บทที่ 1251 คุณยังจะเอาหน้าอีกไหม
นรมนูพูดไม่ออกว่าตอนนี้รู้สึกยังไง รู้สึกแต่เพียงไม่มีทาง เข้าใจการกระทําของวินเซนต์ได้เลย แต่ว่าคนเราทุกคนต่างก็มี ทางเลือกเป็นของตัวเอง และถ้าวินเซนต์สามารถยอมปล่อยวาง ความหลงใหลต่อทรรศยาไปได้ บางทีอาจจะเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง ก็ได้
พอคิดถึงตรงนี้ จิตใจของนรมนก็ผ่อนคลายลงเยอะ
“ถ้างั้นตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดี? ยังต้องเข้าไปอีกไหมคะ?”
“ช่างเถอะ ให้เวลาส่วนตัวกับพวกเขาหน่อยดีกว่า”
บุริศร์จูงมือของนรมนเอาไว้ แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไปจาก โรงพยาบาล
ที่ด้านนอกแสงแดดจัดกำลังส่องลงมาจากเบื้องบน อารมณ์ ของนรมนก็ผ่อนคลายลงเยอะแล้ว เหมือนกับอยู่ ๆ หมอกควัน ในใจก็สลายไป ทําให้คนรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
“อยากจะไปช้อปปิ้งไหม?”
บริศ เห็นท่าทางนรมนเหมือนกับจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก
นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “ยังไม่รู้เลย ว่ากานต์เป็นยังไงบ้าง พวกเรากลับไปดูกานต์ก่อนดีกว่า “เจ้าเด็กนั่นไม่เป็นไรหรอก แค่ต้องพักฟื้นสักช่วงหนึ่ง กลับไป
ก็ได้แต่นั่งจ้องตากัน หรือไม่ผมพาคุณไปซื้ออะไรอร่อยกินหน่อย ดีกว่า? หรือว่าจะไปซื้อเสื้อผ้าสักหน่อย? หลายวันมานี้คุณก็ อารมณ์ไม่ค่อยดี เขาว่ากันว่าตอนที่ผู้หญิงอารมณ์ไม่ดีถ้าได้ช้อป ช้อป ช้อปก็จะดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ?”
คำพูดของบริศทำให้นรมนรู้สึกว่าเล็กน้อย
นี่ถ้ากานต์มาได้ยินว่าพ่อตัวเองรังเกียจตัวเองเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะ เสียใจขนาดไหน
“คุณ อยู่ ๆ ก็รู้จักมาเอาใจสาวแล้ว หรือว่ามีสถานการณ์
อะไรอยู่ข้างนอกหรือเปล่าคะ?”
นรมนถามขึ้นอย่างล้อเล่น
บุริศร์พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ผมไม่มีอะไรทั้งนั้น ก็แค่ อยากจะให้ภรรยาดีใจก็เท่านั้น แล้วอีกอย่าง เพิ่งทำให้คุณโกรธ มาเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอ? ก็ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษละกัน”
นรมนนึกถึงการถกเถียงกันของทั้งสองคน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะ พูดขึ้นว่า “การลงมือทำไปคนเดียวนั้นเป็นเพราะว่าฉันคิดไม่ ถี่ถ้วนเอง มันก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดของคุณซะทั้งหมด เป็น เพราะว่าฉันมั่นใจในตัวเองมากเกินไป ฉันคิดแต่เป็นห่วงความ รู้สึกของคุณ แต่กลับไม่ได้คิดให้รอบคอบและวางแผนระบบ ความปลอดภัยให้ดี หนำซ้ำยังผลักคุณออกไปคนเดียวอีก เป็น เพราะว่าฉันเห็นแก่ตัวมากเกินไปเอง”
พอได้ยินภรรยาพูดแบบนี้ บุริศร์ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “อย่าพูด แบบนี้ ความตั้งใจแรกของคุณก็เพราะหวังดีต่อผม ผมรู้ว่า ตอน นี้ผมเป็นคนอารมณ์ร้อนคนหนึ่ง คุณอย่าถือสาผมเลยนะ ตอนนั้น ผมเองก็โมโหขึ้นมา พออารมณ์ร้อนปากก็เลยไม่ตรงกับใจ คุณ ยกโทษให้ผมเถอะนะดีไหม? หรือว่าวันนี้จะให้การ์ดคุณใบหนึ่ง คุณเอาไปรูด ให้ระเบิดไปเลย ถือซะว่าเป็นการไถ่โทษจากผมละ กัน?”
นรมนหัวเราะขึ้นมาทันทีเลย
“การ์ดของคุณ? รูด ให้ระเบิดไปเลยเหรอ? คุณแน่ใจเหรอคะ ว่าจะสามารถรูด ให้ระเบิดได้?”
บุริศร์เกาหัวอย่างเขินอายเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “หรือว่าเดี๋ยว ผมไปทำการ์ดทวงเงินน้อยหน่อยมา ใบหนึ่ง?”
“หลงตัวเอง”
นรมนจ้องเขาอย่างหมั่นไส้ไปที่หนึ่ง จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออก ไปข้างนอก
ในเมื่อประธานบริศร์มีเวลาว่างและอารมณ์ดีเช่นนี้ งั้นเธอก็ไป เดินดูสักหน่อยดีกว่า อย่างน้อยพวกเขาก็ออกมาท่องเที่ยวกัน ไม่ใช่เหรอ?
บริศ เห็นว่านรมนอารมณ์ดีแล้ว จึงได้เดินตามหลังไป
เขาเอามือไปประสานกับมือของนรมนอย่างอัตโนมัติ ความ รู้สึกแบบนี้มันดีจริง ๆ เลย
ต่อไปถ้าไม่มีอะไรก็อย่าทะเลาะกับนรมนเลยดีกว่า ความรู้สึก หวานแหววแบบนี้ไม่ดีเหรอ? ทำไมเขาจะต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วย? แผงขายของที่ไกล ๆ มีร้านขายลูกชิ้นอยู่
นรมนไม่ได้กินของกินเล่นแบบนี้มานานแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะ
รู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
“พวกเราไปกินลูกชิ้นกันดีไหม?”
เธอเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้บริศร์
บริศร์รู้สึกมึนงงอยู่บ้าง
“นั่นมันคืออะไร?”
“ของกินเลิศรส ในโลกมนุษย์ ไปกันเถอะ!
นรมนรู้ว่าบุริศร์จะต้องไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อนแน่ จึงรีบ ดึงมือของเขาแล้วก็ลากไปเลย
“เถ้าแก่ เอาลูกชิ้นสิบบาทค่ะ
นรมนดีใจอย่างกับเป็นเด็กคนหนึ่ง
บุริศร์รู้สึกเหมือนกับว่าได้เห็นนรมน ในสมัยเรียนมหาลัย
ในเวลานั้นเธออ่อนเยาว์สวยงาม สดใสร่าเริง เหมือนอย่างกับ ตอนนี้เลย
บริศ อดไม่ได้ที่จะจ้องมองอย่างหลงใหลขึ้นมา
ในตอนที่กลิ่นหอมลอยผ่านจากตัวไปนั้น บุริศร์ถึงพบว่าเจ้า ลูกชิ้นที่ว่านั้นมันเป็นของทอด แต่ว่าสีของน้ำมันที่ทอดนั้นทำให้ คนไม่กล้าที่จะชื่นชมเลย
หัวคิ้วของเขาอดไม่ได้ที่จะขมวดขึ้น
“นี่มันคือน้ำมันอะไร?”
คำพูดของบุริศร์ทำให้เถ้าแก่อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “น้ำมันถั่วลิสง”
“ไม่ใช่แน่ กลิ่นแบบนี้ต้องไม่ใช่น้ำมันถั่วลิสงแน่
บริศ ยังอยากจะพูดอะไรต่ออีก ก็รู้สึกว่าแขนเสื้อของตัวเอง โดนดึงขึ้นมาทีหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นของนรมนถลึงตาใส่เขาที่หนึ่ง ทำให้บริศร์รู้สึกหดหูขึ้นมาเล็กน้อย
ของอย่างนี้กินไม่ได้ น้ำมันไม่ปลอดภัย ใครจะไปรู้ว่าใช่ น้ำมันทอดซ้ำหรือเปล่า”
น้ำเสียงของบุรีศร์ไม่ได้ดังมาก จึงทำให้นรมนได้ยินคนเดียว พอดี เขาไม่กลัวว่าเถ้าแก่ได้ยินเข้าหรอก แต่ที่สำคัญคือช่วงนี้ยัง มีพวกเสนาธิการอะไรนั่นอยู่ที่นี่ด้วย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วรู้ถึงหู พวกเขาเข้า ความหวังจะมาเดินเล่นสักหน่อยของตัวเองและคร มนก็จะต้องยกเลิกแล้ว
นรมนรู้สึกหมดคำพูดอยู่เล็กน้อย
“คุณหุบปากไปเลย”
“ที่รัก น้ำมันนี้มัน……..
“ถ้ายังพูดอีกคืนนี้จะไม่ให้คุณขึ้นเตียงแล้วนะ”
คำพูดของนรมนนี้นั้นเต็มไปด้วยพลังสั่นสะเทือนเต็มเปี่ยม จึง ทําบุริศร์หุบปากไปทันที
ล้อเล่น กลางคืนจะนอนตรงไหนถือเป็นปัญหาใหญ่เลยนะ มันสำคัญกว่าน้ำมันทอดซ้ำอะไรนี่เยอะเลย
แต่เอาไว้พอทอดเสร็จแล้ว เขาไม่ให้นรมนกินก็พอแล้ว
เหมือนกับว่าดูความคิดในใจของบริศร์ออก นรมนจึงรีบพูด ขึ้นว่า “วันนี้ถ้าคุณไม่ให้ฉันกิน งั้นคุณก็อย่าเข้ามาในห้องนอน ฉันสักสิบวันหรือครึ่งเดือนไปเลย”
ไหล่ของบริศร์ ตกลงมาทันทีเลย
“ที่รัก คุณคงจะไม่ใช่แล้วมั้ง? ไอ้ของอันนี้มันอร่อยขนาดนี้เลย เหรอ? ถ้าเกิดว่าน้ำมันไม่สะอาดละ มันจะไม่ดีต่อสุขภาพนะ
“ขอร้องละ พวกเราก็แค่บังเอิญกินครั้งสองครั้ง ไม่ทำให้ตาย หรอก แล้วอีกอย่างพวกอาหารแปรรูปก็ไม่ใช่ของดีอะไร ตอนที่ คุณเห็นกมลกิน ก็ไม่เห็นคุณจะว่าอะไรกมลเลย?”
นรมนรู้สึกหมดคำพูดอยู่บ้าง
เธอไม่ได้กินทุกวันสักหน่อย แค่นาน ๆ กินครั้งหนึ่ง แล้วอีก อย่างใครกันที่บอกให้เธอไปซื้อได้ตามใจชอบเลย?
นี่แค่เริ่มต้นเองก็บ่นอุบอิบแล้ว นรมนรู้ว่าเขาเป็นแบบนี้เพราะว่าคำนึงถึงสุขภาพของตัวเอง แต่ว่าตอนนี้ข้างนอกไม่ได้ถือสากันมากขนาด นี้แล้ว แล้วอีกอย่างเมื่อเธอก็ได้ดูแล้ว ว่าร้านเล็ก ๆ ร้านนี้ได้ รับคําชื่นชมจากโซเชี่ยลมากพอสมควรด้วย
บริศ รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย
“กมลมันไม่เหมือนกัน”
“มีอะไรไม่เหมือนกัน? เธอเป็นคนรักตัวเล็กของคุณ เธอทำ อะไรก็ถูก ฉันเป็นเมียคุณ ทำอะไรก็ผิดไปหมดใช่ไหม? ยังไงก็ เมียคุณไม่หอมหวานเท่าคนรักอยู่แล้ว”
คําพูดของนรมนูพูดตอกกลับจนบุริศร์ไม่กล้าอะไรสักคำเลย
ถ้าพูดอีกก็ผิดอีก
กว่าจะหยอกล้อจนภรรยามีรอยยิ้มขึ้นมาได้หน่อยหนึ่ง เพื่อลูก ชิ้นอันนี้เขาไม่อยากทำให้ความสุขในตอนกลางคืนของตัวเอง สูญสลายไปหรอก
แล้วในเวลานี้เถ้าแก่ก็ทอดลูกชิ้นเสร็จพอดี แล้วยื่นมาให้พวก เขา แล้วก็เสียบไม้จิ้มมาให้อีกสองอัน
“อันนี้เอาไว้ทําอะไร?
บริศร์ถามขึ้นอย่างไม่อาย นรมนแย่งไปอย่างท่าทางรังเกียจ
เธอเอาไม้จิ้มมาจิ้มลูกชิ้นขึ้นมาลูกหนึ่งแล้วก็ยื่นไปตรงหน้าบุรี ศร์ จากนั้นก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “อ้าปาก
“จะต้องกินจริง ๆ เหรอ?”
หัวคิ้วของบุริศร์ขมวดกันแน่นจนจะสามารถหนีบแมลงวัน ตายตัวหนึ่งได้แล้ว
ของที่น้ำมันทอดซ้ำที่แย่ขนาดนั้นทอดออกมา ทำไมนรมนถึง ได้ชื่นชมขนาดนั้น และชอบขนาดนั้นด้วย?
จะกินหรือไม่กินดีนะ?
ในใจของบุริศร์มีความลังเลอยู่บ้าง
นรมนจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น ใบหน้ายิ้มแฉ่ง แต่ว่าในแววตา เต็มไปด้วยแววข่มขู่
มีปฏิกิริยาแบบว่านายลองไม่กินดูซิ
บุริศร์กลืนน้ำลงคอไปทีหนึ่ง
ช่างเถอะ ช่างเถอะ กินก็กิน ตายก็ตายเถอะ ไม่แน่ลูกชิ้นทอด อันนี้อาจจะไปฆ่าหนอนพิษทองคำที่อยู่ในตัวก็ได้ พอคิดไปแบบนี้ บุริศร์ก็อ้าปากออกอย่างกับว่าเห็นความตายเป็นเรื่องปกติ
ในตอนที่ลูกชิ้นถูกเคี้ยวอยู่ในปากนั้น รสชาตินั้นก็ทำให้บริศร์ อึ้งไปเลยทันที
“เป็นยังไงบ้าง? อร่อยใช่ไหมล่ะ?”
หัวคิ้วของนรมน โค้ง ๆ หัวเราะได้อย่างมีความสุขมาก บุริศร์รีบพยักหน้าขึ้น จากนั้นก็หยิบไม้จิ้มที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมา แล้วลงมือกินเองเลย
“นี่ คุณเหลือให้ฉันหน่อยซิ บุริศร์ คุณอย่ากินหมดนะ
นรมนเห็นว่าชายหนุ่มหน้าไม่อายเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะร้อนใจ ขึ้นมา
ทั้งสองคนเป็นอย่างกับเด็ก และอย่างรวดเร็วก็เริ่มแย่งกัน กลางถนนขึ้นมา เสียงหัวเราะกันอย่างมีความสุขแผ่ไปยังรอบ ข้าง ทำให้มีผู้คนสนใจขึ้นมาไม่น้อย แต่ว่าพวกเขากลับไม่สนใจ สําหรับพวกเขาแล้ว อยู่กับปัจจุบัน มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขถึง จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
แล้วอย่างรวดเร็วลูกชิ้นก็ใกล้จะหมดลง พอเห็นว่าเหลือแค่ชิ้น เดียว อยู่ ๆ บุริศร์ก็แย่งแล้ววิ่งหนีไปเลย
“คุณ ไม่อายบ้างหรือไง? นี่มันเป็นของที่ฉันซื้อนะ!” นรมนรู้สึกว่านี่มันรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้ว
บุรีศร์เห็นว่าตัวเองร่างกายสูงใหญ่ ก็เลยวิ่งไปอย่างเร็ว เธอจะ ไม่เพิ่มความเร็วในการวิ่งตามไปไม่ได้เลย
“มาซิ มาซิ วิ่งตามผมทันผมก็จะให้คุณ
บริศร์หันหน้ากลับมายิ้มแล้วก็พูดขึ้น
นรมนรู้สึกอย่างกับว่าได้เห็นรุ่นพี่ในสมัยเรียนมหาลัย แต่ว่าก็ มีความไม่เหมือนอยู่บ้าง
ตอนที่เรียนมหาลัยนั้นเขาเป็นคนที่เงียบขรึม ดูห่างเหิน เหมือนอย่างกับเทพบุตรที่เข้าใกล้ได้ยาก ได้แต่มองดูอยู่ไกล ๆ แต่เข้าไปสัมผัสไม่ได้
แต่วันนี้ชายหนุ่มได้กลายเป็นสามีของเธอแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็น
ชาอยู่บ้างแต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนและความอบอุ่น
“เก่งจริงคุณอย่าหนี้นะ”
นรมนก้าวเท้าวิ่งตามขึ้นมาทันที
ทั้งสองคนเหมือนอย่างกับเด็กวิ่งไล่กันกลางถนนไป
บริศ ยังไงก็ยังรักษาระยะห่างเอาไว้ หลอกล้อ ให้นรมนออก กําลังกายไป
ทั้งสองคนวิ่งเล่นกันไปพักหนึ่ง รถJeepคันหนึ่งก็วิ่งเลี้ยวมา จากถนนข้าง ๆ มา
สีหน้าของนรมนดูไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อยทันที
นี่มันป้ายทะเบียนรถที่ทหารใช้
นรมนนึกขึ้นมาได้ว่ายังมีเสนาธิการเขมทัตอะไรนั่นอยู่ใน หมู่บ้านนี้ด้วย แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
เธอได้แปลงโฉมรูปลักษณ์ภายนอกไปบ้างแล้ว แต่ว่าบุริศร์ กลับไม่ได้ทํา
ในเมื่อเขาเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง และไม่ชอบแต่งหน้าเป็น
อย่างมาก ถ้าเกิดทั้งสองคนพบเจอกันเข้าจะทำยังไงล่ะ
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ฝีเท้าของบุริศร์ก็ค่อย ๆ ผ่อน ความเร็วลง เห็นได้ชัดว่า บุริศร์เองก็เห็นรถคันนั้นเข้าแล้ว และ สีหน้าก็มีการเปลี่ยนแปลงแล้วด้วย
นรมนเดินไปอย่างรวดเร็ว และจับมือบุริศร์ไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ ขึ้นว่า “ตามฉันมา”
ด้านข้างมีศูนย์การค้าอยู่แห่งหนึ่ง ขอแค่ทั้งสองคนเข้าศูนย์การค้าไป ถ้าอีกฝ่ายอยากจะหาพวกเขาให้เจอก คงต้องใช้แรงหน่อยแล้ว ในเมื่อคนในศูนย์การค้าค่อนข้างเยอะ
บริศ เองก็ไม่อยากจะมีการขัดแย้งอะไรกับพวกเขา จึงรีบก้ม
หน้าลงทันที
ใจของนรมนเต้นตุ๊บ ๆ รู้สึกเหมือนกับว่าจะเต้นขึ้นมามาถึงลูก กระเดือกแล้ว มือของเธอก็มีแต่เหงื่อเต็มไปหมด
อยู่กับบริศมาหลายปีนี้ คลื่นลมแรงก็เจอมาไม่น้อย ตอนนี้จะ พยายามยืนหยัดต่อไปก็ยังไหวอยู่
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในศูนย์การค้าเหมือนอย่างกับเป็นสามี ภรรยาทั่วไป
รถJeepขับผ่านพวกเขาไป
ใจของนรมนก็ยังคงแกว่งอยู่ ในขณะที่รถสวนทางไปนั้น เธอก็
อดไม่ได้ที่จะโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
บุริศร์กลับรักษาอาการได้อย่างดีตลอด ท่าทางสงบนิ่งมาก
นรมนรู้สึกว่ายังห่างไกลกับความสงบนิ่งของบุริศร์เป็นอย่าง มาก ดูท่าจะต้องฝึกฝนอีกหน่อยแล้ว
ในขณะที่ทั้งสองคนโล่งอกไปเปลาะหนึ่งนั้น ตอนกำลังจะก้าวไปในศูนย์การค้า อยู่ รถJeepหยุดลง กระจกรถโดนคนลงด้วย และ
สองคนข้างหน้า หยุดก่อน
นรมนและไปข้างหน้าต่อไป แต่ว่ายังไงฝีเท้าก็เพิ่มความเร็วขึ้นแล้ว
หยุดนะถ้ายังไม่หยุดอีกฉันแล้วนะ”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ