้ แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ใช่คู่ของเธอ เขาตัดสินใจ เลือกฉากจบเดียวดาย

“เจตต์ คุณ…”

“ผมรับปาก ผมจะช่วยตามหาบุริศร์เอง” เจตต์อยู่ๆ ก็พูดขึ้น

โพนี่รู้ดี เจตต์พูดเช่นนี้ การตัดสินใจไม่ใช่เรื่องง่าย “คุณคิด

ให้ดีนะ เรื่องนี้คุณ…”

“อย่าชักช้า ผมไปดูบรมนหน่อย ผมจะลงมือทันที เรื่องนี้อย่า

เพิ่งบอกเธอ รอจนบุรีศร์กลับมาเธอก็รู้เอง”

เจตต์พูดจบ ก็ผละจาก โพนเข้าไปข้างใน

โพนมองตามหลังเขาไป ถอนหายใจ

เจตต์เดินมาถึงห้องของนรมน กิจจากำลังนั่งเงียบๆ ที่มุมหนึ่ง สายตาจ้องมองนรมน ราวกับกลัวว่าจะมองไม่เห็นตอนเธอลืมตา

เมื่อเห็นเขาเป็นอย่างนี้ เจตต์เดินเข้าไปลูบหัวเขา “วางใจ เถอะ หม่ามีของเธอไม่เป็นอะไรหรอก

“จริงหรือครับ”
กิจจาเงยหน้ามองเจตต์ ถามเขาอย่างวิตกกังวล “พวกผู้ใหญ่ ชอบหลอกเด็ก นึกว่าพวกเราไม่รู้เรื่องอะไร ที่จริงเราเข้าใจทุก อย่าง คุณอย่าคิดว่ากมลคิดว่าหม่ามีแค่เหนื่อยจริงๆ น้องแค่ไม่ พูด ชอบใช้ความไร้เดียงสาทำให้พวกคุณสบายใจก็เท่านั้น ผมก็ เหมือนกัน ผมดูออกนะครับ หม่ามี้ดูท่าทางอาการไม่ดีเลย พวก คุณกำลังหลอกพวกเราใช่ไหมครับ

“พูดบ้าอะไร!”

เจต ตบไหล่กิจจา แต่เมื่อสายตาบริสุทธิ์ของกิจจาจ้องมอง เขา ในที่สุดเขาก็ไม่อาจฝืนยิ้มร่าเริงต่อไปได้

“อาการหม่ามีของเธอไม่ค่อยดีจริงๆ

บอกผมได้ไหมครับหน้าที่เป็นอะไรกันแน่ หม่าจะตายไหม

กิจจาเคยเผชิญกับความตายของแม่แท้ๆ ตัวเองมาแล้ว จึง อ่อนไหวกับคำว่า “ตาย” มาก ทำให้เวลาเขาพูดออกมา เสียงสั่น เครือ

เจตต์ คิดว่าตัวเองไม่มีหัวใจ นอกจากกับนรมน เขาไม่เคย ใส่ใจคนอื่น แต่ตอนนี้กลับรู้สึกสงสารเด็กน้อยอย่างกิจจา

“ไม่หรอก หม่ามีของเธอไม่ตายง่ายๆ หรอก แค่เพียงร่างกาย มีปัญหาจริงๆ ไม่ค่อยสู้ดีก็เท่านั้น แต่เธอวางใจเถอะ ฉันจะทำให้ หม่ามีของเธอหายให้ได้

คำพูดของเจตต์ ทำให้กิจจามั่นใจอย่างบอกไม่ถูก

“ถ้าหม่ามหายจริงๆ ผมจะขอเป็นศิษย์คุณ กานต์เคยบอกกับผม เป็นอาจารย์วันหนึ่งเป็นอาจารย์ตลอดไป ผมจะถือว่าคุณเป็น เหมือนแดดดี้”

กิจจาพูดเช่นนี้ เจตต่ไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไร

มีลูกชายเพิ่มมาคนหนึ่ง เขาไม่ปฏิเสธ หรือบางทีเขารู้ว่าชีวิตนี้ ไม่มีหวังจะได้แต่งงาน และอาจไม่มีลูกของตัวเอง ตอนนี้ยังมอง กิจจาก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตา

“ตกลง เธอเป็นคนพูดเองนะ ถึงเธอจะเป็นเด็ก แต่ลูกผู้ชาย พูดแล้วไม่คืนคำ อย่าหลอกกันล่ะ”

“ผมไม่หลอก เรามาเกี่ยวก้อยสัญญา!

กิจจาพูดพลางชูนิ้วก้อยของตัวเอง ท่าทางจริงจัง

เจตต์ ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้ทำเรื่องเด็กๆ แบบนี้มานานแค่ไหน แล้ว อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ยื่นนิ้วก้อยของตัวเองออกไป เกี่ยว ก้อยแน่นๆ กับกิจจา

“ฉันรับรอง จะช่วยหม่ามีของเธอให้ปลอดภัย และจะทำให้ หม่ามีของเธอมีความสุขด้วย ขอแค่เธอมีความสุข ฉันก็ยิ่งมี ความสุข

คำพูดของ เจตต์ กิจจาฟังไม่เข้าใจนัก แต่ฟังแล้วเพื่อเป็นผลดี กับหม่ามี้ เขายิ้ม “ผมรอเรียกคุณ “อาจารย์

“เด็กดี! ตอนนี้เธอไปเป็นเพื่อนกมลเถอะ ฉันอยากจะอยู่ลำพัง กับหม่ามี้ ได้ไหม”
เจต ขอความเห็นจากเด็กน้อย ตัวเองยังรู้สึกแปลกใจ แต่ กิจจาก็จะเป็นเหมือนลูกชายของเขาแล้ว เขาไม่สนใจ

กิจจาลังเลไม่น้อย แต่ก็พยักหน้า “ถ้าหม่ามตื่นแล้ว ต้องรีบ บอกผมนะครับ”

“รู้แล้ว รับไปเถอะ อย่ารบกวนเวลาฉันจะพูดจาภาษารักกับ

หม่ามีเธอ”

คำพูดทีเล่นทีจริงของเจตต์ ทำให้กิจจายนคิ้วนิดหนึ่ง

“พูดจาภาษารักคือคุณลุงพูดกับหม่าไม่ใช่หรือครับ ถึงตอน นี้คุณลุงยังไม่กลับมา แต่คุณจะฉวยโอกาสไม่ได้”

“เด็กยังรู้คำศัพท์เยอะเชียวนะ รีบไปเร็ว เจตต์ ตบกันเขาทีหนึ่ง แล้วให้กิจจาออกไป

ในห้องเหลือเพียงเจตต์กับนรมน เจตต์หุบยิ้ม

เขามองนรมนูที่นอนบนเตียงสีหน้าซีดเซียว กระซิบกับเธอ “ทำไมคุณไม่ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ รู้อยู่ว่าร่างกายตัวเองรับไม่ไหว ไม่ต้องสนใจเรื่องของตระกูลโตเล็กไม่ได้หรือไง ขอแค่คุณพูด ออกมา สุดหล้าฟ้าเขียวผมก็จะพาคุณไป ทำไมต้องอยู่ที่ไร้ค่ อย่างนี้ด้วย”

นรมนไม่ตอบสนองใดๆ

เจตต์มองแวบหนึ่ง ฝืนยิ้ม “ผมคิดมาตลอดว่าจะต้องหาคุณ เจอ แล้วจูงมือคุณไปด้วยกันทั้งชีวิต มอบความสุขให้คุณ แต่ผมนึกไม่ถึง ตอนที่ผมหาคุณเจอ คุณจะกลายเป็นภรรยาของคนอื่น เห็นคุณเข้าใจผิดกับบุรีศร์ ผมอดไม่ได้ที่จะเข้ามาแทนที่ แต่ ทำไมในใจคุณถึงมีแต่เขา

“ถ้าไม่มีบุรีศร์ ตอนนี้ผมจะหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้ ขอเพียงแต่คุณ ต้องการ ต่อให้เป็นดาวบนฟ้าผมก็จะไปเก็บมาให้ นรมน ทำไม คุณไม่ให้โอกาสผมสักนิด บุริศร์มีดีตรงไหนกันแน่ ทำให้คุณรัก เขาสุดหัวใจ ในเมื่อตอนนี้ไม่รู้เขาเป็นตาย อยู่ที่ไหนกันแน่ คุณ ยังคงดูแลตระกูลโตเล็กเพื่อเขา คุณต้องลำบากขนาดนี้ไปทำไม

นรมนยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง

บางทีไม่ใช่เพื่อได้รับการตอบสนองจากนรมน เพียงแต่ระบาย ความในใจที่อยากจะพูดออกมาเท่านั้น

เจตต์มองนรมน กระซิบ “ถ้าห้าปีก่อนผมจำคุณได้ เรื่อง ระหว่างเราสองคนจะไม่ลงเอยอย่างนี้ใช่ไหม น่าเสียดายผมช้า ไปก้าวหนึ่ง พูดที่จริง ผมไม่ชอบขี้หน้าบริศร์ ผมไม่อยากเห็นพวก คุณอยู่ด้วยกัน แต่ผมเห็นคุณเป็นทุกข์ เป็นห่วงเขาขนาดนี้ นอกจากอิจฉา ผมยังปวดใจเหลือเกิน โพนี่ คือสูตินรีแพทย์มือ ฉมัง เธอยังบอกผมว่าคุณอาจจะทนไม่ไหว ถ้าเป็นผมคนก่อน ผม ต้องให้คุณเจอผมคนเดียวก่อนตาย ในสายตาคุณมีแต่ผม เท่านั้น แต่ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ผมทนเห็นคุณไม่สบายใจ ไม่ได้ นรมน คุณวางยาอะไรผม ถึงทำให้ผมปล่อยคุณไปไม่ได้ จนถึงกับทำให้ผมเปลี่ยนความตั้งใจในตอนแรก”

เขาสูดลมหายใจลึก หยดน้ำตาไหลริน
“นรมน คุณรู้ไหม ผมเกลียดขี้หน้าบุริศร์ เกลียดที่เขาได้คุณ ไป จนถึงขั้นอิจฉา อยากจะให้เขาหายไปจากโลกนี้ใจจะขาด แต่ คุณอารมณ์เปลี่ยนผันเพราะรักโลภโกรธหลงเขา ผมทนเห็นคุณ ไม่มีความสุขไม่ได้ คุณรับหายไวๆ นะ ผมจะไปตามหาบุริศร์กลับ มาเอง ขอแค่คุณหายดี ต่อให้ชีวิตนี้ไม่มีโอกาสได้อยู่กับคุณ ผม ก็จะยอม ได้ยินไหมครับ ผมแค่หวังว่ามุมหนึ่งในใจของคุณจะมี เจตคนนี้บ้าง ต่อให้เป็นเพียงมุมเล็กๆ ก็เถอะ ได้ไหมครับ”

นรมนูที่นอนบนเตียงยังคงไม่ตอบสนองใดๆ

เจตต์ยิ้มเยาะตัวเอง “ผมบ้าไปแล้ว คุณเป็นอย่างนี้ จะตอบผม ได้อย่างไร ผมไม่ต้องการให้คุณจดจําความดีของผม ขอแค่มี ความสุขก็เป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดแล้ว หลังจากเรื่องนี้จบลง ผมอาจจะไปจากเมืองชลธี ไปให้พ้นสายตาของคุณ ถึงแม้วันคืน ที่ไม่มีคุณจะยากลำบากแค่ไหน แต่คุณไม่เห็นหน้าผมแล้ว บางที อาจมีความสุขขึ้น มีคนพูดกับผม การปล่อยมือคือความรัก อย่างหนึ่ง ผมผ่านไปไม่ได้ อยากจะไปให้ไกล ลองลืมคุณ นรมน ผมจะลืมคุณ นี่คือเรื่องสุดท้ายที่ผมจะทำเพื่อคุณ คุณได้ยินผม ไหม”

น้ำตาของเขาพรั่งพรูโดยไม่รู้ตัว

ไม่เคยรู้มาก่อนอะไรเรียกว่าใจจะขาด ในที่สุดก็รู้แล้ว ต่อให้ ไม่มีความรู้สึกปรารถนา ไม่มีความรู้สึกเร่าร้อน ความรู้สึกนี้ยัง คงทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนอกถูกฉีดเป็นแผลใหญ่ เลือด ไหลทะลัก แสนเจ็บปวดรวดร้าว
“นรมน คุณโชคดีจริงๆ ชีวิตนี้ เจตคนนี้ไม่เคยเสียน้ำตาให้ ผู้หญิงคนไหน นอกจากแม่ คุณเป็นเพียงคนเดียว ผมมอบหัวใจ ให้คุณ บางทีต่อจากนี้ไปไม่อาจหาความรู้สึกนี้ได้อีก คุณไม่ สงสารผมบ้างหรือ ก่อนผมไปจะไม่ลืมตามาดูผมหน่อยหรือ

เสียงของเจตต์สั่นเครือ

เขาคือคุณชายตระกูลรัตติกรวรกุลแห่งเมืองชลธี ไม่เคยมีผู้ หญิงคนไหนมัดใจเขาได้ แต่ตอนนี้เขาร้องไห้ต่อหน้าพรมนเหมือ นเด็กๆ

“ทำไมตอนเด็กๆ คุณต้องช่วยชีวิตผม ทำไมช่วยผมแล้วต้อง หายตัวไป คุณควรจะเป็นของผมต่างหาก! นรมน คนใจร้าย! คุณร้ายกว่าผมอีกรู้ไหม”

เขาไม่รู้ตัวเองพูดอะไรออกไป แต่รู้สึกว่าน้อยใจเหลือเกิน ความน้อยใจนั้นทำให้เขาพูดจาไม่มีเหตุผล

นิ้วมือของนรมนขยับนิดหนึ่ง ดวงตาคล้ายกับหนักอึ้ง ลืมตา ไม่ได้สักที

เจตต์ไม่สังเกตเห็น เขามองใบหน้าของนรมน กระซิบกับเธอ “ชีวิตนี้ผมไม่เคยใส่ใจผู้หญิงคนไหน มีเพียงคุณคนเดียว ผม ทะนุถนอม ไม่กล้าแตะ ไม่กล้าพูด ไม่กล้าบอกรัก ตอนนี้คุณหลับ อยู่ ให้ผมทําตามใจครั้งหนึ่ง แค่ครั้งเดียวได้ไหม นรมน ผมรัก คุณมาก ไม่น้อยกว่าบริศร์ แต่ทำไม ในใจคุณถึงไม่เคยมีผมสัก

เขาลุกขึ้นช้าๆ มองใบหน้าของนรมนค่อยๆ เอียงตัวก้มลง
ริมฝีปากบางขยับเข้าใกล้ริมฝีปากงามของนรมน แต่ก็หยุด ชะงัก “ถ้าผมจูบคุณ คุณจะเกลียดผมไปตลอดชีวิตใหม

แน่นอนว่าคำพูดของเจตต์ไร้การตอบกลับ

เขาฝืนยิ้ม ในที่สุดก็ประทับจูบบนหน้าผากของนรมน หยด

นํ้าตาร่วงหล่นบนดวงตาของนรมน

หยดน้ำตาอุ่นๆ แฝงด้วยความทุกข์

“ขอให้คุณหายดี นรมน ผมรู้คุณอยากได้อะไร รอผมนะ ผมจะ ส่งเขากลับมาหาคุณอย่างปลอดภัย

เจตต์พูดจบก็ยืดตัวตรง

เขามองผู้หญิงที่รักอีกครั้ง เงยหน้า แล้วปาดน้ำตา ยิ้มออกมา “ไม่มีคุณแล้ว ผมก็ยังเป็นคุณชายเจตต์ที่สง่างามคนนั้น ชีวิตของ ผมยังคงมีสีสันใช่ไหม คุณพักผ่อนเถอะ รอผมกลับมา

พูดจบ เขาก็หันหลังให้ แต่ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวยังคง ติดตามรอยเท้าเขาไป ยิ่งที่ยิ่งเจ็บ ยิ่งที่ยิ่งรับไม่ไหว

อยากร้องไห้เหลือเกิน

แต่เขาคือเจตต!

ความอ่อนแอในวันนี้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว จะให้คนอื่นมาเห็นได้ อย่างไรกัน

เจตตีฝนกล้ากลืน อดทนไว้ไม่ทันสังเกตเห็นนิ้วมือของนรมน ขยับอีกครั้ง เธอพยายามดิ้นรน อยากจะฟื้นคืน แต่ไม่มีแรงจะทำเช่นนั้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ