บทที่ 481 ผู้หญิงของผมเอง ก็ชนที่จะปกป้องด้วยตัวเอง
“งั้นที่เขาพูดว่าอีกสองวันให้หลังจะกลับมา จะกลับมาได้จริง ๆ ไหม?”
คำพูดของนรมนทำให้ป้องอึ้งไปครู่หนึ่ง
“พวกคุณเคยโทรศัพท์คุยกันแล้วเหรอ?”
“ก็ไม่เชิงว่าโทรศัพท์คุยกัน แต่โทรวิดีโอคอลกัน แล้วก็คุยกัน ไปไม่กี่คำ แต่ว่าฉันกลับไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาจะต้องมาแบก รับความเจ็บปวดแบบนี้อยู่ตลอด
นรมนรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังป้องแล้ว
ป้องนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “ในที่สุดเขาก็หักห้ามใจที่จะ ติดต่อกับคุณไม่ไหว คุณคงจะไม่ได้บอกสถานการณ์ของคุณตอน นี้กับเขาไปหรอกนะ?”
“ไม่ได้บอก ฉันไม่เคยบอก
นรมนรู้สึกดีใจมากที่ตัวเองไม่ได้พูดออกไป ไม่งั้นเธอก็ไม่รู้ว่า จะเสียใจมากแค่ไหนแล้ว
ถ้าหากว่าตอนนั้นเธออดทนต่อความน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเอง ไว้ไม่ได้ แล้วก็ร้องห่มร้องไห้บอกกับบริศร์ไปว่าตัวเองเจอกับ อะไรมา และเกิดอะไรขึ้นบ้าง คาดว่าบุริศร์ก็คงจะรีบกลับมาโดย ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว
แล้วตอนนี้อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าบางครั้งการอดกลั้นของตัวเองก็ มีประโยชน์มากเหมือนกัน
พอป้องได้ยินว่านรมนไม่ได้บอกกับบริศร์ แล้วได้โล่งใจไปได้ เปลาะหนึ่ง
“ยังดี ยังดี เขาคงจะไม่ได้รับผลกระทบอะไร ถ้าหากว่าคุณไม่ ได้พูดอะไรเลย ตอนนี้เขาก็จะพยายามอดทนต่อสู้มาก ๆ อยู่ เพื่อ ที่จะให้ได้เจอคุณและลูก และแน่นอนว่าอีกสองวันให้หลังก็จะ หายเป็นปลิดทิ้งกลับมาได้ แต่ว่าผมก็ยังจะต้องบอกกับคุณเรื่อง ถ่ายเลือดนี้มันทําร้ายร่างกายเป็นอย่างมากเลยนะ ถ้าเขากลับ มาแล้วอาจจะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวอีกมากมาย พอถึงตอน นั้น..…….…..
“คุณวางใจเถอะ ฉันเข้าใจความหมายของคุณดี ฉันจะไม่ให้บุ ริศร์รู้เรื่องอาการของฉันแน่ ตอนนี้เขาแบ่งใจไม่ได้ ฉันเข้าใจดี
คำพูดของนรมนทำให้ป้องรู้สึกชื่นชมอยู่บ้าง แต่ว่าโพนี่กลับ
ไม่เห็นด้วย
“ป้อง คุณทำเกินไปแล้วมั้ง? บุริศร์เป็นพี่น้องของคุณ แต่นร มันก็เป็นเพื่อนของฉัน คุณแค่อยากจะให้พี่น้องของคุณร่างกาย แข็งแรง เพื่อลดภาระของเขาให้เบาลง แล้วคุณเคยคิดบ้างไหม ว่า สภาพร่างกายของนรมนก็ไม่ดีเท่าไหร่เหมือนกัน? ถ้าหากว่า ในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ พวกเราไม่สามารถคิดค้นยาต้านอวัยวะ เสื่อมโทรมของเธอออกมาได้ ต่อไปคุณจะให้บริศ ต้องมาเสียใจ ตลอดชีวิต นเหรอ?”
โพนี่รู้สึกโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว
สำหรับในเรื่องนั้น เธอเองก็มีปฏิกิริยาที่แตกต่างกับป้องมา ตลอด
หรือบางทีนรมนอาจจะเหมือนกับตัวเอง ในอดีตมากเกินไป แล้ว หรือบางทีนรมนอาจจะเข้มแข็งมากเกินไป เข้มแข็งจนทำให้ คนปวดใจ เพราะฉะนั้นโพนี่ก็เลยอดทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
ป้องมองดูท่าทางที่ร้อนใจมากขนาดนี้ของภรรยา แล้วอยาก จะพูดอะไร แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไร
นรมนกลับพูดอย่างยิ้มแย้มขึ้นว่า “พวกคุณสองสามีภรรยา เลิกทะเลาะกันได้แล้ว นี่เป็นการตัดสินใจของฉันเอง บุริศร์ไม่ อยากจะให้ฉันรู้สถานการณ์ของเขา เพราะกลัวว่าฉันจะเป็นห่วง แล้วก็เหมือนกันฉันเองก็เป็นห่วงเขา ป้องพูดได้ไม่ผิดหรอก คนที่สามารถวางยา บุรีศรได้อย่างไร้ร่องรอยนั้น จะต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่ เขากลับ มายังมีเรื่องอีกมากมายที่จะต้องทำ ฉันจะมาเป็นตัวถ่วงของเขา ไม่ได้ แล้วอีกอย่างฉันก็เชื่อว่าพวกคุณสองผัวเมียไม่มีทางที่จะ มองดูฉันเป็นอะไรไปเฉย ๆ หรอกใช่ไหม?”
พอเห็นนรมนพูดแบบนี้แล้ว อยู่ ๆ ดวงตาของโพนี่ก็แดงขึ้นมา
เลย
“นรมน เรื่องแบบนี้ ใครก็รับประกันไม่ได้หรอกนะ
“ไม่เป็นไร ฉันเคยพูดไว้แล้วว่า ถ้าหากว่าสวรรค์จะเก็บฉัน กลับไปจริง ๆ ฉันก็จะไม่มีทางโทษพวกคุณแน่ ในช่วงระยะนี้ ฉัน จะอยู่กับบริศร์ดี ๆ พวกคุณเองก็ไม่ต้องเป็นกังวลมาก ปล่อยให้ ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ”
ตอนนี้นรมนกลับไปเป็นคนเดิมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ที่อ่อน โยนขนาดนั้น ที่เป็นมิตรขนาดนั้น แต่ว่ากลับทําให้ป้องรู้สึกเป็น ทุกข์ใจขึ้นมา
“ผมจะพยายามให้สุดความสามารถเลย คุณวางใจเถอะ”
“ฉันเชื่อฝีมือการรักษาของพวกคุณ ตอนนี้จะรู้ได้หรือยังว่าเขา เป็นยังไงบ้างแล้ว?”
หลังจากที่นรมนรู้สาเหตุของเรื่องพวกนี้แล้วกลับยิ่งรักและเป็นห่วงบุรีศร์มากยิ่งขึ้น และยิ่งอยากจะเจอเขา มากยิ่งขึ้นไปอีก
ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่สามารถบินไปหาเขาด้วยตัวเองได้ แต่ว่า ก็อยากจะสามารถเห็นเขาด้วยตาตัวเองว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
แล้ว
ผู้ชายที่ดื้อดึงคนนั้น ผู้ชายคนที่ทำให้เธอทั้งรักทั้งเจ็บปวดคน นั้น ทำไมถึงได้แบกรับเรื่องราวทั้งหมดนี้ไว้ด้วยตัวคนเดียวได้ นะ?
หรือว่าเขาไม่รู้เหรอว่าตัวเองก็รักและเป็นห่วงเขาเหมือนกัน?
ใจของนรมนราวกับโดนมีดคว้านยังไงอย่างงั้น
ป้องยังคงลังเล โพนี่กลับจ้องเขาเขม็งที่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ทุกอย่างก็พูดชัดเจนแล้ว คุณยังจะกลัวอะไรอีก?
“ผมกลัวว่าเธอจะทำใจไม่ได้
คำพูดของป้องทําให้นรมนตัวสั่นเล็กน้อยไปครู่หนึ่ง
เธอทำใจไม่ได้จริง ๆ แต่ว่าทำใจไม่ได้แล้วจะยังไงล่ะ?
เธออยากจะรู้จริง ๆ ว่าตอนนี้เขาสบายดีไหม? ป้องเห็นท่าทางตอนนี้ของนรมน ในที่สุดก็ใจอ่อนลง
“ผมสามารถให้คุณดูสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ได้ แต่คุณ ห้ามบอกเขานะ ห้ามรบกวนเขา แล้วยิ่งห้ามวิ่งไปหาเขาตอนนี้ คุณจะต้องรู้ว่า ในช่วงเวลาสองวันสุดท้ายนี้เป็นช่วงที่สำคัญที่สุด ถ้าทุกอย่างหยุดลงกะทันหัน ผลที่จะตามมาก็ยากที่จะคิดแล้ว พวกเราได้พยายามกันมานานขนาดนี้แล้ว แล้วผลร้ายที่ยอมแพ้ ในตอนนี้ ……
“ฉันรู้ คุณวางใจเถอะ ฉันจะไม่รบกวนเขาหรอก ฉันก็แค่อยาก จะดูเขาเฉย ๆ แค่ดูเขาเฉย ๆ เท่านั้น”
น้ำเสียงของนรมนแฝงไว้ด้วยความสั่นเทาเล็กน้อย
ป้องถอนหายใจทีหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “คุณตามผมมาเถอะ
“ฉันไปกับเธอด้วยดีกว่า ถ้าหากว่าเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมา ก็ยัง ดีจะมีคนดูแลหน่อย”
คำพูดของโพนี่ทำให้ป้องพยักหน้าเล็กน้อย
ตอนที่ออกมาจากห้องทํางานนั้น คนทิพย์ก็เห็นพวกเขาสาม คนออกมาพร้อมกัน ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
“นี่พวกคุณจะไปทําอะไรกัน?
“ไม่มีอะไร สำหรับเรื่องอาการป่วยของนรมน พวกเรากะว่าจะ ไปประชุมเล็กกันที่ห้องประชุมสักหน่อย
โพนพูดขึ้นอย่างยิ้มอ่อน ๆ
คมทิพย์รีบร้อนพูดขึ้น “งั้นฉันจะไปด้วย ฉันก็จะไปฟังเหมือน กัน”
“คุมทิพย์ เธอกลับไปที่ห้องพักก่อนเถอะ ถ้าเกิดมีคนมาเยี่ยม
ฉัน เธอก็บอกไปก่อนว่าฉันกำลังไปตรวจร่างกายอยู่ เพื่อจะได้ไม่ ต้องให้คนอื่นเป็นกังวล คำพูดของนรมนทำให้คมทิพย์อึ้งไปเล็กน้อย เหมือนกับรู้สึก
ว่านรมนมีเรื่องอะไรปิดบังตัวเองอยู่
หรือว่าเป็นปัญหาของร่างกายเหรอ?
“ตกลงร่างกายของเธอเป็นอะไรไปเหรอ?”
แววตาของคนทิพย์นั้นเคร่งเครียดมาก
นรมนพูดขึ้นเสียงต่ำ “อีกเดี๋ยวฉันค่อยมาพูดกับเธอได้ไหม? พอเห็นว่านรมนขอร้องขนาดนี้แล้ว ถึงแม้ว่าในใจของคนทิพย์จะเป็นกังวล แต่ว่าก็ยังพยักหน้าอยู่ดี
“เดี๋ยวฉันให้พฤกษ์ตามไปเป็นเพื่อนเธอด้วย ไม่เข้าไปหรอก แค่รอเธออยู่ข้างนอก ถ้าเธอไม่ตอบตกลง ฉันก็จะตามเข้าไป ด้วย เธอเลือกมาทางหนึ่งละกัน”
เมื่อเห็นว่าคนทิพย์ยืนกรานหนักแน่นขนาดนี้ นรมนก็พูดเสียง ขึ้นว่า “ให้พฤกษ์ตามมาเถอะ”
“ได้”
คมทิพย์ก็ไม่ได้ถามอะไรมากอีก แล้วก็จากไปเลย ผ่านไปไม่นาน พฤกษ์ก็มาถึงข้างกายนานแล้ว
“คุณนายครับ”
“อีกเดี่ยวยืนคุ้มกันความปลอดภัยของฉันที่หน้าห้องประชุม ถ้าไม่มีคำสั่งของฉันก็ห้ามเข้ามานะ
“ครับ”
แล้วพฤกษ์ก็ตามไปที่ห้องประชุมกับพวกนรมนด้วย หลังจากที่เข้ามาในห้องประชุมแล้ว ป้องก็ตัดสัญญาณเลย ดูเขากระทำได้อย่างระมัดระวังขนาดนี้ ตอนนี้นมนก็รู้สึกมีความสุขแทนบุริศร์ขึ้นมาบ้างแล้ว ยังดีที่ยังมีพี่น้องที่ดี ขนาดนี้คนหนึ่งอยู่ ไม่งั้นเธอก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าบริศร์จะเป็นยังไงบ้าง
โพนี่บอกให้นรมนนั่งลง แล้วก็เทน้ำให้เธอแก้วหนึ่งด้วย
ป้องปลดล็อกรหัสลับออก จากนั้นไม่นาน ที่หน้าจอแสดงผล ของห้องประชุมก็ปรากฏภาพสถานการณ์ของอีกฝั่งหนึ่งออกมา
บุรีศร์กำลังขัดขืนอยู่ และก็ครามเสียงต่ำ เชือกที่มัดอยู่ที่ข้อ มือของเขาได้ จนมือของเขาเป็นแผลหมดแล้ว เลือดสด ๆ ได้ ไหลออกมา แต่ว่าสําหรับเขา ในตอนนี้มาพูดแล้วนั้น เหมือนกับ ว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยยังไงอย่างงั้น
เขาก็เหมือนกับสัตว์ป่าตัวหนึ่งที่โดนมัดอยู่ ไม่มีความคิดไม่มี สติ สิ่งที่มีอยู่มีเพียงแต่ความดิบเถื่อนและความบ้าบินที่ดั้งเดิม ที่สุด
พอนรมนมองเห็นทุกอย่างนี้ ก็รู้สึกสะเทือนใจมากกว่าที่เห็น
ในโทรศัพท์ซะอีก
นํ้าตาของเธอไหลลงมาอย่างอัตโนมัติ
“เขาเป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?”
“หลายวันมานี้ดียังดีหน่อยแล้ว ในช่วงเริ่มต้นนั้นไม่มีวินาที ไหนที่จะไม่โดนทรมานแบบนี้เลย ตอนนี้วันหนึ่งก็เป็นแบบนี้ ประมาณสามถึงสี่ชั่วโมง อาการกำเริบสองสามครั้งเท่านั้น พรุ่ง นี้คาดว่าน่าจะแค่ครั้งสองครั้งแล้ว วันมะรืนก็คงจะหยุดแล้ว ถ้า ตามความหมายของผมก็คือ ผมหวังว่าเขาจะอยู่ดูอาการต่ออีก สักสองวัน แต่ว่าเขารีบร้อนที่จะกลับมา เพราะฉะนั้น…….
คำพูดที่เหลือป้องไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ว่านรมนก็ฟังเข้าใจแล้ว ทุกสิ่งที่ผู้ชายคนนี้กำลังพยายามอยู่ในตอนนี้ ก็เพื่อที่จะ สามารถกลับมาได้เร็ว ๆ หน่อย
เธอดีใจที่ตัวเองไม่ได้โกรธเกลียด ดีใจที่ตัวเองยังคงรักษา ความรู้สึกของซึ่งกันและกันอยู่ และเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่มีทางหัก หลังความรู้สึกระหว่างพวกเธอ ถ้าไม่งั้นละก็ ก็อาจจะทำให้บริศร์ ต้องล่าบากใจแทบตายแล้ว
นรมนจ้องมองบุริศ ค่อย ๆ สงบลงจากการคำราม เหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมาจนเสื้อเชิ้ตของเขาเปียก ผมของเขาก็ แทบจะเหมือนกับว่าเพิ่งขึ้นมาจากสระน้ำยังไงอย่างงั้น ตัวทั้งตัวของเขาไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว และนอนหายใจหอบอยู่ตรงนั้น
โตโน่รีบร้อนเดินเข้ามา แล้วแก้พันธนาการของเขาออก แล้ว ยื่นน้ำเย็น ๆ ให้เขาแก้วหนึ่ง
ริมฝีปากของบริศ เป็นสีขาวซีด และแตกด้วยเล็กน้อย เขาดื่มน้ำรวดเดียวหมดเลย จากนั้นก็มองดูรูปของนรมนที่อยู่
รอบกรงเหล็กทั้งสี่ด้าน แล้วอยู่ ๆ ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้นมา
“ยังมีอีกสองวัน มีอีกสองวันผมก็จะสามารถได้เจอกับเธอแล้ว แต่ว่าโตโน่ คุณว่าตอนนี้ผมดูอ่อนแรงขนาดนั้น ต่อไปจะดูดีขึ้น มาหน่อยได้ไหม?
โตโน่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณชายบุริศร์ ผมรู้สึกว่าที่คุณชายป้องพูดก็ถูกนะ คุณอยู่ดูอาการเพิ่มอีกสัก สองวัน กว่า ถึงแม้ว่าการถ่ายเลือดจะค่อนข้างปลอดภัย แต่ว่า เรื่องทุกเรื่องต่างก็มีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นได้นะ”
“ผมรอไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ก็ห้าหกวันมาแล้ว สำหรับผมมาพูด นั้น ผมรู้สึกว่าเหมือนผ่านมาหลายปีแล้ว เมืองชลยไม่ค่อยสงบ สุข เธอดูลูกอยู่ที่เมืองชลธีคนเดียว ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง ผม ไม่ไว้ใจเลยจริง ๆ”
ลมหายใจของบุรีตร์ยังไม่คงที่ แต่ว่าก็ยังคงพูดอยู่ ราวกับว่า มีแต่พึ่งการพูดถึงจะหันเหความสนใจไปได้ เขาถึงจะสามารถ อดทนต่อความรู้สึกอ่อนล้าที่ได้รับมาจากการถ่ายเลือดได้
โตโน่เอายาที่ต้มเตรียมไว้ก่อนหน้านั้นขึ้นมาให้กับเขา “มีคุณชายป้องอยู่ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก
“ผู้หญิงของผมเอง ผมชนที่จะปกป้องด้วยตัวเอง พอบริศ พูดจบแล้ว ก็ดื่มยาคำเดียวหมดเกลี้ยง ไม่มีการ ขมวดคิ้วเลยแม้แต่น้อย
พอนรมนได้ยินคำพูดพวกนี้ น้ำตาก็แตกขึ้นมาอีกครั้งเลย เป็นถึงขนาดนี้แล้ว ยังคิดจะปกป้องเธอและลูก ๆ อีก ผู้ชายคนนี้นี่คิดว่าตัวเองทำขึ้นมาจากเหล็กจริง ๆ เหรอ? นรมนแทบอยากจะเข้าไปต่อยเขาสักหมัดสองหมด แต่ว่าเธอ ก็ปวดใจอยู่
พอเห็นนรมนร้องไห้ไม่หยุด โพนี่ก็กลัวว่าเธอจะแบกรับไม่ไหว จริง ๆ จึงรีบพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “นรมน คุณระวังอารมณ์ของตัวเอง วาย”
“ฉันไม่เป็นไร เขายืนหยัดและพยายามอยู่ทางด้านโน้นเพื่อ ฉัน แล้วฉันจะมาเป็นตัวถ่วงอยู่ทางด้านนี้ให้เขาได้ยังไงกัน? คุณ วางใจเถอะ ช่วงสองวันนี้ฉันจะให้ความร่วมมือในการรักษาเป็น อย่างดี รอถึงตอนที่เขากลับมา ฉันจะไปรับเขาที่สนามบินเอง
คำพูดของนรมนทำให้โพนี่รู้สึกไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ แต่ว่าก็ กลับไม่ได้ต่อต้านสักเท่าไหร่
บุริศร์ที่อยู่ในจอภาพพักผ่อนไปครู่หนึ่ง หลังจากที่ร่างกายพอ มีเรี่ยวแรงขึ้นมาบ้างแล้ว ก็พูดกับโตโน่ที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “ช่วยเอา โทรศัพท์มาให้ผมหน่อย ผมอยากจะโทรศัพท์หาบรมนสัก หน่อย”
โตโน่เอาโทรศัพท์มาให้กับบริศร์
ในตอนที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมานั้น นรมนก็รีบร้อนเช็ดน้ำตา ออก แล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ที่หนึ่ง และก็พยายามให้น้ำ เสียงของตัวเองกลายเป็นเสียงปกติ แล้วถึงได้รูดหน้าจอรับสาย
“ฮัลโล?”
เธอมองดูที่จอแสดงผลบุริศร์กำลังมีรอยยิ้มอย่างกับได้ครอบ ครองโลกทั้งใบไว้แล้วอยู่แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ อยู่อีกครั้งหนึ่ง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ