แค้นรักสามีตัวร้าย

บทที่ 462 ตอนนี้เขาหงุดหงิดมากจริง



บทที่ 462 ตอนนี้เขาหงุดหงิดมากจริง

ๆ พอคิดถึงความเป็นไปได้แบบนี้แล้ว เจตต์ก็ยิ่งไม่สบายใจมากขึ้น

“เอาเถอะ พวกเราก็รีบไปพยายามตามหากันเถอะ ตอนนี้ ติดต่อประธานบริศร์ไม่ได้ ก็หวังว่าคุณนายเป็นคนดีสวรรค์จะ ต้องคุ้มครอง ไม่ว่าจะยังไง ถ้าหากว่าเจตต์ยื่นมือเข้ามา เกี่ยวข้องแล้ว บางทีอาจจะมีความหวังเสี้ยวหนึ่งขึ้นมาก็ได้ ช่อง ทางของเขาดิบเถื่อนกว่า บางทีอาจจะสามารถหาเบาะแสของ คุณนายเจอก็ได้”

ตอนนี้พฤกษ์ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงแล้ว

คมทิพย์กลับพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “เจ้าเดนมนุษย์ อย่างเจต นั่นก็แค่ดีกับนรมนหน่อยก็เท่านั้นแหละ แต่ว่าที่เขา พูดก็ไม่ผิด ตกลงประธานบริศร์ไปไหนแล้ว? เกิดเรื่องใหญ่ขนาด นี้ ใครก็โทรหาเขาไม่ติด คุณว่าเขาจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ เปล่า?”

“ไม่มีทาง! เขาคือประธานบริศร์นะ เขาไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้น

พฤกษ์ปฏิเสธการคาดเดาของคมทิพย์ไปโดยตรงเลย
ในความทรงจําของเขา ไม่เคยมีเรื่องอะไรที่บุริศร์จะผ่านมัน ไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นบุริศ จะต้องไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นแน่ แต่ว่าความเป็นกังวลที่แอบซ่อนไว้ในใจนั้น มันคืออะไรล่ะ?

ทางด้านบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กนั้นโทรศัพท์มาหลายสายแล้ว คุณนายตระกูลโตเล็กมาถามไถ่เรื่องของนรมนด้วยตัวเองด้วย กานต์ก็ยิ่งใช้ทักษะคอมพิวเตอร์ของตัวเองมาตามหาเบาะแส ของหม่า เหมือนกับว่าคนทุกคนต่างก็กำลังค้นหา

แต่ว่าเมืองชลธีที่กว้างใหญ่นี้ กลับไม่มีข่าวคราวอะไรของนร มนเลย

ธรณีไม่กล้าทำให้คุณนายทวีทรัพย์ธาดารู้เรื่องเข้า แต่ก็ยังใช้

พละกำลังทั้งหมดของตระกูลทวีทรัพย์ธาดามาตามหา

พละกำลังมากมายหลายสายขนาดนี้ล้วนกำลังตามหา แต่ว่า ทําไมถึงได้หาไม่เจอกันนะ?

คราวที่แล้วตอนที่กานต์หายตัวไปก็เป็นแบบนี้ แต่ว่าตอนนั้น ป้าโอเป็นคนควบคุมตระกูลโตเล็กเอาไว้ และแน่นอนว่าต้องมี อำนาจของป้าโอหลงเหลืออยู่

วันนี้บริศร์ได้ถอดถอนอำนาจที่หลงเหลืออยู่
ของป้าโอไปหมดแล้ว แล้วยังมีใครที่สามารถพาตัวบรมนไป อย่างไรสุ่มเสียงแบบนี้ และยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ เล็ดลอดออก มาอีกล่ะ?

พฤกษ์ครุ่นคิดอย่างหนักแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ

คนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดก็คือตังเม แต่ว่าตังเมก็หายตัว ไปแล้ว และไม่มีข่าวคราวอะไรเลย

คนทั้งหมดต่างก็เศร้าหมองเพราะว่าการหายตัวไปของนรมน ทางด้านนรมนนั้นก็แทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองจะต้องมาตายด้วยวิธีนี้

เธอก็คือปลาที่แยกออกจากน้ำตัวหนึ่ง ที่กำลังหายใจพะงาบ ๆ อยู่บนพื้น

บนพื้นนั้นเย็นมาก ร่างกายของเธอราวกับว่าผ่านพ้นไปใน ท่ามกลางความหนาวเย็น ความหนาวอีกระลอกหนึ่งทำให้เธอ เข้าสู่การหมดสติอีกครั้ง แล้วก็โดนความหนาวจนตื่นขึ้นมาอีก ครั้ง

นรมนไม่รู้ว่าตัวเองยังจะสามารถยืนหยัดได้อีกนานแค่ไหน เธอรู้สึกคิดถึงบุริศร์ คิดถึงมากจริง ๆ
ตอนนี้เขาจะอยู่ไหนนะ?

จะร้อนใจจนอยู่ไม่สุขเพราะว่าตัวเองหายตัวไปหรือเปล่า? จะ กลับมาถึงเมืองชลธีแล้วหรือยัง? กลับมาอยู่ข้างกายลูก ๆ หรือ ยัง?

เธอยังจะมีโอกาสที่จะได้เจอกับลูกของตัวเองอีกไหม?

นรมนูรู้สึกว่าตัวเองช่างพ่ายแพ้จริง ๆ คือใครที่ลักพาตัวเธอ? คือใครที่อยากจะให้เธอตาย? เธอกลับไม่รู้อะไรเลยสักนิด

นี่จะต้องกลายเป็นผีที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่แล้วเหรอ?

แล้วก็ไม่รู้ว่าคุณนายตระกูลโตเล็กจะเป็นยังไงบ้าง กานต์ก็จะ เป็นยังไงบ้าง? แล้วกลมจะร้องไห้งอแงหาหม่ามีหรือเปล่า

ถ้าหากว่าอีกฝ่ายแค่อยากจะจัดการกับเธอก็ว่าไปอย่าง เธอ ตายไปก็คงจะไม่เป็นไร แต่ว่าถ้าจะจัดการตระกูลโตเล็ก จัดการ บุริศร์ จัดการพวกลูก ๆ ของเธอ แล้วเธอจะมายอมตายไปแบบนี้ เหรอ?

ไม่!

เธอไม่ยอม!

แต่ว่าตอนนี้ทั้งแขนทั้งขาต่างก็ชาไปแล้ว
ในตอนช่วงเช้ายังพอสามารถเกลือกกลิ้งร่างกายได้ ขยับไป มาอย่างกับหนอนตัวหนึ่งได้ แต่ว่าตอนนี้ เธอกลับไม่มีเรี่ยวแรง ใด ๆ แล้ว

เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับว่ากำลังอยู่ในช่องแช่แข็ง เดี๋ยว ร้อนเตียวหนาว

พูดตามหลักแล้ว ประจำเดือนมาสามสี่วันแล้ว ก็ควรจะลด น้อยลงได้แล้ว หรือว่าใกล้จะหมดแล้วถึงจะถูก แต่ว่านรมนกลับ ค้นพบอย่างละเอียดอ่อนว่า เลือดในร่างกายเอาแต่ไหลออกมา ข้างนอกอย่างกับว่าไม่เสียเงินยังไงอย่างงั้น

เสื้อผ้าและกางเกงของเธอ ก็เปื้อนไปหมดแล้ว ช่างน่าอนาถ อย่างดูไม่ได้ และมีกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้งไปทั่ว

ไม่เคยอนาถขนาดนี้มาก่อน แล้ววันนี้จะต้องมาตายไปอย่าง คนขี้แพ้แบบนี้ นี่มันช่างน่าอัดอั้นจริง ๆ เลย นรมนอดไม่ได้ที่จะต้องหัวเราะขึ้นมา

มาถึงเวลาแบบนี้แล้ว เธอกลับยังมีอารมณ์มาเยาะเย้ยตัวเอง แล้วก็ไม่รู้ว่าถ้าเกิดบุริศร์มาเห็นร่างกายที่สกปรกขนาดนี้ของเธอ เข้าแล้วจะมีปฏิกิริยายังไง?

ผู้ชายคนนั้นไว้ว่ายังไงก็ยังคงมีความรังเกียจสิ่งสกปรกอยู่บ้าง คงจะตีให้ตายก็ไม่มีทางเชื่อว่าภรรยาของตัว เองจะต้องมาตายไปแบบนี้?

แล้วอยู่ ๆ นรมนก็นึกถึงความรักที่ลึกซึ้งของบุริศร์

เขาเคยพูดไว้ว่าจะจับมือกับเธอไปตลอดชีวิต เคยพูดไว้ว่าจะ

พาเธอและลูก ๆ ออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ท่องเที่ยวรอบ โลก ดูท่าชาตินี้คงจะไม่มีโอกาสแล้ว ความรู้สึกอ่อนล้าเหมือนอย่างกับวิญญาณออกจากร่างแล้วยัง

ไงอย่างงั้น

นรมนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของความหนาวเหน็บแล้ว กลายเป็นชนชาไปแล้ว

ที่ข้างนอกยังไงมีเสียงดังเอะอะลอยมา เธอแยกไม่ออกว่า

เป็นกลางวันหรือว่ากลางคืนแล้ว

ในช่วงเริ่มต้นนั้นเธอยังหวังว่าจะสามารถมีคนมาช่วยตัวเอง ได้ ก็เลยเอาหัวโขกกับบานประตูไม่หยุด จนกระทั่งหน้าผากโขก จนเป็นแผล แล้วเลือดก็ไหลลงมาอาบตาทั้งสองข้าง จากนั้น เลือดก็แห้งเหือดไป

แต่วันนี้กลับไม่มีเรี่ยวแรงอะไรมาทรหดอีกแล้ว

หรือว่าเธอจะต้องตายจริง ๆ แล้ว
นรมนจ้องมองเพดานที่อยู่เหนือหัว โคมไฟที่แขวนอยู่ข้างบน ได้มีแสงสะท้อนแยงตาแล้ว

เธอไม่เคยดูโคมไฟน์อย่างละเอียดมาก่อนเลย แล้วก็รู้สึกคลับ คล้ายคลับคลาว่าโคมไฟช่างคุ้นเคยนัก! เหมือนกับว่าเคยเห็น

ที่ไหนมาก่อนยังไงอย่างงั้น

แต่ว่าในสมองนั้นกลับเละเป็นโจ๊กไปหมดแล้ว แล้วก็คิดเรื่อง ราวอะไรไม่ออกอีกแล้ว

เธอสะลึมสะลือเหมือนกับว่าเห็นหน้าของคิมแล้ว

หรือว่าบางทีในตอนที่อ่อนแอที่สุดนั้น อาจจะคิดถึงคนที่สนิท ชิดเชื้อที่สุดก็เป็นไปได้

บรมนติตไปแบบนี้

แล้วเธอก็คิดไปถึงแม่นรมน ท่าทางที่แม่ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล นั้น ท่าทางแบบนั้นช่างทำให้คนปวดใจจริง ๆ

นรมนคิดอยากจะปลอบโยน แต่ว่าเธอไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว

ในช่วงสะลึมสะลือ เหมือนกับว่าได้ยินเสียงประตูกำลังโดน กระแทก เหมือนกับว่ามีใครกำลังเรียกชื่อของเธออยู่

เป็นภาพหลอนเหรอ?
คนเราเมื่อถึงตอนที่สิ้นหวังแล้วจริง ๆ ก็มักจะเกิดภาพหลอน ขึ้นมา

นรมนค่อย ๆ หลับตาลง แต่ในปากกลับยังเรียกชื่อของบริศร์

ออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“นรมน! บรมน!”

ในตอนที่เจตต์พุ่งเข้ามานั้น แล้วเห็นท่าทางนรมน ใกล้จะ สิ้นใจ ทั้งคนก็ตาแดงขึ้นมาเลย

“บุริศร์ คุณมาแล้วเหรอ? ขอโทษด้วยนะ ฉันอดทนไม่ไหว แล้ว”

นรมนได้ยินแต่มีคนร้องเรียกชื่อเธออย่างร้อนใจ ช่างคุ้นเคย

ขนาดนั้น และช่างร้อนใจขนาดนั้น

คนบนโลกนี้ที่ห่วงใยเธอขนาดนี้ ก็คงจะเป็นบริศร์แล้วละมั้ง? เธอเข้าสู่การหมดสติไปด้วยรอยยิ้ม

นี่เจตต์ไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเองจริง ๆ

นี่คือนรมนจริง ๆ เหรอ!

เป็นคนที่ตัวเองรู้สึกว่าไม่คู่ควรด้วยมาตลอด คือพรมนคนที่ รู้สึกว่าเป็นเทพธิดามาตลอดคนนั้นเหรอ ?

ร่างทั้งร่างของเธอร้อนระอุ เหมือนกับว่าไม่มี
ตรงไหนของร่างกายที่เป็นที่ที่สมบูรณ์ และบนร่างกายที่แฝงไป ด้วยกลิ่นคาวคละคลุ้ง

กางเกงและเสื้อผ้าของเธอล้วนเต็มไปด้วยเลือด มีคราบที่แห้ง แล้วติดอยู่บนร่างกาย และยังมีที่เปียกชื้นอีก

โดยเฉพาะที่หน้าผากของนรมน รอยบาดแผลและคราบเลือด เหล่านั้น ทำให้เขาเห็นแล้วรู้สึกปวดใจจี๊ด ๆ

คือใคร?

ใครกันที่ทําให้นรมนกลายเป็นแบบนี้?

ถึงแม้ว่าเจตจะเจอลมฝนมาเยอะ แต่ตอนนี้ ก็ยังคงโดนนร คนที่อยู่ตรงหน้าทำให้ตกใจจนทำอะไรไม่รู้จะทำอะไรแล้ว

เขาไม่รู้ว่าบนตัวของนรมนนั้นมีบาดแผลอะไรบ้าง และยิ่งไม่รู้ ว่านรมนเจ็บตรงไหน เขารู้แต่เพียงว่า นรมน ในตอนนี้เหมือนกับ ใบไม้ร่วงที่อยู่ท่ามกลางสายลมยังไงอย่างงั้น เหมือนกับว่าจะ สามารถหายไปได้ตลอดเวลาเลย

ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ทำให้เขากลัว และ ยิ่งไม่อยากจะสนใจอะไรสักอย่าง แล้วจึงอุ้มนรมนขึ้นมา แล้วก็

วิ่งไปทางข้างนอกอย่างรวดเร็ว
เจตต์อุ้มบรมนขึ้นมา แล้วก็วิ่งออกจากคลับเลย โดยที่ไม่ได้ สนใจว่าคนข้างนอกจะมองยังไงเลย เขาขับรถแล้วพุ่งไปทางโรง พยาบาลทหารโดยตรงเลย

ตลอดทางฝ่าไฟแดงไปเท่าไหร่เขาก็ไม่ได้สนใจ

ในตอนที่เขาอุ้มนรมนที่ทั้งตัวมีแต่เลือดเข้ามาในโรงพยาบาล ทหารนั้น โพนี่และป้องก็นิ่งอึ้งไปเลย

“ทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้? คุณหานรมนเจอจากที่ไหน?

“รีบช่วยคนเร็ว! ตอนนี้มาพูดเรื่องพวกนี้จะมีประโยชน์อะไร?”

เจตต์ผลักป้องออกทีหนึ่ง แล้วก็ส่งนรมนเข้าไปในห้องฉุกเฉิน

โดยตรงเลย

โพนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็รีบเปลี่ยนชุดปลอดเชื้อแล้วก็เข้า

ประจําที่ด้วยตัวเองเลย ป้องกลัวว่าพฤกษ์จะเป็นกังวล ก็เลยโทรศัพท์หาเขากับคน

ทิพย์

ผ่านไปไม่นาน พฤกษ์ คุมทิพย์และธรณีก็มาถึงอย่างรวดเร็ว

“นโมนเป็นยังไงบ้าง?
คนทั้งหมดต่างก็ได้รับข่าวคราวของนรมนหลังจากที่เธอ หายตัวไป วันแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสภาพแบบนี้

ทั้งตัวของเจต เต็มไปด้วยเลือด ท่าทางดูแล้วทำให้คนตกใจ มากจริง ๆ แต่ว่ากลับยิ่งทำให้คนทั้งหมดกระวนกระวายใจมาก ยิ่งขึ้น

นี่เป็นเลือดของนรมนเหรอ?

บนร่างกายของคนคนหนึ่งตกลงจะมีเลือดเท่าไหร่กัน? ถึงได้ สามารถไหลออกมาได้ถึงขนาดนี้?

โพนเข้าประจําที่ด้วยตัวเองแล้ว แต่ว่าทุกคนก็ยังเป็นกังวล มากอยู่ดี

ไปหน้าห้องผ่าตัดเปิดสว่างไว้ตลอด คนที่รออยู่ข้างนอกก็เป็น

ห่วงมาก ๆ เหมือนกัน

เจตต์รู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองก็เกือบจะหยุดแล้ว

ในตอนนี้เขาหงุดหงิดมากจริง ๆ และอยากจะต่อยใครสัก คนจริง ๆ

โดยเฉพาะอยากจะต่อยผู้ชายที่ชื่อบริศร์คนนั้นมากจริง ๆ ในตอนที่นรมนสิ้นหวังแบบนี้นั้น ในปากกลับยังเรียกชื่อของ เขาอยู่ แต่ว่าตัวเขาอยู่ที่ไหน2

ในที่สุดธรณีก็อดทนไม่ไหวแล้ว

“คุณชายเจตต์ ตกลงคุณตามหานรนเจอที่ไหนครับ?”

ในเมืองชลธีทั้งเมือง ที่ที่สามารถตามหาได้ พวกเขาก็หากัน จนทั่วแล้ว แต่ว่าก็หาเบาะแสของนรมนไม่เจอ แต่ว่าวันนี้เจต กลับหาเจอแล้ว

นี่มันไม่ทำให้พวกเขาสงสัยไม่ได้จริง ๆ ทั้งเมืองชลธีนี้ยังมีที่ พวกเขาไม่รู้จักอีกเหรอ?

เจตจ้องมองธรณีอยู่ ดวงตาคู่นั้นมีความหมายไม่ชัดเจน แล้วก็ทําให้ธรณีอึดอัดขึ้นมาไม่มากก็น้อย

“ทำไมเหรอ? ทําไมต้องจ้องผมอย่างนี้ด้วย?

ธรณีรู้สึกว่าแววตาของเจตต์ในตอนนี้แฝงไว้ด้วยการสำรวจ เสี้ยวหนึ่ง ความเกลียดเสี้ยวหนึ่ง แล้วที่เยอะยิ่งกว่าคือปฏิกิริยา ที่ทำให้คนดูไม่ออก

เจตต์พูดขึ้นเสียงต่ำว่า “ถ้าหากผมบอกกับคุณว่า ผมตามหา นรมนเจอในคลับของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของพวกคุณ คุณจะ เชื่อไหม?”

“คุณพูดว่าอะไรนะ?”
ธรณีรู้สึกว่านี่มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่

“ไม่มีทาง! คลับของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของเราจำเป็นจะ ต้องมีบัตรสมาชิกถึงจะเข้าได้ และที่สำคัญทำไมถึงมาอยู่ในตลับ ของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของเราได้ล่ะ?”

“ใช่ครับ ทำไมถึงไปอยู่ในคลับของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาได้? เมื่อก่อนตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของพวกคุณก็คอยหาเรื่องนรมน มาตลอด คุณนายตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของพวกคุณก็ยิ่งเกลียด นรมนเป็นที่สุด แล้วตอนนี้นรมนก็มากลายเป็นแบบนี้ ถ้าให้ผมรู้ ว่าเป็นการกระทําของคนในตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของพวกคุณ แล้วละก็ ผมจะไม่มีทางปล่อยพวกคุณไปแน่!”

สีหน้าของเจตต์มีดขรึมเยือกเย็นราวกับเป็นยมทูตเก็บ วิญญาณที่มานรก ในตอนที่พูดกลับยิ่งทำให้ธรณีรู้สึกไม่สะดุ้ง ขึ้นมาไม่ได้

พวกเขาตรวจเช็กร้านรวงใหญ่เล็ก ตรอกเล็กตรอกน้อย สถานี รถไฟของทั่วทั้งเมืองชลธีแล้ว แต่ว่ากลับไว้ใจกิจการของตระกูล ตัวเองเป็นอย่างมาก แล้วก็คิดไม่ถึงว่าจะตกหล่นที่นี่ไป

ตกลงคือใครกันนะที่ใช้ตระกูลทวีทรัพย์ธาดามาปิดบัง และ ท่ากับนรมนแบบนี้?
ธรณีคิดไม่ออก แต่กลับรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายเป็น พวกที่ต้องการต่อต้านตระกูลทวีทรัพย์ธาดา

แต่ว่าเขาก็หาเหตุผลที่สมเหตุสมผลสักอันออกมาอธิบายเรื่อง พวกนี้ไม่ได้เลย

ตอนนี้ธรณีถือได้ว่ามีปากก็พูดยากแล้ว แต่ก็กระวนกระวายใจ ไม่หยุด ถ้าหากให้คุณนายทวีทรัพย์ธาดารู้เข้าว่า เกิดเรื่องแบบนี้ ขึ้นกับนรมน ในคลับของตระกูลของตัวเองแล้วละก็ ก็ไม่รู้ว่าจะ

เป็นยังไงบ้าง

แล้วก็ในช่วงเวลาแบบนี้ บอดี้การ์ดของตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ก็วิ่งเข้ามา แล้วพูดกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูของธรณีหนึ่ง

“คุณชายธรณีครับ ดุลยาหนีไปแล้วครับ”

“นายว่าอะไรนะ?”

ธรณีโกรธขึ้นมาทันทีเลย

“คนตั้งมากมายของตระกูลทวีทรัพย์ธาดากินหญ้ากันเหรอ? ถึงได้ปล่อยให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่มือไม่มีแรงแม้แต่จะจับไก่หนีไป ได้? นี่ตกลงมันเรื่องอะไรกัน?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ