บทที่ 1222 บุริศร์ คุณใจร้าย
ธเนศพลอึ้งนิดหนึ่ง แล้วหัวเราะออกมา “บุริศร์ นายเห็นฉัน เป็นศัตรูแล้วหรือ”
“ตอนนี้ฉันไม่รู้ใครคือเพื่อนบ้าง
คำพูดของบุริศร์ทำให้ธเนศพลเปลี่ยนท่าที
เขาเลิกพูดสบายๆ เปลี่ยนมาพูดจริงจังทีละคำ “คุณท่านคิด อะไรก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ฉันกับนายเป็นเพื่อนที่แลกได้ด้วย ชีวิต ไม่ว่านายจะตัดสินใจอย่างไร ไม่ว่า คุณท่านจะคิดยังไง ฉัน จะต้องช่วยนายจนถึงที่สุดแน่นอน
ในที่สุดบุริศร์ก็โล่งใจ
“คุณชายธเนศพล ขอบใจมาก
“มิตรภาพ”
ธเนศพลพูดจบก็วางสาย
บริศร์รู้สึกตื่นเต้น
ผลแบบนี้ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อ แต่ก็รู้สึกวางใจด้วย อย่าง น้อยเขาก็ไม่ใช่เป็นนักโทษหลบหนีจริงๆ คนนั้นยังเชื่อใจเขา แค่ เรื่องนี้ก็พอให้เขาโล่งใจได้ ถ้าหากเป็นศัตรูกับพวกเขาล่ะก็ แม้ว่าเขายังมีโอกาสจะชนะ แต่ไม่แน่จะทำให้ลูกเมียไม่มา เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้
ตอนนี้ในที่สุดก็โล่งใจได้ พาลูกเมียเที่ยวให้สนุก
บุริศรสูบบุหรี่อีกมวน แล้วกลับไปที่ห้องอนเซ็น เห็นนมนนอน
ฟุบหลับสนิทที่มุมหนึ่ง ก็ชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มออกมา
เมียคนนี้ชอบทรมานตัวเองจริงๆ
บุริศร์เดินเข้าไป อุ้มนรมนขึ้นมาจากสระอนเซ็น แล้วหยิบผ้า ขนหนูมาห่อตัว อุ้มนรมนเข้าไปในห้องพักผ่อนข้างใน อนเซ็นปรับปรุงเตียงในห้องพักผ่อน เอนนอนแล้วรู้สึกอบอุ่น
บุริศร์ไม่ได้คลายผ้าเช็ดตัวออก ห่อตัวบรมนนอนหลับอย่าง นั้น
ขณะนอนฝันไปเหมือนมีหญิงสาวอ่อนโยนลูบหัวของเขา ยิ้ม แย้มเหมือนดอกไม้ผลิบาน
เธอพูด “ลูก แม่หวังว่าต่อไปลูกจะเข้มแข็งมากพอ แม้ว่าจะ ต้องแบกภาระมากมาย แต่แม่เชื่อ ลูกจะต้องทำให้ตัวเองมีความ สุขหน่อย ชีวิตคนเราสั้นนัก แม่ให้ความสุขลูกไม่ได้ ลูกต้องไขว่ คว้าเอง ขอโทษด้วย ลูกชาย ขอโทษจริงๆ แต่แม่ไม่อาจทำได้ อย่างที่ต้องการ”
เสียงของหญิงสาวแผ่วเบามาก เหมือนกำลังพึมพำ
บริศ อยากจะมองเห็นหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดแต่ทำอย่างไรก็ ไม่สำเร็จ หมอกหนาห่อหุ้มไว้ ทำให้รู้สึกเสียใจ แต่เสียงนั้นช่าง คุ้นหู เหมือนเสียงของป้าโอมาก
ป้าโอหรือ
บริศ รู้สึกเย็นวาบ
เขาลืมตาทันที มองดูรอบๆ ห้องส่วนตัว แวบหนึ่งไม่รู้ตัวเอง อยู่ที่ไหน
มือถือของบุริศรปิดเสียงอยู่ ตอนนี้มันกำลังสั่น
บริศ กลัวจะรบกวนนรมนพักผ่อน หยิบมือถือเดินออกไปข้าง
นอก
“มีอะไรอีก”
เสียงของบุริศร์ไม่ค่อยดี แฝงด้วยความหงุดหงิดไม่ปรานี
วินเซนต์อึ้งนิดหนึ่ง พูดขึ้น “ผลชันสูตรของพรรษาออกมาแล้ว ครับ”
บุริศร์ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง
พูดตามจริง พรรษาตายยังไงเขาไม่สนใจสักนิด แต่ยังมีเจตต์
ด้วย
เมื่อดูห้องพักผ่อนข้างหลัง รู้ว่านรมนแคร์คนนี้ ก็อดถอน หายใจไม่ได้ “ผลเป็นยังไง
“พรรษากินยาพิษฆ่าตัวตาย เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าสงสัย แต่ แพทย์นิติเวชตรวจพบสารพิษอื่นในร่างกายเขา และยังสะสมใน ร่างกายมานาน ต่อให้เขาไม่ฆ่าตัวตาย ก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน ถึง ตอนนั้นคงจะทุกข์ทรมานน่าเวทนามากกว่าตายตอนนี้หลายร้อยหลายพันเท่า พรรษาน่าจะรู้เรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เจตต์รู้ว่าเขาเคยถูก วางยาพิษถึงได้ฆ่าตัวตาย”
คำพูดของวินเซนต์ทำให้บริศ ขมวดคิ้ว
“ถูกวางยานานแค่ไหนแล้ว
“ยี่สิบกว่าปีแล้วครับ หมอนิติเวชบอกว่าถ้าจะพูดให้แม่นยำ ยี่สิบเจ็ดปี
ดวงตาของบุริศร์อึ้งไป
“ปีนี้เจตต์อายุเท่าไหร่”
“ยี่สิบเจ็ดครับ”
ชัดเจนมาก วินเซนต์ก็คิดถึงเรื่องนี้
มุมปากของบริศ มีรอยยิ้มร้ายนิดๆ พูดเรื่อยๆ อย่างนี้ก็พูด ได้ว่าตั้งแต่เจตต์เกิด พรรษาก็ถูกวางยาแล้วสินะ”
“ใช่ครับ คนที่วางยาไม่ใช่ธัญญา แต่เป็นเทย่า”
รอยยิ้มของบริศ มีความเย็นชาด้วย
“เหี้ยมจริงๆ ต่อให้เธอไม่รักพรรษา ต่อให้พรรษาเป็นผู้ชายที่ เธอเลือกจะปิดบังมาตลอด แต่ในเมื่อเป็นสามีภรรยากัน และยัง เลี้ยงดูลูกด้วยกัน ทำไมถึงลงมือได้ลงคอ พรรษาคงจะรู้เรื่องนี้ตั้ง แต่เจตต์เกิดได้ขวบหนึ่ง หรือบางทีเทย่าไม่ได้ปิดบังเขา พรรษา ถึงได้นอกใจ ไปหาธัญญาอย่างนั้นหรือ
บุริศร์พูดแต่ละคำ สายตายิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
ผู้หญิงอย่างนี้ทำไมถึงอยากอยู่ในโลกนี้
ในเมื่อไม่อยากมีความรัก ในเมื่อไม่เต็มใจอยากมีลูก ทําไม ถึงสร้างชีวิตหนึ่งขึ้นมาง่ายๆ อย่างนี้ พวกเธอรู้มั้ย อะไรเรียกว่าแม่ อะไรเรียกว่าความเป็นมนุษย์
น่าแปลก บุริศร์รู้สึกโกรธมาก
เมื่อก่อนไม่ถูกชะตากับเจตต์ เพราะผู้ชายคนนี้เอาแต่คิดถึง เมียตัวเอง แต่ตอนนี้นึกถึงชาติกำเนิดของเจตต์กับตัวเอง ต่างไม่ ได้เกิดมาเพราะความรักของพ่อแม่ ก็อดไม่ได้ที่จะเห็นอกเห็นใจ เจตต์มากขึ้น
คนอย่างพวกเขา ไม่ถูกคาดหวังให้เกิดมา เติบโตขึ้นตาม แผนการ น่าสงสารมากไม่ใช่หรือ
“เจตต์ไปตรวจร่างกายแล้วยัง”
วินเซนต์อึ้งไป เขาไม่ได้นึกถึงคำถามนี้มาก่อน
“ไม่ใช่ให้สืบสาเหตุการตายของพรรษาหรือ ทำไมเกี่ยวกับ เจตต์ด้วยล่ะ”
บุริศร์กลับพูดเสียงเย็น “เทย่าทำไมถึงไปหาพรรษาเพื่อปิดบัง เพราะพรรษาเป็นคนที่ควบคุมง่ายที่สุดในบรรดาทุกคนที่มาจีบ และเพราะพรรษารักเทย่าในตอนนั้นมากที่สุด เทย่าถึงได้ แต่งงานกับเขา แต่เมื่อเธอวางยาให้พรรษาได้ ใครจะรับประกัน ว่าผู้หญิง ใจดำอย่างนั้นจะไม่ลงมือกับลูกชายตัวเอง ในเมื่อ หลายปีมานี้ เธอเสแสร้งแกล้งทำเพื่อหาประโยชน์จากเจตต์ไม่ใช่หรือ”
“ไม่หรอก ไม่มั้ง ถึงอย่างไรเทย่าก็เป็นแม่ของเจตต์ วางยา พรรษายังพอเข้าใจ แต่วางยาลูกชายตัวเอง เหลือเชื่อเกินไปหรือ เปล่า”
วินเซนต์ไม่แน่ใจแต่กลับทำให้บริศร์ยิ้มเย็นที่มุมปาก
“ผู้หญิงแบบนั้นมีเรื่องอะไรทำไม่ได้ เพื่อกิจการยิ่งใหญ่ของ พ่อ ให้เธอไปตายก็ยอม จิตใจของผู้หญิงคนนี้วิปริต คุณท่านตน วรดีกับเธอ เธอก็ไม่รับความหวังดี คิมดีกับเธอ เธอก็ไม่ดีตอบ ในใจเธอมีแต่พ่อเลวระยำนั่น แม้แต่กับ คุณหญิงธยาดายังมี ความแค้น”
พูดถึงตรงนี้ บุริศร์พลันอึ้งไป
“วินเซนต์ นายให้คนไปสืบตอนนั้นคุณหญิงธยาดาตายยังไง มีประวัติเจ็บป่วยมั้ย
“นายกําลังสงสัยอะไร เทย่าเลวยังไง ก็ไม่น่าถึงกับมาตุฆาต หรือเปล่า”
“กับผู้หญิงคนนี้ ฉันไม่มองโลกในแง่ดีแบบนี้”
คำพูดของบุริศร์ทำให้วินเซนต์อึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนที่จะพูดขึ้น “ได้ ฉันจะให้เจตต์ไปตรวจร่างกาย ส่วนเรื่องคุณหญิงธยาดาฉัน ก็จะไปสืบด้วย สองวันนี้ถ้านายไม่มีเรื่องอะไร นายก็อยู่บนเขาละ กัน ดูเหมือนเสนาธิการตฤณไปอยู่นั่นแล้ว”
“อืม รู้แล้ว”
บริศ วางสายแล้วส่ายหัว
เสนาธิการตฤณนั่นทําอะไรชอบออกหน้า ชอบเป็นคนแรกที่ได้
รับเครดิต ช่างน่าขันจริงๆ
บริศ วางมือถือข้างๆ รู้สึกเริ่มหิวแล้ว
เขาหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวม แล้วเดินออกไป
กมลกับกานต์เล่นเหนื่อยแล้ว ไปนอนหลับพักผ่อนแล้ว ตอนที่บริศ เดินไปดูเห็นกานต์กับกิจจาให้กมลนอนตรงกลาง กําลังหลับสนิท
ใบหน้าเด็กๆ มีรอยยิ้ม ตอนนี้พวกเขาท่าทางเหมือนอย่างที่ เด็กอายุห้าขวบควรเป็น
บริศร์ไปโซนอาหาร
“ประธานบริศร์ ท่านต้องการรับประทานอาหารหรือคะ”
พนักงานรีบกุลีกุจอเข้ามาต้อนรับ
“ไม่รีบ มีอะไรอร่อยบ้าง
บุริศร์เดินเข้าไป ดูอาหารแล้ว พูดเสียงเบา “เพิ่มโจ๊กข้าวฟ่าง หน่อย”
โจ๊กข้าวฟ่างดีกับกระเพาะ
นรมนสุขภาพไม่ค่อยดี กินพวกนี้มากหน่อยก็ดี
โจ๊กข้าวฟ่างต้มเสร็จแล้ว บุรีศรียกไปที่ห้องพักผ่อน นรมนยังหลับอยู่
อนเซ็นทำให้เธอเปล่งปลั่งเป็นสีชมพูอ่อนทั้งตัว ใบหน้าแดง เรื่อ ดูสวยมาก
คนเหมือนลูกท้อปรากฏขึ้นในหัวบุริศร์ตอนนี้ เขาเดินเข้าไป วางอาหารลง
แล้วเอียงตัวจูบนรมน ความรู้สึกหายใจไม่ออกทำให้นอนไม่ค่อยเต็มใจตื่น เมื่อ เห็นใบหน้าของบุริศร์ในระยะใกล้ก็อึ้งนิดหนึ่ง จากนั้นก็ขยับตัว ทันที
“บุริศร์ ฉันเหนื่อยมาก! พวกเราพักรบดีมั้ย พักรบ!
นรมนร้องอ้อนวอน
ผู้ชายคนนี้เหมือนหมาป่า รับมือไม่ไหว
เห็นสายตาเคืองของภรรยา ทันใดนั้น บุริศร์ก็ยิ้มออกมา
“คิดอะไรอยู่ ผมแค่มาเรียกคุณกินข้าว
ถูกเขาพูดอย่างนี้ นรมนค่อยเห็นอาหารที่วางอยู่ข้างๆ ทันใด นั้นท้องก็ร้องจ๊อกๆ ทำให้เธอเก้อเขินไม่น้อย
“จะเรียกก็เรียกสิ ทำไมต้องจูบด้วย
เสียงนรมนไม่ดังมาก แต่ให้บุริศร์ได้ยินชัดเจน
เขาลูบผมนรมน ยิ้มพราย “ผมเรียกแล้ว แต่คุณหลับลึกมากผมก็เลยต้องใช้วิธีนี้
พูดเสียน่าสงสาร แต่นรมนไม่อยากเชื่อ
“ถ้าไม่เป็นเพราะคุณ ฉันจะเหนื่อยขนาดนี้มั้ย ตกลงกันแล้วจะ มาเที่ยว แต่คุณมีความสุขคนเดียว คิดจะให้ฉันเหนื่อยตาย บุรี ศร์ คุณใจร้าย”
นรมนบ่นน้อยใจ ปากดูแล้วมันเขี้ยวอยากจะจูบอีกสักทีจริงๆ
บริศ คิดอย่างนี้ ก็ทําอย่างนี้ จูบเร่าร้อนอีกครั้งทำให้นรมน แทบหายใจไม่ได้
เธอไม่มีแม้แต่แรงจะตอบโต้ เหมือนหิมะละลายในอ้อมกอด ของบุริศร์
แต่บุริศร์สงสารนรมน ไม่ว่าอย่างไร ผู้หญิงคนนี้เหนื่อยมาก
แล้ว
“กินข้าวเถอะ กินอิ่มแล้วพาคุณกับเด็กๆ ไปเที่ยวกัน
“ที่นี่ยังมีที่ไหนน่าเที่ยวหรือคะ”
นรมนแปลกใจ
“รีบกินเถอะ”
ยากที่จะได้เห็นบุริศร์อุบไว้ไม่ยอมบอกแบบนี้
สองคนถึงค่อยเริ่มกินข้าว
นรมนไม่เคยรู้ว่าตัวเองกินเก่งอย่างนี้ หลังจากกินของอร่อยหลายอย่าง ขณะที่คิดอยากจะกินเค้กก็ถูกบุริศร์ห้ามไว้
“ทําไมล่ะ”
นรมนหงุดหงิด
บริศ ยิ้มออกมา “กินมากเกินไปไม่ดีกับร่างกาย อย่ากินเลย นโมนขมวดคิ้ว “ตัวเองกินอิ่มแล้ว ตัวสบายแล้ว แต่ไม่ให้ฉันที่ เป็นคนออกแรงบำรุงกำลัง คนใจร้ายชัดๆ” ท่าทางกระเป๋ากระงอดทําเอาบริศ พูดไม่ออก ทำไมตอนนี้ในสายตาเมียเขากลายเป็นคนใจร้ายไปได้
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ