บทที่ 486 กานต์แก่แดดเล็กน้อย
นรมนรู้สึกยุ่งเหยิงขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด
เกี่ยวกับคำถามที่ว่าเด็กจะกลับไปที่ไหน ดูเหมือนเธอจะไม่ เคยคิดมาก่อนจริงๆ
พ่อนรมนเห็นนรมนรู้สึกลำบากใจ จึงอดพูดกับแม่ของนรมน ไม่ได้ว่า : “คุณเป็นอะไรไปนะ? เด็กจะไปไหนก็ไปเถอะ จะถาม ทำไม นอกจากนี้ กมลคือคุณหนูของตระกูลโตเล็ก ไม่ควรจะกลับ ไปตระกูลโตเล็กหรือไง? ”
แม่นรมนถูกพูดถึงจึงรู้สึกน้อยใจอยู่บ้าง
“ฉันแค่ถามเท่านั้น กมลชอบกินอาหารที่ฉันทำมากที่สุด ถ้า เธอจะกลับมา ฉันจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า
ได้ฟังแม่นรมนพูดแบบนี้ นรมนยิ่งไม่ค่อยสบายใจ
ตั้งแต่ห้าปีก่อนตอนเธอจากที่นี่ไป พ่อแม่ใช้ชีวิตอย่างโดด เดี๋ยวมาหลายปี ตอนนี้มึกมลแล้ว จนพวกเขามีความหวังอยู่ใน ใจ แต่ตอนนั้นรมนไม่รู้ว่าควรตัดสินใจอย่างไรถึงจะดี
“พ่อคะแม่คะ วันนี้บริศร์กลับมา พวกเราอาจจะกลับไปตระกูล โตเล็กเพื่อกินข้าวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน พรุ่งนี้ พรุ่งนี้พวก เราค่อยกลับมากินข้าวดีไหม? หนูจะพากานต์มาด้วยกัน
คําพูดของนรมนทำให้แม่นรมนมีชีวิตชีวาทันที
! พรุ่งนี้แม่จะทำกับข้าวรอทุกคนนะ
ถึงแม้พ่อนเมนจะไม่พูดอะไร แต่ก็มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเล็ก
น้อย
เห็นว่าการจัดการเล็กน้อยของตนเองสามารถทำให้พ่อแม่มี ความสุขได้เช่นนี้ นรมนรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
เข้าใจมาตลอดว่าตนเองมีความกตัญญูเพียงพอ ตอนนี้แท้จริง แล้วตนเองเป็นลูกสาวประสาอะไรกัน?
กมลกลับไม่รู้ว่านรมนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ ในสมองมีแต่ เรื่องจะไปโรงเรียนอนุบาล เธอดึงมือของนรมนอย่างรีบร้อนและ กล่าวว่า : “หม่าม รีบไปเถอะ ไม่งั้นจะสายได้นะคะ”
“จ๊ะลูก พวกเราไปกันเถอะ”
นรมนบอกลาพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน จากนั้นจึงพากมลขึ้น
รถ
จนเมื่อพวกเขาเดินออกไปไกลมาแล้ว พ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ ธนก็ยังคงยืนอยู่ที่ประตูมองดูรถของพวกเขาขับออกไป ร่างนั้น ทำให้นรมนมองเห็นแล้วเจ็บปวดใจจริงๆ
กมลกลับพูดด้วยความตื่นเต้นเป็นพิเศษ : “หม่า นี่คือ กระเป๋านักเรียน ใบจิ๋วที่หม่ามีซื้อให้หนูใช่ไหมคะ?
“ไข่จ๊ะ กมลชอบไหมคะลูก?
นรมินหยิบกระเป๋านักเรียนสีชมพูใบจิ๋วส่งให้กมล
“ชอบค่ะ1
กมลทอดกระเป๋านักเรียนเอาไว้ในอ้อมแขนเหมือนเป็นสมบัติ ล้ำค่า
ระหว่างทางเหมือนนกน้อยที่กำลังตื่นเต้น พูดเจื้อยแจ้วไม่ยอม หยุด ราวกับมีคำถามมากมายอย่างไม่รู้จบ ส่วนนรมนเองก็ไม่
เบื่อที่จะเป็นผู้ให้ค่าตอบแก่เธอ
เมื่อกลับมาถึงบ้านตระกูลโตเล็ก กานต์เก็บของเสร็จเรียบร้อย แล้ว มองเห็นรถของนรมนขับเข้ามา คุณนายตระกูลโตเล็กจึงพา กานต์ออกมาส่งด้วยตนเอง
“แม่คะ ทำไมแม่ถึงออกมาส่งเอง? ฉันเข้าไปรับเขาก็ได้ค่ะ
คุณนายตระกูลโตเล็กมองเห็นวันนี้นรมนดูมีชีวิตชีวาและ สีหน้าก็ดูไม่เลว จึงกล่าวด้วยรอยยยิ้ม : “แม่บอกแล้วว่าแม่ไป ส่งพวกเขาเองก็ได้ แต่เธอก็ยังจะไปให้ได้เป็นอย่างไรบ้าง? ร่างกายพอไหวหรือยัง? ”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แม่คะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี แม่ไม่ต้องเป็น ห่วงฉันนะคะ วันนี้บุริศร์กลับมา แม่อย่าพูดเรื่องฉันเข้าโรง พยาบาลต่อหน้าเขานะ เกรงว่าเขารู้เข้าแล้วจะเป็นห่วง
คำพูดของนรมนทำให้คุณนายตระกูลโตเล็กนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เข้าใจทันที
“เธอไม่อยากให้บริศรู้เรื่องที่เธอถูกจับตัวไปเหรอ? ” “ไม่มีความจำเป็นอะไร เรื่องมันผ่านไปแล้ว พูดถึงมันอีกฉันก็รู้สึกไม่ดี”
นรมนยิ้มอย่างใจเย็นเป็นพิเศษ แต่คุณนายตระกูลโตเล็กกลับ รู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย
เหตุผลที่เธอไม่ต้องการให้บริศร์ เพราะกลัวว่าเขารู้แล้วจะ
โทษตนเอง
เนื่องจากภรรยาของตนเองเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาไม่อยู่เคียง ข้าง เป็นผู้ชายคนไหนก็คงต้องคิดว่าตนเองไร้ค่า
แต่ทั้งหมดนี้แต่เดิมควรจะเป็นการได้รับความไม่เป็นธรรม ของนรมน ตอนนี้กลับกลืนความไม่เป็นธรรมนี้ลงไปแล้ว ทั้งหมด นี้ก็เพื่อบริศร์ แล้วจะไม่ทำให้คุณนายตระกูลโตเล็กรู้สึกสะเทือน ใจได้อย่างไร?
“รีบไปเถอะ ตอนเที่ยงแม่จะไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเอง คืน นี้พวกเราจะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน
“ค่ะ! ”
นรมนพากานต์ขึ้นรถ
เปรียบเทียบกับความตื่นเต้นของกมล กานต์กลับไม่ได้รู้สึก อะไรมากนัก
“พี่ขา พวกเราจะไปโรงเรียนอนุบาลกัน หม่ามีบอกว่าพี่กับหนู จะได้อยู่ห้องเดียวกับจริงไหม?
ท่าทางใจของกมล แผ่ไปถึงกานต์
เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม : “อืม วางใจเถอะ มีพี่อยู่ ไม่มีใคร รังแกเธอได้ “มีคนอยากจะรังแกหนูด้วยเหรอ? หนูทั้งน่ารัก ทั้งสวยแบบ
คำพูดของกมลทำให้นรมนกับกานต์หัวเราะขึ้นมาทันที
“หลงตัวเอง”
กานต์ชายตามองเธอ และกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “ไม่ ว่าเธอจะสวยมากแค่ไหน ถ้ามีคนรังแกเธอ เธอต้องรังแกมันคืน ไปอย่างสาสมให้เข้าใจไหม? สู้ไม่ไหวไม่เป็นไร สู้ไม่ไหวยังมี พี่ชายคนนี้อยู่
ได้ยินกานต์พูดแบบนี้ นรมนรู้สึกกลุ้มใจอยู่บ้าง
“กานต์จ๊ะ ทำไมสอนน้องสาวแบบนี้ พวกเราต้องมีความรัก และสามัคคี”
กานต์รู้สึกดูถูกคำพูดของนรมนเล็กน้อย เพียงแต่ไม่ได้ แสดงออกมาชัดเจน
แน่นอนว่านรมนสามารถมองเห็นได้ เธอยื่นนิ้วออกไปติดบน หน้าผากของเขา
“ไอ้เด็กหน้าเหม็น นับวันยิ่งใจกล้านะ กล้าดูถูกแม้แต่หม่ามีเห รอ? รอกลับไปแด๊ดดี้กลับมา ดูนะหม่าจะไม่บ่นเลย ปล่อยให้ แต๊ด จัดการ
ได้ยินเสียงที่มีความสุขเช่นนี้ของนรมน มุมปากของกานต์โค้ง ขึ้นเล็กน้อย
ไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้นรมนมีความสุขได้เท่ากับการกลับมา
ของบุริศร์ในวันนี้ แน่นอนว่ากานต์รู้เรื่องนี้ดี ในใจก็มีความสุข แต่ปากกลับพูด
ว่า “ พูดเหมือนคุณบุริศร์จะสามารถทำอะไรผมได้
“โห ไอ้เด็กหน้าเหม็น ลูกยังจะกล้าท้าทายแด๊ดดี้ของลูกเห รอ? ”
“ก็ประมาณนั้น”
กานต์ตอบอย่างภาคภูมิใจ เมื่อกมลได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจ “ถ้าพี่ทำให้แดดดี้โมโหจนหนีไป หนูจะไม่สนใจพี่เลยตลอด
ชีวิต”
“ยัยกมล ฉันเป็นพี่ชายเธอนะ! ”
“แต่หนูก็ชอบแดดนะ! หนูไม่ได้เจอแดดดี้มาตั้งนานแล้ว คุณยายบอกว่าแอ๊ดดี้ไปทำธุระหม่าคะ วันนี้แด๊ดดี้จะกลับมา ใช่ไหมคะ? ”
“แน่นอนจะเย็นนี้เลิกเรียนก็จะได้เจอแด๊ดดี้แล้ว”
“เย้! ดีจังเลย!
กมลกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข ทำเอานามนตกใจ กานต์คว้าเธอเอาไว้ และกล่าวอย่างหวาดผวา! “กมล เธอรู้จักความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนหรือเปล่าเนี่ย? ตอนขับรถ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยว่าไม่ดีแล้ว นี่เธอยังกล้ากระโดดอีกเห รอ? ”
ได้ฟังกานต์ตำหนิกมล แบบนี้ไม่เหมือนกับเป็นพี่ชาย แต่ เหมือนเป็นคนแก่ นรมนอดหัวเราะไม่ได้
กมลท่าปากมัยและกล่าวว่า “พี่คะ พี่จังเลย” “ฉัน? ถ้าครั้งหน้าเธอทำแบบนี้อีก ฉันจะฟาดเธอเลยเชื่อไม่ เชื่อ?”
กานต์ขู่ขวัญกมล ดูเหมือนจะทำให้สาวน้อยคนนี้ตกใจกลัว จริงๆ จนระงับความตื่นเต้นของโรงเรียนอนุบาลไปตลอดระยะ ทางที่เหลืออยู่
เพียงแต่หลังจากที่มาถึงโรงเรียนอนุบาล กมลก็รู้สึกตื่นเต้น ขึ้นมาอีกครั้ง
“ว้าว มีเพื่อนเยอะแยะเลย โรงเรียนอนุบาลใหญ่มาก มีคุณครู เต็มไปหมด! คุณลุงตำรวจเยอะแยะเลย!!
กมลพูดติดต่อกันหลายต่อหลายค่า
กานต์ลูบศีรษะของเธอและกล่าวว่า : “อย่าทำตัวขายหน้า เหมือนยายหลิวเข้าไปในสวนบ้านคนรวยนะ”
“ยายหลิวคือ ใครเหรอคะ? ”
ใบหน้าของกมลตะลึงงัน
กานต์รู้สึกว่าพูดเรื่องเหล่านี้กับเธอก็เหมือนกับพูดคนละภาษา
“เธอไม่ต้องสนหรอกว่าเป็นใคร บอกลาหม่ามีซะ พี่จะพาเธอ เข้าไปข้างใน
คำพูดของกานต์ทำให้นรมนมันงง
“ไม่อยากให้หม่ามีพาพวกลูกๆ เข้าไปหาเพื่อนร่วมชั้นกับ คุณครูเหรอ?
“ไม่เป็นไรครับ หม่ามี้ หม่ามีไปรับคุณบุริศร์เถอะ จากที่นี่ไป สนามบินต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ผมพากมลเข้าไปเองได้ครับ หม่ามีวางใจเถอะ พวกเราสามารถหาห้องเรียนเจอได้”
พูดจบกานต์ก็ทำเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อยพากมลลงจากรถ “บ๊ายบายหม่ามี้
กมลนเต้นยอมให้กานต์จูงมือเล็กๆ ของตนเองเดินเข้าไปใน
โรงเรียนอนุบาล
นรมนรู้สึกว่าแม่คนนี้ตกกระป๋องไปแล้วจริงๆ
คิดไม่ถึงว่าลูกๆ จะไม่ต้องการตนเองแล้ว
แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร นรมนยังคงลงจากรถ และเดินตามหลัง กานต์กับกมลไป เธอมองเห็นกานต์พากมลไปที่ห้องเรียนของ ตนเองตามป้ายบอกทาง
กมลพูดด้วยสีหน้าเลื่อมใส “ว้าว พี่ชายสุดยอดไปเลย! คิดไม่ถึงว่าที่จะสามารถหาห้องเรียนของพวกเราเจอด้วย! ”
กานต์ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
เขารู้สึกหดหู่ใจเสียจริง ต่างมีพ่อแม่คนเดียวกัน ไอคิวของ กมล าดามใครนะ
นมนมองเห็นพวกเขาเข้าไปในห้องเรียน เมื่อคุณครูสอบถาม พวกเขา บรมนจึงเดินเข้าไป
“สวัสดีค่ะ ฉันคือคุณแม่ของพวกเขา ฉันซ่อนรมนค่ะ” นรมนส่งเสียงพูดออกมา กานต์กับกมลถึงจะพบว่านรมนเดิน
ตามหลังพวกเขามาด้วย
สําหรับความเป็นห่วงของแม่ กานต์รู้สึกประทับใจอยู่บ้าง เพียงแต่เขารีบหันมาอย่างรวดเร็ว
“คุณครูครับ ร่างกายของหม่ามีผมไม่แข็งแรง คุณครูอย่าให้
เธออยู่นานเกินไป มีเรื่องอะไรสามารถพูดกับผมได้เลยครับ”
คำพูดของกานต์ทําให้คุณครูแปลกใจ นรมนกลับรู้สึก หงุดหงิดเล็กน้อย
ไอ้เด็กหน้าเหม็นคนนี้ กลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าหม่ามีของตัวเอง ร่างกายไม่แข็งแรงใช่ไหม?
“คุณครูคะ คุณอย่าไปใส่ใจเลยค่ะ กานต์ค่อนข้างแก่แดด
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันเข้าใจ คุณแม่ของน้องกานต์ใช่ไหมคะ? คุณวางใจส่งน้องให้กับพวกเราได้เลยค่ะ แล้วตอนเย็นค่อยมา นค่ะ”
“รบกวนคุณครูด้วยค่ะ ฉันขอตัวกลับก่อน นรมน โบกมือให้กานต์กับกุมล
ตอนนี้กมลท่าทางอยากรู้อยากเห็นไปหมด จึงไม่ค่อยมีท่าที กับการจากไปของนรมนมากนัก ในทางกลับกันกานต์พูดด้วย ความเป็นห่วงอยู่บ้าง “หม่าม เดินทางปลอดภัยนะครับ
“จ๊ะ เข้าไปเถอะ
นรมนเห็นพวกเขาเข้าไปแล้ว ถึงจะออกมาจากโรงเรียน อนุบาล
หลังจากขึ้นรถมา กิมจิกรายงานกับนามนว่า “นายหญิง คุณชายบุริศร์โทรเข้ามา บอกว่าขึ้นเครื่องบินแล้ว อีกประมาณ ชั่วโมงครึ่งน่าจะถึงครับ
“เข้าใจแล้ว พวกเราเดินทางไปตอนนี้ ก็น่าจะถึงทันเวลา
“ครับผม! ”
ทั้งสองคนเดินทางออกจากโรงเรียนอนุบาลอย่างรวดเร็ว เพียงแต่นรมนพบว่า ด้านหลังมีรถคันหนึ่งตามตนเองอยู่
คิ้วของเธอขมวดขึ้นเล็กน้อย
ตั้งแต่โรงเรียนอนุบาลขับมาถึงตอนนี้ ดูเหมือนมีคนสะกดรอย ตามตนเองมาตลอด หรืออาจจะสะกดรอยตามกิมจิ ความรู้สึก แบบนี้ทำให้คนรู้สึกไม่ปลอดภัยเอามากๆ
วันนี้เธอจะไปรับบริศร์
ช่วงเวลาแปดมาวันนี้ บริศ เจอกับสิ่งต่างๆ มากเกินไป จน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ถูกคนเหล่านั้น จ้องมอง ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการทำอะไร หากไม่เอื้อประโยชน์ แก่บุรีศร์ ถึงตอนนั้นจะเป็นอย่างไร?
คิดถึงตรงนี้ นรมนครุ่นคิดสักพักหนึ่ง เพื่อทำการตัดสินใจ
“กิมจิ ออกจากถนนเส้นนี้ คิดหาวิธีสลัดทางด้านหลังทิ้ง หรือ อาจจะสกัดพวกมันโดยตรง ดูว่าอีกฝ่ายแท้จริงแล้วเป็นใคร ต้องการทําอะไร”
“ครับ! ”
กิมจิก็รู้ว่ามีคนตามหลังตนเอง เดิมตัดสินใจว่าจะไม่พูดกับนร มน คิดจะหาทางสลัดพวกมันทิ้งไปอย่างเงียบๆ แต่ในเมื่อนรมน แล้ว เขาจึงเปลี่ยนความคิด รู้
เขาก็อยากรู้ว่า แท้จริงแล้วเป็นใครกันที่ตามพวกเขาเหมือน เป็นแมลงวัน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ