บทที่ 1274 ฉันจะเก็บศพให้นายเอง
“กมล!!
นรมนรีบกอดกมลเอาไว้ แล้วกลิ้งไปบนพื้น
เธอมองไปทางบริศร์ พบว่าฝั่งบุรีศร์ไม่ได้รู้สึกถึงการเคลื่อน ไหวใดๆเลย ทั้งสองคนยังกำลังคุยอะไรกันอยู่ที่ด้านหน้าหลุม ศพของครินท์ นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอไม่อยากรบกวนเวลาคุยกันของบุริศร์กับตรินท์ แต่ชัดเจน
ว่าที่นี่มีมือปืนซุ่มยิง
กมลที่โดนคุ้มครองอยู่ในอ้อมกอดของนรมน พูดขึ้นเบาๆ “หม่ามี้ หนูพอจะรู้สึกได้ อีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่บนที่สูงฝั่งซ้ายมือ ตำแหน่งสามนาฬิกา
“อืม”
นโมนพยักหน้าเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้พูดอะไร
ต่อให้รู้ตำแหน่งของอีกฝ่าย แต่นรมนไม่ได้พกอาวุธติดตัวมา กมลยิ่งไม่ได้เอาอะไรออกมาจากบ้านเลย ถ้าทั้งสองคนออกไป ตอนนี้ก็คือเป้าที่เคลื่อนไหวได้นี่แหละ
กมลเห็นนรมนไม่ได้พูดอย่างอื่นอีก จึงอดไม่ได้ที่จะร้อนรน
“หม่า ได้ยินที่หนูพูดไหม?”
“ได้ยินแล้ว แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีอาวุธ ถ้าออกไปมันไม่ฉลาดเลย อีกอย่างภารกิจที่สำคัญของพวกเราตอนนี้คือจะบอกให้พวก แด๊ดดี้ระวังตัวยังไง”
ได้ยินนรมนพูดอย่างนี้ กมลก็ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเล็กๆ แทบ จะย่นรวมกัน
พวกเธออยู่ห่างจากบริศพอประมาณ ไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ ฝั่งบริศ เป็นยังไงบ้าง
กมลหยิบมือถือออกมา กำลังคิดจะโทรหาบุริศร์ ก็มีกระสุน เม็ดหนึ่งยิงมือถือของเธอจนกระเด็นออกไป
ตอนนี้นรมนจึงรู้แล้ว อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะฆ่า แค่ไม่อยากให้ พวกเธอเคลื่อนไหว ให้อยู่ตรงนี้อย่างว่าง่าย
งั้นเป้าหมายของพวกเขาคืออะไรล่ะ?
นรมนมองไปที่บริศร์ด้านนั้น
บริศร์กับกิจจากำลังคุยอะไรกันอยู่ที่หน้าหลุมศพของตนท์ จู่ๆก็รู้สึกได้ถึงภัยอันตรายที่มาเยือน
กิจจาอยากจะหันไป แต่กลับโดนบุริศร์กุมมือเอาไว้ แล้วดึง กิจจามาคุ้มครองที่ด้านหน้าของตนเอง
“ประธานบริศร์ยังคงตอบสนองได้รวดเร็วจริงๆ
ด้านหลังมีเสียงเย้ยหยันลอยมา เสียงแปลกหูมาก แต่ทว่าฟัง ดูแล้วเสียงยังหนุ่มอยู่เลย
บุริศร์ค่อยๆหันกลับมา แค่ได้เห็นคนตรงหน้า ในใจก็เจ็บปวดเล็กน้อย
“นายเองเหรอ?”
“นายรู้จักฉัน?”
บุณพจน์ค่อนข้างประหลาดใจ
เขาไม่รู้ว่าแม่ของตนเองเป็นใครมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว พ่อก็ไม่ เคยบอก แค่เข้มงวดกับเขาเป็นพิเศษ จนกระทั่งอายุสิบแปดปี พ่อถึงบอกตัวตนของแม่เขา ในเวลาเดียวกันก็บอกเขาว่าในโลก นี้เขายังมีพี่น้องคนละพ่ออีกด้วย
หลายปีนี้ บุณพจน์แอบรวบรวมข้อมูลของบุริศร์อย่างเงียบๆ
มาโดยตลอด เรียกได้ว่าเข้าใจเขาอย่างทะลุปรุโปร่งเลย แต่บุรี ศร์เพิ่งจะรู้จักบุณพจน์ได้ไม่นาน อย่างที่เรียกว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ในจุดนี้ บุรี
ศร์แพ้ให้บุณพจน์แล้ว
แต่บุริศร์กลับไม่ได้ประหลาดใจเหมือนที่บุณพจน์คิดเอาไว้ แค่ พูดอย่างเมินเฉย “ถ้านายมาไหว้ตรินท์ที่หลุมศพ งั้นก็ยืนให้ดีๆ แต่ถ้าไม่ใช่ ตอนนี้ก็ไสหัวไปซะ อย่าคิดว่านายสอดแทรกพวก มือปืนซุ่มยิงเอาไว้แล้วจะเป็นยังไงนะ ที่ฉันให้นายสอดแทรกเข้า มาก็เพราะยอมทน แต่ไม่ได้ส่งเสริมให้นายทำอย่างนี้
พูดจบ บุริศร์ก็ไม่สนใจบุณพจน์ จูงมือกิจจาไปจุดธูปให้ตรินท์
กิจจาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือใคร แต่ก็ไม่ได้ถาม หลังจากจุดธูป ให้ตรินท์ด้วยความเคารพเสร็จแล้ว ก็ยืนรออยู่ด้านข้างอย่างว่าง่าย
แม้บุญพจน์จะคิดความเป็นไปได้ต่างๆนานาเอาไว้แล้ว ก็คิด
ไม่ถึงว่าบุริศร์จะเย็นชาและสุขุมเช่นนี้ ยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะ พูดอย่างนี้กับตนเอง ช่วงเวลานี้ บุณพจน์เหม่อลอยไปแล้ว จุดธูป ให้ตริน โดยไม่รู้
ตัว
หลังจากปักธูปเสร็จ บุริศร์จึงพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “นายไปได้
แล้ว”
“ฉันคิดว่าฉันกับนายหรืออาจจะตรินท์สามารถคุยกันได้
จริงๆแล้วบุณพจน์เกลียดบริศร์ ถึงยังไงหลายปีมานี้แม่ก็อยู่ ข้างกายเขาตลอด แล้วยังใช้สถานะแม่บ้านอยู่กับพวกเขาสอง คนพี่น้องอีก ส่วนเขานั้นไม่เคยได้รับความรักจากแม่เลยแม้แต่ วันเดียว
แต่หลังจากได้เจอบุริศร์จริงๆ เขาถึงพบว่าความเกลียดในใจ ของเขาเป็นเพราะอิจฉาเท่านั้นเอง
“นายอยากคุยอะไร? ภรรยากับลูกสาวของฉันนายอย่า ทำร้ายพวกเธอจะดีที่สุด ไม่งั้นไม่ว่าในร่างกายของนายจะมี เลือดของใครอยู่ ฉันก็จะฆ่านาย”
ค่าพูดนี้บุริศร์พูดออกมาอย่างนิ่งเฉย ถึงกับฟังไม่ออกถึง ความรู้สึกใดๆ ความรู้สึกบางอย่างที่ค่อนข้างเย็นชาทำให้ใจ เหน็บหนาว หวาดหวั่น
บุณพจน์มองบุริศร์ พูดขึ้นเบาๆ “ฉันไม่ได้บ้าคลั่งกับการฆ่าคน นะ นายอย่าคิดว่าฉันเลว”
“แต่นายกลับซื้อชีวิตฉันด้วยเงินสิบล้านดอลลาร์สหรัฐเนี่ยนะ
บุริศร์โต้กลับไปจนบุณพจน์พูดไม่ออก
”
“นายก็ยังอยู่ดีไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างภารกิจของพวกเขาล้ม เหลว เงินนี้ฉันก็ไม่ต้องให้ แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนความคิดแล้ว ไม่ อยากให้นายตายแล้ว”
สำหรับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของบุณพจน์ บุริศร์ไม่ได้ แสดงความเห็นอะไร แค่มองรูปของตนท์ พูดขึ้น “ตอนแรกที่ตร นท์เกิดเรื่องนายอยู่ด้วยหรือเปล่า?”
คำพูดนี้ทำให้บุณพจน์ตะลึงไปเลย
“ทำไมนายถามอย่างนี้?”
“เพราะนายรู้ถึงตัวตนของฉันกับตรินท์ตั้งแต่แรกแล้ว ฉันไม่ เชื่อว่านายจะไม่สนใจการเคลื่อนไหวของพวกฉัน ตอนแรกที่ตร นท์เกิดเรื่องฉันมาไม่ทัน นายน่าจะมีโอกาสและเวลามาช่วยเขา ได้ทัน แต่เขาก็ยังคงจากไป
สายตาที่บุริศร์มองบุณพจน์เฉียบคมและโหดร้ายขึ้นเล็กน้อย
จู่ๆคุณพจน์ก็รู้สึกอึดอัดใจ
เขามองป้ายชื่อหน้าหลุมศพของตรินท์ พูดขึ้นเบาๆ “ฉันอยาก จะรีบไป แต่ฉันทำไม่สำเร็จ ตอนนั้นฉันโดนพ่อขังเอาไว้ ตอนที่ฉันมาถึง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว”
ในใจของเขาก็ทนไม่ไหว
ตรินท์เป็นคนที่ไม่ควรโดนคุกคามที่สุด
ตั้งแต่เล็กจนโต ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมาโดยตลอด เพื่อ เป็นการไม่ยื้อแย่งสิทธิ์ในการรับมรดกกับบริศร์ เขาจึงเนรเทศ ตนเองออกไปจากเมืองชล
ช่วงเวลานั้นบุณพจน์สะกดรอยตามเขาจริงๆ ได้ทำความ เข้าใจเขาแล้ว ถึงกับเคยได้พูดคุยกับเขาด้วย
ตรินท์เป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา ด้วยการปิดบังตัวตนของ ตนเองบุณพจน์จึงได้ใช้เวลารู้จักกับเขาช่วงหนึ่ง และช่วงเวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด
น่าเสียดายที่ความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นาน พิรุณรู้เรื่องนี้เข้า เขาจึงโดนบีบบังคับให้กลับไป ตอนที่รู้ว่าตรินท์เกิดเรื่อง พจน์ก็อยากจะรีบมาช่วย แต่กลับโดนพิรุณขังเอาไว้ทั้งหมด เหมือนกับโชคชะตาที่กำหนดให้อยู่ในความมืดมนตั้งแต่แรก ส่วนเขาต่อให้อยากเปลี่ยนแปลงอะไร สุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ ได้เลย
บุริศร์ได้ยินเขาพูดอย่างนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับพูดอย่าง เมินเฉย “ไหว้ตรินท์เสร็จแล้วนายก็ออกไปจากที่นี่เถอะ วันหน้า นายคิดจะทำอะไรฉันก็ได้ แต่วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะมีเรื่องกับ นาย”
บุณพจน์ชะงักงัน พูดเบาๆ “ฉันก็ไม่ได้วางแผนจะมาหาเรื่อง นาย นายมาทําอะไรที่ด้านนี้ฉันเข้าใจดี ฉันแค่มาเตือนนายเฉยๆ มีบางเรื่องที่นายไม่ควรยุ่ง นายอย่ายุ่งเลยจะดีที่สุด จะได้ไม่ ต้องหาเรื่องใส่ตัว ตอนนี้ภรรยานายก็อยู่ ใช้ชีวิตของตนเองให้ดี ก็พอแล้ว อย่าใจใหญ่เกินไปนักเลย”
คำพูดนี้ทำให้บริศร์ตะลึงไปเล็กน้อย แล้วก็หรี่ตาขึ้นมาทันที
“ความหมายของนายคือเรื่องคริชณะเกี่ยวข้องกับนาย? หรือ จะบอกว่าเกี่ยวข้องกับพ่อนาย บุณพจน์ นายอย่ามาเป็นศัตรูกับ ฉันจะดีที่สุด ไม่งั้น……..
“ไม่งั้นจะทําไม? ฉันเป็นพี่นาย ไม่ว่านายจะยอมหรือไม่ ยอมรับ ฉันก็เป็นพี่ของนาย
เดิมทีบุณพจน์คิดว่าทั้งชีวิตนี้ตนเองคงไม่ยอมรับคำพูดนี้แน่ๆ
ยิ่งไม่ยอมพูดออกไปด้วย แต่วินาทีนี้กลับหลุดปากพูดออกไป
แล้ว เหมือนในใจก็คงคิดอย่างนี้สินะ
ความอิจฉากับความต่อต้านทั้งหมดที่ผ่านมา ในวินาทีที่ได้ เจอบุริศร์ก็เปลี่ยนเป็นความปรารถนาอย่างหนึ่งไปแล้ว
ความปรารถนาอย่างหนึ่งที่มีต่อความผูกพันทางสายเลือด และพี่น้อง
เขาไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรไปแล้ว
หลายปีมานี้ เขาแบกรับสิ่งต่างๆ มากเกินไป รู้สึกว่าตนเองน่า สงสารมากเหนื่อยล้ามาก แต่หลังจากเข้าใจสิ่งที่บุริศร์ได้ผ่านมาแล้ว เขารู้สึกว่าตนเองมีความสุข อย่างน้อยที่สุดถ้าเปรียบเทียบ กับบริศร์ ตนเองก็เป็นคนที่มีความสุขอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้หรืออาจจะเพราะหลุมศพของตนท์ถึงได้จริงจังมาก เกินไป จึงทำให้เขาพูดความคิดที่แท้จริงในใจออกมาอย่างไม่ ลังเล
บริศ ตะลึงเล็กน้อย ภายในแววตาของคุณพจน์เขาเห็นถึง ความหงุดหงิดและไม่ยินยอมอยู่นิดหน่อย แต่ทว่าความผ่อน คลายเล็กน้อยก็ตามมาติดๆ
ใจของเขาราวกับกำลังกลิ้งอยู่ในคลื่นที่โหมซัดสาด แต่บน ใบหน้ากลับพูดขึ้นอย่างไร้ความรู้สึก “ฉันไม่ต้องการคนใน ครอบครัวสําหรับฉันมีแต่การทำร้ายและคิดร้าย ฉันต้องการแค่ ภรรยาของฉันก็พอแล้ว”
คำพูดที่เย็นชาไร้หัวใจนี้ กลับทำให้บุณพจน์เกิดความเห็นใจ ขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ความสัมพันธ์ทางสายเลือดเป็นสิ่งที่นายอยากได้ก็ต้องได้
ไม่อยากได้ก็ไม่เอาได้งั้นเหรอ? ฉันเป็นพี่ของนาย นี่พระเจ้า
กำหนดมาแล้ว ฉันจะบอกให้นะ อย่าดื้อดึงจนเกินไป มีบางเรื่อง
ที่นายคนเดียวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ธนเดชก็ไม่ได้ง่ายดาย
อย่างที่นายคิด แม้ในหลายปีนี้ถ้ามองจากภายนอกตระกูลนาค
ชำนานจะหลุดพ้นจากการชักจูงของธนเดชแล้ว แต่โดนส่วนตัว
ยังมีคนของตระกูลนาคชำนานอีกไม่น้อยเลยที่ติดต่อกับเขาอยู่
นายคนเดียวจะต่อสู้กับคนเป็นกลุ่มงั้นเหรอ? เรื่องของคริชณะต้องมีคนจัดการอยู่แล้ว นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ยังระแวงเรื่อง ของตนเองเยอะไม่พออีกหรือไง?”
ได้ยินบุญพจน์พูดเรื่องพวกนี้ บุริศร์ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ ว่ากลับไม่ยอมรับความหวังดีจากเขา
“เรื่องนี้ฉันต้องยุ่ง”
“บุริศร์ นายมันลาหัวดื้อ
บุณพจน์โมโหจนหงุดหงิดแล้ว
เขาเดินวนไปวนมาสองรอบแล้วพูดขึ้น “ฉันส่งเกวลินไปให้วิน เซนต์แล้วยังไม่พออีกเหรอ? นายรออยู่ที่สหภาพQTอย่างว่าง่าย ไม่ได้หรือไง?”
“ไม่ได้”
คำพูดของบุริศร์ทำให้บุณพจน์โมโหจนจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ
“นายๆๆๆ……
“ฉันๆๆๆ! เรื่องของฉันนายไม่ต้องกังวลหรอก ตอนนี้ให้คน ของนายออกไป แล้วปล่อยภรรยากับลูกสาวฉันเข้ามา
บริศ เลียนแบบการพูดของคุณพจน์ ทำให้สีหน้าของบุณพจน์ แย่ขึ้นมาทันที
กิจจาเม้มปากอยากจะหัวเราะ แต่กลับกลั้นเอาไว้
บุณพจน์พูดด้วยความโมโห “เล่นไม่รู้เรื่อง นายรอดูเถอะ รอ นายโดนยิงตายไม่รู้ตัว แล้วฉันจะเก็บศพให้นายเอง จะช่วยฝังนายอยู่เป็นเพื่อนข้างๆตรินท์ด้วย
“ขอบคุณ!”
บริศ กล่าวขอบคุณด้วยท่าที่จริงจัง
บุณพจน์ไม่รู้จริงๆว่าตนเองจะยังพูดอะไรได้อีก
กิจจากกลั้นไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมาพูดขึ้น “คุณลุง ถ้า หม่ามีกับน้องสาวผมยังไม่เข้ามาอีกจะเป็นห่วงได้นะครับ”
เสียงเรียกคุณลุงนี้ทำให้บุณพจน์สบายใจ
“ยังคงเป็นลูกชายของตนท์ที่น่าเอ็นดูสินะ ก็ได้ วันนี้เห็นแก่ หลานคนโตของฉัน ฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนาย
บุณพจน์ทำสัญญาณมือ มือปืนซุ่มยิงที่ซ่อนอยู่บนที่สูงจึงหลบ ออกไป
ด้านกมลกับนรมนรู้สึกได้ว่าช่วงเวลาอันตรายผ่านพ้นไปแล้ว
จึงรีบลุกขึ้น วิ่งมาหาบุริศร์อย่างรวดเร็ว
ส่วนบริศที่สีหน้าเย็นชาห่างเหินตอนที่เห็นภรรยากับลูกสาวก็ อ่อนโยนขึ้นเยอะเลย แต่น้ำเสียงกลับเย็นยะเยือก “นายก็ไป เถอะ ตอนกลางวันพวกฉันไม่ชวนนายกินข้าวนะ คิดว่านายคงจะ ไม่คุ้นเคยอาหารของพวกฉันหรอก”
คำพูดนี้ทำให้บุณพจน์อยากจะลงไม้ลงมือขึ้นมาเลยจริงๆ เขารู้สึกว่าวันนี้สมองของตนเองมีปัญหาแน่ๆ ไม่งั้นทำไมถึง
อยากจะสนิทสนมกับบุริศร์ขึ้นมาล่ะ?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ