บทที่ 515 ฉันจะคอยดูเขาค่อย ๆ ห่อเหยี่ยวตายไปในท่ามกลางความเจ็บปวด
“คุณชายบุรีศร์ ระวัง!”
ช่วงเวลาที่สำคัญ ในที่สุดคนที่อยู่ข้างหลังก็ตามมาถึงแล้ว
พวกเขาเห็นภาพที่อันตรายมากขนาดนี้ ก็รีบเปิดปากร้อง เตือนบริศร์ แต่ว่าหูของบุรีศร์นั้นอื้อกลับไม่ได้ยินอะไรเลย เห็น เพียงแต่คนของตัวเองอ้าปากพูดอะไรอยู่ตรงหน้า
เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกถึงอันตรายอยู่ข้างหลังตัว เองตามสัญชาตญาณ แล้วก็รีบนั่งลงไปทันที และกระสุนก็ลอย กากใบหูของเขาไป ทิ้งรอยเลือดไว้ทางหนึ่ง
บริศร์จับใบหูของตัวเองไว้ และนัยน์ตาก็เยือกเย็นลง
ดูท่าแล้วครินท์อยากจะให้ตัวเองตายจริง ๆ แล้วล่ะ!
เขากลิ้งลงไปกับพื้นตามเดิม แล้วก็กลิ้งไปอีกข้างหนึ่ง และ หลบการจู่โจมจากข้างหลังออก
แล้วคนของบุริศร์ก็เริ่มต่อสู้ขึ้นกับอีกฝ่ายขึ้นอย่างอัตโนมัติ ผ่านไปไม่นานก็จัดการพวกไม่กี่คนจนสอบลง มาได้แล้ว แต่ไม่ว่าบริศร์จะถามยังไง อีกฝ่ายก็ไม่ยอมบอกว่า ใครเป็นคนบงการมา
ท่าทางที่ซื่อสัตย์ขนาดนั้นก็ทำให้บริศร์รู้ว่า คาดว่าเขาคงจะ ไม่ได้เบาะแสอะไรที่เป็นประโยชน์แล้ว
“ตรงนี้มอบให้พวกนายละกัน ฉันยังต้องไปหาลูกต่อ”
บริศให้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหูที่ได้รับบาดเจ็บของตัวเอง แล้วก็รีบ ขับรถของตัวเองแล้วก็วิ่งตามออกไปอีกครั้ง
สำหรับเรื่องที่บริศ เกิดเรื่องขึ้นนั้น บุริศร์กำชับแล้วกำชับอีก ว่าไม่ให้ใครบอกนรมนเด็ดขาด
ในเมื่อเป็นถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะต้องให้เธอมาเป็นกังวลอีก
ทําไม?
ทางด้านนรมน หลังจากที่โพนี่มาแล้ว ก็ตรวจร่างกายไปครู่ หนึ่ง แล้วขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณรู้ดีใช่ไหมว่าตัวเองจะมา อารมณ์วู่วามไม่ได้”
“ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้หรอก ในเมื่อเป็นลูกของฉัน
นรมนเองก็รู้สถานการณ์ร่างกายของตัวเอง แต่ว่าเธอไม่มีทาง ที่จะทำเป็นไม่สนใจไม่ได้
โพนส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วก็แทง เกลือ ให้เธอจนเสร็จ เรียบร้อย
กมลอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลก็ไม่ร่าเริงสดใสทั้งวัน เพราะรู้สึก เป็นห่วงกังวลกิจจาและกานต์มาก พอตอนนี้กลับมาแล้ว ได้ยิน ว่ากิจจากลับมาแล้ว เธอก็รีบวิ่งไปดู
นโมนเองก็ไม่สนใจเธอแล้ว ปล่อยเธอไปเถอะ บางทีการมีเธอ อยู่เป็นเพื่อน กิจจาอาจจะดีขึ้นมาหน่อยก็ได้
หลังจากที่ให้น้ำเกลือแล้ว นรมนก็รู้สึกง่วงขึ้นมาเลย
“ในยาที่มีส่วนผสมของยานอนหลับด้วยเหรอ?”
นรมนถามโพนี่
โพนี่พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณก็รู้ ในยานี้จะต้องมีส่วนผสมของ ยานอนหลับอยู่แล้ว ร่างกายของคุณตอนนี้ไม่เหมาะที่จะคิดเรื่อง อะไร คุณต้องการพักผ่อนนะ นรมน!!
“ฉันพักผ่อนไม่ได้! หรือพูดให้ถูกต้องคือ ฉันนอนหลับไม่ได้ หรืออย่างน้อยตอนที่บริศร์ยังไม่กลับมาฉันยังนอนไม่ได้
คำพูดของนรมนทำให้โพนี่รู้สึกโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่ใช่ไหม? คุณดูสภาพร่างกาย ของตัวเองเป็นยังไงบ้างแล้ว คุณยังไม่เชื่อฟังอีก ฉันบอกไปแล้ว ว่า คุณจําเป็นจะต้องเชื่อฟังฉัน!
“โพนี่ฉันไม่ได้ไม่เชื่อฟังคุณ แต่ว่าฉันนอนไม่ได้จริง ๆ ในบ้าน มีทั้งคนแก่ทั้งเด็ก ฉันจะทิ้งพวกเขาไว้และไม่สนใจไม่ได้
คำพูดของนรมนทำให้โพนี่รู้สึกโกรธขึ้นมา
“คุณพูดไปเรื่อยอะไร ที่นี่คือบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็ก บอดี้ การ์ดมีพร้อม ถึงคุณจะนอนไปสามวันสามคืนก็ไม่เป็นไรหรอก เลิกเอาแผนนี้มาหลอกฉันได้แล้ว ถึงคุณจะเป็นห่วงกานต์ แต่ ตอนนี้ก็จะต้องรักษาร่างกายของตัวเองให้ดีก่อน ”
นรมนรู้สึกร้อนใจขึ้นมาจริง ๆ พอได้ยินโพนี่พูดแบบนี้ จะเอา เรื่องของครอบครัวตัวเองมาพูดกับเธอไม่ได้ จึงได้แต่พูดเสียงต่ำ ขึ้นว่า “เอาแบบนี้ดีไหม ฉันจะพักผ่อนสักหน่อยก็ได้ แต่ว่าคุณ ช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?
“ถ้าหากว่าจะให้คุณออกไปหรือว่าไม่พักผ่อนแล้วละก็ คุณก็ไม่ต้องเปิดปากพูดแล้ว ฉันจะไม่มีทางยอมตอบ ตกลงแบ่
โพนี่นึกว่าที่เธอจะพูดคือสิ่งนี้ แต่ว่านรมนกลับส่ายหน้าแล้ว พูดขึ้นว่า “คุณสามารถช่วยคิดหาวิธีอะไร มาช่วยย้ายแม่สามี ของฉันออกไปจากที่นี่ได้ไหม?”
“คุณพูดอะไรนะ?”
โพนี่ถึงได้รู้สึกจริง ๆ แล้วว่านรมนอาจจะเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ
แล้ว
ไม่ซิ!
อาจจะเป็นตระกูลโตเล็กที่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
คงจะไม่ใช่แค่กานต์หายตัวไปง่าย ๆ แบบนี้แล้ว นรมนไม่มีวิธีที่จะพูดให้ชัดเจนกับเธอได้ จึงพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณอย่าเพิ่งถามเลย จะช่วยฉันเรื่องนี้ได้ไหม?
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ฉันจะไปดูคุณนายตระกูลโตเล็กสักหน่อย แล้วก็หาเหตุผลสักอย่างมาให้เธอไปนอนโรงพยาบาลก็ได้แล้ว เพียงแต่ว่าฉันไม่เข้าใจหรือไม่คุณก็ไปนอนโรงพยาบาลด้วยดี กว่า? ให้พวกเด็ก ๆ ตามไปด้วยไม่ดีกว่าเหรอ?”
“ฉันไปไม่ได้”
นรมนพูดเสียงต่ำขึ้น ในแววตากลับแฝงไว้ด้วยความเฉลียว ฉลาดเสี้ยวหนึ่ง
“ถ้าหากว่าฉันไปแล้ว ทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิมแล้ว และที่ สําคัญน่าจะไม่ดีกับบริศ เอามาก ๆ มีแต่ฉันอยู่ต่อ ลูกสาวของ ฉันก็อยู่ต่อ อีกฝ่ายถึงจะไม่ระแวง ถึงจะรู้สึกว่าพวกเราไม่รู้เรื่อง อะไรเลย”
นรมนพูดไปอย่างไม่มีหัวไม่มีหาง โพนี่เองก็ฟังไม่เข้าใจ
“งั้นคุณให้คุณนายตระกูลโตเล็กจากไปมันหมายความว่ายัง ไง?”
“เผื่อไว้ก่อน ร่างกายของฉันตอนนี้คาดว่าคงจะไม่มีทาง ปกป้องแม่สามีของฉันได้ จึงมีแต่ให้เธอไปอยู่ที่โรงพยาบาลของ พวกคุณเธอถึงจะปลอดภัยได้ ฉันรู้ คุณและป้องจะต้องปกป้อง แม่สามีของฉันได้ใช่ไหม?”
นรมนจับมือของโพนไว้แน่น
โพนี่จ้องมองเธอ แล้วพูดอย่างเป็นกังวลว่า “คุณรู้ไหมว่าถ้า ฉันจากไปแล้วจะหมายความว่าไง? หมายความว่าคุณจะเข้าสู่ การหลับลึก หมายความว่าฉันไม่อยู่ข้างกายคุณ คุณจะไม่มีคนที่ จะสามารถช่วยคุณได้แม้แต่คนเดียว หมายความว่าคุณอาจจะมีอันตรายได้ทุกเมื่อ หรือกระทั่งอาจจะโดน ใครจัดการไปอย่างไร้ สุ่มไร้เสียง นรมน น้ำเข้าสมองคุณแล้วหรือไง?”
สิ่งที่เธอพูดมานี้ นรมนก็รู้ทั้งหมด แต่ว่าเธอกลับยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่หรอก”
“ไม่เหรอ? ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าในบ้านคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้น
แต่ว่าสามารถทำให้คุณวางแผนอย่างไม่สนใจอะไรแบบนี้ได้ ก็
จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ แล้วตอนนี้คุณจะมาบอกกับฉันว่าไม่
หรอกเหรอ? คุณจะเอาตัวเองไปอยู่ในอันตรายคนเดียวก็ช่าง
เถอะ แต่ตอนนี้คุณยังจะให้ลูกสาวของคุณอยู่กับคุณด้วยเหรอ?
นรมน ตกลงคุณคิดอะไรอยู่กันแน่?
พอเผชิญหน้ากับคำถามของโพนี่ นรมนจึงพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันกำลังพนันอยู่ พนันว่าเขาคิดว่าพวกเรายังไม่รู้เรื่องอะไร พนันว่าเขาจะยังพอมีสำนึกอยู่บ้าง ลูกสาวของฉันไม่รู้เรื่องรู้ราว อะไร รู้แต่กินอย่างเดียว จึงไม่มีพลังข่มขู่อะไร และฉันอาจจะเป็น ตัวประกันที่เขาจะเอามาข่มขู่บริศร์ เพราะฉะนั้นฉันก็จะไม่เป็น อะไรเช่นกัน โพนี่ คุณฟังที่ฉันพูดเถอะ แล้วก็พาธิดาไปด้วย
“นรนมน คุณบ้าไปแล้วเหรอ!”
ถึงแม้ว่าโพนี่จะไม่รู้ว่าคนที่ปากนรมนพูดถึงนั้นคือใคร แต่ว่า ก็น่าจะเป็นคนที่เธอสนิทชิดเชื้อสุด ๆ แน่
วันนี้เธอกลับเอาลูกของตัวเองมาปล่อยให้อยู่ท่ามกลาง อันตราย นี่เป็นสิ่งที่โพนี่ไม่สามารถเข้าใจได้จริง ๆ
นรมนกลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะ ฉันยังรอให้คุณช่วย
ชีวิตฉันอยู่เลย” “ช่วยชีวิตงั้นเหรอ? ฉันดูแล้วคุณเบื่อชีวิตยืนยาวต่างหาก!
ถึงแม้ว่าจะพูดอย่างนี้ แต่ว่าโพนี่ก็ลุกขึ้นไปแขวนน้ำเกลือให้ กับเธอ และมองดูนรมนแล้วพูดว่า “ฉันจะช่วยคุณก็ได้ แต่ว่าถ้า คราวหน้ายังมีเรื่องอันตรายแบบนี้อีก คุณก็ไม่ต้องเรียกฉันแล้ว นะ ทิ้งคุณไว้ท่ามกลางอันตรายครั้งหนึ่งที่ทำให้ฉันแทบแบกรับ ไม่ไหวแล้ว คุณอย่าคิดว่าจะให้ฉันมาครั้งที่สองอีกเลย ยังมีอีก คุณจะโทรศัพท์หาบุริศร์สักหน่อยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก เขายุ่งเรื่องของตัวเองอยู่ข้างนอกก็ดีแล้ว ฉัน สามารถช่วยเขารักษาสถานการณ์ข้างหลังให้นิ่งไว้ได้ แววตาของนรมนสุกใส นัยน์ตาที่แข็งแกร่งนั้นเหมือนผู้ป่วยคนหนึ่งจะสามารถมีออกมาได้ที่ไหน?
โพนี่กลับไม่เห็นด้วย แต่ว่าก็ลุกขึ้นแล้วไปทางด้านคุณนาย ตระกูลโตเล็ก หลังจากที่ตรวจร่างกายให้คุณนายไปรอบหนึ่ง แล้วก็ใช้อาการของคุณนายหนักมากมาเป็นเหตุผล และเรียกรถ พยาบาลมาโดยตรงเลย แล้วก็ยกคุณนายตระกูลโตเล็กขึ้นรถ พยาบาลแล้วลากไปเลย
ในตอนที่ครินทได้รับข่าวนั้น คุณนายตระกูลโตเล็กก็ไปถึงโรง พยาบาลแล้ว แล้วก็เข้าห้องฉุกเฉินไปแล้วด้วย
หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“พี่สะใภ้ฉันกับหลานสาวของฉันล่ะ?”
“ยังอยู่ที่บ้าน ร่างกายของคุณนายบุริศร์ไม่ค่อยดี คุณหมอโพ นี่มาให้น้ำเกลือเธอแล้ว ตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่เหมือนว่าจะนอน หลับไปแล้ว ป้าหวานกำลังดูแลอยู่ ส่วนคุณหนูกมลพอกลับมา ถึงก็อยู่กับคุณชายกิจจา แล้วก็ไม่ได้ออกมาอีกเลยครับ”
ยามที่บ้านบอกเล่าเรื่องราวให้ตรนท์ฟังรอบหนึ่ง
ครินท์ถึงได้ผ่อนคลายหัวคิ้วลง
“รู้แล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ ดูแลคุณนายบุริศร์และพวก เด็ก ๆ ให้ดี ถ้าหากว่าไม่มีความจําเป็นอะไร ก็พยายามอย่าให้ พวกเขาออกนอกมากนัก ในเมื่อตอนนี้บ้านตระกูลโตเล็ก วุ่นวายมากพอแล้ว”
“ครับ! คุณชายรอง”
หลังจากที่ยามวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว นรมนก็เข้าสู่การหลับ ลิกเลย
ตอนนี้ตนท์กำลังอยู่ในชมรมยิงปืน
พอผู้จัดการได้ยินเสียงโทรศัพท์สายนี้แล้ว ก็อดที่จะถามขึ้นมา ไม่ได้ “ประธานครินท์ครับ ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะควบคุมพวก เขาไว้ได้แล้ว หรือไม่…….
“ไม่รีบ พี่ชายของฉันเขาเป็นคนที่คลานออกมาจากกองคน ตาย คนทั้งสองคันรถที่นายส่งไป ก็ไม่เห็นว่าจะสามารถเอาชีวิต ของพี่ชายฉันได้ จะช้าหรือเร็วเขาก็ต้องกลับมา ตอนนี้ฉันยังไม่ ถึงขนาดว่าจะต้องฉีกหน้าเขา ฉันจะคอยดูเขาค่อย ๆ ห่อเหี่ยว ตายไปในท่ามกลางความเจ็บปวด
ปากกา ในมือของครินท์โดนเขากำจนหักไปเลย ท่าทางที่โหด เหี้ยมนั้นทำให้ผู้จัดการมีความร่นถอยอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
“หากานต์เจอหรือยัง?”
“ยังครับ น่าแปลกมากเลย เด็กคนนี้ไม่รู้ว่าไปที่ไหนแล้ว ที่ไหนก็หาข่าวคราวของเขาไม่เจอเลย หรือว่าจะโดนแก๊งค้า มนุษย์หลอกเอาตัวไปแล้วจริง ๆ ครับ?”
พอผู้จัดการได้ยินครินท์พูดคำพูดชุดนั้นของกิจจาแล้ว ก็รีบ ถามคนในชมรมว่าเคยเห็นกิจจาที่นี่มาหรือเปล่า แต่ว่าตอนช่วง สายนั้นมีคนเยอะมากเลย ทุกคนต่างก็ไม่มีใครจำได้
แล้วพอคิดดูอีกทีกิจจานั้นโกหกไม่เป็น ตนท์ก็เลยไม่ได้สงสัย อะไร
แล้วตอนนี้พอได้ยินผู้จัดการพูดอย่างนี้ เขาก็ยิ้มเย็นแล้วพูด ขึ้นว่า “โดนพวกแก๊งค้ามนุษย์หลอกเอาตัวไปเหรอ? คนอื่นฉัน อาจจะเชื่อ แต่ว่ากานต์นั้นฉันไม่เชื่อหรอก ไม่ว่าพวกแก๊งค้า มนุษย์จะกะล่อนแค่ไหน กานต์ก็จะต้องหาโอกาสติดต่อกับพี่ชาย ของฉันจนได้ ขอแค่เขาติดต่อพี่ชายฉันเท่านั้น ฉันก็มีวิธีหา เบาะแสของเขาให้เจอได้ พอถึงตอนนั้นเวลาของเขาก็ถึงที่สิ้นสุด แล้ว”
ผู้จัดการไม่ได้รับคำต่อ แต่กลับพูดอย่างสงสัยว่า “ประธานตรี นท์ครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าหากว่าคุณต้องการชีวิตของบุริศร์ จริง ๆ ทําไมถึงไม่จัดการเขา โดยตรงเลยละครับ?”
“จัดการโดยตรงก็ไม่สนุกแล้ว หลายปีมานี้ความลากลำบาก ที่ฉันเคยได้รับมาตอนอยู่ข้างนอก ทุกอย่างที่ฉันเคยแบกรับมา แค่เขาตายก็พอแล้วเหรอ? จะมีเรื่องดีขนาดนั้นที่ไหนล่ะ ฉันจะ ต้องให้เขาได้ลิ้มรสชาติโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง และโดนคนเหยียบย่ำ บ้างถึงจะพอ เทพบุตรที่อยู่อย่างสูงส่งมาตลอดเหรอ? ถุย!”
ตรินท์หัวเราะเสียงเย็น จากนั้นก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “สังเกตการณ์ระบบการติดต่อของทางด้านบริศร์อย่างละเอียด ถ้าไม่ไหวก็ใช้เงินจ้างแฮกเกอร์สักคน ทักษะทางด้าน คอมพิวเตอร์ของบุริศร์นั้นสุดยอดมาก พวกนายอย่าทำให้ไก่ ขโมยไม่ได้แล้วยังต้องเสียข้าวสารไปอีก มือล่ะ อย่าเผลอ เปิดโปงตัวเองไปล่ะ เรื่องที่สามารถใช้เงินจัดการได้เขาไม่เรียก ว่าเรื่องหรอก แล้วก็อย่าทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้ให้อีกฝ่ายรู้เด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“ครับ!”
แล้วผู้จัดการก็รีบไปปฏิบัติตาม แล้วตรินท์ก็ออกจากชมรมไป ค่ำคืนนี้ จะต้องมีคนมากมายที่นอนไม่หลับแน่ ทางด้านกานต์ยิ่งนอนได้ไม่สงบนิ่งเลย
พวกเด็กอย่างพวกเขาก็เหมือนกับสัตว์ป่าที่ถูกเลี้ยงทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เด็กหลายคนต้องห่มผ้าห่มผืนเดียวกัน
และผ้าห่มนี้ก็มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวแล้วด้วย
นี่ถ้าเป็นเวลาปกติ ทำยังไงกานต์ก็ไม่มีทางห่มผ้าห่มแบบนี้แน่ แต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่น
เด็กสาวเรนนี่คอยเฝ้าอยู่ข้างกายเขาตลอด ไม่ห่างไปไหน แม้แต่ก้าวเดียว เหมือนกับว่าปกป้อง และเหมือนกับว่าพึ่งพา
กานต์เห็นเธอแล้วก็อดที่จะนึกถึงกมลขึ้นมาไม่ได้
ไม่รู้ว่าตนท์จะทำอะไรกมลบ้างหรือเปล่า
ยัยคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรคนนั้น ยัยโง่ที่รู้จักแต่กิน พอไม่มีเขา อยู่ข้างกายจะเป็นยังไงบ้างนะ?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ