บทที่ 524 บริศร์หายตัวไป
เธออยากจะลุกออกไปดู แต่ก็ไม่สามารถทำได้
เพราะทันทีที่เธอออกไป ตรินท์ก็จะรู้ว่าเธอแค่แกล้งหลับ แล้วเขาคิดจะทําอะไรกับพวกเด็กๆ กันล่ะ
แต่ในเมื่อพวกเด็กๆ ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายแล้ว เธอยัง ต้องเสแสร้งแกล้งทําต่อไปอีกอย่างนั้นเหรอ
ความสงบสุขเพียงผิวเผินที่เธอพยายามประคับประคองกับตร นท์นี้จะสิ้นสุดลงตอนไหน แล้วบุริศร์จะกลับมาเมื่อไหร่กันแน่
ในใจของนรมนสับสนไปหมด ทว่าเธอกลับทําได้เพียงแค่รอ คอยเท่านั้น
ด้านนอกไม่มีเสียงอะไรดังขึ้น แต่เพราะไม่มีเสียงอะไรนี่แหละ ถึงได้ทําให้นรมนยิ่งกังวลใจ
เธอคิดจะเลิกผ้าห่มออกไปดูสักหน่อย ต่อให้เป็นเพียงการ มองผ่านรอยแยกของประตูก็ยังดี ทว่าทันทีที่เธอกำลังจะลุกขึ้น ก็ มองเห็นเงาที่รอยแยกของประตู
คิดไม่ถึงเลยว่าตรินท์จะยังไม่ได้ไปไหน!
เรียกได้ว่าเขาแอบมองว่าเธอกำลังแสร้งหลับหรือเปล่าอยู่ที่ ด้านนอกมาโดยตลอด ถ้าหากเธอออกไปตอนนี้ จะต้องเผชิญหน้ากับครินท์โดยตรงอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นหัวใจนามนก็เต้นเร็วขึ้น
ครินท์กำลังสงสัยเธออยู่อย่างนั้นเหรอ หรือว่าเขาค้นพบอะไร บางอย่างแล้ว
นรมนไม่กล้าที่จะติดต่อ แล้วก็ไม่กล้าที่จะขยับเช่นกัน พยายามที่จะทำให้ตัวเองดูหลับลึกมากที่สุด ทว่าดวงตาทั้งสอง ข้างกลับยังคงจ้องมองไปยังเงาที่รอยแยกตรงประตู
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที ตรินท์ก็รู้สึกวางใจแล้ว จึงได้ยก
เท้าเดินออกไป
แผ่นหลังของนรมนซุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
เธอรู้สึกว่านับวันสถานการณ์ของตัวเองกับลูกๆ ก็ยิ่งอันตราย
มากขึ้นเรื่อย ๆ
ตอนนี้เธอได้แต่ภาวนาให้บริศรีบกลับมาโดยเร็ว
เธอไม่กล้าที่จะส่งเสียงพูด ทำได้เพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่ง ข้อความหากิมจิ ให้เขาไปบอกบุริศร์ว่ารีบๆ กลับมา แล้วบอก เขาว่าเธอควบคุมสถานการณ์ที่บ้านไว้ไม่ได้แล้ว
หลังจากที่กิมจิได้รับข้อความนั้น ก็รีบติดต่อไปยังบริศร์ทันที แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายกลับไม่รับโทรศัพท์
เขาคิดว่าโทรศัพท์ของบริศ คงแบตหมด จึงฝากข้อความเอา ไว้แทน หากแต่เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่งเขาก็ลองโทรดูอีกครั้งทว่าก็ยังคงติดต่อไม่ได้
นรมนรู้สึกกระวนกระวายเหมือนมดที่อยู่บนหม้อร้อนๆ แต่เธอ ก็ไม่สามารถที่จะออกไปดูได้
เธอไม่รู้ว่าตนท์จะทำอะไรกมล แต่พอคิดว่าในเมื่อมีกิจจาอยู่ กมลก็ไม่น่าจะเป็นอะไร
เธอได้แต่ปลอบใจตัวเองอยู่เช่นนั้น แต่กลับรู้สึกว่าเวลาช่าง ผ่านไปช้าเสียเหลือเกิน
กิมจิพยายามอยู่กว่าชั่วโมงแล้วก็ยังติดต่อบริศร์ไม่ได้ เขา รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก จึงรีบขับรถกลับไปยังพื้นที่ที่เขา แยกกับบริศร์อีกครั้ง
ตอนที่เขาออกมานั้น ก็พบว่าบริเวณนี้มีอุบัติเหตุทางรถยนต์ เรียกได้ว่าสถานการณ์น่าเวทนาเป็นอย่างมาก และกิมจิก็ยังคุ้น เคยกับป้ายทะเบียนรถป้ายนี้เป็นอย่างดี
เป็นรถของบุริศร์!
หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับบริศร์กันนะ
กิมจรีบเข้าไปสอบถามทันที แต่คนพวกนั้นที่เขาทิ้งเอาไว้ก็ ไม่มีเหลืออยู่แล้ว ไม่มีเบาะแสใดๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
เขาวิ่งวุ่นไปทั่วทุกโรงพยาบาล แต่ก็ยังคงหาข่าวคราวของบุรี ศรีไม่พบ
ราวกับอยู่ดีๆ บริศร์และคนพวกนั้นก็หายตัวไปกลางอากาศไม่หลงเหลือร่องรอยเอาไว้เลยแม้แต่น้อย
กิมจิทรมาทรกรรมเช่นนี้ไปตลอดทั้งคืน ถึงเวลาท้องฟ้าสว่าง บรมนก็อดไม่ได้ที่จะโทรศัพท์ไปหาเขา
“กิมจิ ตกลงแล้วบุรีศรบอกว่าจะกลับมาเมื่อไหร่อย่างนั้นเห รอ”
เมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลของนรมน กิมจิก็ไม่รู้ ว่าเขาควรจะตอบเธออย่างไรดี
นรมนเป็นคนที่มีประสาทสัมผัสและสัญชาตญาณที่ฉับไว เธอ ขมวดคิ้วทันทีที่สังเกตเห็นว่ากิมจิเอาแต่ลึกๆ อักๆ
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ”
“ผมติดต่อคุณชายบริศร์ไม่ได้ครับคุณนาย
เสียงของกิมจิไม่ดังมาก ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
เขาเป็นคนของนรมน มีหน้าที่จัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เธอ แต่ตอนนี้เขากลับทำผู้ชายของเธอหายไปแล้ว
“ที่บอกว่าติดต่อไม่ได้หมายความว่ายังไง
นรมนรู้สึกเพียงว่ามือและเท้าเย็นเฉียบ ทว่ายังคงพยายามที่ จะทําให้ตัวเองใจเย็นลง
กิมจิกล่าวเสียงเบาว่า “ผมโทรศัพท์ไปหาคุณชายบุริศร์ แต่ กลับพบว่าเขาปิดเครื่อง จึงขับรถไปยังสถานที่ที่พวกเราแยกกัน แต่กลับได้รู้ว่าหลังจากที่ผมออกไป บริเวณนั้นก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขนาดใหญ่ รถที่เกิดอุบัติเหตุเป็นรถของคุณชายบุรีตร แต่ผมกลับหาข่าวคราวของเขาไม่พบเลยสักนิด กระทั่งคนที่ผม ทิ้งเอาไว้ก็ยังหาไม่เจอ ไม่เหลือเบาะแสใดๆ เลยแม้แต่สักนิด เดียว ขอโทษด้วยครับคุณนาย ผมไร้ประโยชน์เอง ผมจะให้คน ของอาณาจักรรัตติกาลมาสืบหาต่อครับ
หัวใจของนรมนค่อยๆ ดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ
บริศร์เป็นใครกัน
คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลยสักนิด! นอกจากนี้เขายังมีคนของอาณาจักรรัตติกาลอยู่ข้างกาย อยู่ๆ จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ยังไงกัน
มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่
สโมสรยิงปืนเป็นฐานของครินท์ ซึ่งตอนนี้ก็ถูกเจตต์กับธรณี จัดการไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าตนนท์กลับมาตรวจสอบว่าเธอกำลัง ทำอะไรอยู่ ปฏิกิริยาที่ต่อเนื่องกันนี้ทำให้นรมนอดไม่ได้ที่จะ ครุ่นคิด
หรือว่าตนนท์เป็นคนทำเรื่องนี้
ความเงียบของนรมนทำให้กิมจ๊อดกังวลใจไม่ได้
“คุณนายอย่าเพิ่งกังวลเกินไปเลยครับ ผมจะต้องคิดวิธีตาม หาตัวคุณชายปริศ ได้แน่”
“ลำบากคุณแล้ว แต่คุณต้องมั่นใจในความปลอดภัยของตัวเองด้วย ฉันไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น
คำพูดของนรมนทำให้กิมจิชะงักไปเล็กน้อย มุมปากอดที่จะ กระดูกไม่ได้
“เข้าใจแล้วครับ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ หัวใจของนรมนก็ไม่สงบอีกต่อไป
ตอนนี้บริศร์หายตัวไปแล้ว หรือว่าเธอยังต้องแกล้งโง่ต่อหน้า ตนท์ แล้วปล่อยให้กมลอยู่ท่ามกลางดงเสือดงหมาป่าแบบนี้ ต่อไปอย่างนั้นเหรอ
เธอค่อนข้างที่จะลังเล
ทันใดนั้นก็มีคนรับใช้ขึ้นมาเคาะประตูถามว่า “คุณนายน้อย ตื่นหรือยังคะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่ะ”
“เข้าใจแล้ว จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
นรมนพยายามที่จะทำให้เสียงของตัวเองฟังดูปกติมากที่สุด
เธอเลิกผ้าห่มออก ร่างกายก็พอจะแข็งแรงขึ้นมาบ้างแล้ว
หลังจากที่อาบน้ำล้างหน้าล้างตาเสร็จ นรมนก็เดินไปที่ห้อง อาหาร จึงพบกับตรินท์ที่อยู่ในห้องอาหารและเด็กๆ ทั้งสองคนที่ กำลังคุยกันอย่างมีความสุขเข้าพอดี
มองตรีนท์ที่เป็นแบบนี้แล้ว ก็จินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ ว่า เขาจะทําอะไรกับบริศร์ได้ ทว่ากิจจาไม่มีทางที่จะโกหก คำที่เด็กชายบอกว่าตนท์ต้องการให้กานต์ตายเป็นเหมือนหนามที่คอยทิ่มแทงใจนรมน มาโดยตลอด ทั้งยังค่อยๆ ลึกลงไปทีละนิด ทำให้เธอเจ็บปวดจน อยู่ไม่เป็นสุข
ครินท์มองเห็นนรมนตั้งแต่แรกแล้ว เขาจึงส่งยิ้มทักทายเธอ
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่สะใภ้! มาทานข้าวเช้ากันเถอะ ผมได้ยินคน รับใช้บอกว่าช่วงนี้พี่สะใภ้สุขภาพไม่ค่อยจะดีนะ เป็นยังไงบ้าง แล้วครับ ดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง พี่ชายไม่อยู่ คุณก็ต้องดูแลตัวเอง ให้ดีๆ หน่อยนะ”
ครินท์ มสดใสราวกับยังเป็นดรินท์คนเดิม
กมลกระโดดลงจากโต๊ะแล้วเดินมาหานรมน ก่อนจะยกยิ้ม แล้วพูดว่า “หม่ามีคะ คุณอาบอกว่าหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว จะพาหนูกับพี่กิจจาออกไปเล่นด้วยละ
นรมนชะงักไปทันที
“ออกไปเล่นอย่างนั้นเหรอจ๊ะ
“ใช่ครับ กมลกับกิจจาเอาแต่ถูกขังไว้ในบ้านแบบนี้ไม่ดีเลย ผมคิดว่าพี่สะใภ้สุขภาพไม่ค่อยจะดี แต่ก็ไม่ควรที่จะละเลยเด็กๆ วันนี้ผมเองก็ไม่มีอะไรจะทำพอดี ก็เลยจะพาพวกเขาออกไปเล่น สักหน่อย ได้ยินว่ากมลชอบขี่ม้าไม้ พี่กิจจาไปเป็นเพื่อนด้วยเธอ ก็คงจะดีใจมาก”
ทำไมเขาถึงจะต้องพากผลออกไปเล่นในเวลาแบบนี้ให้ได้กัน
ประจวบเหมาะกับตอนที่บุรี รหายตัวไปและติดต่อไม่ได้พอดี เสียด้วย!
บรมนูรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ทว่ากลับไม่แสดงออกมาทาง สีหน้าเลยสักนิด เธอกล่าวเสียงเบาว่า “สุขภาพของฉันดีขึ้นมาก แล้วละ ไม่สู้กินข้าวเสร็จแล้วไปด้วยกันดีกว่าไหม หลายวันมานี้ก็ ไม่ได้ออกจากบ้านเลยเหมือนกัน ได้ออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง ก็ดีไม่น้อย”
ครินท์มองไปยังนรมนราวต้องการจะเห็นอะไรบางอย่างจาก บนใบหน้าของเธอ ทว่านรมนกลับดูเรียบนิ่งและปกติเป็นอย่าง มาก ไม่มีอะไรผิดแปลกไปเลยสักนิด
เขายิ้มออกมาว่า “นั่นสินะครับ ตลอดหลายวันมานี้เพราะเรื่อง ของกานต์ทำให้พี่สะใภ้กับพี่ชายต้องสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจ เป็นอย่างมาก จนถึงตอนนี้พี่ชายก็ยังคงไม่กลับมาเลย ให้พี่ สะใภ้อยู่แต่ในบ้านก็น่าเบื่อมากจริงๆ พวกเราออกไปเดินเล่น ด้วยกันสักหน่อยดีกว่า”
คำพูดนี้ทําให้นรมนอัดไม่น้อย แต่เธอก็ยังคงยิ้มแล้วพูดว่า “เยี่ยม”
เมื่อกมลได้ยินว่าหม่ามี้จะไปด้วยก็กระโดดโลดเต้นอย่างมี ความสุข
เด็กก็ยังคงเป็นเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่ไม่มีความคิดซับซ้อน อะไรมากมายอย่างกมล นรมนไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี จึงได้แต่นั่งลงกินข้าวข้างๆลูกสาว
ช่วงเวลากินข้าวค่อนข้างที่จะเงียบสงบ
แม้แต่เด็กช่างจ้ออย่างกมลก็ยังคงเก็บอาการอย่างดี เธอมอง ไปยังกิจจา เด็กชายยิ้มแล้วคบหมูตุ๋นน้ำแดงให้เยอ
กมลจึงยิ้มออกมา
ครินท์มองการกระทําระหว่างพวกเขาโดยไม่พูดอะไร
นรมนกลับรู้สึกเหมือนว่ากำลังเคี้ยวเทียนไข
ตอนนี้ยังติดต่อบริศร์ไม่ได้ อยู่ดีๆ ตรินท์ก็จะพาเด็กๆออกไป เล่น นี่เขาจะเริ่มแล้วใช่ไหม คิดจะฉีกกระชาก โฉมหน้ากันแล้ว อย่างนั้นเหรอ
นรมนรู้สึกตึงเครียดเป็นอย่างมาก
ถ้าหากเป็นคนอื่นเธอก็ยังพอมีโอกาสชนะได้ แต่อีกฝ่ายกลับ เป็นตรินท์ นรมนไม่มีหนทางที่จะชนะได้เลยสักนิด
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้สุขภาพของเธอก็ยังจะมาเป็นแบบนี้อีก เธอยังคิดเลยว่าควรจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่นดีไหม แต่จะให้ขอความช่วยเหลือจากใครกันล่ะ
ป้องอย่างนั้นเหรอ
หรือว่าเป็นเจตต์กับธรณี
เกรงว่าดวินท์คงไม่เปิดโอกาสให้เธอแน่นอน
ตอนนี้นอกจากจะพึ่งพาตัวเองแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีวิธี อย่างอื่นเลย
พฤกษ์เองก็ไม่อยู่ที่นี่ กิมจิกออกไปข้างนอกแล้ว ตอนนี้เธอ เป็นเหมือนทหารที่ทำสงครามอย่างเดียวดาย นรมนไม่รู้ว่านี่เป็นเจตจำนงของสวรรค์หรือเปล่า หรือเป็น
เพราะความตั้งใจของครินท์กันแน่ ถึงมักรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองถูก
ทำให้โดดเดี่ยวอย่างสิ้นเชิง
ทว่าเธอก็ยังคงกินอาหารจนหมด โดยไม่แสดงอาการอะไร ออกมา
เมื่อกมลรู้ว่าจะได้ออกไปข้างนอก ก็รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่างมีความสุข
กิจจาเองก็กลับเข้าไปในห้อง
ครินท์มองไปที่นรมน ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้จะไม่ เปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยเหรอครับ
“แบบนี้ก็โอเคแล้ว ไม่ได้ไปเจอใครสักหน่อย สวมชุดลำลอง สบายๆ ก็พอ”
นโมนพูดไปเรื่อยเปื่อย
เธอไม่กล้าที่จะอยู่ห่างจากสายตาของตนท์ ด้วยกลัวว่าเขาจะ ก่อเรื่องอะไรขึ้นมา ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้เขายังคงไม่ทำอะไรก็ตาม แต่ก็ถือว่าทําไปเพื่อความสบายใจ
ครินท์เองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาปล่อยเธอเอาไว้ทั้งอย่างนั้น ตอนที่เด็กชายและเด็กหญิงทั้งสองคนลงมาก่อให้เกิดความ รู้สึกสว่างสดใสเป็นอย่างมาก
กมลมาถึงก็เดินไปที่ข้างกายของนรมนทันที ยังดีที่ครินทไม่ได้ขวางเธอเอาไว้
ทั้งสี่คนขึ้นรถไปยังสวนสนุกใกล้ๆ
ดูๆ ไปแล้วคล้ายกับว่าตนท์จะพาพวกเด็กๆ ออกมาเล่นจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นกมลหรือกิจจา ก็ดูเหมือนจะสนุกสนานเป็นอย่าง
มาก
เส้นประสาทของนรมนตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา ตอนที่ตนท์ ไปเล่นเครื่องเล่นกับพวกเด็กๆ ก็ดูสมเป็นคุณอากับแด๊ดดี้เสีย เหลือเกิน
“พี่สะใภ้มาเล่นด้วยกันเถอะครับ”
ตรินท์เล่นจนเหงื่อออกเต็มไปหมด รอยยิ้มสดใสเหมือนกับ แสงอาทิตย์นั่นทำให้นรมนไม่อยากที่จะเชื่อว่าเขาจะเป็นคนที่ ลงมือกับกานต์จริงๆ
เธอส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่ล่ะ นายก็รู้ว่าสุขภาพของฉันไม่ ค่อยจะแข็งแรง ยังไม่สามารถที่จะออกแรงมากเกินไปได้ชั่วคราว พวกเธอเล่นกันไปเถอะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่สะใภ้ก็นั่งรอสักพักแล้วกันนะคะ ครินท์ไม่ถือสาแม้แต่น้อย เขาท่ากระทั่งพาเด็กๆ ขึ้นไปเล่น รถไฟเหาะตีลังกา
พวกเด็กๆ กรีดร้องด้วยความตื่นเต้น แต่ถึงอย่างนั้นนามน ไม่กล้าที่จะละสายตาไปจากพวกเขา
ตอนที่เธอกำลังรู้สึกตึงเครียดเป็นอย่างมากนั้น ก็ไม่รู้ตัวเลย ว่ามีคนมานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ คนคนนั้นดึงหมวกลง แล้ว กล่าวเสียงเบาว่า “คุณนายบุริศร์!”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ