บทที่ 1169 ฉันไม่ใช่คนโปรด
“เกิดอะไรขึ้น?”
เจตต์กอดขวัญตาไว้โดยทันที กลัวว่าขวัญตาจะหล่นลงไป
สีหน้าขวัญตาดูไม่ค่อยดีนัก
“หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วหรือเปล่า?”
เธอไม่ค่อยสบายใจ เธอรู้สึกตลอดว่างานวันนี้ไม่น่าจะราบรื่น ขนาดนี้ ตั้งแต่ที่พ่อเธอโดนคนจับไปห้องเก็บไวน์ใต้ดินเธอก็เริ่ม รู้สึกเช่นนี้แล้ว
คนขับรู้สึกลำบากใจที่จะพูด “คุณชายเจตต์ มีคนมาขวางทาง รถครับ”
“ใคร?”
เจตต์ลดกระจกรถลง ก็มองเห็นป้องยืนยิ้มตาหยีอยู่ตรงนั้น ตอนที่เขามองเห็นเจตต์ก็พูดพลางยิ้ม “คุณชายเจตต์ เปลี่ยนรถ เถอะ”
เขามองไปทางข้างๆ เห็นป้องขับรถมาอีกคันที่เหมือนกับรถ แต่งงานของเขาเป๊ะเลย
เจตต์คิดหนักอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมพูดกับขวัญตาเบาๆ “พวกเรา เปลี่ยนรถกันเถอะ เผื่อไว้ก่อนเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น”
“โอเคค่ะ”
ขวัญตาไม่ได้ปฏิเสธ
ตอนเธอจะลงจากรถแต่ยังไม่ทันได้ลง เจตต์ก็อุ้มเธอขึ้นทันที
“มีคนบอกฉันว่าถ้าเจ้าสาวยังไม่ได้เข้าเรือนหอ เท้าห้ามแตะ พื้นเด็ดขาด ฉันจะอุ้มเธอเอง”
หัวใจของขวัญตานั้นรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที “ฉันไม่ได้ถือเรื่องนี้ขนาดนั้นซะหน่อย”
“อย่าเลย วันนี้เป็นวันแต่งงานเราควรทำตามประเพณี
เจตต์พูดกับขวัญตาขณะอุ้มเธอลงจากรถ
ป้องเปิดประตูรถรอแล้ว พร้อมยิ้ม “วันนี้ผมจะเป็นคนขับรถให้ พวกคุณเอง เป็นไง?”
“ลำบากคุณชายป้องซะแล้ว”
เจตต์ยิ้มด้วยความซาบซึ้งขอบคุณ
ป้องพูดกับเจตต์ “แยกจากขบวนรถ พวกเราต้องออกไป เดี่ยวๆ หลังจากนั้นก็จะไปรวมตัวกันอีกทีที่ฝังคุณท่านตนวร
ขวัญตาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจอะไรๆ ได้ทันที
“ได้ค่ะ”
เธอตอบแทนเจตต์
น่าจะเป็นนรมนและบริศร์ที่ใช้ความสนิทกันนี้ ถึงขนาดส่งป้องออกมาเลย
พวกเขาสามาหารถที่รถที่เหมือนกันได้หนึ่งคัน แน่นอนว่าคือ กลัวจะมีคนมาปล้นรถแต่งงานระหว่างทาง
ป้องพบว่าขวัญตานั้นรู้สถานการณ์เช่นนี้แล้ว อดที่จะยิ้มไม่ได้ “คุณชายเจตต์ ช่างโชคดีจริงๆ นะเนี่ย”
“อื้อ ขอบคุณสําหรับค่าชม”
วันนี้เจตต์ยังไม่หยุดยิ้มเลย
เขาดีใจจริงๆ
ป้องคือคนที่เคยผ่านมาก่อน เขาจึงไม่ได้ตลกคุณชายเจตต์ เพียงแต่พูดเตือนด้วยความหวังดี “เย็นวันนี้พวกเราจะมีพิธีปลุก ห้องเจ้าสาว ทางที่ดีคุณควรเตรียมใจไว้ให้พร้อมล่ะ”
“จะแกล้งกันจริงๆ เหรอ?”
เจตต์ยังคงคิดว่าบุริศร์แค่พูดเล่น
“ใช่น่ะสิ นี่คุณยังคิดว่าเป็นเรื่องหลอกเล่นอีกเหรอ? ไม่ต้อง คิดแล้ว ในชีวิตหนึ่งก็ครั้งเดียวนี่แหละที่สามารถแกล้งกันได้ อย่างตามสบาย”
ป้องพูดจบก็ขับรถแยกออกมาเลย
เจตต์กุมมือขวัญตาไว้ตลอดทั้งทาง รู้สึกว่าในใจนั้นเปี่ยมไป ด้วยความสุขอย่างเกินคาด
เมื่อใกล้ถึงบ้านของคุณท่านตนุวร โทรศัพท์ของป้องก็ดังขึ้น เขากําลังขับรถ จึงกดเป็นแฮนด์ฟรีแทน
“ฮัลโหล ฉันป้อง
“คุณชายป้อง เกิดเหตุอย่างที่คาดการณ์ไว้จริงๆ รถแต่งงาน ของคุณชายเจตต์ระเบิดแล้ว”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ขวัญตาก็เหงื่อออกเย็นไปทั้งตัว สีหน้า ของเจตต์นั้นก็ดูไม่ค่อยดีนัก
“คนของกล้าณรงค์เหรอ?”
“น่าจะใช่ครับ”
“รู้แล้วๆ อีกห้านาทีพวกเราจะไปถึง เตรียมรวมตัว
“ครับ”
หลังจากที่ป้องวางสาย ก็ยิ้มแล้วพูด “ไม่เป็นไร พวกเรา เตรียมการไว้หมดแล้ว”
สีหน้าของเจตต์ยังคงดูไม่ดีเช่นเดิม
ในชีวิตนี้แต่งงานเพียงแค่ครั้งเดียว เขาหวังอยากให้งานวันนี้ เป็นที่น่าจดจำที่สุดสำหรับขวัญตา แต่ตอนนี้ถูกกล้าณรงค์ ก่อกวนวุ่นวายไปหมด เขาอยากฆ่าคนซะจริงๆ เลย
“เมื่อถึงตระกูลพรโสภณจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดอีกใช่ไหม?
“ก็ไม่แน่นะ”
ป้องขับรถไปอย่างรวดเร็ว
ขวัญตารู้ว่าเจตต์นั้นโมโหเล็กน้อย จึงรีบพูด “วันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญของพวกเรา เรื่องอื่นๆ ยกให้นมนกับบุรีศรจัดการ เถอะค่ะ”
“อือ”
สําหรับพวกเขาสองคน เจตต์ยังคงไว้วางใจ
รถนั้นเข้าไปรวมกลุ่มกับขบวนรถอย่างรวดเร็ว
แขกนั้นนั่งอยู่เต็มบ้านตระกูลพรโสภณ คุณท่านตนวรรออยู่ ข้างหน้านั้นกับโตหิน ตอนที่เขามองเห็นรถแต่งงานปรากฏขึ้น ความเป็นห่วงและความกังวลในใจก็เบาลงได้แล้ว
“ดี ดีจริงๆ ”
ใบหน้าของคุณท่านตนวรปรากฏรอยยิ้มออกมา
โตษินก็พูดด้วยเสียงเบา “เจ้าของบ้าน เข้าไปได้แล้ว ตาม ประเพณีคุณไม่สามารถออกมารอข้างนอกได้นะ”
“ไปไปไป เข้าไป เข้าไป
คุณท่านตนวรเดินกลับเข้าไปด้วยความดีใจ
แขกทุกคนที่มางานกำลังจดจอรอดูพิธีงานแต่งงาน เมื่อถึงเวลานี้ กล้าณรงค์ที่อยู่ประเทศก็ได้รับสายโทรศัพท์ จากลูกน้อง
“พี่กล้าณรงค์ ฉันขอโทษ ภารกิจล้มเหลวแล้ว บุริศร์เจ้าเลห์ มาก พวกมันเปลี่ยนรถระหว่างทางทั้งเจตต์และขวัญตาถึงบ้าน ตระกูลพรโสภณอย่างปลอดภัย”
“แกมันขยะ!”
เสียงของกล้าณรงค์เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ทำให้ปลายสาย นั้นตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้
เขาขว้างโทรศัพท์ในมือทิ้งไป ทั้งตัวดูมีดหมอง ทุกคนรอบตัว นั้นก้าวถอยออกไปโดยอัตโนมัติเพราะกลัวจะโดนทําร้าย
โสธรมองดูกล้าณรงค์ที่กำลังโกรธ พร้อมก้าวไปข้างหน้าหยิบ โทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเช็คดูก่อนสักพัก เห็นว่ายังใช้ได้จึงยื่นส่ง คืนให้กล้าณรงค์
กล้าณรงค์มองไปที่อุดม ดวงตาคู่นั้นมีความบังคับกดขี่เล็ก น้อย
“ดูเหมือนว่านายจะไม่กลัวที่ฉันโกรธเลยสักนิด”
“ทําไมฉันต้องกลัวนายโกรธด้วย?”
โสธรถามนิ่งๆ ไม่ได้ยินดียินร้าย เหมือนราวกับว่าเป็นหุ่น
ยนต์
ตั้งแต่ที่กล้าณรงค์ช่วยเขาออกมาจากที่โรงพยาบาล โสธร ติดตามเขามา นิสัยก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว
“มีอยังเจ็บอยู่ไหม?”
กล้าณรงค์มองไปที่มือของโสธรโดยอัตโนมัติ
เอ็นที่มือโสธรโดนนรมนตัดขาดไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะถูกช่วย ได้ทันเวลา เส้นเอ็นประสานกันแล้ว แต่ก็ยังทิ้งอาก อาการเรื้อรังไว้อยู่วันไหนที่ฟ้าครึ้มฝนตกอาการเจ็บจะทวีคูณยิ่งขึ้น
มีครั้งหนึ่งที่กล้าณรงค์เห็นโสธรเจ็บจนเป็นลมล้มไป เขาจึงเตรียมยาแก้ปวดไว้ให้โสธร แต่ดูเหมือนโสธรจะไม่เคย
กินมาก่อน เขาบอกว่าเขาต้องการที่จะจดจำความเจ็บปวดนี้ไว้ ให้ขึ้นใจว่าใครคือคนที่ให้แผลนี้มา
เวลานั้นกล้าณรงณ์รู้สึกว่าโสธรและตัวเขานั้นเป็นคนเหมือน
กัน
โสธรได้ยินกล้าณรงค์ถามเช่นนั้น ก็ส่ายหัว “พอไหว”
“เลิกฝันได้แล้ว ถ้าเจ็บจริงๆ ก็กินยาแก้ปวดบ้าง กินนิดเดียว ไม่ติดเป็นนิสัยหรอก”
“รู้แล้ว”
“โสธรพูดนิ่งๆ จากนั้นก็กำลังจะหนีไป แต่กล้าณรงค์ก็พูดดัก
ไว้ก่อน
“นายใช้เวลาตามนรมนมาก็นานแล้ว รู้หรือยังว่าเธอมีจุดอ่อน อะไร?”
โสธรขมวดคิดเล็กน้อย พร้อมพูดนิ่งๆ “จุดอ่อนของเธอไม่ใช่ บริศร์หรอกเหรอ?”
“บางทีอาจจะมีคนอื่นอีก
รอยยิ้มของกล้าณรงค์นั้นแฝงไปด้วยความชั่วร้าย
โสธรยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก
“คุณหมายถึงใคร?”
“ไม่ได้หมายถึงใครหรอก นายก็พักต่อไปเถอะ
กล้าณรงค์โบกมือ เป็นการบอกว่าไม่มีอะไรจะคุยกับโสธรอีก ต่อไป
ในใจโสธรนั้นเกิดความสงสัยเล็กน้อย แต่ตอนนี้องค์ชายสาม ยังอยู่ที่อยู่ เขาไม่สามารถส่งข่าวไปให้ราเชนได้ และยิ่งไม่ สามารถปล่อยให้เรื่องความลับของนรมนแพร่งพรายออกไป จะ ทำยังไงดีนะ?
เขากลับไปที่ห้องอย่างมีเรื่องหนักใจ
จะไม่พูดก็ไม่ได้ กล้าณรงค์ก็ค่อนข้างจะดีกับเขา แต่น่า เสียดายที่เขาไม่ได้ตั้งใจอะไร
ตอนที่โสธรกำลังคิดว่าจะส่งข่าวของนรมนออกไปยังไงนั้น
ระเบียงทางเดินด้านนอกนั้นจู่ๆ เสียงองค์ชายสามก็ดังขึ้นมา
“กล้าณรงค์ แม่ง แกรีบคิดวิธีมาให้ฉันสิ! ไอ้ราเชนนั่นน่า รําคาญฉิบหาย! ฉันอยากจะฆ่ามัน!!
โสธรขมวดคิ้วแน่นอีกรอบ
การปะทะระหว่างราเชนกับองค์ชายสามทศพลตอนนี้สู้กันเข้า ขั้นรุนแรงแล้ว เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าทางด้านราเชนนั้นยั่วยุอะไรจน ทำให้ทศพล โมโหเช่นนี้
กล้าณรงค์รีบชักมือออกทันที พร้อมยิ้มแล้วพูด “เป็นอะไรอีกแล้วล่ะ? เทียบราเซนกับคุณแล้ว ก็ไม่มีส่วนดีอะไรเทียบได้เลย”
“แกไม่ต้องพูดแล้ว แกรู้ไหม? ไอ้เลวราเช่นนั้น นึกไม่ถึงว่ามัน จะไปบอกเสด็จพ่อว่าจะขอลูกสาวของเสนาบดี แกก็รู้ว่า เสนาบดีมีอิทธิพลมากขนาดไหน ในประเทศของเรา ถ้าเกิดว่า เสด็จพ่อตอบตกลงจริงๆ ถึงเวลานั้นไอ้ราเชนคงได้รับความช่วย เหลือจากเสนาบดีแน่ๆ พวกเราก็จะซวยแน่ แม่ง ถ้ารู้เร็วกว่านี้ ฉันคงไม่รีบแต่งงานหรอก”
ทศพลยิ่งคิดยิ่งโกรธ
ไอ้ราเชนนี้ไม่ใช่ว่าชอบผู้ชายหรอกเหรอ?
ทำไมถึงไปสู่ขอลูกสาวของเสนาบดี
เมื่อคิดได้ดังนี้ ทศพลก็ได้ยินกล้าณรงค์หัวเราะพร้อมกับพูด “ข่าวอื้อฉาวที่ราเซนชอบผู้ชายยังไม่ได้ถูกแพร่งพรายออกไป หา คนให้นำข่าวฉาวระหว่างราเชนกับซินดี้ออกไปเผยแพร่ซะ ถึง เวลานั้นไม่ต้องพูดถึงเสนาบดีหรอก แม้แต่พระราชาก็คงไม่ ยอมรับเรื่องการแต่งงานนี้
“จริงด้วยสิ ทำไมฉันคิดไม่ถึงเลยนะ หรือว่าคุณฉลาด” ทศพลตบกล้าณรงเบาๆ จากนั้นก็ยิ้มกริ่มเดินจากไป กล้าณรงค์เห็นเขาเดินออกไปแล้วจึงก้มหน้า
โง่!
คงจะดีมากถ้าหากให้เขาและราเชนต่อสู้กันจนพังไปทั้งคู่
เขายิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา
หลังจากที่โสธรรู้เรื่องของพวกเขา ก็รีบออกมาจากประตูไป จากนั้นก็ใช้วิธีที่ใช้ติดต่อสื่อสารกับราเชนประจำเพื่อส่งข่าวสาร ให้ราเชนรู้
ตอนที่ราเชนได้รับรู้ข่าวเขาก็โกรธจนแทบบ้า พวกคนกลุ่มนี้ต่อให้ต้องฆ่าคนก็ยอมใช่ไหม? ซินดี้ถูกใครฆ่ากันแน่?
พวกนี้มันคิดกันไม่ได้บ้างเหรอ?
โสธรยังส่งข่าวอื่นๆ มาให้เขาอีก ดูแล้วน่าจะเกี่ยวกับเรื่อง ของนรมน ราเชนคิ้วขมวดแน่น พร้อมกดโทรศัพท์โทรหานรมน โดย
อัตโนมัติ
ทางด้านนรมนนั้นก็กำลังเข้าร่วมงานพิธีแต่งงานของเจตต์อยู่ เมื่ออยู่ที่บ้านของคุณท่านตนวรแล้ว กล้าณรงค์คงคิดที่จะทำ อะไรไม่ได้แล้ว
ขณะที่เธอกำลังดูพิธีกรถามเจตต์และขวัญตาเกี่ยวกับเส้นทาง เรื่องราวความรักอย่างเพลิดเพลินอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ ดงขน
พอมองดูก็เห็นว่าเป็นราเชนที่โทรมา
นรมนชะงักไปนิดหน่อย จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์เดินไปที่ห้องประชุมใหญ่
“พี เป็นอะไรไป?”
นรมนยังคงพูดด้วยอารมณ์มีความสุขกับงานแต่งอยู่ ราเชนพูดด้วยน้ำเสียงอิจฉาเล็กน้อย “วันนี้เจตต์แต่งงาน?”
“ก็ใช่น่ะสิ น่าเสียดายที่พี่มาไม่ได้
คำพูดนรมนนั้นแทงใจเล็กน้อย
“น่าจะมีโอกาสนะ”
ราเชนพูดไปยิ้มไป
ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์กับนรมน เป็นเวลาที่เขารู้สึกผ่อนคลาย ที่สุด ถึงอย่างไรในใจเขา นรมนก็คือญาติพี่น้องคนเดียวบนโลก นี้ของเขา
ถึงแม้นรมนจะบอกเขาว่าพ่อแม่ของเขายังมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็ ไม่กล้าที่จะออกตามหา เพราะกลัวจะไปรบกวนแผนการชีวิตของ พ่อกับแม่
หรือจะพูดได้ว่า คนที่ทำให้เขารู้สึกว่าเขายังมีครอบครัวก็มี เพียงนรมนเท่านั้น
นรมนฟังออกว่าน้ำเสียงของราเชนนั้นดูผ่อนคลาย จึงยิ้มถาม “ที่พี่โทรมาหาฉันคงไม่ใช่เพื่อจะคุยกับฉันเพียงไม่กี่คำหรอกใช่ ไหม?”
“อือ จะว่าใช่ก็ใช่ คนของบ้านเธอนั้นเพิ่งส่งข่าวมาให้ฉัน บอกว่ากล้าณรงค์จะลงมือกับคนใกล้ตัวเธอ ให้เธอระวังไว้ด้วย ตอน นี้ถ้าไม่มีอะไรก็อย่าเพิ่งให้ลูกๆ ออกไปข้างนอก น่าจะ หมายความว่าเช่นนี้แหละ ยังไงก็น่าจะไม่ผิดคาดมาก”
คำพูดของราเชนทำให้ใจของนรมนเหมือนถูกตอกย้ำขึ้นมา
“กล้าณรงค์จะลงมือกับลูกของฉันเหรอ?”
“อาจจะเป็นไปได้ ตอนนี้มันบ้าไปแล้ว แล้วมันก็จ้องเธออยู่ ตลอดนะ ฉันก็ไม่ค่อยสบายใจ ทำไมเขาถึงโกรธแค้นเธอขนาด นั้นล่ะ? หรือเป็นเพราะแพรวา แต่ถึงกับไม่ต้องการตำแหน่งใน ประเทศFแล้ว? เป็นศัตรูกับเธอนี่เป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเลย ทั้ง ยังจะดึงดันอีก ทำให้ฉันคิดว่าเรื่องราวมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น บางทีตระกูลโตเล็กกับตัวเธอนั้นอาจจะยังมีอะไรที่เขาต้องการ อีกก็ได้”
คำพูดของราเชนทำให้นรมนรู้สึกเล็กน้อย
“พี่ ฉันไม่ใช่คนที่น่าดึงดูดอะไร พี่อย่าคิดเรื่องอะไรที่มันซับ ซ้อนวุ่นวายขนาดนั้น โอเคไหม?”
“ซับซ้อนหน่อยก็ดี คิดเยอะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ หลังจากนี้ ก็ระวังไว้หน่อยละกัน ฉันจะวางสายแล้ว”
พูดจบราเชนก็ตัดสายไป
นรมนคิดตามคำพูดของราเชน ในใจก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่
ลูกเหรอ?
กานต์อยู่ที่โรงพยาบาลทหาร กมลอยู่ที่บ้านของคริชณะ มี เพียงกิจจาที่อยู่กับพวกเขา
หรือว่าเป้าหมายต่อไปของกล้าณรงค์คือกิจจา
ทันใดนั้นนรมนเหงื่อออกเย็นไปทั้งตัว แล้วก็คิดได้ทันทีว่า เหมือนกับเธอจะไม่เห็นกิจจามาสักพักแล้ว
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ